ภัยแล้งส่อวิกฤต อ่างเก็บน้ำขนาดกลางน่าห่วง เหลือน้ำใช้ไม่ถึงครึ่ง สั่งงดทำนาปรัง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8051473
นครราชสีมา ภัยแล้งส่อวิกฤต อ่างเก็บน้ำขนาดกลางน่าห่วง เหลือน้ำใช้ไม่ถึงครึ่ง สั่งงดทำนาปรัง เร่งหารือสำรองน้ำตลอดฤดูแล้งปีนี้
15 ม.ค. 67 – จากการรายงานข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำภายในจังหวัดนครราชสีมา ของฝ่ายจัดสรรน้ำฯ โครงการชลประทานนครราชสีมา พบว่าอ่างเก็บเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 อ่างเหลือน้ำอยู่ไม่ถึง 60% มีเพียงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงที่อำเภอปักธงชัยที่เหลือปริมาณน้ำในอ่างอยู่ที่ 67.32% ซึ่งคาดว่าจะพอมีน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอในปีนี้
แต่สำหรับเกษตรกรนั้น ทางโครงการชลประทานได้มีการประชุมกับทางกลุ่มผู้ใช้น้ำแล้ว ขอความร่วมมือเกษตรการในพื้นที่ท้ายอ่างงดทำนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต้องสำรองน้ำไว้ใช้ตลอดหน้าแล้งปีนี้
แต่ที่ยังน่าห่วงก็คืออ่างเก็บน้ำขนาดกลางหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในหลายอำเภอของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 50% ต่ำสุดคืออ่างก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ อำเภอด่านขุนทดที่มีปริมาณน้ำเหลือ 2.557 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็น 29.39%
นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำในพื้นที่อำเภอเสิงสางที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 3 แห่ง มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 50% เช่นกัน โดยอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยหินมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 35.18% อ่างเก็บน้ำห้วยเตยมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 39.99% และอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 44.52%
นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่สำคัญอีกแห่ง คืออ่างเก็บน้ำห้วยบง ตำบลประสุข อำเภอชุมพวง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 47.81% เหลือใช้การได้ 44.93% ซึ่งจากสถานการณ์ที่กล่าวมานั้น ทำให้พื้นที่หลายอำเภอนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้ง
จึงทำให้ทางจังหวัดนครราชสีมา ประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่อง ในการรับมือการสถานการณ์ภัยแล้งพร้อมกับมีการขอความร่วมมือเกษตรกรในพื้นที่ท้ายอ่างให้งดทำนาปรัง เพื่อสำรองน้ำเอาไว้ใช้ในตลอดฤดูแล้งปีนี้
จับตา ‘เฮียเกียรติ’ อดีตเลขานักการเมือง เข้ามอบตัว DSI สู้คดี ‘หมูเถื่อน-ตีนไก่’
https://www.dailynews.co.th/news/3083732/
จับตา DSI ส่งทีมเข้ารับตัว "เฮียเกียรติ" อดีตเลขานักการเมืองดังพรรคใหญ่ คู่หู "เฮียเก้า" ซุปเปอร์มาเฟียก๊วน "ตีนไก่" สวมสิทธิ์ขายจีน หลังจากลงเครื่องที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อมอบตัว บ่ายโมง วันที่ 15 ม.ค. 67
จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คดีหมูเถื่อน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ต.
ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ดำเนินการรับคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 126/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์สัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฏหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว จำนวน 2,388 ตู้ และคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้ เพื่อสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดสำหรับดำเนินคดีทางอาญาตามฐานความผิด ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ 5 บุคคล ประกอบด้วย นาย
หลี่ เซิ่งเจียว หรือ
เฮียเก้า , นาย
หยาง ยา ซุง , นาย
กรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ , น.ส.
นวพร เชาว์วัย และนาย
สมเกียรติ กอไพศาล ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 , ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาธนบุรีออกหมายค้นและหมายจับในคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้ หรือคดีเนื้อสัตว์เถื่อน โดยมีผู้ต้องหา 5 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่ได้อยู่ในพื้นที่เป้าหมายในระหว่างการตรวจค้น ประกอบด้วย 4 รายแรก คือ นาย
หลี่ เซิ่งเจียว หรือ
เฮียเก้า, นาย
หยาง ยา ซุง, นาย
กรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ , น.ส.
นวพร เชาว์วัย ทั้งหมดล้วนอยู่ต่างประเทศ และประสานเข้ามอบตัวในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 15-19 ม.ค.
