ตอนที่ 9 ลำโพงแห่งป่า
“หมู่บ้านสวยไหมครับ” จอร์นอยากอวดหมู่บ้าน
รอบหมู่บ้านประดับด้วยดอกไม้เรืองแสง ดูวิจิตร หมู่บ้านแห่งนี้ความเจริญไม่แพ้บ้านคนมีแสงอย่างพวกเธอเลย “สวยมากจอร์น” ซาร่าตอบ
“พี่มิสซู บ้านผมน่าอยู่ไหมฮับ” ตัวน้อยพยายามดึงเสื้อเพราะกลัวมิสซูโกรธเรื่องผลไม้
เธอยิ้มให้จอร์นด้วยแสงสีเขียวและชมพู “หมู่บ้านของเธอน่าอยู่มาก”
หลังจากได้รับคำตอบ เด็กน้อยดีใจที่หมู่บ้านอันเป็นที่รักถูกคนเมืองชม กระโดดโลดเต้นพร้อมทั้งปีนต้นไม้ต้นหนึ่ง ด้วยความซุกซนตามนิสัย จึงเอาขาพาดกิ่งไม้แล้วห้อยหัวลงมา “แล้วหมู่บ้านพี่สวยไหมครับ”
“สวยเหมือนกัน จอร์นอยากไปเที่ยวบ้านพี่ไหม”
“เอ๋…” หน้านิ่งสักพักเอามือจับคางแล้วเคาะหัวหนึ่งที “แม่เคยบอกผมฮะ อย่าเข้าไปในเขตแดนคนมีสี”
“พี่มีสีแต่พี่ไม่ทำร้ายจอร์นนะ” ซาร่าตอบ
“ใช่ พี่ไม่เคยทำร้ายเด็กด้วย” มิสซูอยากให้จอร์นเข้าเมือง เธอรู้สึกชอบเด็กคนนี้มากขึ้น แม้ว่าออกจะกวนและเป็นตัวล่อให้ตกใจจนสลบก็ตาม “แต่ต้องเป็นเด็กดีเท่านั้นนะ” เธอทำเสียงดุหมายจะแหย่เอาคืนบ้าง
“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวแม่สงสัย”
“เอาอย่างงั้นก็ได้นะ” ซาร่าเอ่ย เธอนึกขึ้นได้บางอย่างจึงเรียกชื่อจอร์นเสียงดัง
“จอร์น”
“อะไรครับ ”
“พี่ลืมบางอย่าง หมู่บ้านไร้สีรู้ได้อย่างไร พวกพี่ทำหรือพูดอะไรกัน”
หลังจากฟังคำพูดเสร็จ เจ้าจอร์นยิ้มอย่างมีเลศนัย “บอกไม่ได้ฮ่ะ แม่เฒ่าเคยบอกพวกเรา สิ่งที่พวกเราทำผู้เฒ่าฟาร์มหลวงอนุญาตแล้วด้วย”
“ผู้เฒ่าอับดุลลามาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ผู้เฒ่าเคยบอกว่าแผ่นดินนี้ควรมีแต่ภูเขา หุบเหว ทะเล แม่น้ำแล้วอะไรอีกอย่างน้าาาาาาาา” เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิด
“อ๋อ...ผมนึกได้แล้ว ทะเลทรายฮะ” จอร์นทำท่าดีใจที่นึกออกแล้วพูดใหม่ “มีแต่ทะเลทราย ภูเขา ทะเล แม่น้ำ เอ๋ทำไมมีไม่ถึงห้า” จอร์นคิดทบทวนพร้อมนับจำนวนตามนิ้วตน
“อีกอันที่จอร์นลืมคือหุบเหวจ๊ะ แล้วไอ้ห้าสิ่งที่จอร์นบอกหมายถึงอะไร” ซาร่าอยากรู้จอร์นต้องการสื่ออะไร
“อ๋อ ไอ้นั้นผู้เฒ่าบอกว่าสามารถเป็นเขตแบ่งแยกพวกเราได้เท่านั้นครับ”
