JJNY : อภิปรายงบ’67 ให้ศิริกัญญายืนหนึ่ง│แฉงบท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้ทำถนน│"ส.อ.ท."สวน"พีระพันธุ์"│อิหร่านซัดสหรัฐ-อิสราเอล

ปิยบุตร ตัดเกรดวันแรก อภิปรายงบ’67 ให้ศิริกัญญา ยืนหนึ่ง ชี้ครบถ้วน ตามหลักวิชาการ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4359067
 
 
ปิยบุตร ตัดเกรดวันแรก อภิปรายงบ’67 ให้ศิริกัญญา ยืนหนึ่ง ชี้ครบถ้วน ตามหลักวิชาการ 
 
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวไกล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ผ่าน x ทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นถึงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวันแรกว่า 

จนถึงเวลานี้ การอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ผมยกให้ ศิริกัญญา ตันสกุล มาเป็นอันดับที่หนึ่ง ครบถ้วนตามหลักวิชาการ นี่เป็นลายเซ็นของการทำงบประมาณแบบก้าวไกลครับ ถ้าใครไม่มีเวลากดฟังทั้งหมด แนะนำว่า อย่าไปดูที่ตัดเป็นท่อนๆ แล้วพาดหัวเอง เอาหวือหวาเรียกยอดไลค์ยอดแชร์ของเพจต่างๆเลย แต่ลองใช้เวลาอ่านสรุปความที่เพจพรรคก้าวไกลทำไว้ก็ได้ อ่านช้าๆ ไม่เกิน 10 นาที อ่านเร็ว 5-7 นาที เท่านั้นครับ
 
https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1742529310060396867


 
“ณัฐพล” แฉ งบท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้ทำถนน หวั่น Quick win อาจเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2752455

“ณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล” ชำแหละงบท่องเที่ยว น้อยกว่ารัฐบาลที่แล้ว แต่ตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่ แถมยังเอาไปทำถนน หวั่นจะไม่ใช่ Quick win แต่อาจจะเป็นแค่ Wind สร้างฝันลมๆ แล้งๆ แนะถึงเวลาแล้วที่ไทยต้องมูฟออนจากนักท่องเที่ยวจีน หลังเปิดฟรีวีซ่า แต่ยอดไม่เข้าเป้า
 
วันที่ 3 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 18.27 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ.2567 นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบการท่องเที่ยว โดยกล่าวว่า ผลจากนโยบายวีซ่าฟรีกับนักท่องเที่ยวจีน 4 เดือนที่ผ่านมา พบว่าไม่เข้าเป้า จึงเชื่อว่ารัฐบาลจะทราบแล้วว่าปัจจัยเรื่องการท่องเที่ยวมีผลลบทั้งภายในและภายนอก ทั้งเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ประเทศไทย การถูกเอารัดเอาเปรียบ ขณะที่จีนเปิดวีซ่าให้ไทย เนื่องจากต้องการรุกหนักเรื่องท่องเที่ยว จึงถึงเวลาแล้วที่ไทยจะมูฟออนจากนักท่องเที่ยวจีน
 
ขณะที่งบการท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ พบว่าน้อยกว่ารัฐบาลที่แล้ว จึงขอตั้งคำถามว่าจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ที่ 3 ล้านล้านบาท ได้หรือไม่ ทั้งที่มีปัจจัยลบมากกว่า เมื่อแยกดูโครงการท่องเที่ยวในงบจังหวัด และกลุ่มจังหวัด พบว่ากว่า 16,487.72 ล้านบาท เป็นงบทำถนนถึง 46.68% จึงตั้งคำถามว่ารัฐบาลกำลังทำแคมเปญท่องเที่ยวทางรถยนต์อย่างเดียวหรือไม่ แทนที่จะเจียดมาพัฒนาระบบขนส่งบ้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง อีกทั้งยังพบว่า งบพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว มีเพียง 15.90% เท่านั้น ทั้งที่งบทั้ง 2 ด้านควรจะสมดุลกัน และอย่าลืมว่ารัฐบาลมีเป้าหมายต้องการนักท่องเที่ยวเข้าไทย 35 ล้านคน 
 
