JJNY : ก้าวไกลฟิตจัด│ชัยธวัชชี้พิธารอดปมหุ้น หนุนคืนตำแหน่งเดิม│ปี67 ผลไม้ไทย“เหนื่อย”│สหรัฐขายกระสุนปืนใหญ่ให้อิสราเอล

ก้าวไกลฟิตจัด ซ้อมอภิปรายงบข้ามปี ลั่นไม่ลดราวาศอก แม้มาจากการเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4353574
 
 
 
ก้าวไกลฟิตจัดติวส.ส.-ซ้อมอภิปรายงบข้ามปี ‘ศิริกัญญา’ เผย รอบนี้เข้มไม่ต่างรบ.ชุดที่แล้ว ลั่น ไม่ลดราวาศอกแม้รบ.มาจากเลือกตั้ง ได้ ‘ชยพล-เอกราช’ ชำแหละงบกองทัพ
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 จะเข้มข้นเท่ากับรัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ ว่า ความเข้มข้นในการอภิปรายรัฐบาลชุดนี้ หากเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้วคงไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งความคาดหวังยิ่งสูงขึ้น ที่สำคัญการอภิปรายงบประมาณ เหมือนเป็นการแถลงนโยบาย 1 ปีของรัฐบาล ว่า ในปีหน้ารัฐบาลจะทำอะไรบ้าง เนื่องจากครั้งล่าสุดที่รัฐบาลแถลงนโยบายก็ไม่มีความชัดเจนขนาดนั้น เรายังคาดหวังอยู่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีแผนการทำงานที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้จริง ดังนั้น เราจึงคาดหวังการแถลงเรื่องงบประมาณฯ ในครั้งนี้มาก
 
“ไม่มีการลดราวาศอก อันเนื่องมาจากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแน่นอน จะตรวจสอบทุกมิติอย่างครบถ้วน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทีมผู้อภิปรายได้จัดสรรเตรียมเนื้อหาการอภิปรายอย่างไร เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดเทศกาล และมีเวลาในการเตรียมตัวน้อยลง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรามีความโชคดี เพราะนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 1 ในสมาชิก ก้าว Geek และกลุ่ม WeVis ได้จัดทำ แปลงข้อมูลในร่าง พ.ร.บ.งบฯ เป็นไฟล์ excel ทำให้เราทำงานได้รวดเร็วขึ้น และใช้เวลาน้อยลงในการวิเคราะห์งบฯ ต่าง ๆ และเรามีทีมที่คอยสนับสนุนด้านเทคนิค คอยให้ความช่วยเหลือกับ ส.ส.ใหม่ที่ได้อภิปราย และเปิดที่ทำการพรรคเพื่อเตรียมตัวอภิปรายทุกวันจนถึงวันอภิปราย และเรามีสคริปต์คลินิก เป็นช่วงที่เปิดให้ผู้อภิปราย เข้ามาปรึกษาเรื่องสคริปต์ การหาข้อมูล การจัดทำสไลด์อภิปรายต่าง ๆ รวมถึงจะมีการจัดซ้อมย่อยข้ามปี ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม-1 มกราคม และซ้อมใหญ่วันที่ 2 มกราคม

เมื่อถามถึงการจัดสรรเวลาในการอภิปรายของพรรค ก.ก. ว่าลงตัวแล้วหรือยัง น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เวลาในการอภิปรายของฝ่ายค้านได้ประมาณ 19 ชั่วโมง ซึ่งเราจะจัดสรรเวลาตามเนื้อหามากหรือน้อย แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 นาที ส่วนผู้ที่รับผิดชอบในการอภิปรายงบกองทัพนั้น จะเป็นนายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. และนายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม.


