ไม่ว่าเราจะประหยัด หรือลดค่าใช้จ่ายส่วนใดไปได้
ส่วนสุดท้ายที่เราไม่สามารถทำได้คือค่าอาหารการกิน
ต่อให้ไม่มีบ้าน ไม่มีเสื้อผ้า หรือจะป่วย แต่การไม่มีอะไรให้กิน จะทำให้คุณสู่ขิตได้เร็วที่สุด
และเราแต่ละคน ต้องกินอาหารขั้นต่ำเท่าไร แล้วเราจะลดกว่านั้นได้ไหม
แอดไม่ใช่หมอ ขอนำเสนอข้อมูล
คนเราใช้อาหาร(แครอลี่)เท่าไรในการดำรงชีพ
โดยสภาพความเป็นจริงแล้วแต่ละคนใช้พลังงานเท่าไรในการดำรงชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ยาก
ไม่ว่าจะด้วยไลฟ์สไตล์ การเดินทาง และปัจจัยอื่นๆ
แต่สรุปให้ง่ายจะได้คน 5 ประเภท
1. พวกแทบไม่ออกกำลังกาย
แน่นอนเลยว่า พวกนี้จะประหยัดพลังงานและอาหารการกินได้มากที่สุดแล้ว
โดยค่าพลังงานจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 แคลฯ ต่อน้ำหนักตัว 1 กรัม
ฉะนั้นถ้า หนัก 70 ก.ก. 2100 กิโลแคลฯ ก็พอให้รอดได้ไป 1 วัน
กระเพราไก่ไข่ดาว 3 จาน สามารถทำให้ท่านรอดไปได้ (จานละ 650 กิโลแคล)
2. พวกออกกำลังกายหน่อย (เล่นกีฬา 1-3 วันต่อสัปดาห์)
คนพวกนี้จะใช้พลังงานอยู่ที่ 30-35 แคลฯ ต่อน้ำหนักตัว
เอาจริงๆ กระเพราไก่ไข่ดาว 3 จานก็อยู่สำหรับพวกหน้าใหม่ในรุ่นนี้
แต่ถ้ารุ่นปลายๆ ซึ่งใช้พลังงานอยู่ที่ 2450 กิโลแคลฯ (น้ำหนัก 70 ก.ก.)
กระเพราะไก่ไข่ดาว 3 จาน และอัดชานมไข่มุก อีก 1 แก้ว (300-400 กิโลแคล)
เท่านี้ก็รอดไป 1 วัน หรือจะอัดชานม 6 แก้วก็ได้ ถ้าไม่กลัวเบาหวาน
3. พวกออกกำลังกายปานกลาง (เล่นกีฬา 3-5 วันต่อสัปดาห์)
ประเภทนี้ใช้พลังงานอยู่ที่ 35-40 แคลฯ ต่อน้ำหนักตัว
ปลายแถว อยู่ที่ 2800 กิโลแคลฯ ฉะนั้น
"ป้าๆ กระเพราไก่ไข่ดาว 3 ชานมไข่มุกมา 2"
ถัดไปประเภท 4-5 พวกออกกำลังกายมาก และออกจัด ซึ่งแอดเชื่อว่า คนที่จะรัดเข็มขัด ไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้น (ยกเว้นงานสายกรรมกร)
แต่ถ้าอยากรู้ตัวเลขก็อยู่ที่ 40-45 และ 45-50 ต่อน้ำหนักตัวนั่นเอง
(ตัวเลขนี้เป็นเพียงแค่ตัวเลขคร่าวๆ ยังไงก็ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย)
พอเข้าใจตัวเลขความต้องการพื้นฐานแล้ว หากเราลำบากกระเป๋าแบนจริงๆ จะกินอาหารระดับพลังงานต่ำกว่าตรงนี้จะได้ไหม
คำตอบคือ "ได้ครับ"
แต่ว่า...