นายณัฐพล ยังกล่าวอีกว่า เมื่อค้นในเอกสารงบประมาณกลับพบว่านโยบายไม่ตรงกับงบ โดยไม่มีการพูดถึง Water Festival ไม่มีสงกรานต์ตลอดเดือน ขณะที่เรื่องการท่องที่ยวที่น่าจะทำได้ แต่กลับได้งบน้อย เช่น Green Tourism, Muslim friendly และนักท่องเที่ยวสาย Camping อีกทั้งงบประมาณไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย ใช้ไม่ตรงจุด เพราะเอางบไปทำถนน ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาสำคัญ และเรื่องที่จะทำไม่ปรากฏในงบ จึงขอถามว่าในงบประมาณฉบับนี้มีกี่เรื่องกี่โครงการที่จะนำไปสู่เป้าหมาย Quick win และ Permanent win เพราะเป้าหมายที่ตั้งมาอย่างยิ่งใหญ่ หากรัฐบาลตอบไม่ได้ มันก็เป็นไปไม่ได้ อาจจะเป็นแค่ Wind หรือความฝันลมๆ แล้งๆ ตนเองจึงขอไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้. 


 
"ส.อ.ท."สวน"พีระพันธุ์"กว่า 2 ปีไม่ขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนพลังงานพุ่ง
https://www.thansettakij.com/sustainable/energy/584960

"ส.อ.ท."สวน"พีระพันธุ์"กว่า 2 ปีไม่ขึ้นราคาสินค้าตามต้นทุนพลังงานพุ่ง ระบุปี ุ65 ราคาพลังงานยังสูงกว่าปี 67 แนะเรับฟังความของเอกชนที่มองส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่มาโต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดีย
 
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผ่านรายการ "กรุงเทพธุรกิจ Biz Insight" ถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค -  Pirapan  Salirathavibhaga" เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2566 ว่า ลดค่าไฟ/ลดดีเซลมาหลายเดือนแล้วและต่ออีกสี่เดือน สภาอุตสาหกรรมมีมาตรการในการลดราคาสินค้าให้ประชาชนอย่างไรบ้าง 
 
ทั้งนี้ ส่วนตัวต้องให้กำลังใจถึงเจตนาดีของ รมว.พลังงาน สะท้อนให้เห็นว่าเข้ามาดำรงตำแหน่งไม่ถึง 4 เดือน ก็มีมาตรการในการตรึงราคาดีเซล ไฟฟ้า โดยสิ่งที่สะท้อนภาพชัดเจนคือ ต้องยอมรับว่าเจตนาของทางรัฐบาลมีเจตนาดีที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน 
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนอยากจะนำเสนอมี  3 หัวข้อ ได้แก่ 
 
1. ราคาสินค้าควบคุมกับต้นทุนค่าไฟฟ้าและพลังงานของปี 2565 กับต้นปี 2567 จึงต้องการชี้แจงว่า ราคาพลังงานขณะนี้หากเทียบกับราคาพลังงานเมื่อปี 2565 ราคาค่าไฟฟ้า 1 ปี มี 3 งวด โดยปี 2564 ค่าไฟฟ้าประมาณ 3.78 บาทต่อหน่วย ในขณะที่ปี 2565 มีการปรับขึ้นตลอดทั้งปี แม้ว่ารัฐบาลจะมีการออกมาตรการลดราคาจากที่สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศแล้วก็ตาม
 
"ตอนนี้ค่าไฟฟ้างวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2567 แม้กกพ. จะประกาศออกมาที่ 4.68 บาทต่อหน่วย ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างหาเงินสนุบสนุนและยืนยันว่าจะไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย แต่มองว่าไม่ควรเกิน 4.10 บาทต่อหน่วย เพราะราคานำเข้า LNG วันนี้ลดลงแล้ว"
 
นอกจากนี้ จากการที่ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2565 เอกชนก็ไม่ได้มีการปรับราคา อีกทั้งยังมีกระทรวงพาณิชย์ดูแล ไม่ใช่เรื่องง่ายในการจะปรับราคาเพราะมีกลไกในการดำเนินการ สามารถตรวจสอบได้ กลับกันหากมองราคาพลังงานปัจจุบันถือว่าแพงกว่า ณ ต้นปี 2565 ดังนั้น เมื่อรมว.พลังงานบอกว่าตรึงราคาดีเซลแล้วไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร รวมถึงตรึงราคาไฟฟ้าแล้ว ก็ยังสูงกว่าปี 2565 ในขณะที่ดูราคาสินค้าไม่มีการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนพลังงาน 