 
ชัยธวัช ย้ำ อย่าเสียเวลาทะเลาะพรรคคู่แข่ง ชี้ พิธา รอดปมหุ้น ก.ก.หนุนคืนตำแหน่งเดิม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4353479

‘ชัยธวัช’ ยกเหตุการณ์ ‘ก้าวไกล’ ชนะเลือกตั้ง ท้าทายที่สุดในปี 66 รับหาก ‘พิธา’ รอดปมหุ้น พร้อมมอบตำแหน่งคืนตามเดิม ไม่ห่วงมีงูเพิ่ม บอกมีบทเรียนมาแล้ว กำชับลูกพรรคทำงานให้หนัก-งดทะเลาะกับพรรคอื่น ชี้ ปีนี้หมดเวลาฮันนีมูน ปีหน้าต้องพิสูจน์ด้วยผลงาน 
 
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลได้ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ก็พลิกผันจนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มองการรักษาความนิยมในปีหน้าและต่อไปอย่างไรนั้น

นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกล ภายในพรรคมีการพูดคุยกันหลายครั้ง โดยสรุปพวกเราเห็นว่าในอนาคตข้างหน้า คู่แข่งหรือความท้าทายที่สำคัญสำหรับพรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคการเมืองคู่แข่ง แต่เป็นตัวเราเอง หมายความว่า อนาคตความสำเร็จในทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ขึ้นอยู่กับเราจะชนะตัวเองได้หรือไม่ เราจะทำงานให้เป็นพรรคการเมืองในแบบที่เราพูดได้หรือไม่ เราสามารถทำงานให้เป็นอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ เป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุด คือแข่งกับตัวเอง หากสามารถบรรลุได้ เชื่อว่าความสำเร็จทางการเมือง และการยอมรับจากประชาชนจะมีมากขึ้น
 
ผมบอกลูกพรรคว่าอย่าเสียเวลาไปทะเลาะกับพรรคการเมืองคู่แข่ง ให้ทำงานให้หนัก แล้วสร้างผลงานตัวเอง พิสูจน์ตัวเองว่า พรรคก้าวไกล ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ทีมงานของพรรคก้าวไกล มีความพร้อม มีความเหมาะสมบริหารประเทศจริงๆ นี่เป็นเป้าหมาย” นายชัยธวัชกล่าว
 
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากเกิดแผ่นดินไหวทางการเมือง จะเกิดการดึงตัว ส.ส.ที่ส่วนมากเป็นหน้าใหม่ ย้ายไปซบพรรคอื่น นายชัยธวัชยืนยันว่า ไม่กังวล สำหรับงูเห่าได้พิสูจน์ไปแล้วว่างูเห่าทุกตัวจากพรรคก้าวไกล สอบตกหมด แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญสำหรับ ส.ส.ใหม่และ ส.ส.สมัยที่สองคือการพัฒนาศักยภาพตัวเองให้มากกว่านี้ เพื่อให้พร้อมกับการทำงาน เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงตั้งไข่ของหลายคน หลายคนอาจเพิ่งเรียนรู้ว่าการทำงาน ส.ส. เขตที่ดีควรเป็นอย่างไร ได้เจอโจทย์ของจริงการทำงานในกลไกต่างๆ ของสภาเป็นอย่างไร การทำงานในกรรมาธิการอย่างมีประสิทธิภาพให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงตั้งไข่ของ ส.ส.ใหม่หลายคน แต่สำหรับ ปีหน้าคงหมดเวลาฮันนีมูนแล้ว ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านก็หมดเวลาฮันนีมูนแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องพิสูจน์ผลงาน
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 24 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัติ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แล้วหากนายพิธา สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ต่อจะวางบทบาทไว้ตรงไหน นายชัยธวัชกล่าวว่า แน่นอนตามที่ตนได้เคยแถลงครั้งประชุมสมัยวิสามัญ พรรคก้าวไกล ที่มีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค ตนได้แถลงอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราวเท่านั้น เพื่อรอการประชุมใหญ่สามัญของพรรคจริงๆ ในเดือนเมษายน 2567 ดังนั้นหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้กลับมาทำหน้าที่ ส.ส.อีกครั้ง ตนเชื่อว่าสมาชิกพรรคจะสนับสนุนให้นายพิธา มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่อีกครั้ง
 