ขณะที่นาย
สมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮีย
เกียรติ อดีตเลขาส่วนตัวของนาย
เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงอยู่ในประเทศไทย ก่อนประสานเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในวันจันทร์ที่ 15 ม.ค. เวลา 12.45 น. โดยนาย
วิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ เตรียมรับตัวนาย
สมเกียรติ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ก่อนควบคุมตัวส่งมอบให้คณะพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี โดย พ.ต.ต.
ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางคดีต่อไปในเวลา 13.00 น. ที่ ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนาย
สมเกียรติ กอไพศาล หรือ เ
ฮียเกียรติ มีบทบาทสำคัญคู่กับ
เฮียเก้า หรือ นายหลี่ เซิ่งเจียว โดย เฮีย
เกียรติ รับหน้าที่คุมการส่งออกตีนไก่ ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ (สาธารณรัฐประชาชนจีน) ส่วนจะมีการใช้โควต้าสายสัมพันธ์ทางการเมือง เนื่องจากเคยเป็นอดีตเลขาส่วนตัวของนักการเมืองชื่อดังพรรคใหญ่ในการเอื้อประโยชน์หรือไม่นั้น คณะพนักงานสอบสวนจะต้องใช้ในการสอบปากคำเช่นกัน.
IMF คาด ปัญญาประดิษฐ์จะส่งผลกระทบต่องานทั่วโลกเกือบ 40%
https://www.pptvhd36.com/news/ไอที/214671
กองทุนการเงินระหว่างประเทศวิเคราะห์ ตลาดแรงงานทั่วโลกราว 40% จะได้รับผลกระทบจากเอไอ โดยมีทั้งผลเชิงบวกและผลเชิงลบ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยผลการวิเคราะห์ฉบับใหม่เกี่ยวกับภัยคุกคามของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ต่อตลาดแรงงาน โดยคาดว่า การเข้ามาของเอไอจะส่งผลกระทบต่องานทั่วโลกเกือบ 40%
คริสตาลีนา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวว่า “
ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เอไอมีแนวโน้มที่จะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันโดยรวมแย่ลง ... ผู้กำหนดนโยบายควรจัดการกับแนวโน้มที่น่าหนักใจนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มความตึงเครียดทางสังคม”
ทั้งนี้ คำว่า “
ส่งผลกระทบ” ไม่ได้หมายความว่าเอไอจะเข้ามาแทนทีมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายความรวมถึงการเพิ่มอาจเป็นตัวช่วยประสิทธิภาพการทำงานจากปกติ หรืออาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานก็ได้
IMF กล่าวว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เอไออาจจะส่งผลกระทบต่องานถึง 60% แต่ครึ่งหนึ่งของกรณีเหล่านี้ คาดว่าจะเป็นผลกระทยในแง่ที่พนักงานได้รับประโยชน์จากการบูรณาการนำเอไอมาใช้ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา
แต่ในกรณีที่เหลือ คาดว่าเอไอจะมีความสามารถในการทำงานสำคัญที่มนุษย์ทำอยู่ในปัจจุบันได้ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการแรงงานลดลง ส่งผลกระทบต่อค่าจ้าง และแม้กระทั่งอาจเกิดการเลิกจ้างงาน
ในขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีเอไอนี้จะส่งผลกระทบต่องานในประเทศที่มีรายได้น้อยเพียง 26% เท่านั้น
จอร์จีวากล่าวว่า “
หลายประเทศเหล่านี้ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานหรือแรงงานที่มีทักษะในการใช้ประโยชน์จากเอไอ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงเมื่อเวลาผ่านไป โดยเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศแย่ลง”
IMF เชื่อว่า โดยทั่วไปแล้ว คนงานที่มีรายได้สูงและอายุน้อยกว่าอาจพบว่าค่าจ้างของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่สมส่วนหลังจากนำเอไอมาใช้ ส่วนผู้มีรายได้น้อยและแรงงานสูงอายุอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
“
เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศต่าง ๆ ในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่ครอบคลุม และเสนอโครงการฝึกอบรมใหม่สำหรับคนงานที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง (รายได้น้อย สูงอายุ)”
จอร์จีวากล่าว
เธอเสริมว่า “
ในการทำเช่นนั้น เราจะทำให้การเปลี่ยนแปลงของเอไอมีความครอบคลุมมากขึ้น ปกป้องวิถีการดำรงชีวิตและควบคุมระดับความไม่เท่าเทียมกัน”
เรียบเรียงจาก
BBC
JJNY : ภัยแล้งส่อวิกฤต│จับตา ‘เฮียเกียรติ’ อดีตเลขานักการเมืองมอบตัว│IMF คาด ปัญญาประดิษฐ์กระทบ│อิสราเอลถล่มเดือดเลบานอน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8051473
นครราชสีมา ภัยแล้งส่อวิกฤต อ่างเก็บน้ำขนาดกลางน่าห่วง เหลือน้ำใช้ไม่ถึงครึ่ง สั่งงดทำนาปรัง เร่งหารือสำรองน้ำตลอดฤดูแล้งปีนี้