สิ่งที่จะเกิดตามมาถ้าอาหารน้อยต่อเนื่องกันเป็นเวลานานคือ
1. น้ำหนักลด อันนี้ธรรมดา คนชอบ
2. อาจจะขาดสารอาหาร (อันนี้สามารถทดแทนได้ด้วยอาหารเสริมที่หลากหลาย ถามแอดได้ทีหลัง)
3. อ่อนเพลีย ล้า (ถ้าขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ออกอาการแน่นอน)
4. ภูมิคุ้มกันลด (มีโอกาสป่วยง่ายมากขึ้น)
5. ฮอร์โมนรวน (จะหงุดหงิดง่าย ซึมง่าย หรือใดๆ แล้วแต่อาการ แต่ที่แน่ๆ จากการที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง จะมีผลให้การควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง)
(ในขณะเดียวกัน หากผอมลง น้ำหนักตัวลดลง แนวโน้มพลังงานที่เราต้องการก็จะลดลงตามไปด้วย ยิ่งผอม ยิ่งกินน้อยนั่นเอง)
ป.ล.1 หากอ่านมาถึงคนนี้ บางคนอาจจะสงสัยว่า
"อ้าว แล้วไอ้พวกที่แบบ อดอาหาร 16 ช.ม. 48 ช.ม. มันมีผลต่อร่างกายยังไง"
เดี๋ยวจะมาเล่าในฟังในภายหลัง
และสำหรับใครที่จะลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ถามแอดได้ ไม่ว่าจะโปรตีนชง หรือวิตามินรวม มาคุยกันได้จ้า
ป.ล.2 มันมีหัวข้อว่าด้วยอาหารลดน้ำหนักที่กินแล้วอยู่ท้องไม่หิวด้วย เดี๋ยวหาโอกาสไหนมาเล่าให้ฟังกันอีกที
ชอบ สงสัย ถาม หรือมีข้อมูลไหนไม่ตรงกับที่รู้มา สามารถคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยครับ
เพราะแอดยังไม่ใช่หมอครับ
#ลดข้าว #ลดอาหาร #ลดแป้ง #ลดไขมัน #ประหยัด #กินยังไงไม่ให้เปลือง
ประหยัดแล้วยังไม่พอ กินน้อยกว่านั้นอีกได้ไหม
ส่วนสุดท้ายที่เราไม่สามารถทำได้คือค่าอาหารการกิน
ต่อให้ไม่มีบ้าน ไม่มีเสื้อผ้า หรือจะป่วย แต่การไม่มีอะไรให้กิน จะทำให้คุณสู่ขิตได้เร็วที่สุด
และเราแต่ละคน ต้องกินอาหารขั้นต่ำเท่าไร แล้วเราจะลดกว่านั้นได้ไหม
แอดไม่ใช่หมอ ขอนำเสนอข้อมูล
คนเราใช้อาหาร(แครอลี่)เท่าไรในการดำรงชีพ
โดยสภาพความเป็นจริงแล้วแต่ละคนใช้พลังงานเท่าไรในการดำรงชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ตัดสินได้ยาก
ไม่ว่าจะด้วยไลฟ์สไตล์ การเดินทาง และปัจจัยอื่นๆ
แต่สรุปให้ง่ายจะได้คน 5 ประเภท
1. พวกแทบไม่ออกกำลังกาย
แน่นอนเลยว่า พวกนี้จะประหยัดพลังงานและอาหารการกินได้มากที่สุดแล้ว
โดยค่าพลังงานจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 แคลฯ ต่อน้ำหนักตัว 1 กรัม
ฉะนั้นถ้า หนัก 70 ก.ก. 2100 กิโลแคลฯ ก็พอให้รอดได้ไป 1 วัน
กระเพราไก่ไข่ดาว 3 จาน สามารถทำให้ท่านรอดไปได้ (จานละ 650 กิโลแคล)
2. พวกออกกำลังกายหน่อย (เล่นกีฬา 1-3 วันต่อสัปดาห์)
คนพวกนี้จะใช้พลังงานอยู่ที่ 30-35 แคลฯ ต่อน้ำหนักตัว
เอาจริงๆ กระเพราไก่ไข่ดาว 3 จานก็อยู่สำหรับพวกหน้าใหม่ในรุ่นนี้
แต่ถ้ารุ่นปลายๆ ซึ่งใช้พลังงานอยู่ที่ 2450 กิโลแคลฯ (น้ำหนัก 70 ก.ก.)
