"ปกรณ์วุติ" ฟาด "นายกฯ" ควรมีวุฒิภาวะอนุมัติ "ร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ" ฉบับ "ก้าวไกล" ประกบร่างของ ครม.
https://siamrath.co.th/n/505688
วันที่ 9 ม.ค.2567 เวลา 10.10 น.ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมวิปฝ่ายค้านถึงร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อากาศสะอาด ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 7 ฉบับ ว่า ทุกร่างเป็นร่างเกี่ยวข้องกับการเงิน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องเซ็นรับรอง แต่หนึ่งในนั้นมีร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ ของพรรคก้าวไกลที่วิปรัฐบาลบอกว่านายกรัฐมนตรีไม่เซ็นรับรองให้ โดยอ้างเหตุผลความคิดเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ระบุว่าร่างของพรรคก้าวไกลมีหลักการต่างจากร่างอื่น จึงไม่สามารถนำมาประกอบได้ อย่างไรก็ตามในวันนี้(9 ม.ค.)กฤษฎีกาจะมาชี้แจงต่อวิปฝ่ายค้าน จึงจะใช้โอกาสถามรายละเอียดและให้ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวอีกรอบ
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาวิปรัฐบาลมองว่าร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษของพรรคก้าวไกล เป็นส่วนย่อยของ ร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด จึงต้องตั้งคำถามดังๆ ว่า ทำไมถึงประกบร่วมกันไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ควรอ้างความเห็นของกฤษฎีกาทุกอย่าง เพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการตัดสินใจเซ็นรับรอง จึงต้องมีวุฒิภาวะเพียงพอในการพิจารณาเองได้ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ เป็นหลักการเดียวกันและสามารถพิจารณาร่วมกันได้กับร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้ร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ จะไม่ได้เข้าสู่สภาฯพร้อมกับร่างอื่นๆ แต่เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการ พรรคก้าวไกลก็มีสัดส่วนในการเข้าไปร่วมผลักดันรายละเอียดได้อยู่แล้ว
“
ผมมองว่าเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนหากร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษไม่เข้าพิจารณาพร้อมกันในตอนนี้ แล้วนายกฯเซ็นรับรองในภายหลัง เมื่อเข้าสู่สภาฯจะต้องพิจารณาอีกรอบและอาจเป็นการแก้ไข พ.ร.บ.เดิม ที่บังคับใช้ไปแล้ว จึงเห็นว่าหากพิจารณารอบเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่า”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เตรียมเดินหน้าออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ว่า ฝ่ายค้านขอรอดูท่าทีอย่างเป็นทางการ ขณะที่พรรคก้าวไกลมีท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวตั้งแต่แรกแล้ว จึงจะรอตรวจสอบอย่างเข้มข้นอีกครั้ง
"ปกรณ์วุฒิ" เผย "ทสท." จ่อคืน เก้าอี้ “ปธ.กมธ.อว.” หลัง 3 สส.โหวตสวนมติฝ่ายค้าน
https://siamrath.co.th/n/505685
วันที่ 9 ม.ค.2567 เวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 4 สส.ฝ่ายค้าน โหวตสวนมติในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่ผ่านมาว่าพรรคไทยสร้างไทยได้ติดต่อมาพูดคุยกับตนแล้วว่าไม่สามารถควบคุมเสียงสส.3 คนของพรรคได้ ส่วนมาตรการในการดำเนินการก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคว่าจะมีแนวทางออกมาอย่างไร ส่วนตนในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านได้พูดคุยกับนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.ซึ่งเดิมเป็นโควต้า กมธ. ของพรรคก้าวไกล ที่มอบให้พรรคไทยสร้างไทยไป นายฐากร ได้แจ้งขอคืนให้พรรคก้าวไกลก่อนกำหนดที่คุยกันไว้แล้ว ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นต้องรอทางพรรคไทยสร้างไทยแจ้งกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ยืนยันว่า พร้อมร่วมงานร่วมกับ 3 สส.พรรคไทยสร้างไทย ที่โหวตสวนมติวิปฝ่ายค้าน และพรรคการเมืองต่างๆ ด้วย ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเล็ก แต่ในส่วนของนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่โหวตส่วนมติฝ่ายค้านยังไม่เคยพูดคุยถึงการทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกันอย่างเป็นทางการ แต่จากการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯที่ผ่านมาก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายสุรทินไม่ได้อยู่ร่วมกับฝ่ายค้าน ซึ่งไม่เป็นไรอยู่กันเท่าที่มี” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าได้วางมาตรการสำหรับอนาคตต่อการโหวตในสภาฯครั้งถัดไปหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากเป็นการพิจารณาในวาระใหญ่ๆ เช่นการอภิปรายไปไว้วางใจ แน่นอนว่าจะต้องมีมติวิปฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ และจะต้องมีมาตรการในการทำงานร่วมกันของพรรคฝ่ายค้าน
เอกชนเตรียมนำประเด็นส่วนต่างดอกเบี้ยถกที่ประชุมกกร. พรุ่งนี้
https://tna.mcot.net/business-1300387
กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยระบุการประชุม กกร. พรุ่งนี้ จะนำประเด็นส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และฝากของธนาคารพาณิชย์มาหารือร่วมกัน พร้อมแนะ ธปท.และดูให้เกิดความเหมาะสมเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีและนักวิชาการ ภาคเอกชนรวมถึงประชาชนมมีความกังวลใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมีความแตกต่างกันมากจนเกินไปนั้น ซึ่งในมุมของหอการค้าไทยยังเห็นว่าหากธนาคารพาณิชย์สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะช่วยลดภาระประชาชน ลดต้นทุนผู้ประกอบการและช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก อีกทั้งยังช่วยเร่งให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) การประชุม กกร. คงจะมีการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ในประเด็นดังกล่าวร่วมกันด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะนี้ หอการค้าไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมและพอรับได้ แต่ก็หวังว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และหากในตลาดต่างประเทศมีการปรับลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ก็อยากให้ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง 3 เดือนนั้น หอการค้าไทย ยังมองว่าส่วนนี้น่าจะมาจากการปรับลดเชิงเทคนิค ตามนโยบายการลดภาระค่าของชีพด้านพลังงานของภาครัฐทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงซึ่งในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังมีการปรับขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง โดยเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ที่ 1.23% โดยขณะที่นโยบายการคลังที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้ง การยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว, Easy E-Receipt, รวมถึงการผลักดันโครงการ Digital Wallet จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและคาดว่าปี 2567 อัตราเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.0-2.5% ซึ่งอยู่ในกรอบที่กระทรวงการคลังและ ธปท. ดูแลไว้ที่ 1 – 3% เป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย
JJNY : "ปกรณ์วุติ"ฟาด"นายกฯ"│เผย"ทสท."จ่อคืนเก้าอี้“ปธ.กมธ.อว.”│เตรียมถกกกร. พรุ่งนี้│คิวบาจ่อขึ้นค่าเชื้อเพลิง 500%
https://siamrath.co.th/n/505688
วันที่ 9 ม.ค.2567 เวลา 10.10 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมวิปฝ่ายค้านถึงร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อากาศสะอาด ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 7 ฉบับ ว่า ทุกร่างเป็นร่างเกี่ยวข้องกับการเงิน ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องเซ็นรับรอง แต่หนึ่งในนั้นมีร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ ของพรรคก้าวไกลที่วิปรัฐบาลบอกว่านายกรัฐมนตรีไม่เซ็นรับรองให้ โดยอ้างเหตุผลความคิดเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ระบุว่าร่างของพรรคก้าวไกลมีหลักการต่างจากร่างอื่น จึงไม่สามารถนำมาประกอบได้ อย่างไรก็ตามในวันนี้(9 ม.ค.)กฤษฎีกาจะมาชี้แจงต่อวิปฝ่ายค้าน จึงจะใช้โอกาสถามรายละเอียดและให้ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวอีกรอบ
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาวิปรัฐบาลมองว่าร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษของพรรคก้าวไกล เป็นส่วนย่อยของ ร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด จึงต้องตั้งคำถามดังๆ ว่า ทำไมถึงประกบร่วมกันไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ควรอ้างความเห็นของกฤษฎีกาทุกอย่าง เพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการตัดสินใจเซ็นรับรอง จึงต้องมีวุฒิภาวะเพียงพอในการพิจารณาเองได้ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ เป็นหลักการเดียวกันและสามารถพิจารณาร่วมกันได้กับร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้ร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษ จะไม่ได้เข้าสู่สภาฯพร้อมกับร่างอื่นๆ แต่เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการ พรรคก้าวไกลก็มีสัดส่วนในการเข้าไปร่วมผลักดันรายละเอียดได้อยู่แล้ว
