JJNY : ‘ศิริกัญญา’ แจงหากยังดัน‘ดิจิทัลวอลเล็ต’│เชื่อ‘แก้ปาร์ตี้ลิสต์’ มีมูล│ไทยรั้งเทียร์ 2 ค้ามนุษย์│ปธน.ไต้หวันแซะจีน

‘ศิริกัญญา’ แจงยื่นศาลเป็นทางเลือกสุดท้าย หากยังดัน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ไม่เข้าใจทำไมรัฐบาลยอมเสี่ยงขนาดนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4646819

 
 
“ศิริกัญญา” แจงกลไกยื่นศาลจะเป็นทางเลือกสุดท้าย หากยังดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” ยันเห็นช่องใช้ “ศาลปกครอง” ได้ แต่ต้องให้กระบวนการสำเร็จถึงวาระสาม ชี้ งบ 67 วงเงินทำนโยบายเรือธง ไม่ได้ทำสัญญาผูกพัน หวั่น ให้ประชาชนลงทะเบียนแล้วนับเป็นสัญญาจะกลายเป็นบรรทัดฐาน ไม่เข้าใจ “รัฐบาล” ทำไมยอมเสี่ยงขนาดนี้ รับ “บวชชี” แน่ ถ้า ศก.โตเฉลี่ยไม่ถึง 5% ในอายุขัย รบ.
 
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน  นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงการไม่รับตำแหน่งในกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ครั้งแรกที่เราไม่รับตำแหน่งเพราะกินเวลานานมาก เพียงเพื่อจัดลำดับตำแหน่งให้ทุกคนลงตัวตามที่ทุกคนอยากได้ อย่างรองประธานก็มี 10 กว่าท่าน โฆษกอีก 5-6 ท่าน
 
“มันวุ่นวาย เราก็เลยตัดปัญหาตรงที่ว่าคุณไปใช้เวลาของคุณให้เต็มที่ แต่พรรคก้าวไกลก็จะไม่รับตำแหน่ง อันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว และเราก็เลยพบว่าการเป็นแค่กรรมาธิการไม่ได้ขัดขวางกระบวนการทำงานในห้องงบประมาณแต่อย่างใด จึงยึดเป็นธรรมเนียมของพรรคก้าวไกล” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
 
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องการถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการงบประมาณได้มีการเสนอในที่ประชุมแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นอำนาจของประธาน ซึ่งประธานในที่ประชุมกำหนดว่าจะไม่ให้มีการถ่ายทอด แต่จะมีการถ่ายทอดออกไปที่หน้าห้องประชุม โดยอ้างว่าทำให้บุคคลที่สาม ข้าราชการที่มาตอบ ไม่ตอบในสิ่งที่ควรจะตอบ หรือไม่ระมัดระวังคำตอบก็อาจเกิดเป็นความผิดได้ ซึ่งคนทั่วไปหรือสื่อมวลชนสามารถไปชมการประชุมได้แต่ต้องอยู่ที่สภา โดยตนจะให้ทีมงานอัดคลิปเฉพาะตอนที่มีประเด็นไว้
 
เมื่อถามถึงกรณีให้สัมภาษณ์ว่าถ้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านวาระสาม จะไปยื่นศาล นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า วันนั้นตนไม่ได้พลาด แต่อาจจะพูดสั้นไปสักหน่อย ตอนอภิปรายงบประมาณก็มีพูดถึงเรื่องที่รัฐบาลสุ่มเสี่ยงที่จะผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตราต่างๆ หลังจากนั้นก็มีการเตือนข้าราชการประจำด้วยว่าถ้ากำลังทำอะไรผิดให้ส่งหนังสือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรมาถึงผู้บังคับบัญชา หลังจากนั้นก็วนอยู่ในหัวตลอดเวลาว่าถ้าจะทำต่อจริงๆ จะมีกลไกใดได้บ้าง หลังจากที่เราพยายามในสภาเสร็จสิ้นแล้ว กลไกของศาลอาจจะเป็นตัวเลือกหลังสุดที่เราจะเลือกที่จะทำ อย่างไรเราก็ต้องสู้สภาให้จบสิ้นก่อน โดยเท่าที่ไปศึกษาก็มีช่องทางที่จะไปที่ศาลปกครองได้ แต่ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยในพรรคให้ตกผลึก
 
มีช่องทางที่ไปได้จริงๆ แต่ต้องมีความผิดที่สำเร็จแล้ว ดังนั้น จึงต้องมีการออกกฎระเบียบหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ. ผ่านทั้งสามวาระแล้ว ดังนั้น ยังสุกดิบอยู่ เดี๋ยวต้องรอกระบวนการที่มันแล้วเสร็จก่อนถึงจะดำเนินการต่อได้ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะไปที่ศาลปกครองหรือไม่” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
 
