เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.prachachat.net/finance/news-1733512
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาถกฐาพิเศษในหัวข้อ Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital ว่า ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมีอยู่ 3 คำ คือ Trust ความเชื่อถือ, Confidence ความเชื่อมั่น และ Sentiment ทั้ง 3 ด้านในวันนี้ยังไม่ค่อยดีนัก ต้องนำกลับคืนมาให้ได้ ทั้ง Trust และ Confidence ส่วน Sentiment เป็นเรื่องทั่วไป ทั้งเรื่องของสถานการณ์โลก อย่างการเปลี่ยนแปลงการเมืองของสหรัฐ ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ คงจะเห็นความชัดเจน หากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายตามที่หาเสียง จะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากมาย มีทั้งปัจจัยลบและบวกต่อประเทศไทย
1.เรื่องธรรมาภิบาล (Corporate Governance) เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ที่เป็นความโปร่งใสในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่มีการแก้ปัญหาที่ช้า และอธิบายได้ช้า โดยบริษัทที่เข้าตลาดหุ้นแล้วต้องมีการมอนิเตอร์กันอย่างต่อเนื่อง จึงฝากตลาดหลักทรัพย์ฯติดตามพฤติกรรมของฝ่ายบริหารของทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ใช้เงินผิดประเภท ทำบัญชีมีระบบตรวจสอบที่ถูกต้อง และมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เกิดปัญหาและกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
2.High Frequency Trading (HFT) การที่ปล่อยให้โรบอตเทรดเข้ามาซื้อขายในตลาด เรื่องนี้ไม่มีใครได้ประโยชน์ และยังเกิดความได้เปรียบและเสียเปรียบระหว่างกัน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯในฐานะผู้ดูแลควรจะต้องชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้ เนื่องจากความได้เปรียบเสียเปรียบถือเป็นประเด็นสำคัญในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะจะต้องทำให้มีความเท่าเทียมกันเกิดขึ้น
3.หน่วยงานกำกับแก้ปัญหาล่าช้า เมื่อมีการกระทำผิดที่เกิดขึ้น ทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นกระทรวงการคลังกำลังเตรียมพร้อมเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. ให้เหมือนตลาดสากล สามารถจัดการได้ทันทีไม่ต้องรอหน่วยงาน อัยการ DSI โดยรัฐบาลตระหนักและกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
4.การเพิ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนแบบดั้งเดิม ไม่ค่อยมีบริษัทใหม่ ๆ เข้ามาจดทะเบียนเข้าซื้อขาย โดยปัจจุบันรัฐบาลได้มีการชวนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ล่าสุด Entertainment Complex ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสที่บริษัทใหม่ ๆ จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น
5.บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่มี P/E ต่ำ และมีราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) จึงอยากแนะนำให้บริษัทนั้น ๆ ซื้อหุ้นของตัวเองเข้าพอร์ต พร้อมทำแพลนที่จะทำให้ราคาหุ้นกลับมาใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชี และอยากให้ตลาดทุนใช้ระบบแบบญี่ปุ่น ศึกษาที่จะทำให้ราคาหุ้นกับ Book Value ใกล้เคียงกัน... อ่านต่อข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1733512
ทักษิณ” ชี้ 5 ปัญหาหุ้นไทย จี้หน่วยงานกำกับตลาดทุน เร่งแก้ไข
https://www.prachachat.net/finance/news-1733512
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาถกฐาพิเศษในหัวข้อ Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital ว่า ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมีอยู่ 3 คำ คือ Trust ความเชื่อถือ, Confidence ความเชื่อมั่น และ Sentiment ทั้ง 3 ด้านในวันนี้ยังไม่ค่อยดีนัก ต้องนำกลับคืนมาให้ได้ ทั้ง Trust และ Confidence ส่วน Sentiment เป็นเรื่องทั่วไป ทั้งเรื่องของสถานการณ์โลก อย่างการเปลี่ยนแปลงการเมืองของสหรัฐ ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ คงจะเห็นความชัดเจน หากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายตามที่หาเสียง จะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากมาย มีทั้งปัจจัยลบและบวกต่อประเทศไทย
1.เรื่องธรรมาภิบาล (Corporate Governance) เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ที่เป็นความโปร่งใสในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีเหตุเกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่มีการแก้ปัญหาที่ช้า และอธิบายได้ช้า โดยบริษัทที่เข้าตลาดหุ้นแล้วต้องมีการมอนิเตอร์กันอย่างต่อเนื่อง จึงฝากตลาดหลักทรัพย์ฯติดตามพฤติกรรมของฝ่ายบริหารของทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ใช้เงินผิดประเภท ทำบัญชีมีระบบตรวจสอบที่ถูกต้อง และมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เกิดปัญหาและกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
2.High Frequency Trading (HFT) การที่ปล่อยให้โรบอตเทรดเข้ามาซื้อขายในตลาด เรื่องนี้ไม่มีใครได้ประโยชน์ และยังเกิดความได้เปรียบและเสียเปรียบระหว่างกัน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯในฐานะผู้ดูแลควรจะต้องชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้ เนื่องจากความได้เปรียบเสียเปรียบถือเป็นประเด็นสำคัญในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะจะต้องทำให้มีความเท่าเทียมกันเกิดขึ้น
3.หน่วยงานกำกับแก้ปัญหาล่าช้า เมื่อมีการกระทำผิดที่เกิดขึ้น ทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นกระทรวงการคลังกำลังเตรียมพร้อมเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. ให้เหมือนตลาดสากล สามารถจัดการได้ทันทีไม่ต้องรอหน่วยงาน อัยการ DSI โดยรัฐบาลตระหนักและกำลังดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
4.การเพิ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนแบบดั้งเดิม ไม่ค่อยมีบริษัทใหม่ ๆ เข้ามาจดทะเบียนเข้าซื้อขาย โดยปัจจุบันรัฐบาลได้มีการชวนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ล่าสุด Entertainment Complex ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสที่บริษัทใหม่ ๆ จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น
5.บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่มี P/E ต่ำ และมีราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) จึงอยากแนะนำให้บริษัทนั้น ๆ ซื้อหุ้นของตัวเองเข้าพอร์ต พร้อมทำแพลนที่จะทำให้ราคาหุ้นกลับมาใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชี และอยากให้ตลาดทุนใช้ระบบแบบญี่ปุ่น ศึกษาที่จะทำให้ราคาหุ้นกับ Book Value ใกล้เคียงกัน... อ่านต่อข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1733512