“ผมมองว่าเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนหากร่างพ.ร.บ.อากาศเป็นพิษไม่เข้าพิจารณาพร้อมกันในตอนนี้ แล้วนายกฯเซ็นรับรองในภายหลัง เมื่อเข้าสู่สภาฯจะต้องพิจารณาอีกรอบและอาจเป็นการแก้ไข พ.ร.บ.เดิม ที่บังคับใช้ไปแล้ว จึงเห็นว่าหากพิจารณารอบเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่า”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เตรียมเดินหน้าออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ว่า ฝ่ายค้านขอรอดูท่าทีอย่างเป็นทางการ ขณะที่พรรคก้าวไกลมีท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวตั้งแต่แรกแล้ว จึงจะรอตรวจสอบอย่างเข้มข้นอีกครั้ง
"ปกรณ์วุฒิ" เผย "ทสท." จ่อคืน เก้าอี้ “ปธ.กมธ.อว.” หลัง 3 สส.โหวตสวนมติฝ่ายค้าน
https://siamrath.co.th/n/505685
วันที่ 9 ม.ค.2567 เวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 4 สส.ฝ่ายค้าน โหวตสวนมติในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่ผ่านมาว่าพรรคไทยสร้างไทยได้ติดต่อมาพูดคุยกับตนแล้วว่าไม่สามารถควบคุมเสียงสส.3 คนของพรรคได้ ส่วนมาตรการในการดำเนินการก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคว่าจะมีแนวทางออกมาอย่างไร ส่วนตนในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านได้พูดคุยกับนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.ซึ่งเดิมเป็นโควต้า กมธ. ของพรรคก้าวไกล ที่มอบให้พรรคไทยสร้างไทยไป นายฐากร ได้แจ้งขอคืนให้พรรคก้าวไกลก่อนกำหนดที่คุยกันไว้แล้ว ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นต้องรอทางพรรคไทยสร้างไทยแจ้งกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ยืนยันว่า พร้อมร่วมงานร่วมกับ 3 สส.พรรคไทยสร้างไทย ที่โหวตสวนมติวิปฝ่ายค้าน และพรรคการเมืองต่างๆ ด้วย ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคเล็ก แต่ในส่วนของนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่โหวตส่วนมติฝ่ายค้านยังไม่เคยพูดคุยถึงการทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกันอย่างเป็นทางการ แต่จากการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯที่ผ่านมาก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายสุรทินไม่ได้อยู่ร่วมกับฝ่ายค้าน ซึ่งไม่เป็นไรอยู่กันเท่าที่มี” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าได้วางมาตรการสำหรับอนาคตต่อการโหวตในสภาฯครั้งถัดไปหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากเป็นการพิจารณาในวาระใหญ่ๆ เช่นการอภิปรายไปไว้วางใจ แน่นอนว่าจะต้องมีมติวิปฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ และจะต้องมีมาตรการในการทำงานร่วมกันของพรรคฝ่ายค้าน
เอกชนเตรียมนำประเด็นส่วนต่างดอกเบี้ยถกที่ประชุมกกร. พรุ่งนี้
https://tna.mcot.net/business-1300387
กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยระบุการประชุม กกร. พรุ่งนี้ จะนำประเด็นส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และฝากของธนาคารพาณิชย์มาหารือร่วมกัน พร้อมแนะ ธปท.และดูให้เกิดความเหมาะสมเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีและนักวิชาการ ภาคเอกชนรวมถึงประชาชนมมีความกังวลใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมีความแตกต่างกันมากจนเกินไปนั้น ซึ่งในมุมของหอการค้าไทยยังเห็นว่าหากธนาคารพาณิชย์สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะช่วยลดภาระประชาชน ลดต้นทุนผู้ประกอบการและช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก อีกทั้งยังช่วยเร่งให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) การประชุม กกร. คงจะมีการหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ในประเด็นดังกล่าวร่วมกันด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะนี้ หอการค้าไทยมองว่าอัตราดอกเบี้ยไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมและพอรับได้ แต่ก็หวังว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และหากในตลาดต่างประเทศมีการปรับลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ก็อยากให้ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง 3 เดือนนั้น หอการค้าไทย ยังมองว่าส่วนนี้น่าจะมาจากการปรับลดเชิงเทคนิค ตามนโยบายการลดภาระค่าของชีพด้านพลังงานของภาครัฐทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงซึ่งในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังมีการปรับขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง โดยเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ที่ 1.23% โดยขณะที่นโยบายการคลังที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้ง การยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว, Easy E-Receipt, รวมถึงการผลักดันโครงการ Digital Wallet จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและคาดว่าปี 2567 อัตราเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.0-2.5% ซึ่งอยู่ในกรอบที่กระทรวงการคลังและ ธปท. ดูแลไว้ที่ 1 – 3% เป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย