อนุสาวรีย์บันทึก ผมกับแขมร์
โดย : ละเว้
บทที่๒๐ บินเดี่ยว (๒)
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
“อ็องกอร์ใหญ่จะใหญ่กว่าอ็องกอร์เล็กแต่อ็องกอร์เล็กจะสวยกว่า” เขาบอกกับผมขณะพานั่งซ้อนท้ายไปด้วยกัน ผมพลาดแล้วจริง ๆ
จากคำบอกของเขาสมองของผมจึงพอประมวลได้ว่า คำว่าใหญ่ที่เขาถามผมนั้นมันคือคำว่า ‘ธม’ เขาถามว่า ธมรือตู๊จ ผมจึงแปลว่า ใหญ่หรือเล็ก แล้วไม่ได้คิดอะไร แต่พอเขาเรียกเต็ม ๆ เป็น ‘อ็องกอร์ธม’ ผมเลยรู้ว่ามันหมายถึง ‘นครธม’ ในภาษาไทยนั่นเอง ดังนั้นคำว่า 'ตู๊จ' ซึ่งคำเต็มก็คือ ‘อ็องกอร์ตู๊จ’ นั้นจะต้องหมายถึงหมู่ปราสาทที่ผมหรือฅนไทยเรียกว่านครวัดอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน
(คำว่านครวัด หรือ อ็องกอร์ว็อต ฅนแขมร์จะหมายถึงหมู่ปราสาททั้งหมดในบริเวณนี้)
เมื่อทราบดังนั้นผมจึงเสนอให้เขาอีกห้าสิบบาท เพื่อให้มาส่งผมยังอ็องกอร์ตู๊จอีกทีหลังออกมาจากนครธม ตกลงว่าค่ารถพาไปอ็องกอร์ว็อตของผมนั้นแพงกว่าค่ารถจากสะเดามาเซียมเรียบมากพอดู ไม่เป็นไรซื้อประสบการณ์ ผมปลอบใจตัวเอง
แฮ่
อ็องกอร์ธม (អង្គរធំ) เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งสุดของอาณาจักรขแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชื่ออ็องกอร์ธมยังกลายมาเป็นชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่งของไทยด้วย นั่นคือ ‘ลั่นทม’
ตามประวัติที่พอได้ทราบนั้น ครั้งสยามตีอ็องกอร์ธม หลังได้ชัยชนะแล้วได้นำต้นไม้ที่มีชื่อว่า ‘จำปี’ หรือ ‘จ็อมเป็ย’ ตามสำเนียงขแมร์กลับมาปลูกในสยามด้วย และตั้งชื่อว่าต้น ‘นครธม’ แล้วกลายเป็น ‘ลั่นทม’ ในภายหลัง
บ้างว่าชื่อลั่นธมแต่แรก เพราะหมายถึงการเข้าตีนครธม
แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่คือที่มาของดอกลั่นทม ที่ถึงแม้ปัจจุบันหลายท่านจะหันไปเรียก ‘ลีลาวดี’ แต่ผมว่านะ ชื่อลั่นทมเพราะกว่าเป็นกอง แฮ่
ประตูทางเข้าอ็องกอร์ธมไม่ต่างจากภาพถ่ายที่ผมเคยเห็นมากนัก เพียงแต่สภาพแวดล้อมดูจะแตกต่างบ้างเท่านั้น ฅนขับมอเตอร์ไซค์พาผมไปจอดสุดทางใกล้ปราสาท ขณะจะเดินเข้าไปเขาบอกว่ากระเป๋าที่ผมสะพายหลังอยู่นั้นฝากเขาไว้ก่อนก็ได้ ใจจริงผมก็ห่วงของในกระเป๋านะ แต่ความที่เขาคะยั้นคะยอบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก ทั้งยังให้เบอร์โทรศัพท์กับผมไว้จะได้โทรหา และทั้งที่รู้นะว่าเบอร์โทรศัพท์มันรับประกันอะไรไม่ได้เลย แต่ไอ้นิสัยขัดฅนไม่เป็นมันทำให้ผมยอมปลดกระเป๋าฝากเขาไว้จนได้ คิดว่าแค่พักเดียวคงไม่เป็นไร ซึ่งผมกะว่าจะเข้าไปถ่ายรูปแค่ให้พอมีภาพอวดเพื่อนสักหน่อยเท่านั้น เพราะยังต้องรีบไปนครวัด หรืออ็องกอร์ตู๊จอะไรนั่นก่อนค่ำอีก
หลังเข้าไปถ่ายภาพอ็องกอร์ธมได้ไม่เท่าไรผมก็รีบออกมา เพราะห่วงกระเป๋าและต้องรีบไปอ็องกอร์ตู๊จต่ออย่างที่บอก แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อผมออกมาเขาก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว บริเวณโคนไม้ที่เขาพาผมมาส่งนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครหรืออะไรเลย ผมรีบกดโทรศัพท์ต่อสายทันที ว่างเปล่า ไม่สัญญาษตอบรับเลยเช่นกัน
เอาล่ะสิ อะไรจะเกิดขึ้นกับการมาเซียมเรียบหนแรกโดยลำพังของผมกันล่ะนี่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ.
