JJNY : “ศิโรตม์”เชื่อ การเมืองไทยจะไม่เหมือนเดิม│ส่องโพสต์'หมอวรงค์'│“ดร.เสรี” แซะ│ตลาดคอนโดวูบ│สิงคโปร์ได้ปธน.ใหม่

“ศิโรตม์” เชื่อหลังจากนี้การเมืองไทยจะไม่เหมือนเดิม-การต่อสู้ของ ปชช.ไม่จำเป็นต้องลงถนน
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4159210
 
 
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์” เชื่อว่า ตอนนี้การเมืองไทยกำลังปรับสู้สมดุลย์ใหม่ คือประชาชนทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีการชี้นำ ไม่จำเป็นต้องลงถนนเพื่อประท้วง การต่อสู้ทางความคิดกำลังเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เชื่อว่าคนในรัฐบาลอาจจะยังไม่เข้าใจ มองโจทย์ที่ท้าทายของรัฐบาล “เศรษฐา” คือการเรียกคืนศรัทธาของประชาชนกลับมา ชมคลิป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ส่องโพสต์ 'หมอวรงค์' หลัง 'ทักษิณ' ได้อภัยลดโทษ โดนแซววันเดียวเปลี่ยนได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7845877

ส่องโพสต์ ‘หมอวรงค์’ หลัง ‘ทักษิณ’ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ ยินดีกับครอบครัวชินวัตร ชาวเน็ตเอ๊ะ เพิ่งแสดงความคิดเห็น ประชาชนไม่สบายใจ

หลัง เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี หลังจำคุกแล้ว 10 วัน

วันที่ 2 ก.ย.2566 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม – Warong Dechgitvigrom แสดงความคิดเห็นหลังความว่า
 
ทักษิณสำนึกผิด ยอมรับผิดในการกระทำ จึงได้รับพระมหากรุณา โชคดีที่เรามีในหลวงเป็นที่พึ่ง ยินดีด้วยครับ ขอแสดงความยินดีกับนายทักษิณและครอบครัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่าน นพ.วรงค์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า 

ท่านวิษณุ เครืองามครับ ทำอะไรคิดให้รอบคอบ อย่าทำให้เกิดการระคายเคืองเลยครับ ประชาชนไม่สบายใจ

ขณะที่โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์ของ นพ.วรงค์ พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดผ่านไปแค่ 1 วัน การแสดงความคิดเห็นในเรื่อง ทักษิณ ถึงเปลี่ยนไป
โดยเพจ วิวาทะ V2 แชร์โพสต์ในวาระต่างๆของ นพ.วรงค์ พร้อมเขียนข้อความ ระบุว่า

“หมอวรงค์ in the multiverse of madness”

https://www.facebook.com/quoteV2/posts/pfbid0z5vBxWDTqZkcup8t5nFvc8qCDqK1Fgb2DGUtrkRJ2rTE3ra1bV9os98R81UquN4Xl
https://twitter.com/quote_wiwata/status/1697819328912220301


 
เรื่องบ้านเมืองไม่ใช่ของเรา “ดร.เสรี” แซะต่อไปพูดเรื่องสายลมแสงแดดดีกว่า
https://siamrath.co.th/n/474369
 
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า 
 
"ต่อไปก็พูดเรื่องสายลม แสดงแดด น้ำตก ภูเขา ทะเล หาดทราย พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก อาหารอร่อย ที่เที่ยวอันน่าอภิรมย์กันดีกว่านะคะ
ลืมเรื่องบ้านเรื่องเมือง ใครอยากได้ อยากครอง ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา ที่ต้องทำมาหากิน และแสวงหาความสุขตามอัตภาพนะคะ"



ตลาดคอนโดวูบ เน้นเช่ามากกว่าซื้อ แห่ผุดโครงการเพื่อลงทุน-ปล่อยเช่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4159232

ตลาดคอนโดวูบ เน้นเช่ามากกว่าซื้อ แห่ผุดโครงการเพื่อลงทุน-ปล่อยเช่า
 
เมื่อวันที่ 1 กันยายน นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) เปิดเผยว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีแรก 2566 ยังคงมีปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่ ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลทำให้ความสามารถการซื้อที่อยู่อาศัยปรับตัวลง ภาวะอัตราส่วนหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ของจีดีพี และราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีผลยอดโอนกรรมสิทธิ์และยอดขายใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่ยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร และยังต้องการมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลใหม่ที่ชัดเจนและตรงจุด เพื่อให้คนอยากซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มทั้งอยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุน เช่น เลิกหรือผ่อนเกณฑ์LTV เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการมียอดขายเพิ่มแต่โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากแบงก์เข้มการปล่อยสินเชื่อ
 
“คาดการณ์ปี 2566 จะมีหน่วยโอนฯ 336,062 หน่วย ลดลง -14.5 % คิดเป็นมูลค่า 977,593 ล้านบาท ลดลง -8.2%เป็นหน่วยการโอนฯแนวราบ 251,635 หน่วย ลดลง -11.9% มีมูลค่าโอนฯ 728,092 ล้านบาท ลดลง -6.2%ส่วนห้องชุดมีหน่วยโอนฯ 84,427 หน่วย ลดลง -21.2% มีมูลค่าโอนฯ 249,501 ล้านบาท ลดลง -13.5% สำหรับในปี 2567 คาดการณ์จะมีหน่วยโอนฯ 349,910 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.1% คิดเป็นมูลค่าโอนฯ 1,022,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6%” นายวิชัยกล่าว
 