“พี่เข้าใจแล้ว จอร์นกำลังจะบอกว่ามีแต่ภูเขา แม่น้ำ หุบเหว ทะเลและทะเลทรายที่สามารถแบ่งแยกเขตแดนได้เท่านั้น ใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับ” เด็กรับคำหลังจากได้ยินซาร่าพูดกับตน
“พี่เข้าใจแล้ว ถ้างั้นผู้เฒ่าอับดุลลาเป็นคนบอกข่าวของคนเมืองให้คนในป่ารู้เรื่องใช่ไหม” มิสซูถามด็กน้อยบ้าง
“มะช่าย ม่ายยยช่าย” จอร์นชูนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา “เรามีลำโพงแห่งป่า อุ๊บ….” จอร์นเอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวเอง
“ลำโพง!...เธอหมายถึงลำโพงอะไร” ซาร่าจับไหล่ทั้งสองข้าง เธอมองจอร์นเพราะอยากรู้เรื่องคนไร้สี
“เปล่าฮะ ไม่มีอะไรครับ เชื่อผมเหอะะ”
“แล้วเธอเชื่อพี่หรือเปล่า” ซาร่ามองตาจอร์นไม่กระพริบ
“เชื่อสิครับ พวกพี่เป็นคนใจดีแถมดูแลผู้เฒ่าด้วย พวกเราเฝ้ามองพี่ทุกครั้งที่พี่พาซิสแนปเปอร์มาที่ฟาร์ม”
“พวกเธอรู้จักพี่ด้วย”
“ช่าย....พวกเราฟังพี่คุยกับผู้เฒ่าแล้ว แม่เฒ่าอยากคุยกับพี่บ้าง อุ๊บ” เด็กน้อยเอามือทั้งสองข้างปิดปากอีกครั้ง
“จอร์นเชื่อใจพี่และพี่มิสซูไหม หากไว้ใจกันควรบอกพี่หน่อย ลำโพงแห่งป่าคืออะไร ไม่งั้นพี่ไม่คุยกับคนไร้สีแล้วนะ” ซาร่าแกล้งเด็กด้วยการเอามือกอดอกแล้วหันหลังใส่ ซึ่งเป็นมุขเดียวกับที่ทำกับไซแนป
“พี่ซาร่าอย่างอนผมน้าาาา” พยายามดึงชายเสื้อซาร่า
“จอร์นต้องบอกพวกพี่ก่อน หากเราจะเป็นเพื่อนกัน” ซาร่าตอบกลับ
“ได้ครับ แต่พี่ต้องเล่นกับผมเหมือนเดิมนะครับ ให้เข้าหมู่บ้านคนมีสีด้วย”
ซาร่าแอบอมยิ้ม ยุทธการทีใช้กับเด็กและซิปแนปเปอร์ได้ผล เธอหันมาทางจอร์นพร้อมทั้งยกนิ้วก้อยขึ้นมา “พี่สัญญาจ๊ะ”
จอร์นครุ่นคิดหันหน้าหาพี่มิสซู ซึ่งยืนอยู่ข้างคนทั้งสอง
“ตกลง พี่สัญญาด้วย” มิสซูสาวผมยาวดำซึ่งแตกต่างกับซาร่าที่ซอยผมสั้นแดง เธอยกนิ้วก้อยขึ้นมาเช่นกัน เมื่อจอร์นเห็นสัญญาลักษณ์การสัญญาจอร์นไม่ลังเลที่จะยกนิ้วก้อยขึ้นมาบ้าง
“เอาละพูดพร้อมกัน พวกเราจะไม่พูดเรื่องลำโพงป่าให้คนมีสีฟัง” ซาร่าเกรินนำ
“พวกเราจะไม่พูดเรื่องลำโพงป่าให้คนมีสีฟัง”
เสียงคำสัญญาได้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ สายลมพัดผ่านใบไมกิ่งไม้ เถาวัลย์ ลมหมุนเกรียวคล้ายมอเตอร์ให้เครื่องยนต์ทำงาน จนต้นไม้เปล่งแสง ณ บริเวณนั้น เสมือนตอนรับคำสัญญาจากบุคคลทั้งสาม