อนุสาวรีย์บันทึก ผมกับแขมร์ (ตอนที่๒๐)
โดย : ละเว้
บทที่๒๐ บินเดี่ยว (๒)
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
“อ็องกอร์ใหญ่จะใหญ่กว่าอ็องกอร์เล็กแต่อ็องกอร์เล็กจะสวยกว่า” เขาบอกกับผมขณะพานั่งซ้อนท้ายไปด้วยกัน ผมพลาดแล้วจริง ๆ
จากคำบอกของเขาสมองของผมจึงพอประมวลได้ว่า คำว่าใหญ่ที่เขาถามผมนั้นมันคือคำว่า ‘ธม’ เขาถามว่า ธมรือตู๊จ ผมจึงแปลว่า ใหญ่หรือเล็ก แล้วไม่ได้คิดอะไร แต่พอเขาเรียกเต็ม ๆ เป็น ‘อ็องกอร์ธม’ ผมเลยรู้ว่ามันหมายถึง ‘นครธม’ ในภาษาไทยนั่นเอง ดังนั้นคำว่า 'ตู๊จ' ซึ่งคำเต็มก็คือ ‘อ็องกอร์ตู๊จ’ นั้นจะต้องหมายถึงหมู่ปราสาทที่ผมหรือฅนไทยเรียกว่านครวัดอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน
(คำว่านครวัด หรือ อ็องกอร์ว็อต ฅนแขมร์จะหมายถึงหมู่ปราสาททั้งหมดในบริเวณนี้)
เมื่อทราบดังนั้นผมจึงเสนอให้เขาอีกห้าสิบบาท เพื่อให้มาส่งผมยังอ็องกอร์ตู๊จอีกทีหลังออกมาจากนครธม ตกลงว่าค่ารถพาไปอ็องกอร์ว็อตของผมนั้นแพงกว่าค่ารถจากสะเดามาเซียมเรียบมากพอดู ไม่เป็นไรซื้อประสบการณ์ ผมปลอบใจตัวเอง
แฮ่
อ็องกอร์ธม (អង្គរធំ) เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งสุดของอาณาจักรขแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชื่ออ็องกอร์ธมยังกลายมาเป็นชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่งของไทยด้วย นั่นคือ ‘ลั่นทม’
ตามประวัติที่พอได้ทราบนั้น ครั้งสยามตีอ็องกอร์ธม หลังได้ชัยชนะแล้วได้นำต้นไม้ที่มีชื่อว่า ‘จำปี’ หรือ ‘จ็อมเป็ย’ ตามสำเนียงขแมร์กลับมาปลูกในสยามด้วย และตั้งชื่อว่าต้น ‘นครธม’ แล้วกลายเป็น ‘ลั่นทม’ ในภายหลัง
บ้างว่าชื่อลั่นธมแต่แรก เพราะหมายถึงการเข้าตีนครธม
แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่คือที่มาของดอกลั่นทม ที่ถึงแม้ปัจจุบันหลายท่านจะหันไปเรียก ‘ลีลาวดี’ แต่ผมว่านะ ชื่อลั่นทมเพราะกว่าเป็นกอง แฮ่
ประตูทางเข้าอ็องกอร์ธมไม่ต่างจากภาพถ่ายที่ผมเคยเห็นมากนัก เพียงแต่สภาพแวดล้อมดูจะแตกต่างบ้างเท่านั้น ฅนขับมอเตอร์ไซค์พาผมไปจอดสุดทางใกล้ปราสาท ขณะจะเดินเข้าไปเขาบอกว่ากระเป๋าที่ผมสะพายหลังอยู่นั้นฝากเขาไว้ก่อนก็ได้ ใจจริงผมก็ห่วงของในกระเป๋านะ แต่ความที่เขาคะยั้นคะยอบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก ทั้งยังให้เบอร์โทรศัพท์กับผมไว้จะได้โทรหา และทั้งที่รู้นะว่าเบอร์โทรศัพท์มันรับประกันอะไรไม่ได้เลย แต่ไอ้นิสัยขัดฅนไม่เป็นมันทำให้ผมยอมปลดกระเป๋าฝากเขาไว้จนได้ คิดว่าแค่พักเดียวคงไม่เป็นไร ซึ่งผมกะว่าจะเข้าไปถ่ายรูปแค่ให้พอมีภาพอวดเพื่อนสักหน่อยเท่านั้น เพราะยังต้องรีบไปนครวัด หรืออ็องกอร์ตู๊จอะไรนั่นก่อนค่ำอีก
หลังเข้าไปถ่ายภาพอ็องกอร์ธมได้ไม่เท่าไรผมก็รีบออกมา เพราะห่วงกระเป๋าและต้องรีบไปอ็องกอร์ตู๊จต่ออย่างที่บอก แต่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อผมออกมาเขาก็ไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว บริเวณโคนไม้ที่เขาพาผมมาส่งนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครหรืออะไรเลย ผมรีบกดโทรศัพท์ต่อสายทันที ว่างเปล่า ไม่สัญญาษตอบรับเลยเช่นกัน
เอาล่ะสิ อะไรจะเกิดขึ้นกับการมาเซียมเรียบหนแรกโดยลำพังของผมกันล่ะนี่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ.