JJNY : เสียชีวิต12 ติดเพิ่ม3,112│จี้เยียวยาหลังต่างชาติไม่ถึงเป้า│‘ชวน’แนะรมต.เข้าฟัง-ตอบกระทู้│ไพศาลชี้จับตาสตง.สอบเงิน

ดโควิดวันนี้ เสียชีวิตลดเหลือ 12 ราย ติดเพิ่ม 3,112 ราย กำลังรักษา 3.3 หมื่น
https://www.matichon.co.th/covid19/covid19-alert/news_3113404
 
 
ยอดโควิดวันนี้ เสียชีวิตลดเหลือ 12 ราย ติดเพิ่ม 3,112 ราย กำลังรักษา 3.3 หมื่น
 
เมื่อวันที่ 2 มกราคม ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 เผยแพร่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2565 รวม 3,112 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,896 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 65 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 2 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 149 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,200,695 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
 
หายป่วยกลับบ้าน 2,921 ราย หายป่วยสะสม 2,147,304 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 33,108 ราย
เสียชีวิต 12 ราย


 
เอกชน จี้รัฐเยียวยา หลังต่างชาติไม่ถึงเป้า ซ้ำปิดลงทะเบียนเข้าไทย สูญรายได้ช่วงปีใหม่
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6812427

เอกชน เผยท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวดีมาก ยอดจองโรงแรมพุ่ง แต่ต่างชาติมาไม่ถึงเป้า ซ้ำปิดลงทะเบียนเข้าไทย สูญรายได้ช่วงปีใหม่ จี้รัฐเยียวยาผู้ประกอบการ
  
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2565 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวของคนไทยฟื้นตัวดีขึ้นมาก โดยเฉพาะช่วงปลายปี 2564 จนถึงต้นปีใหม่ 2565 เนื่องจากมีวันหยุดยาวต่อกันหลายวัน บวกกับมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่กระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้ดีมาก เพราะรัฐบาลสมทบเงิน 40% ในการชำระค่าโรงแรมที่พัก และให้คูปองอิเล็กทรอนิกส์ ฃมูลค่า 600 บาท ใช้ซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการด้วย

นางมาริสา กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐเร่งขยายเวลาดำเนินโครงการ และเพิ่มจำนวนสิทธิห้องพักอีก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างต่อ ไม่สะดุดลงอีกครั้ง ทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศตอนนี้คึกคักมากขึ้น แม้พบการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนก็ตาม
 
นางมาริสา กล่าวอีกว่า เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่จะใช้เงินกับการเที่ยวช่วงปีใหม่หมดแล้ว บวกกับการระบาดโควิด-19 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อรายได้ ทำให้กำลังซื้อน้อยลง คาดว่าหลังปีใหม่ไปจะเห็นการเดินทางท่องเที่ยวลดน้อยลง จึงอยากให้รัฐบาลกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้เห็นยอดจองห้องพักของคนไทยอยู่ในระดับดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้รับความนิยมในการสัมผัสฤดูหนาว อาทิ เชียงใหม่
 
“ส่วนตลาดต่างชาติ เริ่มเห็นการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวแล้ว หลังจากไทยปิดรับคำยื่นขอเข้าประเทศ ผ่านระบบไทยแลนด์ พาส จนถึงวันที่ 4 ม.ค. 2565 เพื่อประเมินสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน นักท่องเที่ยวจึงเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน”

นางมาริสา กล่าวต่อว่า ภาคเอกชนอยากขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องที่เคยขอมาตลอด ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดิมๆ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คือ การเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมการระบาดโควิด แต่ส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยว
 
โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด ที่สำคัญคือเรื่องต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการเปิดให้บริการรับนักท่องเที่ยว เพราะมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ต้องกู้เงินเพื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่เมื่อเปิดแล้วภาพนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาได้ตามคาด ก็อยากให้รัฐออกมาช่วยเหลือเพิ่มเติมในเรื่องเงินทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการมากสุด รองลงมาคือ การลดต้นทุนคงที่ เช่น ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ
  
“ผู้ประกอบการเอกชนในภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ และกลับมาเสียโอกาสในการสร้างรายได้อีกครั้ง โดยเฉพาะรายได้ที่ควรจะได้ในช่วงไฮซีซั่น ที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยจำนวนมาก แต่พอรัฐบาลประกาศระงับการอนุมัติคำขอเข้าประเทศชั่วคราว ทำให้ต่างชาติที่วางแผนเข้ามาเที่ยวไทย ดีที่สุดคือ ต้องเลื่อนการเดินทาง แต่แย่ที่สุดคือ ย้ายไปท่องเที่ยวประเทศอื่นแทน” นางมาริสา กล่าว
 