เมื่อถามว่าหลักการยังเหมือนเดิมหรือไม่ ที่อำนาจออกกฏหมายอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ควรให้องค์กรอิสระ อย่างศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาแทรกแซง นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เหมือนเดิม ถ้าเป็นเรื่องนโยบาย เราจะไม่เข้าไปขัดขวาง โดยใช้กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน และแม้แต่ศาลปกครองถ้าเป็นเรื่องนโยบายเราก็ไม่ทำ เพียงแต่ว่ากระบวนการบางกระบวนการ ที่มันอาจจะผิด เราก็อาจจะต้องพิจารณาว่าจะต้องมีช่องทางไหนบ้าง มีกลไกไหนบ้างที่จะไป
 
เมื่อถามย้ำว่าหากกระบวนการผิด ก็ยังร้องศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า เราก็กังวลเรื่องที่มาของศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือความผิดที่ไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรงที่ส่งผลกระทบขนาดนั้น เราต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ว่าเราไม่เคยใช้ช่องทางศาลรัฐธรรมนูญ อย่างคดีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก็เป็นการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม เราด้วยความเหมาะสม หนักเบา ยังคงยึดในหลักการว่าเราจะไม่ยื่นในเรื่องนโยบาย
 
เมื่อถามว่าอีกฝั่งหนึ่งกล่าวว่าหากระงับยับยั้งดิจิทัลวอลเล็ต ประเทศจะมีความเสียหาย นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า งบประมาณ 2568 มีความสำคัญที่สุด หากจะระงับยับยั้งนอกเหนือจากกลไกที่ใช้ได้ในสภา ซึ่งเราก็จะได้ใช้กระบวนการในกรรมาธิการไปจนแล้วเสร็จ แต่งบประมาณ 2567 ซึ่งมีการของบเพิ่มเติมกลางปีด้วยการกู้เงินเพิ่มอีก 112,000 ล้านบาท ตรงนี้ไม่ได้กระทบกับใครเลยนอกจากดิจิทัลวอลเล็ต ก็เป็นอีก 1 แหล่งเงิน ถ้ารัฐบาลจะเดินหน้าก็หาแหล่งเงินอื่นได้โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงผิดกฎหมาย เราจึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่กระทบประชาชนแน่นอน
 
นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า งบประมาณ 2567 ที่จะใช้เป็นงบข้ามปี ซึ่งจะอนุมัติในงบปีงบประมาณ 2567 แต่จะขอไปใช้ในปี 2568 ซึ่งงบนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ให้หมดภายในปีเท่านั้น ตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง การจะใช้ข้ามปีได้ต้องก่อหนี้ผูกพันหรือทำสัญญาให้แล้วเสร็จ แต่ในกรณีดิจิทัลวอลเล็ต ไม่มีการทำสัญญา แต่มีการลงทะเบียน โดยนับการลงทะเบียนเป็นการผูกพันทำสัญญา ซึ่งมันก็สุ่มเสี่ยง ถ้ามีหน่วยงานที่ใช้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐาน แล้วบอกว่าถ้าอย่างนั้นโครงการยังไม่ได้ทำให้ประชาชนลงทะเบียนก่อน แล้วถือว่าผูกพันตามสัญญาแล้ว ขอไปใช้ในปีถัดไป แบบนี้จะเกิดความเสียหายได้ในอนาคต จะมีการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีในหลายหน่วย เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเทคนิค แต่ข้าราชการประจำก็ทราบดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
 
เป็นช่องทางที่เราเห็นว่า มันทำผิดตำตา เราก็ไม่อยากเห็นการกระทำที่มีความผิดกฎหมายแบบนี้ซึ่งผลที่เราอยากเห็นก็คืออยากแค่ยับยั้ง ไม่ใช่เป็นการเอาผิดหรือเป็นการล้มโครงการไปเลย รัฐบาลก็ยังเดินหน้าต่อไปได้โดยใช้แหล่งเงินอื่น” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
 
นางสาวศิริกัญญา กล่าวอีกว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นโครงการที่พรรคเพื่อไทยสัญญากับประชาชนไว้ อย่างไรก็คงต้องให้รัฐบาลทำตามที่สัญญา เราก็คอยดูว่าจะไม่มีกระบวนการไหนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นโยบายที่เขาอยากทำก็ต้องให้ทำไป ส่วนเราเห็นด้วยหรือไม่ก็แสดงความเห็นเขาได้อยู่แล้วทั้งในและนอกสภา และจะใช้กระบวนการในสภาให้ถึงที่สุดก่อน
 
มันเป็นไปด้วยเหตุผลเดียวจริงๆว่าต้องทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้สำเร็จเพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียอะไรไปมากกว่าในเรื่องของความนิยมความเชื่อใจและชื่อเสียงที่ทำมาในอดีตของรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย มันเลยกลายเป็นว่าต้องยอมแลกทุกอย่าง ทำให้เกิดความเสี่ยงในทุกด้านอย่างที่เห็น … ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องยอมทำทุกอย่างขนาดนี้เพื่อรักษาหน้าอย่างที่เห็น” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
 
