JJNY : 5in1 อิสราเอลประสานส่งตู้อบ│แฉ! ทัพเรือยังเฉย│‘ชัยธวัช’ไร้กังวลคดี│ชัยธวัช เห็นพ้องทำประชามติ│ข่าวร้ายชาวเบนซิน

อิสราเอลเผย ประสานส่งตู้อบ ช่วยเคลื่อนย้ายทารกในรพ.กาซา
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4282435
 
Photo: Israel Defense Forces (IDF)
อิสราเอลเผย ประสานส่งตู้อบ ช่วยเคลื่อนย้ายทารกใน รพ.กาซา
 
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน กองทัพอิสราเอลอ้างว่า ทางกองทัพกำลังอยู่ในระหว่างการประสานงานในการส่งตู้อบสำหรับทารกแรกเกิดเข้าไปในฉนวนกาซา ในมาตรการที่เป็นไปได้เพื่อให้สามารถอพยพทารกแรกเกิดออกจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟา สถานพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ที่ตกเป็นเป้าหมายของกองทัพอิสราเอลในการทำสงครามกวาดล้างกลุ่มฮามาสอยู่ในขณะนี้ โดยอิสราเอลอ้างว่ามีฐานบัญชาการใหญ่ของนักรบฮามาสซ่อนอยู่ใต้ดินของโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่กลุ่มฮามาสปฏิเสธ
  
พร้อมกันนี้ กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) หรือกองทัพอิสราเอล ยังได้โพสต์รูปลงโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นทหารหญิงนายหนึ่งกำลังนำตู้อบสำหรับทารกลงจากรถตู้คันหนึ่งในลานจอด ที่ไม่มีการระบุว่าเป็นที่ใด
 
การดำเนินการดังกล่าวของอิสราเอลมีขึ้นหลังจากมีสัญญาณแจ้งเหตุร้ายจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟา เกี่ยวกับผู้ป่วยที่เป็นทารกแรกเกิดที่ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง ในขณะที่กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลจ่อประชิดโรงพยาบาลแห่งนี้และเชื้อเพลิงที่ให้กำเนิดไฟฟ้าหล่อเลี้ยงโรงพยาบาลได้หมดลงไปแล้ว ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อการรอดชีวิตของทารกแรกเกิดที่ต้องอาศัยอยู่ในตู้อบและผู้ป่วยจำนวนมากที่ติดอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้



 
แฉ! เรือประมงเวียดนามนับร้อย ยึดอ่าวเมืองคอน แจ้งทหารเรือแล้วยังเฉย
https://www.amarintv.com/news/detail/195738
 
แฉ! กองเรือประมงพาณิชย์เวียดนามนับร้อยลำ ยึดหน้าอ่าวนครศรีธรรมราชทำประมงเสรี แจ้งกองทัพเรือแล้วยังเฉย – ปล่อยทำประมงต่อเนื่องมานับเดือนแล้ว
 
สถานการณ์ประมงพาณิชย์หน้าอ่าวนครศรีธรรมราชว่ากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ จากการรุกล้ำของกองเรือประมงเวียดนามนับร้อยลำ ที่เข้ามาทำประมงได้อย่างเสรี และต่อเนื่องมานานนับเดือนแล้ว โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเข้าไปตรวจสอบ หรือเข้าเฝ้าระวังแนวน่านน้ำของประเทศไทย
 
ไต๋เรือประมงพาณิชย์ผู้บันทึกภาพได้ เปิดเผยว่า ตลอดกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาอ่าวไทยบริเวณแนวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไปจนถึงเกาะกระ อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ระยะใกล้ฝั่งมากห่างจากชายฝั่งนครศรีธรรมราชประมาณ 20-35 ไมล์ทะเล และชัดเจนว่านี่คือน่านน้ำนครศรีธรรมราช และน่านน้ำประเทศไทยในระยะใกล้ฝั่งมาก กลับเต็มไปด้วยกองเรือประมงเวียดนาม ทั้งระยะใกล้ ระยะไกล ชาวประมงไทยไม่กล้าทำอะไรเนื่องจากกลัวว่ากองเรือเวียดนามเหล่านี้จะติดอาวุธ
 
โดยกองเรือเวียดนามทำประมงอยู่นับเดือนแล้ว และยังคงทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน เป็นการใช้ตะแกรงคราดหน้าดินหาสัตว์น้ำจำพวกปลิงทะเล ปลิงบอลราคาแพง ที่มีชุกชุมในอ่าวนครศรีธรรมราช ทำลายหน้าดินใต้ทะเลอย่างรุนแร งสร้างความเดือดร้อนให้เรือประมงไทยก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ประมง ซ้ำอีกแจ้งทางการโดยเฉพาะทางกองทัพเรือไปแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ทั้ง ๆ ที่เรือของเจ้าหน้าที่ออกจากฝั่งมาถึงแนวทำประมงของกองเรือเวียดนามพวกนี้ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เท่านั้นเอง ไต๋เรือให้ข้อมูล
 
ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าบางช่วงเวลาเรือประมงพื้นบ้านที่ออกไปทำประมงพาณิชย์ห่างจากฝั่งประมาณ 5- 6 กิโลเมตร เคยพบเรือประมงเวียดนามเหล่านี้เช่นเดียวกัน ทำให้ชาวประมงเกิดความวิตกว่าอาจเกิดกระทบกระทั่งกันกลางทะเล ระหว่างชาวประมงไทยกับชาวประมงเวียดนาม ซึ่งอาจนำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้หากมีการปล่อยปละละเลยเช่นนี้
 

 
‘ชัยธวัช’ ไร้กังวลคดีพิธาถือหุ้นสื่อ-ก้าวไกลหาเสียงล้มล้างการปกครอง มั่นใจทุกคำชี้แจงชัดเจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4281769

‘ชัยธวัช’ ไร้กังวล คดีพิธาถือหุ้นสื่อ-ก้าวไกลหาเสียงล้มล้างการปกครอง มั่นใจทุกคำชี้แจงชัดเจนทั้งข้อเท็จจริง-ข้อกฎหมาย เผย ยังไม่เตรียมการอะไรหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือ
 
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาต่อ กรณีคดีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก. และคดีที่เกี่ยวกับนโยบายหาเสียงของพรรค ก.ก. ในวันที่ 15 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ว่าพรุ่งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาใน 2 คดี ซึ่งยังไม่ได้วินิจฉัยตามที่หลายคนกังวล แต่เข้าใจว่าเป็นการประชุมเพื่อหาแนวทางในการพิจารณาคดีต่อไป หลังจากที่พรรค ก.ก.ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว รวมถึงพยานที่เชี่ยวชาญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนเช่นกัน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้น่าจะเป็นการพิจารณาว่าจะทำการไต่สวนหรือไม่ อย่างไร ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัย

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า พรรค ก.ก.ไม่ได้กังวลทั้ง 2 คดี ทั้งคดีล้มล้างการปกครองและคดีหุ้นไอทีวี พร้อมให้คำมั่นใจว่า คำชี้แจงทั้งหมดมีความชัดเจน มีความหนักแน่นทางข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ไม่ได้เตรียมการอะไรหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เพียงแต่มีการเตรียมพยาน ผู้เชี่ยวชาญ และเตรียมตัวในกระบวนการไต่สวนให้ดีที่สุด



ชัยธวัช เผยหลังคุยอนุฯ เห็นพ้องรบ. ทำประชามติ 3 ครั้ง ด้านนิกร รับที่มาส.ส.ร. ยังมองต่างกัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4281771

‘ก้าวไกล-อนุ คกก.แก้ รธน.’ เห็นพ้องทำประชามติ 3 ครั้ง ‘ชัยธวัช’ ย้ำ 3 ข้อเสนอ ควรมีคำถามพ่วง เพื่อสร้างฉันทามติใหม่ ด้าน ‘นิกร’ ยันควรให้ ส.ส.ร.มาจากสัดส่วนอาชีพด้วย
 
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ได้นำคณะเข้าพบ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. เพื่อร่วมหารือรับฟังความเห็น เกี่ยวกับการจัดทำประชามติ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
 
ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ นายชัยธวัชเปิดเผยว่า การรับฟังเป็นไปด้วยดี มีการแลกเปลี่ยนกันในรายละเอียดหลายเรื่อง เข้าใจเจตนาเนื้อหาซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อเสนอของพรรค ก.ก.ก็คงจะมีประโยชน์พอสมควรกับการทำงานของอนุกรรมการและกรรมการชุดใหญ่ โดยพรรค ก.ก.มี 3 ข้อเสนอหลัก คือ

1. กระบวนการจัดทำประชามติควรจะมีกี่ครั้ง
2. คำถามในการทำประชามติครั้งแรกควรจะเป็นอย่างไร
3. ข้อเสนอในการแก้ไข
 
ซึ่งพรรค ก.ก.ได้เสนอว่า ควรจะมีการทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่ง 2 ครั้งหลังให้เป็นไปตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต้องมีอยู่แล้ว แต่ในส่วนของครั้งแรกควรจะต้องมีการจัดทำประชามติก่อน ก่อนที่สภาจะมีกระบวนการในการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมด้วยเหตุผลสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.เพื่อทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย มีความชอบธรรมทางการเมือง 2.เพื่อแก้ปัญหาการตีความตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 เนื่องจากการจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ควรจะสอบถามความคิดเห็นประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก 3.พรรค ก.ก.คิดว่าการทำประชามติตั้งแต่แรกจะเป็นกลไกที่สำคัญ ทำให้เราสามารถหาข้อยุติในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยกระบวนการทางประชาธิปไตยตั้งแต่ต้นที่จะทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความราบรื่น และประสบความสำเร็จ
 