กระเพราะไก่ไข่ดาว 3 จาน และอัดชานมไข่มุก อีก 1 แก้ว (300-400 กิโลแคล)
เท่านี้ก็รอดไป 1 วัน หรือจะอัดชานม 6 แก้วก็ได้ ถ้าไม่กลัวเบาหวาน
3. พวกออกกำลังกายปานกลาง (เล่นกีฬา 3-5 วันต่อสัปดาห์)
ประเภทนี้ใช้พลังงานอยู่ที่ 35-40 แคลฯ ต่อน้ำหนักตัว
ปลายแถว อยู่ที่ 2800 กิโลแคลฯ ฉะนั้น
"ป้าๆ กระเพราไก่ไข่ดาว 3 ชานมไข่มุกมา 2"
ถัดไปประเภท 4-5 พวกออกกำลังกายมาก และออกจัด ซึ่งแอดเชื่อว่า คนที่จะรัดเข็มขัด ไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้น (ยกเว้นงานสายกรรมกร)
แต่ถ้าอยากรู้ตัวเลขก็อยู่ที่ 40-45 และ 45-50 ต่อน้ำหนักตัวนั่นเอง
(ตัวเลขนี้เป็นเพียงแค่ตัวเลขคร่าวๆ ยังไงก็ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย)
พอเข้าใจตัวเลขความต้องการพื้นฐานแล้ว หากเราลำบากกระเป๋าแบนจริงๆ จะกินอาหารระดับพลังงานต่ำกว่าตรงนี้จะได้ไหม
คำตอบคือ "ได้ครับ"
แต่ว่า...
สิ่งที่จะเกิดตามมาถ้าอาหารน้อยต่อเนื่องกันเป็นเวลานานคือ
1. น้ำหนักลด อันนี้ธรรมดา คนชอบ
2. อาจจะขาดสารอาหาร (อันนี้สามารถทดแทนได้ด้วยอาหารเสริมที่หลากหลาย ถามแอดได้ทีหลัง)
3. อ่อนเพลีย ล้า (ถ้าขาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ออกอาการแน่นอน)
4. ภูมิคุ้มกันลด (มีโอกาสป่วยง่ายมากขึ้น)
5. ฮอร์โมนรวน (จะหงุดหงิดง่าย ซึมง่าย หรือใดๆ แล้วแต่อาการ แต่ที่แน่ๆ จากการที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง จะมีผลให้การควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง)
(ในขณะเดียวกัน หากผอมลง น้ำหนักตัวลดลง แนวโน้มพลังงานที่เราต้องการก็จะลดลงตามไปด้วย ยิ่งผอม ยิ่งกินน้อยนั่นเอง)
ป.ล.1 หากอ่านมาถึงคนนี้ บางคนอาจจะสงสัยว่า
"อ้าว แล้วไอ้พวกที่แบบ อดอาหาร 16 ช.ม. 48 ช.ม. มันมีผลต่อร่างกายยังไง"
เดี๋ยวจะมาเล่าในฟังในภายหลัง
และสำหรับใครที่จะลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ถามแอดได้ ไม่ว่าจะโปรตีนชง หรือวิตามินรวม มาคุยกันได้จ้า
ป.ล.2 มันมีหัวข้อว่าด้วยอาหารลดน้ำหนักที่กินแล้วอยู่ท้องไม่หิวด้วย เดี๋ยวหาโอกาสไหนมาเล่าให้ฟังกันอีกที
ชอบ สงสัย ถาม หรือมีข้อมูลไหนไม่ตรงกับที่รู้มา สามารถคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยครับ
เพราะแอดยังไม่ใช่หมอครับ
#ลดข้าว #ลดอาหาร #ลดแป้ง #ลดไขมัน #ประหยัด #กินยังไงไม่ให้เปลือง