ปริญญาชี้ ตร.ทำเกินเลย ใช้คอมมานโด กับแค่หมายค้นบ้าน นี่รอง ผบ.ยังโดน ถ้าเป็นชาวบ้านล่ะ?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4199175
ปริญญาชี้ ตร.ทำเกินเลย ใช้คอมมานโด ติดอาวุธเต็ม กับแค่หมายค้นบ้าน ถามนายกฯ นี่รอง ผบ.ยังเจอแบบนี้ แล้วถ้าชาวบ้านโดน ใครจะคุ้มครองพวกเขา?
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นาย
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง
ข้อสังเกต กรณีกำนันนกถึงบิ๊กโจ๊กถูกค้นบ้าน และคำถามถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาดังนี้
“
มองในมุมคนนอกที่ทำงานเรื่องกฎหมายและความยุติธรรม ผมคิดว่าการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกปลดจากคดีกำนันนก ไม่น่าจะเป็นเรื่องการช่วยกำนันนก เพราะยังไงก็น่าจะหลุดยาก แต่อาจจะเป็นเรื่องการช่วยนายตำรวจที่อยู่ในงานไม่ให้ถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่จับกุมผู้กระทำความผิดตามแนวทางที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์วางแนวทางการดำเนินคดีไว้มากกว่า
แน่นอนว่ามีคนสงสัยว่า เป็นเรื่องการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าใครจะเป็น ผบ.ตร.คนต่อไปหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เห็นได้ว่าเป็นเรื่องนั้นจริงๆ
แต่พอมีการบุก ค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยใช้กองกำลังคอมมานโดแบบติดอาวุธเต็มอัตราศึกราวกับจะไปจับกุมปราบปรามโจรผู้ร้าย ทั้งๆ ที่เป็นแค่เรื่องการค้น ทำให้คนเชื่อกันว่า น่าจะเป็นเรื่องการเมืองภายใน สตช.จริงๆ
น่าสงสัยว่า ทำไม ท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่กำลังจะเกษียณ จึงปล่อยให้มีการเอากองกำลังคอมมานโดมาทำอะไรแบบนี้อย่างนี้ได้? แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ต้องติดตามดูว่าท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่มีอำนาจบังคับบัญชา สตช. ตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะประชุมเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ในวันที่ 27 กันยายน 2566 จะเท่าทันการเมืองใน สตช. หรือจะร่วมเล่นอะไรด้วยหรือไม่?
ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องการเมืองใน สตช.จริงหรือไม่ แต่การใช้กองกำลังคอมมานโดมาใช้กับเรื่องแค่หมายค้นแบบนี้ เป็นเรื่องเกินเลยไปมาก ที่ผมบอกว่า สำคัญที่สุดก็เพราะว่า หากรอง ผบ.ตร.ยังโดนอย่างนี้ได้ แล้วประชาชนคนธรรมดา จะมีอะไรมาคุ้มครองครับ ถามนายกรัฐมนตรี”
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid02Xg3GP5LVPxpNSLD5yCiGh4Fv9q5vKkz6nSiNkEtJs1g8nJRWCbq7UPBivQMxBSZSl
“ชัยธวัช” เตรียมนัด “ปดิพัทธ์” หาข้อสรุปสัปดาห์นี้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_618765/
“ชัยธวัช” เตรียมนัด “ปดิพัทธ์” หาข้อสรุปเก้าอี้ “รองประธานสภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้านฯ” สัปดาห์นี้ – ย้ำ “ก้าวไกล” จะทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ
นาย
ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ กล่าวถึงความคืบหน้าที่กรรมการพรรคก้าวไกลชุดใหม่ จะนัดนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลกของพรรคฯ ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร มาพูดคุยถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พรรคก้าวไกล สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ว่า จะมีการนัดหมายเพื่อหารือกันในสัปดาห์นี้ที่รัฐสภา แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่ชัดเจนว่า จะนัดพูดคุยในวันใด
นาย
ชัยธวัช ยังปฏิเสธที่จะระบุถึงเงื่อนไขที่จะให้นายปดิพัทธ์ดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะหากพรรคก้าวไกลตัดสินใจรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน นาย
ปดิพัทธ์ ก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้ โดยชี้แจงว่า ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วในตอนนี้ พรรคก้าวไกล จะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคก้าวไกล จะทำหน้าที่ทั้งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพราะรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจน ดังนั้น ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่นาปดิพัทธ์ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น จะต้องรอพูดคุยเพื่อหาทางออก
ส่วนพรรคก้าวไกล มีแผนสำรองในกรณีที่นายปดิพัทธ์ จะยังคงยืนยันทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไปหรือไม่นั้น นายชัยธวัช ย้ำว่า จะต้องรอให้ได้ข้อสรุปก่อน โดยจะต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผล
นาย