15 ม.ค. 67 – จากการรายงานข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำภายในจังหวัดนครราชสีมา ของฝ่ายจัดสรรน้ำฯ โครงการชลประทานนครราชสีมา พบว่าอ่างเก็บเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 อ่างเหลือน้ำอยู่ไม่ถึง 60% มีเพียงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงที่อำเภอปักธงชัยที่เหลือปริมาณน้ำในอ่างอยู่ที่ 67.32% ซึ่งคาดว่าจะพอมีน้ำใช้อุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอในปีนี้
แต่สำหรับเกษตรกรนั้น ทางโครงการชลประทานได้มีการประชุมกับทางกลุ่มผู้ใช้น้ำแล้ว ขอความร่วมมือเกษตรการในพื้นที่ท้ายอ่างงดทำนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต้องสำรองน้ำไว้ใช้ตลอดหน้าแล้งปีนี้
แต่ที่ยังน่าห่วงก็คืออ่างเก็บน้ำขนาดกลางหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในหลายอำเภอของพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 50% ต่ำสุดคืออ่างก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ อำเภอด่านขุนทดที่มีปริมาณน้ำเหลือ 2.557 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือคิดเป็น 29.39%
นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำในพื้นที่อำเภอเสิงสางที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 3 แห่ง มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 50% เช่นกัน โดยอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยหินมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 35.18% อ่างเก็บน้ำห้วยเตยมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 39.99% และอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 44.52%
นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่สำคัญอีกแห่ง คืออ่างเก็บน้ำห้วยบง ตำบลประสุข อำเภอชุมพวง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 47.81% เหลือใช้การได้ 44.93% ซึ่งจากสถานการณ์ที่กล่าวมานั้น ทำให้พื้นที่หลายอำเภอนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้ง
จึงทำให้ทางจังหวัดนครราชสีมา ประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่อง ในการรับมือการสถานการณ์ภัยแล้งพร้อมกับมีการขอความร่วมมือเกษตรกรในพื้นที่ท้ายอ่างให้งดทำนาปรัง เพื่อสำรองน้ำเอาไว้ใช้ในตลอดฤดูแล้งปีนี้
จับตา ‘เฮียเกียรติ’ อดีตเลขานักการเมือง เข้ามอบตัว DSI สู้คดี ‘หมูเถื่อน-ตีนไก่’
https://www.dailynews.co.th/news/3083732/
จับตา DSI ส่งทีมเข้ารับตัว "เฮียเกียรติ" อดีตเลขานักการเมืองดังพรรคใหญ่ คู่หู "เฮียเก้า" ซุปเปอร์มาเฟียก๊วน "ตีนไก่" สวมสิทธิ์ขายจีน หลังจากลงเครื่องที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อมอบตัว บ่ายโมง วันที่ 15 ม.ค. 67
จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คดีหมูเถื่อน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ นำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ดำเนินการรับคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 126/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์สัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฏหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว จำนวน 2,388 ตู้ และคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้ เพื่อสอบสวนหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดสำหรับดำเนินคดีทางอาญาตามฐานความผิด ต่อมาได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ 5 บุคคล ประกอบด้วย นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า , นายหยาง ยา ซุง , นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ , น.ส.นวพร เชาว์วัย และนายสมเกียรติ กอไพศาล ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 , ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่คณะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาธนบุรีออกหมายค้นและหมายจับในคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้านำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จำนวนกว่า 10,000 ตู้ หรือคดีเนื้อสัตว์เถื่อน โดยมีผู้ต้องหา 5 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่ได้อยู่ในพื้นที่เป้าหมายในระหว่างการตรวจค้น ประกอบด้วย 4 รายแรก คือ นายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า, นายหยาง ยา ซุง, นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ , น.ส.นวพร เชาว์วัย ทั้งหมดล้วนอยู่ต่างประเทศ และประสานเข้ามอบตัวในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 15-19 ม.ค.
