ตอนที่ 16 หุบเหวแห่งความทรงจำ
หลังจากเลิกเรียน ซาร่ากับมิสซูเดินผ่านสนาม ทั้งสองพบนักกีฬาชายกำลังซ้อมฟุตบอล อันเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้อย่างสม่ำเสมอ แต่วันนี้คงมีเคราะห์เพราะพบกลุ่มเชียร์ฟุตบอลด้วยเช่นกัน
สาวทั้งสองพยายามไม่สนใจ คิดว่าควรเดินกลับบ้านเพื่อคิดภาพใหม่ หรือเข้าห้องสมุดเพื่อหาภาพสวยงามมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพครั้งหน้าดีกว่า
“โอ้ย” ซาร่าร้องขึ้นมาเมื่อมีวัตถุชนิดหนึ่งโดนขาเธอ
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร อู้ยยยยย” ซาร่าพูดตอบพร้อมทั้งลูบนองขาบริเวณที่โดนลูกบอลกระแทกใส่
“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ฉันไม่ไรอาเมด ขอบใจที่ถาม เราไปกันเถอะมิสซู”
เธอเห็นมิสซูเปล่งออร่าสีแดงเข้มระเรื่อ มิสซูคงคิดว่าเพื่อนซี้โดนแกล้ง
อาเมดเห็นแสงดังกล่าวจึงพยายามอธิบาย “บางครั้งคนเราควบคุมไม่ได้ทุกอย่างหรอก”
“เธอหมายถึงลูกบอลเหรอ” มิสซูถาม
“ฉันหมายถึงชีวิตด้วยเหมือนกัน บางทีมันไม่ได้ไปตามที่คาดหวัง”
“ขอบใจที่ไขความความลับจักรวาล แต่แม่เสือของเธออยู่แถวนี้ ฉันไม่อยากทะเลาะกับหล่อน” มิสซูจูงมือซาร่าเพื่อรีบเดิน
“พวกเธอทั้งสองชมรมน่าจะร่วมมือกันเพื่อชาวเมือง”
“เธอพึ่งแนะนำพวกฉันนะ เราควบคุมไม่ได้ทุกอย่างตามที่หวัง ไปเถอะซาร่า”
ทั้งสองคนรีบเดินหมายเข้าชมรมห้องสมุด ซึ่งคิดไว้ว่าจะให้สมาชิกทั้งหมดช่วยกันหาภาพที่คิดว่าเข้าท่า จะได้นำมาพิจาราณาเข้าประกวด ทั้งคู่ได้ยินเสียงเห่ามาแต่ไกล “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
ซาร่าและมิสซูเห็นเจ้าตัวยุ่งกำลังวิ่งขึ้นเน้นและวิ่งตรงมายังที่พวกเธอยืนอยู่ เมื่อมันวิ่งเข้ามาใกล้ มันกระโดดเข้าหาซาร่า เธออุ้มมันไว้เจ้าตัวป่วนจอมซนเลียหน้าเธอ
“พอๆๆ พอแล้วนะจ๊ะเด็กน้อย”
ซาร่าสังเกตุอีกครั้ง ขาหลังของไซแนปตะกุยไปด้านหลัง เหมือนจะพยายามออกจากอ้อมอกเธอ เธอจึงปล่อยมันลง มันวิ่งไปที่จีน่าแล้วหันมามองซาร่า เหมือนชวนเธอให้ไปกับมัน “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
ซาร่าเดินหามันแล้วรีบอุ้มเพราะไม่อยากให้มันวิ่งเข้าใกล้สวยสาวหลงตัวเอง ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น เจ้าไซแนปยังคงเห่าใส่จีน่าไม่หยุดจนกระทั่งเดินออกห่างได้สักพัก มันจึงเงียบลง
เมื่อเดินผ่านเกือบใกล้เขตป่า ไซแนปจากที่เงียบบัดนี้ส่งเสียงร้องอีกครั้ง ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจเพราะแถวนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดปรกติ พวกเธอมองรอบๆ ทั่วบริเวณ กลับพบจอร์นตัวจ้อยที่กำลังออกมาจากพุ่มไม้ในบริเวณนั้น