ชัยธวัช ยังชี้แจงถึงกระแสที่การใช้มติพรรคขับนายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น และเพื่อเปิดทางให้พรรคก้าวไกล สามารถเข้าเงื่อนไขทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ โดยย้ำว่า จะต้องคำนึงถึงเหตุ และผลว่า จะมีขอบเขต และผลที่สามารถรับฟังได้อย่างไร ที่นาย
ปดิพัทธ์ จะยังคงดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องรอการพูดคุยกับนายปดิพัทธ์ก่อน
นักลงทุนกังวล กนง.ขึ้นดอกเบี้ย โบรกฯชี้กดดันหุ้นไทยซื้อขายลดลง 4 พันล้าน/วัน
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/206580
เตรียมจับตาประชุม กนง.พรุ่งนี้ 27 ก.ย.66 คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% โบรกฯ ชี้จะกดดันมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยลดลง 4 พันล้านบาทต่อวัน แนะระวังตลาดผันผวน
ตั้งแต่เดือน ก.ย. 66 เป็นต้นไป กระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ได้ไหลออกจากตลาดการเงินไทยราว 4.72 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยการขายตราสารหนี้ 2.56 หมื่นล้านบาท และขายหุ้น 2.16 หมื่นล้านบาท
สอดคล้องกับค่าเงินบาทของไทยเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. 66 มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นราว 3.83% จากระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 36.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ บ่งชี้ว่ากระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากไทย
การแสดงความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความกังกลว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีการประชุมวันพรุ่งนี้ 27 ก.ย. 66 มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.25% สู่ระดับ 2.5% ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1 ปี ปรับขึ้นมา 25 bps. อยู่ที่ 2.44%
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทย กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้าม เนื่องจากเวลาที่ดอกเบี้ยขยับขึ้น มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะมีอากาสลดลง โดยจากสถิติในอดีตพบว่า ทุก ๆ การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จะกดดันให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยลดลงนราว 4 พันล้านบาทต่อวัน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า หาก กนง.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก จะกดดันให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยมีโอกาสลดลงราว 4 พันล้านบาทต่อวัน และภายใต้สถานการณ์ Fund Flow ที่สลับซื้อขายหุ้นไทยหนัก จะถือเป็นตัวแปรเพิ่มความผันผวนให้ตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนต้องเตรียมรับมือ
JJNY : ปริญญาชี้ตร.ทำเกินเลย│“ชัยธวัช”นัด“ปดิพัทธ์”หาข้อสรุป│นักลงทุนกังวลกนง.ขี้นดบ.│โผล่อีกหนึ่ง“เหิงต้า เรียลเอสเตท”
https://www.matichon.co.th/politics/news_4199175
ปริญญาชี้ ตร.ทำเกินเลย ใช้คอมมานโด ติดอาวุธเต็ม กับแค่หมายค้นบ้าน ถามนายกฯ นี่รอง ผบ.ยังเจอแบบนี้ แล้วถ้าชาวบ้านโดน ใครจะคุ้มครองพวกเขา?
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง ข้อสังเกต กรณีกำนันนกถึงบิ๊กโจ๊กถูกค้นบ้าน และคำถามถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาดังนี้
“มองในมุมคนนอกที่ทำงานเรื่องกฎหมายและความยุติธรรม ผมคิดว่าการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกปลดจากคดีกำนันนก ไม่น่าจะเป็นเรื่องการช่วยกำนันนก เพราะยังไงก็น่าจะหลุดยาก แต่อาจจะเป็นเรื่องการช่วยนายตำรวจที่อยู่ในงานไม่ให้ถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่จับกุมผู้กระทำความผิดตามแนวทางที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์วางแนวทางการดำเนินคดีไว้มากกว่า
แน่นอนว่ามีคนสงสัยว่า เป็นเรื่องการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าใครจะเป็น ผบ.ตร.คนต่อไปหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เห็นได้ว่าเป็นเรื่องนั้นจริงๆ
แต่พอมีการบุก ค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยใช้กองกำลังคอมมานโดแบบติดอาวุธเต็มอัตราศึกราวกับจะไปจับกุมปราบปรามโจรผู้ร้าย ทั้งๆ ที่เป็นแค่เรื่องการค้น ทำให้คนเชื่อกันว่า น่าจะเป็นเรื่องการเมืองภายใน สตช.จริงๆ
น่าสงสัยว่า ทำไม ท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่กำลังจะเกษียณ จึงปล่อยให้มีการเอากองกำลังคอมมานโดมาทำอะไรแบบนี้อย่างนี้ได้? แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ต้องติดตามดูว่าท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่มีอำนาจบังคับบัญชา สตช. ตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่จะประชุมเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ ในวันที่ 27 กันยายน 2566 จะเท่าทันการเมืองใน สตช. หรือจะร่วมเล่นอะไรด้วยหรือไม่?
ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องการเมืองใน สตช.จริงหรือไม่ แต่การใช้กองกำลังคอมมานโดมาใช้กับเรื่องแค่หมายค้นแบบนี้ เป็นเรื่องเกินเลยไปมาก ที่ผมบอกว่า สำคัญที่สุดก็เพราะว่า หากรอง ผบ.ตร.ยังโดนอย่างนี้ได้ แล้วประชาชนคนธรรมดา จะมีอะไรมาคุ้มครองครับ ถามนายกรัฐมนตรี”
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid02Xg3GP5LVPxpNSLD5yCiGh4Fv9q5vKkz6nSiNkEtJs1g8nJRWCbq7UPBivQMxBSZSl
“ชัยธวัช” เตรียมนัด “ปดิพัทธ์” หาข้อสรุปสัปดาห์นี้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_618765/
“ชัยธวัช” เตรียมนัด “ปดิพัทธ์” หาข้อสรุปเก้าอี้ “รองประธานสภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้านฯ” สัปดาห์นี้ – ย้ำ “ก้าวไกล” จะทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ กล่าวถึงความคืบหน้าที่กรรมการพรรคก้าวไกลชุดใหม่ จะนัดนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลกของพรรคฯ ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร มาพูดคุยถึงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พรรคก้าวไกล สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ว่า จะมีการนัดหมายเพื่อหารือกันในสัปดาห์นี้ที่รัฐสภา แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่ชัดเจนว่า จะนัดพูดคุยในวันใด
นายชัยธวัช ยังปฏิเสธที่จะระบุถึงเงื่อนไขที่จะให้นายปดิพัทธ์ดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะหากพรรคก้าวไกลตัดสินใจรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ ก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้ โดยชี้แจงว่า ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วในตอนนี้ พรรคก้าวไกล จะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคก้าวไกล จะทำหน้าที่ทั้งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพราะรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ชัดเจน ดังนั้น ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่นาปดิพัทธ์ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น จะต้องรอพูดคุยเพื่อหาทางออก
ส่วนพรรคก้าวไกล มีแผนสำรองในกรณีที่นายปดิพัทธ์ จะยังคงยืนยันทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไปหรือไม่นั้น นายชัยธวัช ย้ำว่า จะต้องรอให้ได้ข้อสรุปก่อน โดยจะต้องพูดคุยกันด้วยเหตุและผล
นายชัยธวัช ยังชี้แจงถึงกระแสที่การใช้มติพรรคขับนายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น และเพื่อเปิดทางให้พรรคก้าวไกล สามารถเข้าเงื่อนไขทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ โดยย้ำว่า จะต้องคำนึงถึงเหตุ และผลว่า จะมีขอบเขต และผลที่สามารถรับฟังได้อย่างไร ที่นายปดิพัทธ์ จะยังคงดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องรอการพูดคุยกับนายปดิพัทธ์ก่อน
นักลงทุนกังวล กนง.ขึ้นดอกเบี้ย โบรกฯชี้กดดันหุ้นไทยซื้อขายลดลง 4 พันล้าน/วัน
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/206580
เตรียมจับตาประชุม กนง.พรุ่งนี้ 27 ก.ย.66 คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% โบรกฯ ชี้จะกดดันมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยลดลง 4 พันล้านบาทต่อวัน แนะระวังตลาดผันผวน
ตั้งแต่เดือน ก.ย. 66 เป็นต้นไป กระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ได้ไหลออกจากตลาดการเงินไทยราว 4.72 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยการขายตราสารหนี้ 2.56 หมื่นล้านบาท และขายหุ้น 2.16 หมื่นล้านบาท
สอดคล้องกับค่าเงินบาทของไทยเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. 66 มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นราว 3.83% จากระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 36.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ บ่งชี้ว่ากระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากไทย
การแสดงความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความกังกลว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีการประชุมวันพรุ่งนี้ 27 ก.ย. 66 มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.25% สู่ระดับ 2.5% ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1 ปี ปรับขึ้นมา 25 bps. อยู่ที่ 2.44%
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทย กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้าม เนื่องจากเวลาที่ดอกเบี้ยขยับขึ้น มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยจะมีอากาสลดลง โดยจากสถิติในอดีตพบว่า ทุก ๆ การปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จะกดดันให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยลดลงนราว 4 พันล้านบาทต่อวัน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า หาก กนง.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก จะกดดันให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยมีโอกาสลดลงราว 4 พันล้านบาทต่อวัน และภายใต้สถานการณ์ Fund Flow ที่สลับซื้อขายหุ้นไทยหนัก จะถือเป็นตัวแปรเพิ่มความผันผวนให้ตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนต้องเตรียมรับมือ