JJNY : ภัยแล้งส่อวิกฤต│จับตา ‘เฮียเกียรติ’ อดีตเลขานักการเมืองมอบตัว│IMF คาด ปัญญาประดิษฐ์กระทบ│อิสราเอลถล่มเดือดเลบานอน

ภัยแล้งส่อวิกฤต อ่างเก็บน้ำขนาดกลางน่าห่วง เหลือน้ำใช้ไม่ถึงครึ่ง สั่งงดทำนาปรัง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8051473
 
 
นครราชสีมา ภัยแล้งส่อวิกฤต อ่างเก็บน้ำขนาดกลางน่าห่วง เหลือน้ำใช้ไม่ถึงครึ่ง สั่งงดทำนาปรัง เร่งหารือสำรองน้ำตลอดฤดูแล้งปีนี้
 
15 ม.ค. 67 – จากการรายงานข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำภายในจังหวัดนครราชสีมา ของฝ่ายจัดสรรน้ำฯ โครงการชลประทานนครราชสีมา พบว่าอ่างเก็บเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 อ่างเหลือน้ำอยู่ไม่ถึง 60% มีเพียงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงที่อำเภอปักธงชัยที่เหลือปริมาณน้ำในอ่างอยู่ที่ 67.32% ซึ่งคาดว่าจะพอมีน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอในปีนี้

แต่สำหรับเกษตรกรนั้น ทางโครงการชลประทานได้มีการประชุมกับทางกลุ่มผู้ใช้น้ำแล้ว ขอความร่วมมือเกษตรการในพื้นที่ท้ายอ่างงดทำนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต้องสำรองน้ำไว้ใช้ตลอดหน้าแล้งปีนี้
 
แต่ที่ยังน่าห่วงก็คืออ่างเก็บน้ำขนาดกลางหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในหลายอำเภอของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 50% ต่ำสุดคืออ่างก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ อำเภอด่านขุนทดที่มีปริมาณน้ำเหลือ 2.557 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็น 29.39%
 
นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำในพื้นที่อำเภอเสิงสางที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 3 แห่ง มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 50% เช่นกัน โดยอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยหินมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 35.18% อ่างเก็บน้ำห้วยเตยมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 39.99% และอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 44.52%
 
นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่สำคัญอีกแห่ง คืออ่างเก็บน้ำห้วยบง ตำบลประสุข อำเภอชุมพวง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 47.81% เหลือใช้การได้ 44.93% ซึ่งจากสถานการณ์ที่กล่าวมานั้น ทำให้พื้นที่หลายอำเภอนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้ง
 
จึงทำให้ทางจังหวัดนครราชสีมา ประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่อง ในการรับมือการสถานการณ์ภัยแล้งพร้อมกับมีการขอความร่วมมือเกษตรกรในพื้นที่ท้ายอ่างให้งดทำนาปรัง เพื่อสำรองน้ำเอาไว้ใช้ในตลอดฤดูแล้งปีนี้



จับตา ‘เฮียเกียรติ’ อดีตเลขานักการเมือง เข้ามอบตัว DSI สู้คดี ‘หมูเถื่อน-ตีนไก่’
https://www.dailynews.co.th/news/3083732/

จับตา DSI ส่งทีมเข้ารับตัว "เฮียเกียรติ" อดีตเลขานักการเมืองดังพรรคใหญ่ คู่หู "เฮียเก้า" ซุปเปอร์มาเฟียก๊วน "ตีนไก่" สวมสิทธิ์ขายจีน หลังจากลงเครื่องที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อมอบตัว บ่ายโมง วันที่ 15 ม.ค. 67

จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คดีหมูเถื่อน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ดำเนินการรับคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 126/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์สัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฏหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว จำนวน 2,388 ตู้ และคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้ เพื่อสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดสำหรับดำเนินคดีทางอาญาตามฐานความผิด ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ 5 บุคคล ประกอบด้วย นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า , นายหยาง ยา ซุง , นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ , น.ส.นวพร เชาว์วัย และนายสมเกียรติ กอไพศาล ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 , ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาธนบุรีออกหมายค้นและหมายจับในคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้ หรือคดีเนื้อสัตว์เถื่อน โดยมีผู้ต้องหา 5 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่ได้อยู่ในพื้นที่เป้าหมายในระหว่างการตรวจค้น ประกอบด้วย 4 รายแรก คือ นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า, นายหยาง ยา ซุง, นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ , น.ส.นวพร เชาว์วัย ทั้งหมดล้วนอยู่ต่างประเทศ และประสานเข้ามอบตัวในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 15-19 ม.ค.
 