เมื่อถามว่ามีความสุขดีหรือไม่ ที่ต้องมาเป็นหัวหน้าพรรคเฉพาะกิจแทนนายพิธา นายชัยธวัชกล่าวว่า ตนมีความสุขกับการทำงานทุกวัน ทุกบทบาท  เพราะสิ่งที่อยากเห็นสำหรับประเทศนี้ยังไปไม่ถึง ตนยังมีความหวัง ยังมีความฝัน มีเป้าหมายที่อยากจะทำ และคิดว่าสังคมแบบที่เราอยากเห็นไม่ได้ใช้เวลาเพียงช่วงข้ามคืน แต่ต้องสะสมการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ แต่การผลักดันด้วยการทำงานของเรา เชื่อว่าจะเร่งการเปลี่ยนแปลงได้ และบทบาทของพรรคอนาคตใหม่มาถึงพรรคก้าวไกล คือเป็นตัวเร่งในการเปลี่ยนแปลง เช่น การที่สภารับหลักการ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เรามีความภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานผลักดันทางความคิดแก่คนในสังคมมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี จนกระทั่งทุกภาคส่วน หลายพรรคการเมือง พร้อมสนับสนุนสิ่งนี้ ซึ่งหากนึกภาพการเมืองในสภาก่อนมีพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล คงนึกไม่ถึงว่าเราจะมีการพิจารณาเรื่องแบบนี้ในรัฐสภาไทย วันนี้ถือเป็นความสำเร็จของสังคมไทยร่วมกัน


 
ปี 67 ผลไม้ไทย“เหนื่อย”เจอคู่แข่งแย่งส่วนแบ่งตลาด“ตลาดจีน”
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1105926

จับตา“ตลาดผลไม้จีน” ปี 67 เดือด โดยเฉพาะ”ทุเรียน หลังจีนไฟเขียวให้เวียดนาม-ฟิลิปินส์ นำเข้าทุเรียนได้ "พาณิชย์"แนะเจาะตลาดใหม่ ลดการพึ่งพาตลาดจีนเพียงตลาดเดียว
 
"ผลไม้ไทย" ถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นๆของไทย โดยในปี 2565  ไทยส่งออกผลไม้ไปตลาดโลกกว่า 2.94 ล้านตัน สร้างมูลค่าการส่งออก 1.72 แสนล้านบาท  โดยผลไม้สดเป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงต้องให้ความสำคัญทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ที่ผลไม้บางชนิดมีการพึ่งพาตลาดส่งออกในสัดส่วนสูง เช่น ทุเรียน ลำไย และมังคุด มีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 80 – 90 % ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด 

สำหรับช่วง  10 เดือนแรกของปี 2566  (ม.ค.-ต.ค.) ไทยส่งออกผลไม้สดปริมาณรวม 1,747,957 ตัน ขยายตัว 12.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลไม้ที่มีปริมาณการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ทุเรียน 965,284 ตัน 2. ลำไย 274,064 ตัน 3. มังคุด 245,049 ตัน 4. มะม่วง 104,154 ตัน และ 5. สับปะรด 36,618 ตัน ตามลำดับ  
 
เมื่อคิดเป็นมูลค่า พบว่า ไทยส่งออกผลไม้สดเป็นมูลค่ารวม 5,065.9 ล้านดอลลาร์  ขยายตัว 31.9%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลไม้ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ทุเรียน 3,998.3 ล้านดอลลาร์  2. มังคุด 494.1 ล้านดอลลาร์ 3. ลำไย 312.2 ล้านดอลลาร์  4 มะม่วง 86.4 ล้านดอลลาร์ และ 5. ส้มโอ 31.9 ล้านดอลลาร์ 
 