“ครับ พี่ตามผมมานะ”
จอร์นเดินหันหลังให้ทันที ตอนนี้จอร์นมองดูต้นไม้ในป่าและกำลังมองหาอะไรสักอย่าง “มันมืดหน่อย ผมต้องหาแป๊ป โชคดีแถวนี้ผมแอบคุยเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ”
จอร์นแหวกพุ่มไม้ เงยหน้ามองต้นไม้และดูใบไม้บางใบสักพัก จอร์นใช้เวลาเพียงไม่นาน
“อ่า….ผมเจอแล้วครับ”
ทั้งซาร่าและมิสซูรีบรุดเดินไปตรงที่จอร์นยืนอยู่
“นี้ไงฮะ”
จอร์นหยิบอะไรสักอย่างขึ้นมาดู มันเป็นใบไม้รูปกรวย หากไม่สังเกตให้ดีจะเห็นเป็นเพียงใบไม้ทั่วไปที่ถูกม้วนกลมเท่านั้น
ทั้งมิสซูและซาร่าลองจับมัน สัมผัสได้เหมือนใบไม้ทั่วไปแต่ออกจะหนากว่าใบไม้ปกติสักหน่อย กรวยใบไม้นี้ไม่ได้ผูกติดกับกิ่งไม้เหมือนใบไม้ทั่วไป แต่ติดกับเถาวัลย์พันเกลียว
“มันใช้อย่างไงจอร์น” มิสซูหยิบมันขึ้นมาดูส่องมองมันอย่างสงสัย
เด็กน้อยยิ้มอีกครั้งเพราะรู้สึกตนเป็นคนทรงภูมิของพี่ทั้งสอง จอร์นหายใจเข้าอย่างคนอกผายไหล่ผึ่ง “เดี๋ยวนะพี่มิสซู ขอเวลาผมแป๊ป” ตนเดินหาต้นไม้และแหวกใบไม้กิ่งไม้อีกคร้ง เหมือนเช่นครั้งแรก
“เจอแล้ว พี่มิสซูถืออันแรกนะ ส่วนพี่สาวถืออันนี้ครับ”
เด็กป่าชูกรวยใบไม้อีกอันให้ซาร่าเห็น เธอเห็นดังนั้นจึงเดินไปยังต้นไม้ที่มีเด็กยืนอยู่ ซาร่าหยิบมันขึ้นมาดู
“ฮะฮึม” จอร์นกระแอ่มอย่างดีใจ คราวนี้ตนเหมือนคนสำคัญที่บุคคลทั้งสองต้องรอจอร์นพูดบ้าง
“พี่ลองพูดดูฮะ” เด็กบอกซาร่า จอร์นหันไปทางมิสซูและพูดเสียงดังขึ้นมานิดหน่อย “พี่ครับ เอาเจ้านั้นแนบที่หูนะครับ”
ทั้งสองคนลองทำตามที่เด็กพูด ปรากฏว่ามิสซูได้ยินเสียงของซาร่าแม้เธอจะพูดเสียงเบาหรือกระซิบ มิสซูจะได้ยินทุกคำ เพื่อนทั้งสองรู้สึกมหัศจรรย์จนหมอกส้มแสดงออกมา
“ถึงว่าทำไมฉันเดินป่าไม่รู้สึกถึงการสื่อสารของคนเลย ฉันนึกว่าฉันเดินอยู่กับเจ้าไซแนปแค่สองต่อสอง” เธอกระซิบบอกเพื่อน
“พวกพี่ลองสลับกันดูฮะ” จอร์นแนะนำ
คราวนี้มิสซูเป็นฝ่ายลองพูดบ้าง “ซาร่า”
“อะไร”
“พรุ่งนี้มีการเรียนของอีตาท่านเซอร์ นายพล ศาสตาจารย์ ดอกเตอร์วิลเดินอะไรสักอย่าง แค่ยศฉันก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไหนต้องเอ่ยทั้งชื่อทั้งนามสกุลอีก”