‘ชวน’คาดปี’65 กม.เข้าสภามากขึ้น แนะรมต.เข้าฟังอภิปราย-ตอบกระทู้ นัดประชุมพิเศษ 14-28 ม.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3113457

“ชวน” คาด ปี 65 กม.เข้าสภามากขึ้น แนะ รมต.เข้าฟังอภิปราย-ตอบกระทู้ เชื่อเป็นประโยชน์ปชช. นัดประชุมพิเศษ 14-28 ม.ค. ส่วนพุธ-พฤหัส เพิ่มประชุมอีก 2 ชม. ปัดประเมินอายุรัฐบาล
 
เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติในปี 65 ว่า ช่วงที่ผ่านมากฎหมายของฝ่ายบริหารทุกฉบับผ่านไปได้ด้วยดี ในส่วนที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ส่วนใหญ่เป็นญัตติทั่วไปประมาณ 200 ญัตติ และคิดว่าปี 65 จะมีกฎหมายใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ส่วนเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ถือเป็นผลงานของทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ซึ่งเรื่องเหล่านี้ควรจะผ่านการพิจารณา ถ้าไม่ผ่านเท่ากับผลงานไม่ออกมาเลย
 
นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่มีปัญหาบ้าง และแนะนำเป็นการภายใน เป็นเรื่องของการตั้งกระทู้ถาม ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสภาฯก็ไม่มีตัวอย่างในการตั้งกระทู้ ทำให้มีการตั้งกระทู้ลักษณะขัดต่อข้อบังคับ เพราะการตั้งกระทู้ไม่ใช่ลักษณะของการอภิปราย แต่เป็นการตั้งคำถามเพื่อต้องการคำตอบ ที่ผ่านมามีสมาชิกส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ แต่การตั้งกระทู้ถามตรวจสอบฝ่ายบริหารในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม เดิมเป็นกระทู้ถามทั่วไป แต่ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ และข้อบังคับ ให้มีกระทู้ถามสดด้วยวาจา ซึ่งรัฐมนตรีไม่มีโอกาสทราบคำถามล่วงหน้า เพราะเป็นเรื่องด่วน เรื่องที่ประชาชนสนใจ และกระทบผลประโยชน์ของประเทศ และยังมีกระทู้ถามแยกเฉพาะ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะที่ เฉพาะเรื่อง รวมทั้งยังมีกระทู้ทั่วไป ที่เป็นเรื่องในอดีตที่เคยทำมา ซึ่งสมาชิกมีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยการใช้กระทู้เพิ่มขึ้นใน 2 ระบบ ทั้งนี้ เรื่องกระทู้ต่างๆ ถือเป็นวาระที่รัฐมนตรีจะต้องเตรียมตัว ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติจะทำหน้าที่ตรวจสอบ และสอบถามข้อมูล
 
นายชวน กล่าวด้วยว่า ในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ส.ส.ถือว่าเป็นส่วนที่ช่วยได้มาก ตนขอชื่นชมทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จากการลงพื้นที่ด้วยตนเอง จึงได้เห็นการช่วยเหลือจากทั้งส่วนรวมและส่วนตัว จากนั้นได้นำปัญหาเข้ามาหารือในที่ประชุมสภาฯ ดังนั้นแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤตโควิด–19 ส.ส.ถือเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนมากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนมาที่ตน ประมาณ 1 พันกว่าเรื่องในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งสมัยก่อนไม่มีคนร้องทุกข์มากขนาดนี้ แสดงว่าประชาชนหวังให้สภาฯเป็นที่พึ่งในหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มการประชุมในปี 65 จะมีการนัดประชุมชดเชยวันหยุดช่วงปีใหม่ โดยนัดประชุมนัดพิเศษวันที่ 14 มกราคม และ 28 มกราคม 65 และในวันพุธ พฤหัสบดี ของการประชุมสภาฯ จะเพิ่มเวลาการประชุมขึ้นอีกประมาณ 2 ชม. ซึ่งคาดว่าในปี 65 จะพิจารณาเรื่องที่ค้างอยู่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จได้ ขณะที่การประชุมรัฐสภา มีเรื่องที่ค้างอยู่ 3 เรื่อง โดยจะมีการหารือเพื่อกำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาต่อไป
 
