สวัสดีค่ะ เราชื่อ อ้อม นะค๊า
อยากจะมาแชร์ประสบการณ์เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกเลย เกริ่นก่อนเลย
เริ่มแรกเลยคือ เราติดไข้มาจากลูกชาย อาการปวดหัว ตัวร้อน ปวดตามตัวไปหมด แล้วช่วงนั้น ติดไข้ง่ายมาก ปกติจะเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง ไม่ติดหวัดง่ายๆ จนมาพักหลังๆ ติดหวัดง่ายมาก
แล้วก็มารู้ทีหลังจากรักษาหายแล้วว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ตอนนั้นไปซื้อยามากินตามอาการ เพราะคิดว่าเป็นไข้ธรรมดา จนหายดี แต่ก็ยังมีอาการไอ กับสเลด อยู่นะค๊า ที่รู้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะหลังจากที่เราหาย แม่ป่วย อาการเหมือนเราก่อนหน้าเลย แต่แม่เหมือนหายใจไม่ออก ไอหนักมากจนนอนไม่ได้เลย เลยไปซื้อยากินตามอาการ เผื่อ 2-3 วันจะดีขึ้น หลังจากกินยาไป 2-3 วัน ไข้ก็หาย แต่ยังไอ และหายใจไม่สะดวกอยู่เลยพาแม่ไปโรงพยาบาล ตรวจปอด ปรากฎว่าเชื้อลงปอด จากการตรวจเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยต้องแอดมินโรงพยาบาลแถวสมุทรปราการ 2 คืน ก็ดีขึ้น ขอหมอกลับบ้านอย่างเดียวเลย
หลังจากเราหายไข้ ก็เป็นหวัดอยู่บ่อยๆ เพราะอาจจะเป็นภูมิแพ้แต่เด็กด้วย เพิ่งจะเริ่มมีอาการลังจากหายไปนานมากๆๆ.
เราเป็นคนสั่งน้ำามูกแรง และหลังจากเป็นหวัดก็เจ็บคอมาตลอด ไอเป็นหายๆ ขาก สเลดก็มีเลือดปนมากับสเดล แต่เหมือนเป็นเลือดสีน้ำตาล ไม่ใช่เลือดสด เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ยังทำตัวเหมือนเดิมคือ กินของทอด ของมัน ไม่กินผัก ไม่ออกกำลังกาย อาบน้ำลูก 2 คน ป้อนข้าวลูก ซักผ้า ตากผ้า เสร็จ ถึงจะกินข้าวได้ก็เกือบเที่ยงๆ นอนดึก บางวันตี 2 บางวันตี 3 (เล่นเกม เล่นเฟส เพราะตอนลูกตื่น ทำอะไรไม่ได้เลย ซนมาก ผู้ชาย 4 ขวบ / ผู้ใหญิงขวบครึ่ง/หลาน 2 ขวบอีกคน เลยต้องเก็บกดไปเล่นดึกๆ😂😂)
จนมาวันนึงนั่งทาครีมที่หน้า ก็รู้สึกว่าเจ็บใต้กรามด้านซ้ายมาก พร้อมทั้งจับเจอก้อนใต้กราม เม็ดเล็กๆกลิ้งได้ แล้วก็ปวดมากๆๆ เลยมาหาข้อมมูลในเน็ต ว่าถ้าเจ็บไม่น่ากังวลเท่ากับไม่เจ็บ เลยไม่ได้สนใจอะไร ต่อมาตื่นเช้าไปซื้อยาฆ่าเชื้อที่ร้านขายยา บอกอาการเค้า เค้าก็จัดยาฆ่าเชื้อมาให้กิน 5 วัน ก้รู้สึกว่ามันหายเจ็บ แต่ก้อนมันไม่ยุบ ยังคลำเจออยู่ ผ่านมาได้สัก 4-5 วัน ก็ขึ้นมาอีกก้อนข้างขวา เจ็บเหมือนกัน แต่รอบนี้มีอาการเจ็บคอร่วมด้วย เจ็บมาก แล้วสัก 2-3 วันผ่านไปตกเย็นเริ่มมีไข้ ปวดหัว พี่ชายเลยพาไป รพ.จุฬา เป็นคลินิคฉุกเฉิน จะไม่มีหมอเฉพาะทาง พอถึงคิว เข้าไปตรวจ หมอจับคอ ส่องในปาก แล้วก็บอกว่า คออักเสบน้ะ ส่วนต่อมน้ำเหลืองก็อีกเสบเหมือนกัน แล้วก็รับยาฆ่าเชื้อกับแก้เจ็บคอ กลับบ้าน
ต่อมาเลยโทรไปนัดคลินิคพิเศษนอกเวลาโรงพยาบาลจุฬา(ราคาจะสูงกว่าในเวลา) เค้าก็ทำนัดให้ พบคุณหมอเฉพาะทางหู คอ จมูก พอถึงวันนัดก็ไปพบคุณหมอ พอถึงคิวก็เข้าห้องไป คุณหมอก็ถามอาการ เราก็เล่าๆให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็เดินเข้ามากดคลำๆที่คอ แล้วก็ส่องไปดูในปาก ในจมูก ก็บอกว่าต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ให้ยาฆ่าเชื้อไปกินอีกประมาณ 1 อาทิต แล้วก็นัดซาวคอ +ไทรอย แต่เรารู้สึกไม่สบายใจ เพราะกว่าจะถึงคิวซาว นานมากๆๆ แล้วกว่าจะได้คิวพบหมออีก รวมๆ เป็นเดือนเลยจ้า(เราจ่ายเงินเองนะ ไม่มีประกัน หรือสิทอะไร) แล้วเป็นช่วงปีใหม่ด้วย ไม่รอจ้า ไปขอซาวที่ โรงพยาบาลอื่นแล้วเอาผลซาวไปยื่นที่โรงยาบาลจุฬา ต้องยื่นก่อนวันพบหมอ 1 วันนะค๊า เลยได้คิวเลื่อนพบหมอมาเป็น 1 อาทิต เเพราะได้ผลซาวไว
