วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ มะเร็ง รู้เร็วรักษาได้
มะเร็งเป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากเซลล์ ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม
ส่งผลให้เซลล์ มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ มากกว่าปกติ
ส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติลุกลามไปยังเนื้อเยื้อข้างเคียง หลอดเลือด และหลอดน้ำเหลือง
ในที่สุดจะทำให้เกิดการแพร่กระจาย ไปยังอวัยวะอื่น ๆ ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะเหล่านั้นผิดปกติ
แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
Carcinoma เป็น มะเร็งที่มีจุดกำเนิดจากเนื้อเยื่อบุอวัยวะ หรือ ผิวหนัง
Sarcoma เป็น มะเร็งที่มีจุดกำเนิดจากกระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน เส้นเลือด หรือ กล้ามเนื้อ
Leukemia เป็น มะเร็งที่มีกำเนิดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้มีความผิดปกติของเม็ดเลือด
Lymphoma and myeloma เป็นมะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน
Centrl mervous system cancers เป็น มะเร็งที่มีจุดกำเนิดจาดระบบสมอง และไขสันหลัง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็ง ที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ
เครื่องดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด
ปัจจัยจากพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
หรือเค็มจัด อาหารที่มีส่วนผสมดินประสิว และไหม้เกรียม
ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น ความผิดปกติของยีน และความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชาย
มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งช่องปาก
มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง
มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งรังไข่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมไทรอยด์
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในเด็ก
มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เนื้องอก/ มะเร็งสมอง
มะเร็งนิวโรบลาสโตมา/ Neuroblas Toma (มะเร็งของประสาทซิมพาทีติก)
อาการน่าสงสัยว่าเป็นมะเร็ง
ไม่มีอาการเฉพาะของโรคมะเร็ง แต่เป็นอาการเช่นเดียวกับการอักเสบของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
โดยที่แตกต่างคือ มักเป็นอาการที่แย่ลงเรื่อย ๆ และเรื้อรัง
ดังนั้นเมื่อมีอาการต่าง ๆ นานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ จึงควรรีบพบแพทย์
มีก้อนเนื้อโตเร็วหรือมีแผลเรื้อรัง ไม่หายภายใน 1 – 2 สัปดาห์หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องตัน
มีต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ มักจะแข็ง ไม่เจ็บ และโตขึ้นเรื่อย ๆ
ไฝ ปาน หูดที่โตเร็วผิดปกติหรือเป็นแผลแตก หายใจหรือมีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว (อาจออกทั้งสองข้างได้)
ไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือด มีเสมหะ น้ำลาย หรือเสลดปนเลือดบ่อย อาเจียนเป็นเลือด
ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือเป็นมูกเลือด ท้องผูกสลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือมีประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน
หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
มีไข้ต่ำ ๆ หาสาเหตุไม่ได้ มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้ ผอมลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดลงจากเดิม 10%
มีจ้ำห้อเลือดง่ายหรือมีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือแขน/ ขาอ่อนแรง หรือชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจร่วมกับแขน/ ขาอ่อนแรง
ระยะของมะเร็ง
ระยะโรคมะเร็ง คือ ตัวบอกความรุนแรงของโรค (การลุกลามและแพร่กระจาย)
บอกแนวทางการรักษา และแพทย์ใช้ในการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 – 4 ซึ่งทั้ง 4 ระยะ
อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็นอีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C) หรือ เป็น (1) หรือ (2)
เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง
เพราะเซลล์เพียงมีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกรานเข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อแผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่ลุกลาม
ระยะที่ 2 : ก้อนแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่ออวัยวะ
ระยะที่ 3 : ก้อนแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่ออวัยวะข้างเคียง
และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่ออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
ระยะที่ 4 : ก้อนแผลมะเร็งขนาดโตมาก หรือลุกลามเข้าเนื้อเยื่ออวัยวะข้างเคียง จนทะลุ
หรือเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้
มีหลากหลายต่อม แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต หลอดน้ำเหลืองกระแสน้ำเหลืองไปยังเนื้อเยื่ออวัยวะที่อยู่ไกลออกไป
เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องในช่องอกหรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
การป้องกันโรคมะเร็ง คนไข้ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใส กินผักผลไม้อย่างน้อย ครึ่งหนึ่งของมื้ออาหาร
กินอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก จำเจ เลือกทานอาหารที่ใหม่ สด สะอาด ปราศจากเชื้อรา
ไม่กินอาหารที่มีไขมันสูง อาหารปิ้งย่าง หรือทอดไหม้เกรียม อาหารหมักดองเค็ม และปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดดิบ ๆ
ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่มั่วเซ็กซ์ หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่อยู่กลางแดดนาน ๆ
ควรตรวจร่างกายเพื่อค้นหามะเร็ง ระยะเริ่มแรกเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง
การตรวจพบโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก การผ่าตัด การเอาก้อนที่เป็นมะเร็งออกไป
รังสีรักษา การให้รังสีกำลังสูงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง เคมีบำบัด การให้ยา (สารเคมี) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
ฮอร์โมนบำบัด การใช้ฮอร์โมนเพื่อยุติการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ปัจจุบันแพทย์สามารถรักษามะเร็งหลายชนิดให้หายได้ และทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีอัตราการรอดชีวิตที่ยาวนานมากขึ้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็งที่พบ เนื่องจากมะเร็งระยะเริ่มแรก
มีการตอบสนองต่อการรักษา และมีโอกาสหายขาด มากกว่าระยะลุกลาม
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=7MEEKEdK6DU
มะเร็ง รู้เร็วรักษาได้
มะเร็งเป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากเซลล์ ของร่างกายมีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม
ส่งผลให้เซลล์ มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนเซลล์ มากกว่าปกติ
ส่งผลให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติลุกลามไปยังเนื้อเยื้อข้างเคียง หลอดเลือด และหลอดน้ำเหลือง
ในที่สุดจะทำให้เกิดการแพร่กระจาย ไปยังอวัยวะอื่น ๆ ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะเหล่านั้นผิดปกติ
แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
Carcinoma เป็น มะเร็งที่มีจุดกำเนิดจากเนื้อเยื่อบุอวัยวะ หรือ ผิวหนัง
Sarcoma เป็น มะเร็งที่มีจุดกำเนิดจากกระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน เส้นเลือด หรือ กล้ามเนื้อ
Leukemia เป็น มะเร็งที่มีกำเนิดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้มีความผิดปกติของเม็ดเลือด
Lymphoma and myeloma เป็นมะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน
Centrl mervous system cancers เป็น มะเร็งที่มีจุดกำเนิดจาดระบบสมอง และไขสันหลัง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อมะเร็ง ที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ
เครื่องดื่ม ยารักษาโรค รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด
ปัจจัยจากพฤติกรรม เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
หรือเค็มจัด อาหารที่มีส่วนผสมดินประสิว และไหม้เกรียม
ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น ความผิดปกติของยีน และความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชาย
มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งช่องปาก
มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง
มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งรังไข่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมไทรอยด์
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งที่พบบ่อยในเด็ก
มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เนื้องอก/ มะเร็งสมอง
มะเร็งนิวโรบลาสโตมา/ Neuroblas Toma (มะเร็งของประสาทซิมพาทีติก)
อาการน่าสงสัยว่าเป็นมะเร็ง
ไม่มีอาการเฉพาะของโรคมะเร็ง แต่เป็นอาการเช่นเดียวกับการอักเสบของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
โดยที่แตกต่างคือ มักเป็นอาการที่แย่ลงเรื่อย ๆ และเรื้อรัง
ดังนั้นเมื่อมีอาการต่าง ๆ นานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ จึงควรรีบพบแพทย์
มีก้อนเนื้อโตเร็วหรือมีแผลเรื้อรัง ไม่หายภายใน 1 – 2 สัปดาห์หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องตัน
มีต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ มักจะแข็ง ไม่เจ็บ และโตขึ้นเรื่อย ๆ
ไฝ ปาน หูดที่โตเร็วผิดปกติหรือเป็นแผลแตก หายใจหรือมีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว (อาจออกทั้งสองข้างได้)
ไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือด มีเสมหะ น้ำลาย หรือเสลดปนเลือดบ่อย อาเจียนเป็นเลือด
ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือเป็นมูกเลือด ท้องผูกสลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือมีประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน
หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
มีไข้ต่ำ ๆ หาสาเหตุไม่ได้ มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้ ผอมลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดลงจากเดิม 10%
มีจ้ำห้อเลือดง่ายหรือมีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือแขน/ ขาอ่อนแรง หรือชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจร่วมกับแขน/ ขาอ่อนแรง
ระยะของมะเร็ง
ระยะโรคมะเร็ง คือ ตัวบอกความรุนแรงของโรค (การลุกลามและแพร่กระจาย)
บอกแนวทางการรักษา และแพทย์ใช้ในการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง
โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 – 4 ซึ่งทั้ง 4 ระยะ
อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็นอีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C) หรือ เป็น (1) หรือ (2)
เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง
เพราะเซลล์เพียงมีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกรานเข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง
ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อแผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่ลุกลาม
ระยะที่ 2 : ก้อนแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่ออวัยวะ
ระยะที่ 3 : ก้อนแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่ออวัยวะข้างเคียง
และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่ออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
ระยะที่ 4 : ก้อนแผลมะเร็งขนาดโตมาก หรือลุกลามเข้าเนื้อเยื่ออวัยวะข้างเคียง จนทะลุ
หรือเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้
มีหลากหลายต่อม แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต หลอดน้ำเหลืองกระแสน้ำเหลืองไปยังเนื้อเยื่ออวัยวะที่อยู่ไกลออกไป
เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องในช่องอกหรือต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
การป้องกันโรคมะเร็ง คนไข้ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใส กินผักผลไม้อย่างน้อย ครึ่งหนึ่งของมื้ออาหาร
กินอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก จำเจ เลือกทานอาหารที่ใหม่ สด สะอาด ปราศจากเชื้อรา
ไม่กินอาหารที่มีไขมันสูง อาหารปิ้งย่าง หรือทอดไหม้เกรียม อาหารหมักดองเค็ม และปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดดิบ ๆ
ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่มั่วเซ็กซ์ หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่อยู่กลางแดดนาน ๆ
ควรตรวจร่างกายเพื่อค้นหามะเร็ง ระยะเริ่มแรกเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้ง
การตรวจพบโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก การผ่าตัด การเอาก้อนที่เป็นมะเร็งออกไป
รังสีรักษา การให้รังสีกำลังสูงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง เคมีบำบัด การให้ยา (สารเคมี) เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
ฮอร์โมนบำบัด การใช้ฮอร์โมนเพื่อยุติการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ปัจจุบันแพทย์สามารถรักษามะเร็งหลายชนิดให้หายได้ และทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีอัตราการรอดชีวิตที่ยาวนานมากขึ้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็งที่พบ เนื่องจากมะเร็งระยะเริ่มแรก
มีการตอบสนองต่อการรักษา และมีโอกาสหายขาด มากกว่าระยะลุกลาม
ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=7MEEKEdK6DU