"ที่ผ่านมาเอกชนต้องขาดทุนในเรื่องของกำไร เพราะต้นทุนผลิตด้านพลังงานเพิ่มขึ้นต่อให้กลับมาที่ 4 บาทต้น ๆ ก็ยังแพงกว่าปี 2565 อยู่ดี ดังนั้นอย่าทำให้ประชาชนหลงประเด็น แม้เจตนาจะดีแต่กลไกมีหลายเรื่อง ต้นทุนวัตถุดิบสินค้าบางอย่างก็ขึ้นเพราะนำเข้าจากต่างประเทศ"
 
2. บทบาทภาครัฐระดับนโยบายกับภาคเอกชนที่มีกลไกตลาดแข่งขันเสรีเป็นตัวขับเคลื่อน จะเห็นได้ว่า ราคานำเข้า LNG ปัจจุบันเหลือที่ 11.5 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ถือว่าลงมาจากเดือนธ.ค. 2566 ที่ราคา 14 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เพราะประเทศใหญ่ ๆ อย่าง อเมริกา จีน และยุโรป ไม่มีความต้องการใช้สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจไม่ดี แต่ทำไมค่าไฟงวดที่ 1/2567 ยังสูงในเมื่อพลังงานราคาลดลงเกือบใกล้กับก่อนหน้าที่เจอวิกฤติ
 
นอกจากนี้ เมื่อช่วงวิกฤติยังผ่านมาได้ดี หากจะเดินหน้าต่อขอให้ดูความเป็นจริงว่าจะเดินไปข้างหน้า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุโดยใช้ก๊าซธรรมชาติ 65% ในการผลิตไฟฟ้า รัฐบาลเพิ่งจะแตกปัญหาได้จากสิ่งที่หลายภาคส่วนสะท้อนออกไป จึงอยากให้เปิดใจหารือร่วมกันผ่าน กรอ.พนักงาน 
อย่างไรก็ตาม เอกชนขับเคลื่อนโดยกลไกเสรี อยู่ดี ๆ จะไปขึ้นราคาสินค้าคงเป็นไปไม่ได้เพราะอยู่ในตลาดแห่งการแข่งขันเสรี มีคู่แข่ง ประชาชนจะเป็นผู้เลือก ส.อ.ท ผลักดันนโยบาย ESG โดยการทำธุรกิจต้องคำนึงถึงความยั่งยืน ดังนั้น ภาคนโยบายต้องเข้าใจโจทย์หากแก้ที่ต้นตอจริง ๆ วันนี้ความเหลื่อมล้ำในสังคม ทุนผูกขาดและอีกหลายเรื่องจะต้องแก้ไขป
 
3. ทำไมต้องมาลุ้นค่าไฟฟ้าทุก 4 เดือน หากรัฐบาลแก้ไขตรงจุด ก็ไม่ต้องมีการทะเลาะกัน เอกชนพร้อมให้ความร่วมมือ เอกชนมีกรอ.พาณิชย์ กรอ.เกษตร ได้มีการหารือและร่วมกันในการแก้ปัญหาเพื่อความยั่งยืน ดังนั้นกระทรวงพลังงานกลัวอะไร ปฏิเสธกรอ.พลังงาน ปฏิเสธเวทีพูดคุยกัน ดังนั้น คิดว่าถ้าเจตนาดีจะมาแก้ปัญหาที่เหมาะสมมาหลายปี 
 
ทั้งนี้ หากเปิดใจรับฟังความคิดของเอกชนที่มองส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ด้วยกันแล้วเอาเวทีมาหารือ ไม่ใช่มาโต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดีย ยืนยันว่า ราคาสินค้าวันนี้เป็นอำนาจของประชาชน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงมากทั้งในและนอกระบบ หากแก้ที่ต้นตอของสาเหตุ อยู่ที่ทุนผูกขาดไม่กี่ราย ประเทศไทยยังมีเหลื่อมล้ำทางโครงสร้างเศรษฐกิจ
 
"เห็นอาหาร Street Food ทุกวันนี้ขึ้นทีละ 5-10 บาท ขึ้นแล้วไม่ลง สะท้อนภาพค่าครองชีพของประชาชน ถ้าราคาค่าไฟต่ำกว่าปี 2565 ราคาสินค้าก็อาจจะลดลงตาม เพราะผู้ประกอบการจะแข่งขันกัน ในการลดราคาสินค้าอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้เกิน 4 บาทต่อหน่วย ยังถือว่าสูง จึงคิดว่าท่านอย่าหลงประเด็นควรเอาข้อมูลมาคุยกัน ประชาชนเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพ ทุกคนลงเรือลำเดียวกัน จึงคิดว่าอย่าเอาปัญหามาโต้แย้งผ่านโซเชียลมีเดีย"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่