สำหรับคำถามในการทำประชามติครั้งแรกควรจะเป็นอย่างไร จุดยืนของพรรค ก.ก.เราเห็นว่าการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะทำใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความกังวลและมีความเห็นที่ยังแตกต่างกัน ทั้งจากฝั่งรัฐบาล จากฝั่ง ส.ว. จากประชาชนหลายฝ่ายในบางประเด็นที่สำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องความคิดเห็นว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะมีการแก้ไขหมวดหนึ่ง หมวดสองด้วยหรือไม่ หรือควรล็อกไว้ไม่ให้มีการแก้ไข หรือแม้กระทั่งความเห็นที่แตกต่างว่า แม้จะเห็นด้วยว่าควรจะมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. แต่ ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมดหรือไม่
ดังนั้น ข้อเสนอทางเลือกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้สามารถที่จะกลายเป็นเวทีที่สำคัญ ที่ทำให้เราใช้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หาฉันทามติใหม่ให้กับสังคมไทยได้ แก้ไข คลี่คลาย ความขัดแย้งทางการเมืองในรอบเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เราจึงคิดว่าควรจะออกแบบคำถามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตรงนั้น โดยที่ไม่ทำให้มีใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกกีดกันออกจากกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่ต้น และสามารถทำให้เกิดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เกิดการยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ในที่สุด แม้ว่าแต่ละฝ่ายไม่สามารถที่จะผลักดันเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ตามต้องการทั้งหมด
 
พรรค ก.ก.จึงได้นำเสนอต่อคณะอนุกรรมการว่าควรจะออกแบบคำถามในการจัดทำประชามติครั้งแรก โดยมีคำถามหลักหนึ่งคำถาม แล้วจึงมึคำถามพ่วงสองคำถาม ซึ่งคำถามหลักควรจะเป็นคำถามที่กว้างที่สุด และสามารถสร้างความเห็นร่วมได้มากที่สุด คือ “เห็นชอบหรือไม่ที่ควรจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.” ซึ่งเราคิดว่านี่จะเป็นคำถามที่เราสามารถทำให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย และไม่ทำให้มีเงื่อนไขปลีกย่อย ที่ทำให้เกิดการเห็นแตกต่างกันในการคัดค้านการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตั้งแต่ต้น ในส่วนของคำถามพ่วงอีกสองคำถามคือ ”เห็นด้วยหรือไม่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยคงไว้ในหมวดหนึ่ง หมวดสอง” และคำถามพ่วงที่สองคือ “เห็นชอบหรือไม่ที่จะให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด
 
ทั้งหมดนี้เป็นข้อเสนอของพรรค ก.ก.ในการตั้งคำถามจัดทำประชามติในครั้งแรก เพื่อให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บรรลุผลและมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย
 
ส่วนข้อเสนอที่สามที่ฝ่ายรัฐบาลยังมีความกังวลในเงื่อนไขตามหลักเสียงข้างมากสองขั้นตอน (double majority) ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการทำประชามติในปัจจุบัน ที่อาจไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการทำประชามติในครั้งนี้ แต่เป็นอุปสรรคของทุกๆ เรื่องในอนาคต เราจึงเห็นว่าหากมีความกังวลเรื่องนี้ก็ควรจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ร.บ.ประชามติฯ อย่างรวดเร็วเร่งด่วน เพื่อยกเลิกเงื่อนไขในเรื่องที่รัฐบาลกังวลข้างต้น ซึ่งพรรค ก.ก.ได้เสนอด้วยว่า ควรให้คณะอนุกรรมการและกรรมการชุดใหญ่ของรัฐบาลหาข้อยุติในประเด็นนี้ให้ได้ก่อน เพราะหากได้ข้อยุติร่วมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล เราก็จะสามารถร่วมมือกันเพื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมได้ทันทีหลังเปิดสมัยประชุมสภา
 
ด้านนายนิกรกล่าวว่า ผลการหารือเป็นไปตามที่คาดหวัง ได้รับฟัง และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้จะยังมีประเด็นที่ยังเคลือบแคลงว่า ยังมีความเห็นต่าง แต่ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นตรงกันว่าควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย รวมถึงกรณีที่พรรค ก.ก.ไม่เข้าร่วมกับคณะกรรมการของรัฐบาล ก็ได้คลี่คลายหลักการกันเป็นที่เข้าใจ สำหรับข้อเสนอ 3 ข้อของพรรค ก.ก.นั้น ในเรื่องจำนวนครั้งของการทำประชามติ มีความเห็นสอดคล้องกับคณะอนุกรรมการ โดยประชามติ 2 ครั้งท้ายมีสภาพบังคับตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่การทำครั้งแรกมีความสำคัญมาก เพราะเป็นการเริ่มนับหนึ่งของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
 
นายนิกรกล่าวต่อว่า คำถามประชามติเป็นเรื่องยาก เพราะต้องมีความรวบรัด ชัดเจน ไม่ซับซ้อน ประชาชนสามารถเข้าใจได้ง่าย อีกทั้ง รัฐบาลก็มีภารกิจกับคำแถลงของตัวเอง เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะหมวด 2 เป็นทั้งนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาและเป็นมติ ครม.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่