สมัยยังเด็ก เคยอ่านกลอนบทหนึ่งของอาจารย์นภาลัย ฤกษ์ชนะ สุวรรณธาดา
มีบทหนึ่งที่จับใจดิฉันมาก และจำได้จนบัดนี้คือ
ป่าทั้งป่า ใบไม้ ร่วงเพียงหนึ่ง
คงไม่ถึง ใครมอง หรือหมองไหม้
แต่ใบไม้ ใบนี้ มีหัวใจ
รู้ร้องไห้ รู้เจ็บช้ำ รู้คร่ำครวญ
ดิฉันมีงานอดิเรกที่พยายามทำทุกวัน คือ การเดินเล่นในหมู่บ้าน พยายามเดินให้ได้วันละอย่างน้อยสามกิโล
และงานอดิเรกในงานอดิเรกอีกอย่างคือ ระหว่างทาง ถ้าไปเจอ ด้วงนอนหงายหลังกลางถนน ก็จะพยายามเอาใบไม้ให้น้องเกาะ พลิกตัวน้อง แล้วพาไปหลบอยู่ข้างฟุตปาธ เพื่อกันไม่ให้ด้วงโดนทับตาย
หรือถ้าเจอหอยทาก เดินต้วมเตี้ยมอยู่กลางถนน ก็จะทำอย่างเดียวกัน
แต่ทุกครั้ง สิ่งที่ทำให้ใจหม่นลงไปนิดนึงคือ เวลาเจอสัตว์โดนทับตายกลางถนน หรือ นอนตายแบบอนาถ ใจจะกระหวัดถึงกลอนบทนี้ของอาจารย์นภาลัยทุกครั้ง
การจากไปของสิ่งที่คนทั่วไปอาจจะมองว่าเล็กน้อย บางครั้ง เราก็อดนึกสงสารไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่า จะมีใครคิดถึงพวกนี้บ้างไหมนะ
เลยมีงานอดิเรกซ้อนงานอดิเรกอีกอันหนึ่งคือ จะต้องทำศพสัตว์เล็ก สัตว์น้อยพวกนี้ สวดมนต์ให้ แล้วค่อยเดินต่อ
จริง ๆ เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในเพจของลูก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/share/p/1Atn11mrWY/
แต่ครั้งนั้น เป็นเรื่องของน้องอึ่งอ่าง
วันนี้ เจอนกตายอยู่ริมทางเดิน มันใจหมองนิด ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ทำอะไรบางอย่างไป คงไม่สบายใจ
แถวนั้น หาจอบหาเสียมไม่ได้ ได้แต่กวาดดอกไม้ไปโรยกลบน้องไว้ สวดมนต์ให้เบา ๆ และขอให้น้องไปสู่สุคติ
โอม คเต คเต ปารคเต ปารสังคเต โพธิ สวาหา -- ก้าวไป ก้าวเดินไป ก้าวเดินไปให้ถึงฟากฝั่ง ไปให้ถึงฟากฝั่งที่ตรงกันข้ามนี้ ฟากฝั่งที่ตื่นรู้ สดใส ...
...ป่าทั้งป่า ใบไม้ร่วงเพียงหนึ่ง คงไม่ถึงใครมองหรือหมองไหม้...
มีบทหนึ่งที่จับใจดิฉันมาก และจำได้จนบัดนี้คือ
ป่าทั้งป่า ใบไม้ ร่วงเพียงหนึ่ง
คงไม่ถึง ใครมอง หรือหมองไหม้
แต่ใบไม้ ใบนี้ มีหัวใจ
รู้ร้องไห้ รู้เจ็บช้ำ รู้คร่ำครวญ
ดิฉันมีงานอดิเรกที่พยายามทำทุกวัน คือ การเดินเล่นในหมู่บ้าน พยายามเดินให้ได้วันละอย่างน้อยสามกิโล
และงานอดิเรกในงานอดิเรกอีกอย่างคือ ระหว่างทาง ถ้าไปเจอ ด้วงนอนหงายหลังกลางถนน ก็จะพยายามเอาใบไม้ให้น้องเกาะ พลิกตัวน้อง แล้วพาไปหลบอยู่ข้างฟุตปาธ เพื่อกันไม่ให้ด้วงโดนทับตาย
หรือถ้าเจอหอยทาก เดินต้วมเตี้ยมอยู่กลางถนน ก็จะทำอย่างเดียวกัน
แต่ทุกครั้ง สิ่งที่ทำให้ใจหม่นลงไปนิดนึงคือ เวลาเจอสัตว์โดนทับตายกลางถนน หรือ นอนตายแบบอนาถ ใจจะกระหวัดถึงกลอนบทนี้ของอาจารย์นภาลัยทุกครั้ง
การจากไปของสิ่งที่คนทั่วไปอาจจะมองว่าเล็กน้อย บางครั้ง เราก็อดนึกสงสารไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่า จะมีใครคิดถึงพวกนี้บ้างไหมนะ
เลยมีงานอดิเรกซ้อนงานอดิเรกอีกอันหนึ่งคือ จะต้องทำศพสัตว์เล็ก สัตว์น้อยพวกนี้ สวดมนต์ให้ แล้วค่อยเดินต่อ
จริง ๆ เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในเพจของลูก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ครั้งนั้น เป็นเรื่องของน้องอึ่งอ่าง
วันนี้ เจอนกตายอยู่ริมทางเดิน มันใจหมองนิด ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ทำอะไรบางอย่างไป คงไม่สบายใจ
แถวนั้น หาจอบหาเสียมไม่ได้ ได้แต่กวาดดอกไม้ไปโรยกลบน้องไว้ สวดมนต์ให้เบา ๆ และขอให้น้องไปสู่สุคติ
โอม คเต คเต ปารคเต ปารสังคเต โพธิ สวาหา -- ก้าวไป ก้าวเดินไป ก้าวเดินไปให้ถึงฟากฝั่ง ไปให้ถึงฟากฝั่งที่ตรงกันข้ามนี้ ฟากฝั่งที่ตื่นรู้ สดใส ...