ซาร่าได้ยิน “พรุ่งนี้มีเรียน” สะดุ้งจนลืมยศของผู้สอนทันที เธอวางกรวยลงแล้วรีบเดินไปข้างหน้า เด็กน้อยดูท่าทางแปลกใจกับอากัปกริยาที่ดูเร่งมากกว่าช่วงแรกแต่คิดว่าพี่สาวทั้งสองคงอยากถึงบ้านเร็ว ๆ
เมื่อคนทั้งสามมายังเขตแดนของคนมีสี
“พี่สัญญาแล้วนะ จะให้ผมเข้าไปเที่ยว” เด็กน้อยทวงสัญญาอีกครั้ง
“พี่สัญญาจ๊ะ ตอนนี้พี่อยากชวนให้มาทานขนมที่แม่พี่ทำนะ แต่ดึกแล้วละ”
ซาร่ารู้สึกเสียดายที่คุยกับคนหมู่บ้านไร้สีจนเลยเวลา ทำให้ไม่สามารถชวนจอร์นมาเที่ยวบ้านตนได้ ในขณะที่ตนนึกอยู่นั้นเห็นจอร์นกระโดดไปมาระหว่างเส้นเขตแดน
“มีสี ไร้สี มีสี ไร้สี มีสี ไร้สี”
ทั้งสอนคนขำจอร์นที่กระโดดไปมาระหว่างเขตแดน รู้สึกเสียดายที่แนวคิดที่แตกต่าง ทำให้คนสองหมู่บ้านแบ่งแยกเขตแดน
“พี่ฮะ ผมยืนแบบนี้ ผมจะเป็นคนมีสีหรือไร้สี”
ซาร่าเห็นจอร์นยืนถ่างขาระหว่างสองเขตแดน “นั้นอยู่ที่จอร์นเลือก” ทันใดที่ซาร่าพูดจบ เด็กน้อยรีบเอาขาตนกลับเข้ามาในดินแดนคนไร้สีทันที
ค่ำคืนนี้ไม่ว่าเป็นอย่างก็ตาม ทุกคนได้รู้จักกันและกัน พบกัน จากลากันชั่วคราว
7.5 ตอนที่ 9 เรื่อง Meeting point นิยายดีที่อยากแนะนำ
รอบหมู่บ้านประดับด้วยดอกไม้เรืองแสง ดูวิจิตร หมู่บ้านแห่งนี้ความเจริญไม่แพ้บ้านคนมีแสงอย่างพวกเธอเลย “สวยมากจอร์น” ซาร่าตอบ
“พี่มิสซู บ้านผมน่าอยู่ไหมฮับ” ตัวน้อยพยายามดึงเสื้อเพราะกลัวมิสซูโกรธเรื่องผลไม้
เธอยิ้มให้จอร์นด้วยแสงสีเขียวและชมพู “หมู่บ้านของเธอน่าอยู่มาก”
หลังจากได้รับคำตอบ เด็กน้อยดีใจที่หมู่บ้านอันเป็นที่รักถูกคนเมืองชม กระโดดโลดเต้นพร้อมทั้งปีนต้นไม้ต้นหนึ่ง ด้วยความซุกซนตามนิสัย จึงเอาขาพาดกิ่งไม้แล้วห้อยหัวลงมา “แล้วหมู่บ้านพี่สวยไหมครับ”
“สวยเหมือนกัน จอร์นอยากไปเที่ยวบ้านพี่ไหม”
“เอ๋…” หน้านิ่งสักพักเอามือจับคางแล้วเคาะหัวหนึ่งที “แม่เคยบอกผมฮะ อย่าเข้าไปในเขตแดนคนมีสี”
“พี่มีสีแต่พี่ไม่ทำร้ายจอร์นนะ” ซาร่าตอบ
“ใช่ พี่ไม่เคยทำร้ายเด็กด้วย” มิสซูอยากให้จอร์นเข้าเมือง เธอรู้สึกชอบเด็กคนนี้มากขึ้น แม้ว่าออกจะกวนและเป็นตัวล่อให้ตกใจจนสลบก็ตาม “แต่ต้องเป็นเด็กดีเท่านั้นนะ” เธอทำเสียงดุหมายจะแหย่เอาคืนบ้าง