ในระหว่างที่ รอพบหมอ เราก็ทั้งวิตก ทั้งเครียด คิดไปต่างๆนาๆ ชั้นจะเป็นอะไรไหม อยู่บ้านไม่ได้เลย ไปแต่ โรงพยาบาล เลยไปโรงพยาบาล
โรงพยาบาลที่ 1
โรงพยาบาลสำโรง ไปตรวจซาวคอ ตรวจเลือด พบหมอ (ก็ปกติทุกอย่าง แค่ไขมันเกินมานิด)ปรึกษาพยาบาล ให้ลดน้ำหนักก็โอเคแล้ว
โรงพยาบาลที่ 2(ครั้งที่ 1)
โรงพยาบาลบางปะกอก 1 คุณหมอน่ารักมากๆๆ รับฟังเราอย่างดี สุภาพมาก เป็นกันเองสุดๆ ก็เล่าสิ้งที่เป็นให้หมอฟังบราๆๆๆ ปวดตรงนั้น ตรงนี้ หัวใจเต้นเร็วบ้าง ช้าบ้าง หมอเริ่มทำหน้าซีเรียส เพราะอาการเราเยอะแยะไปหมด หมอเลยให้เราตรวจ คลื่นหัวใจ เอกเซเรย์ปอด ตรวจเลือด ซาวคอ ตรวจไทรอย (จะตรวจช่วงท้องด้วย แต่วันนั้นเราไม่ได้อดอาหารเลยตรวจไม่ได้) ผลตรวจออกมา ปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดปกติเลย สักนิด คนไข้น่าจะคิดมากไปเอง แล้วเครียดด😂😂😂แล้วเราก็อื้งไปสักพัก ก็โอเค กลับบ้าน โดนไปหลายบาทค่ะ แต่ไม่เข็ดไง
โรงพยาบาลบางปะกอก 1(ครั้งที่ 2)
พบหมออีกท่าน หมอกดรักแร้ เจ็บมากๆ กดเต้านมหาก้อน หมอบอกไม่มีอะไรผิดปกติน่ะ เราก็ขอทำเมมโมแกรม แต่หมอบอกว่า อายุไม่ถึง 35 ไม่จำเป็นต้องทำเมมโมแกรม ทำแค่ซาวพอ เลยซาวรักแร้ กับ นม หมอรังสีน่ารักมาก พูดจาดีมาก ก็ซาวไปอธิบายไปว่าไม่มีก้อนอะไรเลยค่ะ ที่รักแร่ก็ไม่มีก้อนเลย มีแต่ต่อมน้ำ เหลือง แต่ต่อมน้ำเหลืองขนาดปกติมาก ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยค่ะ วันนั้น ผลก็ปกติทุกอย่าง เสียไปอีกหลายบาทเช่นเคยไม่เข็ด เราเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ระหว่างรออาจารย์หมอที่จุฬา ก็อยู่บ้านไม่ได้เลย อยู่บ้านแล้วคิดไปต่างๆนานา จนที่บ้านบอกว่าเราวิตกจริต แต่ใครจะรู้อาการเท่าตัวเรา ยังไม่หมดความพยามยาม เพราะรู้สึกปวดท้องหน่วงๆๆ
ิ
โรงพยาบาลบางปะกอก 1(ครั้งที่ 3)
ไปพบคุณหมอ แจ้งคุณหมอว่า กลัวจะเป็นมะเร็ง กลัวจะมีก้อนในช่องท้อง หรือ ในมดลูก เพราะรู้สึกปวดหน่วงๆที่ท้องน้อย แล้วก็อยากให้ตรวจตับ ม้าม แล้วก็ท้องส่วนบน ส่วนล่างเลยค่ะ หมอก็ไม่รอช้า รีบบอก ปะ และพาเราออกมาจากห้อง มาส่งใบให้พยาบาลหน้าห้องว่า พาคนไข้ไปตรวจเลย ทั้งช่องท้อง ส่วนบน และ ส่วนล่าง(ต้องอดน้ำ อดอาหารก่อนตรวจ 6-8 ชม ถึงตรวจได้)แต่เราอดมาเรียบร้อย พร้อมตรวจมากค่ะ คุณหมอรังสีคนเดิม ซาว ต่างจากรอบก่อนที่พูดตลอด แต่รอบนี้ไม่พูดอะไรเลย พอเราถามก็บอก รอพบคุณหมอถามคุณหมอได้เลยค่ะ เราก็เอ๊ะ ใจคอไม่ดีล้ะ ซาวๆๆเสร็จส่วนบน กำลังซาวส่วนล่าง แต่เราฉี่ในถุงปัสสะวะน้อยไป เลยมองไม่ชัด เลยต้องไปกินน้ำ 2 ขวด รอประมาณครึ่ง ชั่วโมง ก็ปวดขึ้นมานิดนึง เลยไปตรวจต่อ หมอบอก ปัสสะวะแทบไม่ต่างจากเดิมเลย หมอก็กดๆๆๆดู หมอบอกไม่พบอะไรผิดปกติ เราก็ค่ะคุณหมอ ออกมารอพบคุณหมอคนแรก คุณหมอหน้าจริงจังมากคุณหมอ ให้เราขึ้นเตียง หมอถามว่า เราปวดท้องตรงไหน ปวดมานานยัง แล้วปวดมากแค่ไหน แล้วก็เคาะท้องเรา ดังป๊อกๆๆ เราก็ถามเลย มีอะไรค๊าคุณหมอ เจออ่ะไร หมอบอก เจอ มาดูเลย เปิดให้ดูในคอม เห็นก้อนนี้ไหม ใหญ่มาก เราก็ใจคอไม่ดี ถามคืออ่ะไรค๊า หมอบอกนิ่วในถุงน้ำดี ใหญ่ ขนาด 1.8 cm. เราก็โล่งใจไปนิด คิดว่ามะเร็ง เลยถามหมอ มันไม่ใช่มะเร็งจริงๆใช่ไหมค๊า หมอบอกไม่ใช่ค่ะ เพราะก้อนมันกลมมากๆ ในถุงน้ำดี ปกติแค่ 1cm ก็ปวดแล้ว แต่เรา 1.8 cm ไม่มีอาการปวดเลยหลอ ดันไปปวดตรงที่ไม่ใช่จุดน่าปวด หมอ งง😂😂😂 หมอก็ถามผ่าเลยไหม แต่ที่นี่ราคาค่อนข้างสูง ประมาณ200000 บาท ไม่รวมภาวะแทรกซ้อนใดๆ แต่หมอแนะนำถ้ายังไม่ปวด ก็รอได้ มีสิทเบิกอะไรบ้าง เราก็ลืมเลย บัตรทองอยู่ที่ โรงพยาบาลสมุทรปราการ เราเลยยังไม่ผ่า เดี๋ยวไปใช้บัตรทอง โรงพยายาลสมุทรปราการดีกว่า รอได้ เพราะยังไม่มีอาการ หมอก็เอาเอกสาร กับ ซีดี แล้วก็ทำใบส่งตัวให้เรา หมอน่ารักทุกคนเลยที่โรงพยาบาลนี้ น่ารัก พูดจาดี รับฟังเราสุดๆ ให้คำปรึกษาดีมาก จบไปอีกวัน จ่ายเงิน เสียตังแล้ว สบายใจ กลับบ้านได้😆😃
ถึงวันที่รอคอย นัดอาจารย์หมอ โรงพยาบาลจุฬา
แผนก หูคอจมูก อาจารย์วีระชัย ถึงคิว ก็เข้าไปพบ เล่าอาการว่ามีต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้นมาค่ะ ที่หน้าลำคอ 2 ข้าง แต่คุณหมอมาคลำ คุณหมอบอกมันคือกล้ามเนื้อคอ ไม่ใช่ก้อน เราก็บอก มันเป็นก้อนจริงๆลองจับอีกทีค่ะ คุณหมอก็มาจับแล้วก็อธิบายว่า เห็นไหม มันคือกล้ามเนื้อ ดันซ้ายก็จะไปขวา ดันขวาก็จะไปซ้าย จับไปจับมา คลำไปคลำมา คุณหมอก็เงียบไป แล้วก็ลุกไปเอาอุปกรณ์ และไฟฉายมาส่องคอ แล้วก็บอก ต่อมทอนซิลอักเสบข้างเดียว แล้วก็เอาสำลีที่ขุบน้ำยาอะไรสักอย่าง มายัดจมูกเข้าไปลึกมาก แล้วก็บอกรอผมที่ห้องส่องกล้อง 15 นาที เดี๋ยวตามไป
โรงพยาบาลจุฬา
พอถึงเวลาส่องกล้อง(ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บเลยค่ะ)
ส่องเข้าไปในโพรงจมูก เจอก้อนที่ 1 ตรงหลังโพรงจมูก ก้อนที่ 2 แถวๆโคนลิ้น ก้อนที่ 3 ตรงลำคอ พอส่องเสร็จคุณหมอพูดสั้นๆว่า เดี๋ยวนอนโรงพยาบาล ผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อเลยเนอะ พูดจบก็ไป คำถามเต็มหัว อึ้งอยู่ แต่ไม่มีเวลาให้ถามเลย คุณหมอไปแล้ววว
ต่อมาพยาบาลก็แนะนำว่าให้ไปที่เคาเตอร์พยาบาล เพื่อที่จะคุยเรื่องทำนัดผ่าตัด ไปถึงพยาบาลก็ถามว่ามีสิทเบิกอะไรไหม มีประกันไหม เราก็บอกไม่มีค่ะ พยาบาลก็แจ้งว่าค่าใช้จ่ายสูงมากนะค๊า หรือจะให้โอนย้ายทำเรื่องในเวลาทำการ จะถูกกว่า แต่คนค่อนข้างเยอะนะค๊า แล้วก็ต้องมาทำนัดใหม่อีกครั้งด้วย ส่วนบัตร 30 บาท ก็คิวยาวเหยียดด เราก็ถามไปว่า ราคาเท่าไหร่ค๊า ถ้านอกเวลา พยาบาลแจ้งว่า 150000+อาจเกิน 150000 ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด เราก็อึ้งๆๆๆ แล้วก็ถามว่า 150000 มีอะไรบ้าง พยาบาลก็แจ้งว่า ค่าผ่า วิสัญญีแพทในการวางยาสลบ ตรวจชิ้นเนื้อ และ ห้องเดี่ยว 1 คืน เราก็บอกว่าขอเวลาสักครู่ค่ะ เดี๋ยวมาแจ้ง รีบเดินไปที่ว่างโทรปรึกษากับทางบ้าน พอเล่าให้ทางบ้านฟัง พร้อมกับบอกค่าใช้จ่าย ทางบ้านรีบตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า ทำเลย