เมื่อถามว่า มองว่าสถานการณ์ทางการเมืองในปี 65 จะเป็นอย่างไร เพราะยังมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นพอสมควร นายชวน กล่าวว่า ในส่วนของสภาฯส่วนตัวคิดว่าความคิดเห็นทางการเมืองที่ขัดแย้งกันนั้นยังคงมีอยู่ แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูการทำงาน เชื่อว่าระบบนี้ยังสามารถเดินไปได้ปกติ ไม่น่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การปฏิบัติภารกิจของนักการเมืองก็อยู่ในสายตาของประชาชนมากขึ้น ใครที่สร้างปัญหา ประชาชนจับตาดูอยู่ ซึ่งในสมัยนี้ก็ปฏิเสธยาก เพราะมีการสื่อสารในหลายรูปแบบ แต่ถึงจะมีความขัดแย้งไม่พอใจเรื่องใดก็ตาม ก็ควรต้องอยู่ในกรอบที่สามารถควบคุมได้
 
เมื่อถามว่า ประเมินแล้วรัฐบาลจะสามารถอยู่จนครบวาระหรือไม่ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่สามารถประเมินฝ่ายบริหารได้ แต่ในส่วนของสภาฯคิดว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของฝ่ายบริหาร และฝ่ายอื่น ๆ และเชื่อว่าในระบบนี้ เราสามารถที่จะผ่านการปฏิบัติภารกิจของแต่ละฝ่ายไปได้ด้วยดี ตนได้ย้ำเตือนทุกครั้ง เมื่อพบฝ่ายบริหารก็ได้ย้ำว่าถึงอย่างไรก็ต้องมาตอบกระทู้ของสภาฯ และเมื่อมีการเสนอญัตติในสภาฯ ฝ่ายรัฐบาลต้องมาชี้แจงต่อสภาฯ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ และโอกาสที่จะได้ชี้แจงข้อมูลความจริงที่มีการตั้งประเด็น หากฝ่ายบริหารไม่ตอบสภาฯ ประชาชนก็ไม่รู้ข้อมูล
 
“อย่างน้อยรัฐมนตรีควรเข้ามานั่งฟัง จะได้รู้ว่าเขากล่าวหาอย่างไร และใช้สิทธิชี้แจงว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง” นายชวน กล่าว
 
เมื่อถามว่า การทำหน้าที่ประธานสภาฯ และประธานรัฐสภา มีความลำบากใจหรือมีความยากเย็นมากกว่าในอดีตหรือไม่ เพราะทุกพรรคการเมืองมีอุดมการณ์ และความขัดแย้งมากขึ้นกว่าเดิม นายชวน กล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วง 5 ปีที่ไม่มีสภาฯ เมื่อมีการเลือกตั้งสภาชุดใหม่ ทำให้ส.ส.บางคนไม่เคยชินกับระบบ ดังนั้นเวลาใช้สิทธิ์ในสภาฯบางคนก็ออกนอกกฎเกณฑ์ข้อบังคับ แต่เมื่อตนติหรือบอกให้รับทราบถึงข้อบังคับ ทุกคนก็ยอมรับ ทั้งนี้การที่งานในสภาฯเป็นไปได้ด้วยดี ตนต้องขอบคุณรองประธานสภาฯทั้งสองท่าน เพราะระบบปัจจุบัน ทำให้ต้องรับภาระหนักขึ้น ส่วนสมาชิกโดยรวม ข้อสังเกตที่เห็น คือ สมาชิกรัฐสภาปัจจุบันมีความรู้ แต่ที่อภิปรายปากเปล่าหรือที่ไม่อ่านหนังสือหรือไอแพดจะมีอยู่ส่วนหนึ่ง ขณะที่ สมาชิกอีกส่วนหนึ่งยังต้องอ่านเวลาขณะอภิปราย ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมห้ามอ่านเอกสาร ทำให้ตนต้องคอยเตือนเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ต้องประคับประคองให้สมาชิกได้ใช้สิทธิภายใต้กรอบและกติกา หากมีใครคนใดละเมิดกติกา ย่อมทำให้คนอีกคนทำตาม แต่ตนก็ให้โอกาสกับทุกคน เพราะเข้าใจดีว่าในสภาฯนั้นคือที่พูดที่อภิปราย จึงต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้พูด ซึ่งจะพยายามให้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่