“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวแม่สงสัย”
“เอาอย่างงั้นก็ได้นะ” ซาร่าเอ่ย เธอนึกขึ้นได้บางอย่างจึงเรียกชื่อจอร์นเสียงดัง
“จอร์น”
“อะไรครับ ”
“พี่ลืมบางอย่าง หมู่บ้านไร้สีรู้ได้อย่างไร พวกพี่ทำหรือพูดอะไรกัน”
หลังจากฟังคำพูดเสร็จ เจ้าจอร์นยิ้มอย่างมีเลศนัย “บอกไม่ได้ฮ่ะ แม่เฒ่าเคยบอกพวกเรา สิ่งที่พวกเราทำผู้เฒ่าฟาร์มหลวงอนุญาตแล้วด้วย”
“ผู้เฒ่าอับดุลลามาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ผู้เฒ่าเคยบอกว่าแผ่นดินนี้ควรมีแต่ภูเขา หุบเหว ทะเล แม่น้ำแล้วอะไรอีกอย่างน้าาาาาาาา” เด็กน้อยทำท่าครุ่นคิด
“อ๋อ...ผมนึกได้แล้ว ทะเลทรายฮะ” จอร์นทำท่าดีใจที่นึกออกแล้วพูดใหม่ “มีแต่ทะเลทราย ภูเขา ทะเล แม่น้ำ เอ๋ทำไมมีไม่ถึงห้า” จอร์นคิดทบทวนพร้อมนับจำนวนตามนิ้วตน
“อีกอันที่จอร์นลืมคือหุบเหวจ๊ะ แล้วไอ้ห้าสิ่งที่จอร์นบอกหมายถึงอะไร” ซาร่าอยากรู้จอร์นต้องการสื่ออะไร
“อ๋อ ไอ้นั้นผู้เฒ่าบอกว่าสามารถเป็นเขตแบ่งแยกพวกเราได้เท่านั้นครับ”
“พี่เข้าใจแล้ว จอร์นกำลังจะบอกว่ามีแต่ภูเขา แม่น้ำ หุบเหว ทะเลและทะเลทรายที่สามารถแบ่งแยกเขตแดนได้เท่านั้น ใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับ” เด็กรับคำหลังจากได้ยินซาร่าพูดกับตน
“พี่เข้าใจแล้ว ถ้างั้นผู้เฒ่าอับดุลลาเป็นคนบอกข่าวของคนเมืองให้คนในป่ารู้เรื่องใช่ไหม” มิสซูถามด็กน้อยบ้าง
“มะช่าย ม่ายยยช่าย” จอร์นชูนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา “เรามีลำโพงแห่งป่า อุ๊บ….” จอร์นเอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวเอง
“ลำโพง!...เธอหมายถึงลำโพงอะไร” ซาร่าจับไหล่ทั้งสองข้าง เธอมองจอร์นเพราะอยากรู้เรื่องคนไร้สี
“เปล่าฮะ ไม่มีอะไรครับ เชื่อผมเหอะะ”
“แล้วเธอเชื่อพี่หรือเปล่า” ซาร่ามองตาจอร์นไม่กระพริบ
“เชื่อสิครับ พวกพี่เป็นคนใจดีแถมดูแลผู้เฒ่าด้วย พวกเราเฝ้ามองพี่ทุกครั้งที่พี่พาซิสแนปเปอร์มาที่ฟาร์ม”
“พวกเธอรู้จักพี่ด้วย”
“ช่าย....พวกเราฟังพี่คุยกับผู้เฒ่าแล้ว แม่เฒ่าอยากคุยกับพี่บ้าง อุ๊บ” เด็กน้อยเอามือทั้งสองข้างปิดปากอีกครั้ง