ทำไปเลย ดีกว่าปล่อยไว้ เราไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถ้าเกิดว่าเป็นมะเร็ง มันจะลุกลามก่อนได้คิวผ่า แล้วกว่าจะรู้ผลอีก ทำไปเลย เงินหาใหม่ได้ แต่ชีวิตสำคัญกว่า ลูกยังเล็กมาก( ที่กลัวเพราะพ่อเราเป็นมะเร็งต่อมทอนซินระยะที่ 4 ไปหาหมอไวนะ แต่หมอตรวจไม่เจอว่าเป็นอะไร รอจนเป็นระยะสุดท้าย พ่อเลยขอว่าทำเรื่องส่งจัวผมไปแผนกหูคอจมูกเถอะ ผมต้องเป็นอะไรแน่ๆ ถึงส่งตัวไป แล้วก็รู้ว่าเป็นมะเร็งทอนซินระยะที่ 4 แล้ว (เกิดจากก้างปลาติดคออันเดียว แล้วพ่อเป็นเบาหวาน มันเลยทำให้แผลไม่หาย แล้ว อักเสบเรื้อรัง จนเป็นมะเร็ง) พ่อฉายแสง กับ ให้คีโมครบนะ แต่เค้าเสียเพราะโรคเยอะ ทั้งเบาหวาน ความดัน พอผลกระทบจากการรักษา เลยทำให้เสียเพราะ(ตับแข็ง) เราเลยกลัวมาก อายุก็ยังไม่เยอะเลย ถ้าเราเป็นอะไร ลูกจะอยู่ยังไง คิดไปต่างๆนาๆ เลยตัดสินใจไปติดต่อพยาบาลอีกทีว่าทำค่ะ จ่ายสด พยาบาลก็ทำนัดวันที่ 5 มกราคม (เราขอเร็วที่สุด)ก่อนผ่าก็ต้องไปตรวจร่างกาย เอกซเรย์ปอด ตรวจเลือด ตรวจฉี่ก่อน
ก่อนถึงวันผ่า วันที่ 4 พยาบาลจะโทรมาแจ้งว่าเราต้องทำตัวยังไงบ้างก่อนถึงวันผ่าตัด ต้องอดน้ำ กับ อาหาร ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน แล้ววันที่ 5 ต้องไปถึง โรงพยาบาลก่อน 8 โมง ไปรอที่ห้องได้เลย แล้วคุณหมอนัดผ่าตอน 2 โมงเย็น พยาบาลก็ให้อาบน้ำใหม่ ห้ามทาแป้ง ห้ามทาอะไรเลย แล้วก็ถึงเวลา วิสัญญีแพทย์มาเจาะสายให้น้ำเกลือ แล้วก็คุยกับเรา และคุณหมอก็มาพบก่อนเข้าห้อง ผ่า เราก็ถามเลย ว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งไหม คุณหมอก็แจ้งว่า โอกาสมีเพียง 5-10%ที่จะเป็นเนื้อร้าย(เราว่าหมอปลอบใจเราไม่อยากให้เราเครียดรึเปล่าน้ะ😂😂)และก็ถึงเวลาเข็นเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล เต็มห้องไปหมด เราก็โอ้ย เยอะจัง ยิ่งกว่าตอนคลอดลูกอีก และวิสัญญีแพทย์ก็มาแนะนำตัว วิสัญญีแพทย์นะครับ เป็นอะไรมา และมีอาการยังไงเบื้องต้น หนาวไหม และก็บอกอีกว่า เย็นหน่อยนะครับ สักประมาณ 1 วิ ก็มึนหัวมาก ตาเบลอ แล้วก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ตื่นมาอีกที ตอนคุณหมอเรียก คุณ....ครับ ประมาณ 4-5 รอบ พอเราเริ่มรู้สึกตัว วิสัญญีแพทก็ถามว่า ลืมตาขึ้นไหม เราก็ส่ายหน้า แล้ววิสัญญีแพทก็ โอเคครับ พักไปก่อน เราก็พยายามลืมตา จนลืมตาขึ้น ก็มีพยาบาลเดินเข้ามาหาถามว่า เจ็บไหม 1-10 ให้กี่คะแนน เราก็ว่า 8 ค่ะ เค้าก็ตกใจ 8 เลยหลอ แต่ตอนนั้นตอนที่เราตอบ ก็ไม่ค่อยจะรู้ตัว ยังมึนๆอยู่ พยาบาลก็ถามซ้ำ เจ็บ 8 คะแนนเลยหลอค๊า เราได้สติก็ ไม่ค่ะ 6 พอค่ะ มันไม่ได้เจ็บมาก แต่มันรำคาญคอ เจ็บเวลากลืนน้ำลาย ปวดตัวไปหมด ก็เลยมาฉีดยาแก้ปวดให้ ก็ค่อยยังชั่ว แต่ก็ทำให้เราหลับไปอีกพักใหญ่ พอเราตื่น ค่อยยังชั่วขึ้น ก็พาเราไปห้องพัก พยาบาลน่ารักมากๆ พูดจาดี เข้ามาดูเราตลอด แล้วก็บอกเวลาจะเข้าห้องน้ำให้กดเรียกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจเลยนะค๊า เราก็ขอบคุณค่ะ แต่เราไม่มีเสียง พยาบาลหัวเราะบอก เสียงยังไม่มาค่ะ😂😂 แต่พอสักพักเสียงก็มา พบาบาลเข้ามาวัดความดันทั้งคืน เค้าบอกเข้ามาบ่อยหน่อยนะค๊า เป็นห่วง❤️❤️ เราก็ตอบค่ะ แ