“เธอมาทำอะไรจอร์น” ซาร่าถาม
“เปล่าฮะ ผมมาเดินเล่น”
“เธออย่าบอกว่าจะแอบเข้าไปในเขตเมือง” มิสซูสงสัย
จอร์นยิ้มอย่างมีเลศนัยและส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้มิสซู
“มันยังไม่ถึงเวลานะจอร์น เธอน่าจะรู้เมื่อวันก่อนคนเมืองชุลมุนแค่ไหน” ซาร่าจำคำสัญญาที่ให้กับจอร์นได้แต่เธอคิดว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะที่จะสร้างปัญหา หากคนเมืองบังเอิญพบจอร์น
“แม่เฒ่าอยากรู้เรื่องเมื่อวานครับ”
“เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะมิสซู พาจอร์นกลับบ้านและแวะส่งไซแนปด้วย”
ทั้งคู่เดินทางเข้าป่าเพื่อพบกับแม่เฒ่าหัวหน้าเผ่าโอกุเติร์ด ระหว่างทางพบต้นผลไม้แสดงอารมณ์เต็มป่า แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอย่างไร หินสีดำสีเงินเรียงรายตามทาง เถาวัลย์น้ำเงินและแดงพันเกลียวล้อมรอบต้นไม้ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้อัสดงดูไม่น่ากลัวเหมือนช่วงกลางคืน
เมื่อเพื่อนทั้งสองพบแม่เฒ่าและอธิบายเรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งแผนการแข่งขันฟุตบอลและการประกวดภาพถ่าย
“ขอบใจพวกเธอทั้งสองคน ข้อมูลของพวกเธอใกล้เคียงกับข้อมูลที่ทางเรามี” แม่เฒ่าสีหน้าพอใจกับสิ่งที่ได้ยินจากเด็กทั้งสอง ขณะเดียวกันเห็นจอร์นกำลังเล่นกับไซแนป
“แม่เฒ่าคะ ทีมชมรมเชียร์ชนะการแข่งขันบ่อยมาก พวกหนูอยากชนะด้วยเช่นกัน แต่ต้องยอมกับนะคะ พวกนั้นมีความคิดที่ดีกว่าพวกหนู” ซาร่าขอคำแนะนำจากแม่เฒ่า
แม่เฒ่านั่งคิดสักพัก จนกระทั่งอาบูซึ่งกำลังนั่งฟังด้วยทนไม่ไหว “แม่...พวกเรามีภาพความทรงจำที่เก็บไว้เหมือนกันนะครับ”
“ไม่ได้ที่นั้นอันตรายสำหรับเด็กอย่างพวกเธอ คิดเอาชนะอย่างเดียวเพื่อแลกกับชีวิต นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง”
มิสซูได้ยินแต่ด้วยความสงสัยและความอยากเอาชนะจีน่า ตนจึงลุกอยากที่นั่งเพื่อคุกเข่าขอให้แม่เฒ่าเห็นใจ “แม่เฒ่าหมายถึงอะไรคะ”
ผู้ชราส่ายหน้าเหมือนไม่อยากบอก ยิ่งเห็นคนมีสีส่งสายตาอ้อนพร้อมเปล่งแสงสีเขียวและเหลือง (ความสดใสใคร่รู้และตื่นเต้น) “อือ...เรื่องราวมันอาจจะต้องใช้เวลาอธิบายาวหน่อยนะ แม่หนูทั้งสอง”
แม่เฒ่าลุกจากที่นั่งมองไปด้านนอกเหมือนกำลังนึกถึงความหลัง เพียงเวลาผ่านได้สักพักเธอจึงหันกลับมาพร้อมทั้งอธิบาย “สมัยที่พวกเราทานผลไม้แสดงอารมณ์กันทุกคน ตอนนั้นยังไม่มีการแบ่งเขตแดนกัน จนกระทั่งการแสดงอารมณ์ของผู้คนเริ่มก่อปัญหาบางอย่าง ในเมื่อเราไม่อาจปิดบังอารมณ์ จนทำให้เกิดการทะเลาะกันจากเรื่องเล็กน้อยแล้วขยายเป็นสงครามย่อย”