“จอร์นเชื่อใจพี่และพี่มิสซูไหม หากไว้ใจกันควรบอกพี่หน่อย ลำโพงแห่งป่าคืออะไร ไม่งั้นพี่ไม่คุยกับคนไร้สีแล้วนะ” ซาร่าแกล้งเด็กด้วยการเอามือกอดอกแล้วหันหลังใส่ ซึ่งเป็นมุขเดียวกับที่ทำกับไซแนป
“พี่ซาร่าอย่างอนผมน้าาาา” พยายามดึงชายเสื้อซาร่า
“จอร์นต้องบอกพวกพี่ก่อน หากเราจะเป็นเพื่อนกัน” ซาร่าตอบกลับ
“ได้ครับ แต่พี่ต้องเล่นกับผมเหมือนเดิมนะครับ ให้เข้าหมู่บ้านคนมีสีด้วย”
ซาร่าแอบอมยิ้ม ยุทธการทีใช้กับเด็กและซิปแนปเปอร์ได้ผล เธอหันมาทางจอร์นพร้อมทั้งยกนิ้วก้อยขึ้นมา “พี่สัญญาจ๊ะ”
จอร์นครุ่นคิดหันหน้าหาพี่มิสซู ซึ่งยืนอยู่ข้างคนทั้งสอง
“ตกลง พี่สัญญาด้วย” มิสซูสาวผมยาวดำซึ่งแตกต่างกับซาร่าที่ซอยผมสั้นแดง เธอยกนิ้วก้อยขึ้นมาเช่นกัน เมื่อจอร์นเห็นสัญญาลักษณ์การสัญญาจอร์นไม่ลังเลที่จะยกนิ้วก้อยขึ้นมาบ้าง
“เอาละพูดพร้อมกัน พวกเราจะไม่พูดเรื่องลำโพงป่าให้คนมีสีฟัง” ซาร่าเกรินนำ
“พวกเราจะไม่พูดเรื่องลำโพงป่าให้คนมีสีฟัง”
เสียงคำสัญญาได้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ สายลมพัดผ่านใบไมกิ่งไม้ เถาวัลย์ ลมหมุนเกรียวคล้ายมอเตอร์ให้เครื่องยนต์ทำงาน จนต้นไม้เปล่งแสง ณ บริเวณนั้น เสมือนตอนรับคำสัญญาจากบุคคลทั้งสาม
“ครับ พี่ตามผมมานะ”
จอร์นเดินหันหลังให้ทันที ตอนนี้จอร์นมองดูต้นไม้ในป่าและกำลังมองหาอะไรสักอย่าง “มันมืดหน่อย ผมต้องหาแป๊ป โชคดีแถวนี้ผมแอบคุยเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ”
จอร์นแหวกพุ่มไม้ เงยหน้ามองต้นไม้และดูใบไม้บางใบสักพัก จอร์นใช้เวลาเพียงไม่นาน
“อ่า….ผมเจอแล้วครับ”
ทั้งซาร่าและมิสซูรีบรุดเดินไปตรงที่จอร์นยืนอยู่
“นี้ไงฮะ”
จอร์นหยิบอะไรสักอย่างขึ้นมาดู มันเป็นใบไม้รูปกรวย หากไม่สังเกตให้ดีจะเห็นเป็นเพียงใบไม้ทั่วไปที่ถูกม้วนกลมเท่านั้น
ทั้งมิสซูและซาร่าลองจับมัน สัมผัสได้เหมือนใบไม้ทั่วไปแต่ออกจะหนากว่าใบไม้ปกติสักหน่อย กรวยใบไม้นี้ไม่ได้ผูกติดกับกิ่งไม้เหมือนใบไม้ทั่วไป แต่ติดกับเถาวัลย์พันเกลียว
“มันใช้อย่างไงจอร์น” มิสซูหยิบมันขึ้นมาดูส่องมองมันอย่างสงสัย
เด็กน้อยยิ้มอีกครั้งเพราะรู้สึกตนเป็นคนทรงภูมิของพี่ทั้งสอง จอร์นหายใจเข้าอย่างคนอกผายไหล่ผึ่ง “เดี๋ยวนะพี่มิสซู ขอเวลาผมแป๊ป” ตนเดินหาต้นไม้และแหวกใบไม้กิ่งไม้อีกคร้ง เหมือนเช่นครั้งแรก