เมื่อตรวจพบก้อนเนื้อหลังโพรงจมูก
อยากจะมาแชร์ประสบการณ์เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกเลย เกริ่นก่อนเลย
เริ่มแรกเลยคือ เราติดไข้มาจากลูกชาย อาการปวดหัว ตัวร้อน ปวดตามตัวไปหมด แล้วช่วงนั้น ติดไข้ง่ายมาก ปกติจะเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง ไม่ติดหวัดง่ายๆ จนมาพักหลังๆ ติดหวัดง่ายมาก
แล้วก็มารู้ทีหลังจากรักษาหายแล้วว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ตอนนั้นไปซื้อยามากินตามอาการ เพราะคิดว่าเป็นไข้ธรรมดา จนหายดี แต่ก็ยังมีอาการไอ กับสเลด อยู่นะค๊า ที่รู้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะหลังจากที่เราหาย แม่ป่วย อาการเหมือนเราก่อนหน้าเลย แต่แม่เหมือนหายใจไม่ออก ไอหนักมากจนนอนไม่ได้เลย เลยไปซื้อยากินตามอาการ เผื่อ 2-3 วันจะดีขึ้น หลังจากกินยาไป 2-3 วัน ไข้ก็หาย แต่ยังไอ และหายใจไม่สะดวกอยู่เลยพาแม่ไปโรงพยาบาล ตรวจปอด ปรากฎว่าเชื้อลงปอด จากการตรวจเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยต้องแอดมินโรงพยาบาลแถวสมุทรปราการ 2 คืน ก็ดีขึ้น ขอหมอกลับบ้านอย่างเดียวเลย
หลังจากเราหายไข้ ก็เป็นหวัดอยู่บ่อยๆ เพราะอาจจะเป็นภูมิแพ้แต่เด็กด้วย เพิ่งจะเริ่มมีอาการลังจากหายไปนานมากๆๆ.
เราเป็นคนสั่งน้ำามูกแรง และหลังจากเป็นหวัดก็เจ็บคอมาตลอด ไอเป็นหายๆ ขาก สเลดก็มีเลือดปนมากับสเดล แต่เหมือนเป็นเลือดสีน้ำตาล ไม่ใช่เลือดสด เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ยังทำตัวเหมือนเดิมคือ กินของทอด ของมัน ไม่กินผัก ไม่ออกกำลังกาย อาบน้ำลูก 2 คน ป้อนข้าวลูก ซักผ้า ตากผ้า เสร็จ ถึงจะกินข้าวได้ก็เกือบเที่ยงๆ นอนดึก บางวันตี 2 บางวันตี 3 (เล่นเกม เล่นเฟส เพราะตอนลูกตื่น ทำอะไรไม่ได้เลย ซนมาก ผู้ชาย 4 ขวบ / ผู้ใหญิงขวบครึ่ง/หลาน 2 ขวบอีกคน เลยต้องเก็บกดไปเล่นดึกๆ😂😂)
จนมาวันนึงนั่งทาครีมที่หน้า ก็รู้สึกว่าเจ็บใต้กรามด้านซ้ายมาก พร้อมทั้งจับเจอก้อนใต้กราม เม็ดเล็กๆกลิ้งได้ แล้วก็ปวดมากๆๆ เลยมาหาข้อมมูลในเน็ต ว่าถ้าเจ็บไม่น่ากังวลเท่ากับไม่เจ็บ เลยไม่ได้สนใจอะไร ต่อมาตื่นเช้าไปซื้อยาฆ่าเชื้อที่ร้านขายยา บอกอาการเค้า เค้าก็จัดยาฆ่าเชื้อมาให้กิน 5 วัน ก้รู้สึกว่ามันหายเจ็บ แต่ก้อนมันไม่ยุบ ยังคลำเจออยู่ ผ่านมาได้สัก 4-5 วัน ก็ขึ้นมาอีกก้อนข้างขวา เจ็บเหมือนกัน แต่รอบนี้มีอาการเจ็บคอร่วมด้วย เจ็บมาก แล้วสัก 2-3 วันผ่านไปตกเย็นเริ่มมีไข้ ปวดหัว พี่ชายเลยพาไป รพ.จุฬา เป็นคลินิคฉุกเฉิน จะไม่มีหมอเฉพาะทาง พอถึงคิว เข้าไปตรวจ หมอจับคอ ส่องในปาก แล้วก็บอกว่า คออักเสบน้ะ ส่วนต่อมน้ำเหลืองก็อีกเสบเหมือนกัน แล้วก็รับยาฆ่าเชื้อกับแก้เจ็บคอ กลับบ้าน
ต่อมาเลยโทรไปนัดคลินิคพิเศษนอกเวลาโรงพยาบาลจุฬา(ราคาจะสูงกว่าในเวลา) เค้าก็ทำนัดให้ พบคุณหมอเฉพาะทางหู คอ จมูก พอถึงวันนัดก็ไปพบคุณหมอ พอถึงคิวก็เข้าห้องไป คุณหมอก็ถามอาการ เราก็เล่าๆให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็เดินเข้ามากดคลำๆที่คอ แล้วก็ส่องไปดูในปาก ในจมูก ก็บอกว่าต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ให้ยาฆ่าเชื้อไปกินอีกประมาณ 1 อาทิต แล้วก็นัดซาวคอ +ไทรอย แต่เรารู้สึกไม่สบายใจ เพราะกว่าจะถึงคิวซาว นานมากๆๆ แล้วกว่าจะได้คิวพบหมออีก รวมๆ เป็นเดือนเลยจ้า(เราจ่ายเงินเองนะ ไม่มีประกัน หรือสิทอะไร) แล้วเป็นช่วงปีใหม่ด้วย ไม่รอจ้า ไปขอซาวที่ โรงพยาบาลอื่นแล้วเอาผลซาวไปยื่นที่โรงยาบาลจุฬา ต้องยื่นก่อนวันพบหมอ 1 วันนะค๊า เลยได้คิวเลื่อนพบหมอมาเป็น 1 อาทิต เเพราะได้ผลซาวไว