แม่เฒ่าถอนหายใจ “พวกเราเห็นควรที่จะแยกคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเรื่องหมอกแสง”
“แล้วภาพความทรงจำเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้คะ” ซาร่าเริ่มสงสัย
“เพราะเราไม่ได้ควบคุมภาพและย้ายเข้ามาอยู่ในป่า คนป่าจึงไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเจ้าของทีวี ดังนั้นเราจึงต้องดักฟังและวาดรูปเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเรา”
เธอนั่งลงอีกครั้ง “วันหนึ่งดร.แอนดรูซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับเรา พยายามหาทางไม่ให้พวกเราทานผลไม้ แต่ยังคงสามารถสร้างภาพได้ เดอร์เตอร์จึงขออยู่ป่าลึกเพื่อวิจัยกับสถานที่ตั้งภาพความทรงจำ”
“ได้ฟังแล้ววิเศษมากค่ะแม่เฒ่า ต้องมีภาพที่พวกเราไม่เคยเห็นในนั้นแน่” มิสซูดีใจ
แม่เฒ่าส่ายหน้า “มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด ปัญหาคือพวกเราติดต่อท่านไม่ได้อีกนับแต่นั้นและที่สำคัญพวกเราส่งคนออกค้นหา แต่ไม่มีใครกลับมาได้สักคน คนไร้สีต้องยุติการค้นหาเพราะพลังงานที่พวกเรามีไม่มากพอที่จะใช้ได้อย่างสิ้นเปลือง”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ทั้งคู่รู้สึกผิดหวัง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ย่อท้อต่อการเอาชนะฝ่ายทีมเชียร์ให้ได้ ทั้งสองคนจึงลาเผ่าโอกุสเติร์ดเพื่อพาไซแนปกลับฟาร์ม
7.5 ตอนที่ 16 เรื่อง Meeting point นิยายดีที่อยากแนะนำ
สาวทั้งสองพยายามไม่สนใจ คิดว่าควรเดินกลับบ้านเพื่อคิดภาพใหม่ หรือเข้าห้องสมุดเพื่อหาภาพสวยงามมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพครั้งหน้าดีกว่า
“โอ้ย” ซาร่าร้องขึ้นมาเมื่อมีวัตถุชนิดหนึ่งโดนขาเธอ
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร อู้ยยยยย” ซาร่าพูดตอบพร้อมทั้งลูบนองขาบริเวณที่โดนลูกบอลกระแทกใส่
“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ฉันไม่ไรอาเมด ขอบใจที่ถาม เราไปกันเถอะมิสซู”
เธอเห็นมิสซูเปล่งออร่าสีแดงเข้มระเรื่อ มิสซูคงคิดว่าเพื่อนซี้โดนแกล้ง
อาเมดเห็นแสงดังกล่าวจึงพยายามอธิบาย “บางครั้งคนเราควบคุมไม่ได้ทุกอย่างหรอก”
“เธอหมายถึงลูกบอลเหรอ” มิสซูถาม
“ฉันหมายถึงชีวิตด้วยเหมือนกัน บางทีมันไม่ได้ไปตามที่คาดหวัง”
“ขอบใจที่ไขความความลับจักรวาล แต่แม่เสือของเธออยู่แถวนี้ ฉันไม่อยากทะเลาะกับหล่อน” มิสซูจูงมือซาร่าเพื่อรีบเดิน
“พวกเธอทั้งสองชมรมน่าจะร่วมมือกันเพื่อชาวเมือง”
“เธอพึ่งแนะนำพวกฉันนะ เราควบคุมไม่ได้ทุกอย่างตามที่หวัง ไปเถอะซาร่า”