“เจอแล้ว พี่มิสซูถืออันแรกนะ ส่วนพี่สาวถืออันนี้ครับ”
เด็กป่าชูกรวยใบไม้อีกอันให้ซาร่าเห็น เธอเห็นดังนั้นจึงเดินไปยังต้นไม้ที่มีเด็กยืนอยู่ ซาร่าหยิบมันขึ้นมาดู
“ฮะฮึม” จอร์นกระแอ่มอย่างดีใจ คราวนี้ตนเหมือนคนสำคัญที่บุคคลทั้งสองต้องรอจอร์นพูดบ้าง
“พี่ลองพูดดูฮะ” เด็กบอกซาร่า จอร์นหันไปทางมิสซูและพูดเสียงดังขึ้นมานิดหน่อย “พี่ครับ เอาเจ้านั้นแนบที่หูนะครับ”
ทั้งสองคนลองทำตามที่เด็กพูด ปรากฏว่ามิสซูได้ยินเสียงของซาร่าแม้เธอจะพูดเสียงเบาหรือกระซิบ มิสซูจะได้ยินทุกคำ เพื่อนทั้งสองรู้สึกมหัศจรรย์จนหมอกส้มแสดงออกมา
“ถึงว่าทำไมฉันเดินป่าไม่รู้สึกถึงการสื่อสารของคนเลย ฉันนึกว่าฉันเดินอยู่กับเจ้าไซแนปแค่สองต่อสอง” เธอกระซิบบอกเพื่อน
“พวกพี่ลองสลับกันดูฮะ” จอร์นแนะนำ
คราวนี้มิสซูเป็นฝ่ายลองพูดบ้าง “ซาร่า”
“อะไร”
“พรุ่งนี้มีการเรียนของอีตาท่านเซอร์ นายพล ศาสตาจารย์ ดอกเตอร์วิลเดินอะไรสักอย่าง แค่ยศฉันก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไหนต้องเอ่ยทั้งชื่อทั้งนามสกุลอีก”
ซาร่าได้ยิน “พรุ่งนี้มีเรียน” สะดุ้งจนลืมยศของผู้สอนทันที เธอวางกรวยลงแล้วรีบเดินไปข้างหน้า เด็กน้อยดูท่าทางแปลกใจกับอากัปกริยาที่ดูเร่งมากกว่าช่วงแรกแต่คิดว่าพี่สาวทั้งสองคงอยากถึงบ้านเร็ว ๆ
เมื่อคนทั้งสามมายังเขตแดนของคนมีสี
“พี่สัญญาแล้วนะ จะให้ผมเข้าไปเที่ยว” เด็กน้อยทวงสัญญาอีกครั้ง
“พี่สัญญาจ๊ะ ตอนนี้พี่อยากชวนให้มาทานขนมที่แม่พี่ทำนะ แต่ดึกแล้วละ”
ซาร่ารู้สึกเสียดายที่คุยกับคนหมู่บ้านไร้สีจนเลยเวลา ทำให้ไม่สามารถชวนจอร์นมาเที่ยวบ้านตนได้ ในขณะที่ตนนึกอยู่นั้นเห็นจอร์นกระโดดไปมาระหว่างเส้นเขตแดน
“มีสี ไร้สี มีสี ไร้สี มีสี ไร้สี”
ทั้งสอนคนขำจอร์นที่กระโดดไปมาระหว่างเขตแดน รู้สึกเสียดายที่แนวคิดที่แตกต่าง ทำให้คนสองหมู่บ้านแบ่งแยกเขตแดน
“พี่ฮะ ผมยืนแบบนี้ ผมจะเป็นคนมีสีหรือไร้สี”
ซาร่าเห็นจอร์นยืนถ่างขาระหว่างสองเขตแดน “นั้นอยู่ที่จอร์นเลือก” ทันใดที่ซาร่าพูดจบ เด็กน้อยรีบเอาขาตนกลับเข้ามาในดินแดนคนไร้สีทันที
ค่ำคืนนี้ไม่ว่าเป็นอย่างก็ตาม ทุกคนได้รู้จักกันและกัน พบกัน จากลากันชั่วคราว