ในระหว่างที่ รอพบหมอ เราก็ทั้งวิตก ทั้งเครียด คิดไปต่างๆนาๆ ชั้นจะเป็นอะไรไหม อยู่บ้านไม่ได้เลย ไปแต่ โรงพยาบาล เลยไปโรงพยาบาล
โรงพยาบาลที่ 1
โรงพยาบาลสำโรง ไปตรวจซาวคอ ตรวจเลือด พบหมอ (ก็ปกติทุกอย่าง แค่ไขมันเกินมานิด)ปรึกษาพยาบาล ให้ลดน้ำหนักก็โอเคแล้ว
โรงพยาบาลที่ 2(ครั้งที่ 1)
โรงพยาบาลบางปะกอก 1 คุณหมอน่ารักมากๆๆ รับฟังเราอย่างดี สุภาพมาก เป็นกันเองสุดๆ ก็เล่าสิ้งที่เป็นให้หมอฟังบราๆๆๆ ปวดตรงนั้น ตรงนี้ หัวใจเต้นเร็วบ้าง ช้าบ้าง หมอเริ่มทำหน้าซีเรียส เพราะอาการเราเยอะแยะไปหมด หมอเลยให้เราตรวจ คลื่นหัวใจ เอกเซเรย์ปอด ตรวจเลือด ซาวคอ ตรวจไทรอย (จะตรวจช่วงท้องด้วย แต่วันนั้นเราไม่ได้อดอาหารเลยตรวจไม่ได้) ผลตรวจออกมา ปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดปกติเลย สักนิด คนไข้น่าจะคิดมากไปเอง แล้วเครียดด😂😂😂แล้วเราก็อื้งไปสักพัก ก็โอเค กลับบ้าน โดนไปหลายบาทค่ะ แต่ไม่เข็ดไง
โรงพยาบาลบางปะกอก 1(ครั้งที่ 2)
พบหมออีกท่าน หมอกดรักแร้ เจ็บมากๆ กดเต้านมหาก้อน หมอบอกไม่มีอะไรผิดปกติน่ะ เราก็ขอทำเมมโมแกรม แต่หมอบอกว่า อายุไม่ถึง 35 ไม่จำเป็นต้องทำเมมโมแกรม ทำแค่ซาวพอ เลยซาวรักแร้ กับ นม หมอรังสีน่ารักมาก พูดจาดีมาก ก็ซาวไปอธิบายไปว่าไม่มีก้อนอะไรเลยค่ะ ที่รักแร่ก็ไม่มีก้อนเลย มีแต่ต่อมน้ำ เหลือง แต่ต่อมน้ำเหลืองขนาดปกติมาก ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยค่ะ วันนั้น ผลก็ปกติทุกอย่าง เสียไปอีกหลายบาทเช่นเคยไม่เข็ด เราเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ระหว่างรออาจารย์หมอที่จุฬา ก็อยู่บ้านไม่ได้เลย อยู่บ้านแล้วคิดไปต่างๆนานา จนที่บ้านบอกว่าเราวิตกจริต แต่ใครจะรู้อาการเท่าตัวเรา ยังไม่หมดความพยามยาม เพราะรู้สึกปวดท้องหน่วงๆๆ
ิ
โรงพยาบาลบางปะกอก 1(ครั้งที่ 3)
ไปพบคุณหมอ แจ้งคุณหมอว่า กลัวจะเป็นมะเร็ง กลัวจะมีก้อนในช่องท้อง หรือ ในมดลูก เพราะรู้สึกปวดหน่วงๆที่ท้องน้อย แล้วก็อยากให้ตรวจตับ ม้าม แล้วก็ท้องส่วนบน ส่วนล่างเลยค่ะ หมอก็ไม่รอช้า รีบบอก ปะ และพาเราออกมาจากห้อง มาส่งใบให้พยาบาลหน้าห้องว่า พาคนไข้ไปตรวจเลย ทั้งช่องท้อง ส่วนบน และ ส่วนล่าง(ต้องอดน้ำ อดอาหารก่อนตรวจ 6-8 ชม ถึงตรวจได้)แต่เราอดมาเรียบร้อย พร้อมตรวจมากค่ะ คุณหมอรังสีคนเดิม ซาว ต่างจากรอบก่อนที่พูดตลอด แต่รอบนี้ไม่พูดอะไรเลย พอเราถามก็บอก รอพบคุณหมอถามคุณหมอได้เลยค่ะ เราก็เอ๊ะ ใจคอไม่ดีล้ะ ซาวๆๆเสร็จส่วนบน กำลังซาวส่วนล่าง แต่เราฉี่ในถุงปัสสะวะน้อยไป เลยมองไม่ชัด เลยต้องไปกินน้ำ 2 ขวด รอประมาณครึ่ง ชั่วโมง ก็ปวดขึ้นมานิดนึง เลยไปตรวจต่อ หมอบอก ปัสสะวะแทบไม่ต่างจากเดิมเลย หมอก็กดๆๆๆดู หมอบอกไม่พบอะไรผิดปกติ เราก็ค่ะคุณหมอ ออกมารอพบคุณหมอคนแรก