ทั้งสองคนรีบเดินหมายเข้าชมรมห้องสมุด ซึ่งคิดไว้ว่าจะให้สมาชิกทั้งหมดช่วยกันหาภาพที่คิดว่าเข้าท่า จะได้นำมาพิจาราณาเข้าประกวด ทั้งคู่ได้ยินเสียงเห่ามาแต่ไกล “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
ซาร่าและมิสซูเห็นเจ้าตัวยุ่งกำลังวิ่งขึ้นเน้นและวิ่งตรงมายังที่พวกเธอยืนอยู่ เมื่อมันวิ่งเข้ามาใกล้ มันกระโดดเข้าหาซาร่า เธออุ้มมันไว้เจ้าตัวป่วนจอมซนเลียหน้าเธอ
“พอๆๆ พอแล้วนะจ๊ะเด็กน้อย”
ซาร่าสังเกตุอีกครั้ง ขาหลังของไซแนปตะกุยไปด้านหลัง เหมือนจะพยายามออกจากอ้อมอกเธอ เธอจึงปล่อยมันลง มันวิ่งไปที่จีน่าแล้วหันมามองซาร่า เหมือนชวนเธอให้ไปกับมัน “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
ซาร่าเดินหามันแล้วรีบอุ้มเพราะไม่อยากให้มันวิ่งเข้าใกล้สวยสาวหลงตัวเอง ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น เจ้าไซแนปยังคงเห่าใส่จีน่าไม่หยุดจนกระทั่งเดินออกห่างได้สักพัก มันจึงเงียบลง
เมื่อเดินผ่านเกือบใกล้เขตป่า ไซแนปจากที่เงียบบัดนี้ส่งเสียงร้องอีกครั้ง ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจเพราะแถวนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดปรกติ พวกเธอมองรอบๆ ทั่วบริเวณ กลับพบจอร์นตัวจ้อยที่กำลังออกมาจากพุ่มไม้ในบริเวณนั้น
“เธอมาทำอะไรจอร์น” ซาร่าถาม
“เปล่าฮะ ผมมาเดินเล่น”
“เธออย่าบอกว่าจะแอบเข้าไปในเขตเมือง” มิสซูสงสัย
จอร์นยิ้มอย่างมีเลศนัยและส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้มิสซู
“มันยังไม่ถึงเวลานะจอร์น เธอน่าจะรู้เมื่อวันก่อนคนเมืองชุลมุนแค่ไหน” ซาร่าจำคำสัญญาที่ให้กับจอร์นได้แต่เธอคิดว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะที่จะสร้างปัญหา หากคนเมืองบังเอิญพบจอร์น
“แม่เฒ่าอยากรู้เรื่องเมื่อวานครับ”
“เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะมิสซู พาจอร์นกลับบ้านและแวะส่งไซแนปด้วย”
ทั้งคู่เดินทางเข้าป่าเพื่อพบกับแม่เฒ่าหัวหน้าเผ่าโอกุเติร์ด ระหว่างทางพบต้นผลไม้แสดงอารมณ์เต็มป่า แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอย่างไร หินสีดำสีเงินเรียงรายตามทาง เถาวัลย์น้ำเงินและแดงพันเกลียวล้อมรอบต้นไม้ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ใกล้อัสดงดูไม่น่ากลัวเหมือนช่วงกลางคืน
เมื่อเพื่อนทั้งสองพบแม่เฒ่าและอธิบายเรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งแผนการแข่งขันฟุตบอลและการประกวดภาพถ่าย
“ขอบใจพวกเธอทั้งสองคน ข้อมูลของพวกเธอใกล้เคียงกับข้อมูลที่ทางเรามี” แม่เฒ่าสีหน้าพอใจกับสิ่งที่ได้ยินจากเด็กทั้งสอง ขณะเดียวกันเห็นจอร์นกำลังเล่นกับไซแนป