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า รัฐบาลพยายามตัดรายจ่ายประจำบางอย่าง เช่น งบบำนาญ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะทะลุ 12-13% ปีต่อไปก็รับรองได้เลยว่าเงินชำระหนี้จะสูงขึ้น งบประมาณประจำปีไม่ต้องไปทำอย่างอื่นแล้วนอกจากชำระหนี้
 
นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวว่า เรื่องของการท้าให้ไปบวชชีหากดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสำเร็จว่า เป็นการท้าฝั่งเดียวของนายอดิศร เพียงเกษ อดีตประธานวิปรัฐบาล แต่เรื่อง GDP โต 5 % หากทำสำเร็จ ตนจะบวชจริง
 
เมื่อถามว่ามีกำหนดเวลาถึงปี 2570 หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา ย้อนว่า “หากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นทันตา หมดสงคราม ดิฉันก็ต้องอาจจะต้องบวชจริง เพื่อล้างซวยให้ประเทศ” ก่อนจะย้ำว่า GDP เฉลี่ย 4 ปีตามอายุไขรัฐบาล หากโต 5% จะบวชจริง


 
โฆษกไทยสร้างไทย เชื่อ ‘แก้ปาร์ตี้ลิสต์’ มีมูล แนะเศรษฐา รับคำท้า ‘คุณหญิงหน่อย’ ประกาศสัญญาประชาคม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4646699

โฆษกไทยสร้างไทย เชื่อ “แก้ปาร์ตี้ลิสต์” มีมูล เพราะหลังมีข่าว คนในพรรคเพื่อไทยตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถว เหมือนถูกจี้ใจดำ แนะเศรษฐา กล้ารับคำท้าคุณหญิงสุดารัตน์ สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ประกาศเป็น “สัญญาประชาคม” ไม่แก้รัฐธรรมนูญเพื่อโละ หรือลดปาร์ตี้ลิสต์ ป้องกันตระบัดสัตย์ซ้ำสอง เหมือนตอนตั้งรัฐบาล
 
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระแสข่าว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ลดลง เพื่อความได้เปรียบของบางพรรคการเมืองในการเลือกตั้งว่า ประชาชนเริ่มให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น และเริ่มเห็นเค้าลางว่าอาจมีมูลความจริง
เพราะหลังจากมีข่าวนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการตอบโต้มาจากพรรคเพื่อไทยอย่างเข้มข้นตั้งแต่หัวแถวคือนายกรัฐมนตรี ลงมาถึงระดับปลายแถว ดิ้นพล่านจนน่าสงสัย หากมั่นใจว่าไม่มีมูล ไม่มีการวางแผนเรื่องนี้จริง ก็ต้องกล้ารับคำท้าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
 
ประกาศเป็นสัญญาประชาคมออกมาเลยว่าจะไม่โละหรือลด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อย่าโยนว่าเป็นขบวนการของ ส.ส.ร. เพราะถึงวันนี้เพื่อไทย ยังไม่มีความชัดเจน หรือตกผลึกว่า ส.ส.ร.จะให้ประชาชนเลือกทั้งหมด หรือจะมีการแต่งตั้งบางส่วน ซึ่งทางพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีความชัดเจนว่าต้องการให้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด” โฆษกพรรคไทยสร้างไทยกล่าว
 
นายปริเยศกล่าวว่า เหตุที่ต้องเป็นสัญญาประชาคมเพราะพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงมีพฤติกรรมพูดอย่าง แต่พอเป็นรัฐบาลกลับทำอีกอย่าง
 
นายปริเยศกล่าวว่า ส่วนในกรณีที่นายภูมิธรรมชี้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่คุณหญิงสุดารัตน์ ออกจากพรรคแล้วจุดประเด็นขึ้นมาสร้างกระแสดิสเครดิตนั้น ตนไม่คิดเช่นนั้น ในทางกลับกัน นายภูมิธรรมพูดเรื่องนี้เป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งที่แล้วบอกว่า คุณหญิงสุดารัตน์เป็นเพียงแคนดิเดตนายกฯ นั้น อากัปกิริยาแบบนี้ต่างหากที่เรียกว่ายึดติด ตนอยากให้รัฐมนตรีมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ เพื่อจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากเรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงก็เพียงแค่รัฐบาลออกมาให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ ให้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ตนเองในการเลือกตั้ง ก็น่าจะดีกว่า ดีกว่ามาตระบัดสัตย์ซ้ำสอง
 
วันนี้อยากให้คนในพรรครัฐบาลตั้งสติ อย่าพยายามออกมาแสดงวาทกรรมโชว์โวหารแข่งกันสร้างผลงานให้ตัวเองเข้าตานายใหญ่ แค่ออกมาให้สัญญาประชาคมที่ชัดเจนก็แค่นั้น นอกเสียจากว่า รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังถูกดักทาง ถูกจี้ใจดำ และไม่อยากตระบัดสัตย์ซ้ำรอบสอง” โฆษกไทยสร้างไทยกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่