ขณะที่นายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ อดีตเลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงอยู่ในประเทศไทย ก่อนประสานเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในวันจันทร์ที่ 15 ม.ค. เวลา 12.45 น. โดยนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ เตรียมรับตัวนายสมเกียรติ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ก่อนควบคุมตัวส่งมอบให้คณะพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางคดีต่อไปในเวลา 13.00 น. ที่ ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือ เฮียเกียรติ มีบทบาทสำคัญคู่กับ เฮียเก้า หรือ นายหลี่ เซิ่งเจียว โดย เฮียเกียรติ รับหน้าที่คุมการส่งออกตีนไก่ ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ (สาธารณรัฐประชาชนจีน) ส่วนจะมีการใช้โควต้าสายสัมพันธ์ทางการเมือง เนื่องจากเคยเป็นอดีตเลขาส่วนตัวของนักการเมืองชื่อดังพรรคใหญ่ในการเอื้อประโยชน์หรือไม่นั้น คณะพนักงานสอบสวนจะต้องใช้ในการสอบปากคำเช่นกัน.
IMF คาด ปัญญาประดิษฐ์จะส่งผลกระทบต่องานทั่วโลกเกือบ 40%
https://www.pptvhd36.com/news/ไอที/214671
กองทุนการเงินระหว่างประเทศวิเคราะห์ ตลาดแรงงานทั่วโลกราว 40% จะได้รับผลกระทบจากเอไอ โดยมีทั้งผลเชิงบวกและผลเชิงลบ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปิดเผยผลการวิเคราะห์ฉบับใหม่เกี่ยวกับภัยคุกคามของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ต่อตลาดแรงงาน โดยคาดว่า การเข้ามาของเอไอจะส่งผลกระทบต่องานทั่วโลกเกือบ 40%
คริสตาลีนา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวว่า “ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เอไอมีแนวโน้มที่จะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันโดยรวมแย่ลง ... ผู้กำหนดนโยบายควรจัดการกับแนวโน้มที่น่าหนักใจนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มความตึงเครียดทางสังคม”
ทั้งนี้ คำว่า “ส่งผลกระทบ” ไม่ได้หมายความว่าเอไอจะเข้ามาแทนทีมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายความรวมถึงการเพิ่มอาจเป็นตัวช่วยประสิทธิภาพการทำงานจากปกติ หรืออาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานก็ได้
IMF กล่าวว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เอไออาจจะส่งผลกระทบต่องานถึง 60% แต่ครึ่งหนึ่งของกรณีเหล่านี้ คาดว่าจะเป็นผลกระทยในแง่ที่พนักงานได้รับประโยชน์จากการบูรณาการนำเอไอมาใช้ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา
แต่ในกรณีที่เหลือ คาดว่าเอไอจะมีความสามารถในการทำงานสำคัญที่มนุษย์ทำอยู่ในปัจจุบันได้ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการแรงงานลดลง ส่งผลกระทบต่อค่าจ้าง และแม้กระทั่งอาจเกิดการเลิกจ้างงาน
ในขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีเอไอนี้จะส่งผลกระทบต่องานในประเทศที่มีรายได้น้อยเพียง 26% เท่านั้น
จอร์จีวากล่าวว่า “หลายประเทศเหล่านี้ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานหรือแรงงานที่มีทักษะในการใช้ประโยชน์จากเอไอ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงเมื่อเวลาผ่านไป โดยเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศแย่ลง”
IMF เชื่อว่า โดยทั่วไปแล้ว คนงานที่มีรายได้สูงและอายุน้อยกว่าอาจพบว่าค่าจ้างของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่สมส่วนหลังจากนำเอไอมาใช้ ส่วนผู้มีรายได้น้อยและแรงงานสูงอายุอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
“เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศต่าง ๆ ในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่ครอบคลุม และเสนอโครงการฝึกอบรมใหม่สำหรับคนงานที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง (รายได้น้อย สูงอายุ)” จอร์จีวากล่าว
เธอเสริมว่า “ในการทำเช่นนั้น เราจะทำให้การเปลี่ยนแปลงของเอไอมีความครอบคลุมมากขึ้น ปกป้องวิถีการดำรงชีวิตและควบคุมระดับความไม่เท่าเทียมกัน”
เรียบเรียงจาก BBC