คุณหมอหน้าจริงจังมากคุณหมอ ให้เราขึ้นเตียง หมอถามว่า เราปวดท้องตรงไหน ปวดมานานยัง แล้วปวดมากแค่ไหน แล้วก็เคาะท้องเรา ดังป๊อกๆๆ เราก็ถามเลย มีอะไรค๊าคุณหมอ เจออ่ะไร หมอบอก เจอ มาดูเลย เปิดให้ดูในคอม เห็นก้อนนี้ไหม ใหญ่มาก เราก็ใจคอไม่ดี ถามคืออ่ะไรค๊า หมอบอกนิ่วในถุงน้ำดี ใหญ่ ขนาด 1.8 cm. เราก็โล่งใจไปนิด คิดว่ามะเร็ง เลยถามหมอ มันไม่ใช่มะเร็งจริงๆใช่ไหมค๊า หมอบอกไม่ใช่ค่ะ เพราะก้อนมันกลมมากๆ ในถุงน้ำดี ปกติแค่ 1cm ก็ปวดแล้ว แต่เรา 1.8 cm ไม่มีอาการปวดเลยหลอ ดันไปปวดตรงที่ไม่ใช่จุดน่าปวด หมอ งง😂😂😂 หมอก็ถามผ่าเลยไหม แต่ที่นี่ราคาค่อนข้างสูง ประมาณ200000 บาท ไม่รวมภาวะแทรกซ้อนใดๆ แต่หมอแนะนำถ้ายังไม่ปวด ก็รอได้ มีสิทเบิกอะไรบ้าง เราก็ลืมเลย บัตรทองอยู่ที่ โรงพยาบาลสมุทรปราการ เราเลยยังไม่ผ่า เดี๋ยวไปใช้บัตรทอง โรงพยายาลสมุทรปราการดีกว่า รอได้ เพราะยังไม่มีอาการ หมอก็เอาเอกสาร กับ ซีดี แล้วก็ทำใบส่งตัวให้เรา หมอน่ารักทุกคนเลยที่โรงพยาบาลนี้ น่ารัก พูดจาดี รับฟังเราสุดๆ ให้คำปรึกษาดีมาก จบไปอีกวัน จ่ายเงิน เสียตังแล้ว สบายใจ กลับบ้านได้😆😃
ถึงวันที่รอคอย นัดอาจารย์หมอ โรงพยาบาลจุฬา
แผนก หูคอจมูก อาจารย์วีระชัย ถึงคิว ก็เข้าไปพบ เล่าอาการว่ามีต่อมน้ำเหลืองเพิ่มขึ้นมาค่ะ ที่หน้าลำคอ 2 ข้าง แต่คุณหมอมาคลำ คุณหมอบอกมันคือกล้ามเนื้อคอ ไม่ใช่ก้อน เราก็บอก มันเป็นก้อนจริงๆลองจับอีกทีค่ะ คุณหมอก็มาจับแล้วก็อธิบายว่า เห็นไหม มันคือกล้ามเนื้อ ดันซ้ายก็จะไปขวา ดันขวาก็จะไปซ้าย จับไปจับมา คลำไปคลำมา คุณหมอก็เงียบไป แล้วก็ลุกไปเอาอุปกรณ์ และไฟฉายมาส่องคอ แล้วก็บอก ต่อมทอนซิลอักเสบข้างเดียว แล้วก็เอาสำลีที่ขุบน้ำยาอะไรสักอย่าง มายัดจมูกเข้าไปลึกมาก แล้วก็บอกรอผมที่ห้องส่องกล้อง 15 นาที เดี๋ยวตามไป
โรงพยาบาลจุฬา
พอถึงเวลาส่องกล้อง(ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บเลยค่ะ)
ส่องเข้าไปในโพรงจมูก เจอก้อนที่ 1 ตรงหลังโพรงจมูก ก้อนที่ 2 แถวๆโคนลิ้น ก้อนที่ 3 ตรงลำคอ พอส่องเสร็จคุณหมอพูดสั้นๆว่า เดี๋ยวนอนโรงพยาบาล ผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อเลยเนอะ พูดจบก็ไป คำถามเต็มหัว อึ้งอยู่ แต่ไม่มีเวลาให้ถามเลย คุณหมอไปแล้ววว
ต่อมาพยาบาลก็แนะนำว่าให้ไปที่เคาเตอร์พยาบาล เพื่อที่จะคุยเรื่องทำนัดผ่าตัด ไปถึงพยาบาลก็ถามว่ามีสิทเบิกอะไรไหม มีประกันไหม เราก็บอกไม่มีค่ะ พยาบาลก็แจ้งว่าค่าใช้จ่ายสูงมากนะค๊า หรือจะให้โอนย้ายทำเรื่องในเวลาทำการ จะถูกกว่า แต่คนค่อนข้างเยอะนะค๊า แล้วก็ต้องมาทำนัดใหม่อีกครั้งด้วย ส่วนบัตร 30 บาท ก็คิวยาวเหยียดด เราก็ถามไปว่า ราคาเท่าไหร่ค๊า ถ้านอกเวลา พยาบาลแจ้งว่า 150000+อาจเกิน 150000 ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด เราก็อึ้งๆๆๆ แล้วก็ถามว่า 150000 มีอะไรบ้าง พยาบาลก็แจ้งว่า ค่าผ่า วิสัญญีแพทในการวางยาสลบ ตรวจชิ้นเนื้อ และ ห้องเดี่ยว 1 คืน เราก็บอกว่าขอเวลาสักครู่ค่ะ เดี๋ยวมาแจ้ง รีบเดินไปที่ว่างโทรปรึกษากับทางบ้าน พอเล่าให้ทางบ้านฟัง พร้อมกับบอกค่าใช้จ่าย ทางบ้านรีบตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า ทำเลย ทำไปเลย ดีกว่าปล่อยไว้ เราไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถ้าเกิดว่าเป็นมะเร็ง มันจะลุกลามก่อนได้คิวผ่า แล้วกว่าจะรู้ผลอีก ทำไปเลย เงินหาใหม่ได้ แต่ชีวิตสำคัญกว่า ลูกยังเล็กมาก( ที่กลัวเพราะพ่อเราเป็นมะเร็งต่อมทอนซินระยะที่ 4 ไปหาหมอไวนะ แต่หมอตรวจไม่เจอว่าเป็นอะไร รอจนเป็นระยะสุดท้าย พ่อเลยขอว่าทำเรื่องส่งจัวผมไปแผนกหูคอจมูกเถอะ ผมต้องเป็นอะไรแน่ๆ ถึงส่งตัวไป แล้วก็รู้ว่าเป็นมะเร็งทอนซินระยะที่ 4 แล้ว (เกิดจากก้างปลาติดคออันเดียว แล้วพ่อเป็นเบาหวาน มันเลยทำให้แผลไม่หาย แล้ว อักเสบเรื้อรัง จนเป็นมะเร็ง) พ่อฉายแสง กับ ให้คีโมครบนะ แต่เค้าเสียเพราะโรคเยอะ ทั้งเบาหวาน ความดัน พอผลกระทบจากการรักษา เลยทำให้เสียเพราะ(ตับแข็ง) เราเลยกลัวมาก อายุก็ยังไม่เยอะเลย ถ้าเราเป็นอะไร ลูกจะอยู่ยังไง คิดไปต่างๆนาๆ เลยตัดสินใจไปติดต่อพยาบาลอีกทีว่าทำค่ะ จ่ายสด พยาบาลก็ทำนัดวันที่ 5 มกราคม (เราขอเร็วที่สุด)ก่อนผ่าก็ต้องไปตรวจร่างกาย เอกซเรย์ปอด ตรวจเลือด ตรวจฉี่ก่อน
ก่อนถึงวันผ่า วันที่ 4 พยาบาลจะโทรมาแจ้งว่าเราต้องทำตัวยังไงบ้างก่อนถึงวันผ่าตัด ต้องอดน้ำ กับ อาหาร ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน แล้ววันที่ 5 ต้องไปถึง โรงพยาบาลก่อน 8 โมง ไปรอที่ห้องได้เลย แล้วคุณหมอนัดผ่าตอน 2 โมงเย็น พยาบาลก็ให้อาบน้ำใหม่ ห้ามทาแป้ง ห้ามทาอะไรเลย แล้วก็ถึงเวลา วิสัญญีแพทย์มาเจาะสายให้น้ำเกลือ แล้วก็คุยกับเรา และคุณหมอก็มาพบก่อนเข้าห้อง ผ่า เราก็ถามเลย ว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งไหม คุณหมอก็แจ้งว่า โอกาสมีเพียง 5-10%ที่จะเป็นเนื้อร้าย(เราว่าหมอปลอบใจเราไม่อยากให้เราเครียดรึเปล่าน้ะ😂😂)และก็ถึงเวลาเข็นเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล เต็มห้องไปหมด เราก็โอ้ย เยอะจัง ยิ่งกว่าตอนคลอดลูกอีก และวิสัญญีแพทย์ก็มาแนะนำตัว วิสัญญีแพทย์นะครับ เป็นอะไรมา และมีอาการยังไงเบื้องต้น หนาวไหม และก็บอกอีกว่า เย็นหน่อยนะครับ สักประมาณ 1 วิ ก็มึนหัวมาก ตาเบลอ แล้วก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ตื่นมาอีกที ตอนคุณหมอเรียก คุณ....ครับ ประมาณ 4-5 รอบ พอเราเริ่มรู้สึกตัว วิสัญญีแพทก็ถามว่า ลืมตาขึ้นไหม เราก็ส่ายหน้า แล้ววิสัญญีแพทก็ โอเคครับ พักไปก่อน เราก็พยายามลืมตา จนลืมตาขึ้น ก็มีพยาบาลเดินเข้ามาหาถามว่า เจ็บไหม 1-10 ให้กี่คะแนน เราก็ว่า 8 ค่ะ เค้าก็ตกใจ 8 เลยหลอ แต่ตอนนั้นตอนที่เราตอบ ก็ไม่ค่อยจะรู้ตัว ยังมึนๆอยู่ พยาบาลก็ถามซ้ำ เจ็บ 8 คะแนนเลยหลอค๊า เราได้สติก็ ไม่ค่ะ 6 พอค่ะ มันไม่ได้เจ็บมาก แต่มันรำคาญคอ เจ็บเวลากลืนน้ำลาย ปวดตัวไปหมด ก็เลยมาฉีดยาแก้ปวดให้ ก็ค่อยยังชั่ว แต่ก็ทำให้เราหลับไปอีกพักใหญ่ พอเราตื่น ค่อยยังชั่วขึ้น ก็พาเราไปห้องพัก พยาบาลน่ารักมากๆ พูดจาดี เข้ามาดูเราตลอด แล้วก็บอกเวลาจะเข้าห้องน้ำให้กดเรียกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจเลยนะค๊า เราก็ขอบคุณค่ะ แต่เราไม่มีเสียง พยาบาลหัวเราะบอก เสียงยังไม่มาค่ะ😂😂 แต่พอสักพักเสียงก็มา พบาบาลเข้ามาวัดความดันทั้งคืน เค้าบอกเข้ามาบ่อยหน่อยนะค๊า เป็นห่วง❤️❤️ เราก็ตอบค่ะ แ