ขณะที่นายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ อดีตเลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงอยู่ในประเทศไทย ก่อนประสานเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในวันจันทร์ที่ 15 ม.ค. เวลา 12.45 น. โดยนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ เตรียมรับตัวนายสมเกียรติ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ก่อนควบคุมตัวส่งมอบให้คณะพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางคดีต่อไปในเวลา 13.00 น. ที่ ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
 
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือ เฮียเกียรติ มีบทบาทสำคัญคู่กับ เฮียเก้า หรือ นายหลี่ เซิ่งเจียว โดย เฮียเกียรติ รับหน้าที่คุมการส่งออกตีนไก่ ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ (สาธารณรัฐประชาชนจีน) ส่วนจะมีการใช้โควต้าสายสัมพันธ์ทางการเมือง เนื่องจากเคยเป็นอดีตเลขาส่วนตัวของนักการเมืองชื่อดังพรรคใหญ่ในการเอื้อประโยชน์หรือไม่นั้น คณะพนักงานสอบสวนจะต้องใช้ในการสอบปากคำเช่นกัน.



IMF คาด ปัญญาประดิษฐ์จะส่งผลกระทบต่องานทั่วโลกเกือบ 40%
https://www.pptvhd36.com/news/ไอที/214671

กองทุนการเงินระหว่างประเทศวิเคราะห์ ตลาดแรงงานทั่วโลกราว 40% จะได้รับผลกระทบจากเอไอ โดยมีทั้งผลเชิงบวกและผลเชิงลบ
 
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยผลการวิเคราะห์ฉบับใหม่เกี่ยวกับภัยคุกคามของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ต่อตลาดแรงงาน โดยคาดว่า การเข้ามาของเอไอจะส่งผลกระทบต่องานทั่วโลกเกือบ 40%
 
คริสตาลีนา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวว่า “ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เอไอมีแนวโน้มที่จะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันโดยรวมแย่ลง ... ผู้กำหนดนโยบายควรจัดการกับแนวโน้มที่น่าหนักใจนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มความตึงเครียดทางสังคม

ทั้งนี้ คำว่า “ส่งผลกระทบ” ไม่ได้หมายความว่าเอไอจะเข้ามาแทนทีมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายความรวมถึงการเพิ่มอาจเป็นตัวช่วยประสิทธิภาพการทำงานจากปกติ หรืออาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานก็ได้
 
IMF กล่าวว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เอไออาจจะส่งผลกระทบต่องานถึง 60% แต่ครึ่งหนึ่งของกรณีเหล่านี้ คาดว่าจะเป็นผลกระทยในแง่ที่พนักงานได้รับประโยชน์จากการบูรณาการนำเอไอมาใช้ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา
 
แต่ในกรณีที่เหลือ คาดว่าเอไอจะมีความสามารถในการทำงานสำคัญที่มนุษย์ทำอยู่ในปัจจุบันได้ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการแรงงานลดลง ส่งผลกระทบต่อค่าจ้าง และแม้กระทั่งอาจเกิดการเลิกจ้างงาน
 
ในขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีเอไอนี้จะส่งผลกระทบต่องานในประเทศที่มีรายได้น้อยเพียง 26% เท่านั้น
 
จอร์จีวากล่าวว่า “หลายประเทศเหล่านี้ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานหรือแรงงานที่มีทักษะในการใช้ประโยชน์จากเอไอ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงเมื่อเวลาผ่านไป  โดยเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศแย่ลง
 
IMF เชื่อว่า โดยทั่วไปแล้ว คนงานที่มีรายได้สูงและอายุน้อยกว่าอาจพบว่าค่าจ้างของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่สมส่วนหลังจากนำเอไอมาใช้ ส่วนผู้มีรายได้น้อยและแรงงานสูงอายุอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
 
เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศต่าง ๆ ในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่ครอบคลุม และเสนอโครงการฝึกอบรมใหม่สำหรับคนงานที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง (รายได้น้อย สูงอายุ)” จอร์จีวากล่าว
 
เธอเสริมว่า “ในการทำเช่นนั้น เราจะทำให้การเปลี่ยนแปลงของเอไอมีความครอบคลุมมากขึ้น ปกป้องวิถีการดำรงชีวิตและควบคุมระดับความไม่เท่าเทียมกัน
 
เรียบเรียงจาก BBC
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่