รสชาดการภาวนาเช่น ปิติสุข เอกคตา ตั้งมั่น สงบ สว่าง ว่างเป็นกำลังสมาธิ เป็นวิหารธรรม
ไม่เห็นแล้วทำไม ไม่รู้ได้มั้ย ตอบว่าไม่ได้
ปริยัติและปฏิบัติจึงต่างกัน ส่วนหนึ่งก็ตรงนี้ ตรงที่ไม่เห็น รสชาดการภาวนา
รสชาดการภาวนาเป็นตัวผู้รู้ ที่กลายมาเป็นตัวสติในขณะจิตต่อไป ให้ภาวนาต่อไปได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น ปราศจากนิวรณ์ รู้ว่าอะไรที่กำลังเกิดกับรูป เกิดกับนาม และเกิดกับตัวผู้รู้เอง รู้ความต่างของรูปนามของจิตขณะแรกและขณะหลังเป็นอย่างไร อันเป็นหลักในการภาวนา
การเห็นรสชาดภาวนา คือเห็นจิตในจิต รสชาดเป็นตัวสภาพจิตปัจจุบัน แล้วนักปริยัติจะมากล่าวหากันอีกมั้ยว่านี่มันเป็นคำแต่งขึ้นเอง
รสชาดการภาวนา
ไม่เห็นแล้วทำไม ไม่รู้ได้มั้ย ตอบว่าไม่ได้
ปริยัติและปฏิบัติจึงต่างกัน ส่วนหนึ่งก็ตรงนี้ ตรงที่ไม่เห็น รสชาดการภาวนา
รสชาดการภาวนาเป็นตัวผู้รู้ ที่กลายมาเป็นตัวสติในขณะจิตต่อไป ให้ภาวนาต่อไปได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น ปราศจากนิวรณ์ รู้ว่าอะไรที่กำลังเกิดกับรูป เกิดกับนาม และเกิดกับตัวผู้รู้เอง รู้ความต่างของรูปนามของจิตขณะแรกและขณะหลังเป็นอย่างไร อันเป็นหลักในการภาวนา
การเห็นรสชาดภาวนา คือเห็นจิตในจิต รสชาดเป็นตัวสภาพจิตปัจจุบัน แล้วนักปริยัติจะมากล่าวหากันอีกมั้ยว่านี่มันเป็นคำแต่งขึ้นเอง