โดยตลาดส่งออกหลักของไทยอันดับ 1 ได้แก่ ตลาดจีน มีมูลค่าส่งออกรวม 4,639 ล้านดอลลาร์ มีสัดส่วน 91.6 % ของมูลค่าการส่งออกผลไม้สดของไทย รองลงมา คือ รองลงมา คือ มาเลเซีย 2.0%   ฮ่องกง1.6%   อินโดนีเซีย 1.0%  และเกาหลีใต้ 0.8%   
  
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จีนจะเป็นในผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่ของโลก และความต้องการนำเข้าผลไม้สดของจีนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายท่ามกลางการแข่งขันในตลาดจีน โดยเฉพาะกับเวียดนาม ที่พบว่าในปี 2565 จีนมีอัตราการนำเข้าผลไม้ทั้งหมดจากเวียดนามเติบโตกว่า 41 % ขณะที่การนำเข้าจากไทยหดตัว 4 % ซึ่งผลไม้สำคัญ คือ ทุเรียน โดยในปี 2565 จีนมีมูลค่าการนำเข้าทุเรียนสดจากไทย คิดเป็นสัดส่วน 95 % และนำเข้าจากเวียดนาม 5 % จากเดิมที่ไทยเคยครองส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในจีนทั้งหมด 
 
“นภินทร ศรีสรรพางค์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า  ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ต.ค. จีนมีมูลค่าการนำเข้าทุเรียนสดจากไทย คิดเป็นสัดส่วน 70%  และนำเข้าจากเวียดนามเพิ่มเป็น 30 % จะเห็นได้ว่าหลังจากที่จีนเริ่มอนุญาตการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนาม ก็ทำให้โครงสร้างส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในจีนเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทุเรียนเวียดนามมีข้อได้เปรียบด้านฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ยาวนานกว่า ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดจีนได้ในช่วงนอกฤดูกาลผลิตของไทย นอกจากนี้ เวียดนามยังมีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนติดกับจีนทำให้การขนส่งใช้ระยะเวลาสั้นและมีต้นทุนต่ำกว่า 
 
 ไม่เพียงเท่านั้น ทุเรียนของไทยในตลาดจีนยังต้องรับมือกับผู้เล่นหน้าใหม่อย่างฟิลิปปินส์ ที่จีนเพิ่งอนุญาตให้นำเข้าทุเรียนได้เป็นประเทศที่ 3 เมื่อเดือนมกราคม 2566 และมาเลเซียที่ได้ยื่นขออนุมัติการส่งออกทุเรียนเข้าสู่ตลาดจีนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติการส่งออกทุเรียนเข้าจีนในโอกาสครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตมาเลเซีย – จีนในปีหน้านี้ รวมทั้งมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ประเทศจีนยังสามารถผลิตทุเรียนได้อีกด้วย 

“ผลไม้สดของไทยพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดจีนเป็นหลัก ดังนั้น ต้องเร่งเจาะตลาดส่งออกศักยภาพใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดส่งออกหลักเพียงตลาดเดียว ขณะเดียวกัน ก็ต้องรักษาส่วนแบ่งในตลาดส่งออกหลั กอย่างจีนควบคู่ไปด้วย”นายนภินทร กล่าว 
ปัจจุบันสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) อนุญาตให้นำเข้าผลไม้จากไทยกว่า 22 ชนิด ได้แก่ มะขาม น้อยหน่า มะละกอ มะเฟือง ฝรั่ง เงาะ ลองกอง ละมุด เสาวรส ส้มเปลือกล่อน ส้ม ส้มโอ สับปะรด กล้วย มะพร้าว ขนุน ลำไย ทุเรียน มะม่วง ลิ้นจี่ มังคุด และชมพู่  

“ผลไม้ไทย” กำลังจะเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะ”ตลาดจีน”ที่ถือเป็นตลาดใหญ่และตลาดของไทย เพราะจะต้องเจอกับ”คู่แข่ง”อีกหลายประเทศ ที่ต้องการส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะราชาผลไม้อย่าง “ทุเรียน”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่