“แม่เฒ่าคะ ทีมชมรมเชียร์ชนะการแข่งขันบ่อยมาก พวกหนูอยากชนะด้วยเช่นกัน แต่ต้องยอมกับนะคะ พวกนั้นมีความคิดที่ดีกว่าพวกหนู” ซาร่าขอคำแนะนำจากแม่เฒ่า
แม่เฒ่านั่งคิดสักพัก จนกระทั่งอาบูซึ่งกำลังนั่งฟังด้วยทนไม่ไหว “แม่...พวกเรามีภาพความทรงจำที่เก็บไว้เหมือนกันนะครับ”
“ไม่ได้ที่นั้นอันตรายสำหรับเด็กอย่างพวกเธอ คิดเอาชนะอย่างเดียวเพื่อแลกกับชีวิต นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง”
มิสซูได้ยินแต่ด้วยความสงสัยและความอยากเอาชนะจีน่า ตนจึงลุกอยากที่นั่งเพื่อคุกเข่าขอให้แม่เฒ่าเห็นใจ “แม่เฒ่าหมายถึงอะไรคะ”
ผู้ชราส่ายหน้าเหมือนไม่อยากบอก ยิ่งเห็นคนมีสีส่งสายตาอ้อนพร้อมเปล่งแสงสีเขียวและเหลือง (ความสดใสใคร่รู้และตื่นเต้น) “อือ...เรื่องราวมันอาจจะต้องใช้เวลาอธิบายาวหน่อยนะ แม่หนูทั้งสอง”
แม่เฒ่าลุกจากที่นั่งมองไปด้านนอกเหมือนกำลังนึกถึงความหลัง เพียงเวลาผ่านได้สักพักเธอจึงหันกลับมาพร้อมทั้งอธิบาย “สมัยที่พวกเราทานผลไม้แสดงอารมณ์กันทุกคน ตอนนั้นยังไม่มีการแบ่งเขตแดนกัน จนกระทั่งการแสดงอารมณ์ของผู้คนเริ่มก่อปัญหาบางอย่าง ในเมื่อเราไม่อาจปิดบังอารมณ์ จนทำให้เกิดการทะเลาะกันจากเรื่องเล็กน้อยแล้วขยายเป็นสงครามย่อย”
แม่เฒ่าถอนหายใจ “พวกเราเห็นควรที่จะแยกคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเรื่องหมอกแสง”
“แล้วภาพความทรงจำเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้คะ” ซาร่าเริ่มสงสัย
“เพราะเราไม่ได้ควบคุมภาพและย้ายเข้ามาอยู่ในป่า คนป่าจึงไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเจ้าของทีวี ดังนั้นเราจึงต้องดักฟังและวาดรูปเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเรา”
เธอนั่งลงอีกครั้ง “วันหนึ่งดร.แอนดรูซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับเรา พยายามหาทางไม่ให้พวกเราทานผลไม้ แต่ยังคงสามารถสร้างภาพได้ เดอร์เตอร์จึงขออยู่ป่าลึกเพื่อวิจัยกับสถานที่ตั้งภาพความทรงจำ”
“ได้ฟังแล้ววิเศษมากค่ะแม่เฒ่า ต้องมีภาพที่พวกเราไม่เคยเห็นในนั้นแน่” มิสซูดีใจ
แม่เฒ่าส่ายหน้า “มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด ปัญหาคือพวกเราติดต่อท่านไม่ได้อีกนับแต่นั้นและที่สำคัญพวกเราส่งคนออกค้นหา แต่ไม่มีใครกลับมาได้สักคน คนไร้สีต้องยุติการค้นหาเพราะพลังงานที่พวกเรามีไม่มากพอที่จะใช้ได้อย่างสิ้นเปลือง”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ทั้งคู่รู้สึกผิดหวัง แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ย่อท้อต่อการเอาชนะฝ่ายทีมเชียร์ให้ได้ ทั้งสองคนจึงลาเผ่าโอกุสเติร์ดเพื่อพาไซแนปกลับฟาร์ม