นายวิชัยกล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมที่เริ่มแผ่วลงทั้งยอดโอนและยอดขาย ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อรักษารายได้ ขยายฐานลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายบริษัทหันไปทำคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนและปล่อยเช่าโดยเป็นผู้บริหารและหาผู้เช่าให้ คู่ขนานไปกับการขายขาด หลังกำลังซื้อในตลาดอ่อนแอและพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มคนรุ่นใหม่จะนิยมการเช่ามากกว่าซื้อหรือในยุคเงินเฟ้อสูงทางกลุ่มเป็นนักลงทุนจะนิยมซื้อมากขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนดีกว่านำเงินไปฝากแบงก์
 
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมที่ซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าขยายตัวมากขึ้น หลังโควิดคลี่คลาย นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ซึ่งลูกค้าต่างชาติที่มาเที่ยว รวมถึงพนักงานบริษัทข้ามชาติหรือExpat ที่เข้ามาทำธุรกิจในไทยจะนิมเช่าระยะยาว ขณะที่ตลาดเช่าสำหรับคนไทยก็เติบโตมากขึ้นเช่นกัน เพราะในช่วง 3 ปีจากโควิด ในส่วนของกลุ่มเฟิร์สจ็อบเบอร์หรือกลุ่มเริ่มต้นทำงานจะซื้อคอนคอนโดมิเนียมน้อย เพราะรายได้ยังไม่ค่อยมั่นคงและเช่าอยู่กันมากกว่า ประกอบกับธุรกิจโรงแรมเป็นกึ่งเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หลังโรงแรมกลับมาฟื้นตัว ไม่ทำตลาดเช่าระยะยาว คนจึงหันมาเช่าคอนโดมิเนียมและทำให้ปริมาณการเช่าเพิ่มขึ้น จึงทำให้กลุ่มนักลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนมากขึ้น
 
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด(AREA) เปิดเผยผลการสำรวจห้องชุดในบริเวณรอบๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต พบว่าห้องชุดเกิดขึ้นมากเป็นพิเศษ และกว่าครึ่งเป็นห้องชุดปล่อยเช่า ตลาดนี้ยังจะเติบโตต่อไป แต่ใช่ว่าจะเป็นในทุกมหาวิทยาลัย ในครึ่งแรกของปี 2566 มีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นรอบๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต 2,593 หน่วย โดยส่วนมากเป็นห้องชุดถึง 2,316 หน่วย หรือ 89% ส่วนที่เหลือเป็นที่อยู่อาศัยอื่น เช่น บ้านแฝดราคา 3-5 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนห้องชุดที่เปิดขายปีนี้ เป็นระดับราคา 2-3 ล้านบาท

นายโสภณกล่าวว่า หากคิดรวมทั้งสินค้าเก่าและใหม่ที่อยู่ในมือผู้ประกอบการและยังเหลือขายมาจนถึงกลางปี 2566 ยัง 2,633 หน่วย โดยกลุ่มใหญ่สุดกลับเป็นทาวน์เฮาส์ 1,522 หน่วย หรือ58% ของทั้งหมด ส่วนห้องชุดมี 506 หน่วย หรือ 19% นอกนั้นเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ตึกแถว
 
ห้องชุดที่ยังเหลือขายมากสุดเป็นราคา 1-2 ล้านบาท แสดงว่าสินค้าห้องชุดในพื้นที่นี้ ขายในราคาปานกลางค่อนข้างถูกคือไม่เกิน 3 ล้านบาท อาจเป็นเพราะกลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษา บุคลากรในมหาวิทยาลัย คนทำงานในบริเวณใกล้เคียงนั่นเอง”นายโสภณกล่าวและว่า นอกจากนี้ห้องชุดที่มีผู้ซื้อไว้ส่วนมาก 50% เป็นห้องชุดที่มีผู้เช่าอยู่เป็นหลัก ที่ซื้อไว้และอยู่อาศัยเองมีเพียง 30% ที่เหลือ 20% ยังปล่อยว่างอยู่ อาจรอขายปล่อยเช่ากรือมาอยู่เองในภายหลังก็ได้ดังนั้นห้องชุดในพื้นที่นี้จึงไม่ได้มีไว้เพื่อผู้ซื้ออยู่เองเป็นสำคัญ แตกต่างจากพื้นที่อื่นที่ไม่มีมหาวิทยาลัยที่ผู้ซื้ออยู่เองถึง 50-60% ของห้องชุดในหนึ่งโครงการ
 
นักศึกษาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องนิยมอยู่ห้องชุดมากกว่าอพาร์ทเมนท์ให้เช่า เพราะโครงการอาคารชุดมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สระว่ายน้ำ พื้นที่สันทนาการที่เพิ่มขึ้น เช่น รับแขก ปิกนิก ห้องทำงานร่วมกันแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซ จึงทำให้ผู้เช่านิยมอยู่ในโครงการอาคารชุดมากกว่าจะเช่าอพาร์ทเมนท์ทั่วไป” นายโสภณกล่าวและว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่