อนุสาวรีย์บันทึก ผมกับแขมร์
โดย : ละเว้
ก่อนอื่นขออนุญาตอธิบายความหมายของชื่อ 'อนุสาวรีย์บันทึก' กันก่อนนะครับ อนุสาวรีย์นั้นฅนแขมร์จะออกเสียงว่า 'อะนุซาวรี' (ต่างแค่สำเนียง) และจะใช้ในความหมายของ 'ความทรงจำ' ดังนั้น 'อนุสาวรีย์บันทึก' จึงแปลว่าบันทึกความทรงจำนั่นเองครับ
คำนำ
ด้วยความที่ถือกำเนิดเกิดกายใกล้ชายแดนแขมร์ แถมมีพ่อเป็นฅนชอบเล่านิทาน ซึ่งนิทานที่ได้ฟังนั้นบางเรื่องได้รับอิทธิพลมาจากกัมปุเจีย (ขออนุญาตใช้ชื่อนี้) รวมถึงเรื่องราวที่พ่อของผมได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้นแล้วนำมาเล่าต่อด้วย นั่นทำให้ผมได้รับรู้เรื่องราวเมืองแขมร์ผ่านตำนานและเรื่องเล่าต่าง ๆ มาตั้งแต่เด็ก และนั่นเพียงพอให้ผมเกิดความใฝ่ฝันว่าจะได้ไปเยือนแผ่นดินนี้สักครั้งในชีวิต
ช่วงที่ผมเริ่มเติบโต (พ.ศ.๒๕๑๘) แผ่นดินแขมร์ก็เริ่มเข้าสู่สงครามกลางเมือง ยิ่งทำให้มันดูลึกลับน่าค้นหามากขึ้นอีก
สงครามยังได้ก่อให้เกิดเหตุหลายปัจจัยหลายประการ ทำให้กว่าผมจะได้ไปสัมผัสเมืองแขมร์จริง ๆ เวลาก็ผ่านไปนานเนิ่นทีเดียว
ผมใช้เวลากับความอยากรู้อยากเห็นตั่งแต่เด็กจนล่วงเลยวัยรุ่นจึงได้ไปแขมร์สมใจ และเมื่อครั้งแรกผ่านไป ครั้งสองสามสี่ห้าก็ตามมา ในที่สุดก็แทบเรียกได้ว่า ที่นั่นเป็นบ้านหลังที่สองของผมเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญการเดินทางไปดินแเดนแขมร์ในแต่ละครั้งของผมโดยเฉพาะช่วงแรกนั้น อาจเป็นอะไรที่หลายฅนคาดไม่ถึง หรืออาจไม่มีใครคิดหรอกว่าผมจะบ้าได้ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปครับ...
อนุสาวรีย์บันทึก ผมกับแขมร์ (บทนำ)
โดย : ละเว้
ก่อนอื่นขออนุญาตอธิบายความหมายของชื่อ 'อนุสาวรีย์บันทึก' กันก่อนนะครับ อนุสาวรีย์นั้นฅนแขมร์จะออกเสียงว่า 'อะนุซาวรี' (ต่างแค่สำเนียง) และจะใช้ในความหมายของ 'ความทรงจำ' ดังนั้น 'อนุสาวรีย์บันทึก' จึงแปลว่าบันทึกความทรงจำนั่นเองครับ
คำนำ
ด้วยความที่ถือกำเนิดเกิดกายใกล้ชายแดนแขมร์ แถมมีพ่อเป็นฅนชอบเล่านิทาน ซึ่งนิทานที่ได้ฟังนั้นบางเรื่องได้รับอิทธิพลมาจากกัมปุเจีย (ขออนุญาตใช้ชื่อนี้) รวมถึงเรื่องราวที่พ่อของผมได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้นแล้วนำมาเล่าต่อด้วย นั่นทำให้ผมได้รับรู้เรื่องราวเมืองแขมร์ผ่านตำนานและเรื่องเล่าต่าง ๆ มาตั้งแต่เด็ก และนั่นเพียงพอให้ผมเกิดความใฝ่ฝันว่าจะได้ไปเยือนแผ่นดินนี้สักครั้งในชีวิต
ช่วงที่ผมเริ่มเติบโต (พ.ศ.๒๕๑๘) แผ่นดินแขมร์ก็เริ่มเข้าสู่สงครามกลางเมือง ยิ่งทำให้มันดูลึกลับน่าค้นหามากขึ้นอีก
สงครามยังได้ก่อให้เกิดเหตุหลายปัจจัยหลายประการ ทำให้กว่าผมจะได้ไปสัมผัสเมืองแขมร์จริง ๆ เวลาก็ผ่านไปนานเนิ่นทีเดียว
ผมใช้เวลากับความอยากรู้อยากเห็นตั่งแต่เด็กจนล่วงเลยวัยรุ่นจึงได้ไปแขมร์สมใจ และเมื่อครั้งแรกผ่านไป ครั้งสองสามสี่ห้าก็ตามมา ในที่สุดก็แทบเรียกได้ว่า ที่นั่นเป็นบ้านหลังที่สองของผมเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญการเดินทางไปดินแเดนแขมร์ในแต่ละครั้งของผมโดยเฉพาะช่วงแรกนั้น อาจเป็นอะไรที่หลายฅนคาดไม่ถึง หรืออาจไม่มีใครคิดหรอกว่าผมจะบ้าได้ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปครับ...