JJNY : 5in1 ไข่ประยุทธ์แพง│ส.ค้าปลีกผิดหวังผลโหวต│หุ้นไทยดีดแรง เพิ่มโอกาสเป็นพท.│เชียงใหม่แช่งส.ส.-ส.ว.│สื่อนอกมอง“ไทย”

ไข่รัฐบาล ประยุทธ์ แพงเป็นประวัติการณ์ แม่ค้ายังยื้อ ขายราคาเดิม สงสารลูกค้า
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7765326

เชียงใหม่ ไข่ยุครัฐบาลประยุทธ์ แพงเป็นประวัติการณ์ ราคาปรับขึ้นเดือนละ 6-8 ครั้ง แม่ค้ายังยื้อ ขายราคาเดิม สงสารลูกค้า แนะกระจายฟาร์มไข่ทุกอำเภอ-จังหวัด หยุดเจ้าใหญ่ผูกขาด
  
14 ก.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ไข่ไก่ยุครัฐบาลประยุทธ์ แพงที่สุดในประวัติการณ์ แม่ค้าไข่ไก่ในชุมชนบ้านท่อ จ.เชียงใหม่ ยังยื้อราคา แม้ว่าวันนี้จะประกาศปรับขึ้นอีก สงสารลูกค้าคนจน แนะแก้ปัญหาระยะยาว ส่งเสริมฟาร์มไก่ไข่ให้กระจายทุกอำเภอ ทุกจังหวัดเพื่อลดต้นทุนขนส่งและกระจายรายได้ให้ชุมชนคนรากหญ้าเข้าถึงไข่ไก่ราคาถูก อย่าให้เจ้าใหญ่ผูกขาดไม่กี่เจ้า
 
รายงานข่าวแจ้งมาว่า หลังจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการระกาศขึ้นราคาไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้มีการประกาศขึ้นราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มแบบคละไวด์ขึ้นอีกฟองละ 20 สตางค์ ส่งผลให้ตอนนี้ราคาไข่ไก่พุ่งสูงขึ้นแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
 
จากการสำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใม่ พบว่าราคาไข่ไก่ขยับราคาขึ้นมาเฉลี่ยเดือนละ 6-8 ครั้งแล้ว ส่งผลให้ราคาขายไข่ไก่ปลีกขยับราคาขึ้นมาด้วย อย่างที่ชุมชนบ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบว่าร้านค้าปลีกมีการขยับราคาขึ้นมากว่า 10 ครั้งแล้วในรอบ 2 เดือนที่ผ่าน
 
ราคาไข่ได้ต่อแผง หรือ 30 ฟอง ขยับราคาขึ้นมาแผงละ 12-18 บาทแล้วในตอนนี้ โดยราคาไข่ไก่เบอร์ 0 อยู่ที่แผงละ 140 บาท เบอร์ 1 แผงละ 130-132 บาท เบอร์ 2 แผงละ 125 บาท เบอร์ 3 แผงละ 120 บาท และเบอร์ 4 แผงละ 117 บาท ขณะที่ราคาจำหน่ายปลีก 10 ฟองก็จะอยู่ที่ 10 ละ 45 บาท ไปจนถึง 55 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกฟองละ 5-6 บาทแล้วในตอนนี้
 
ขณะที่ร้านขายไข่ไก่แห่งหนึ่งในชุมชนบ้านท่อ ซึ่งชาวบ้านรู้จักกันว่า ร้านไข่ไก่ป้าแม้ว แม้วันนี้จะมีการประกาศขึ้นราคาอีก แต่ทางร้านยังเหลือไข่ที่สั่งมาก่อนหน้านี้ และเปิดขายในราคาเดิม ยังไม่ขับราคา เป็นร้านที่ขายไข่ไก่ถูกที่สุดอยู่ ในชุมชนแห่งนี้และใกล้เคียง ซึ่งจะพบว่า ราคาต่ำกว่าเจ้าอื่นอยู่แผงละ 3-5 บาท แต่ละขนาด
 
นางสาวอริดา ทัชพล หรือ ป้าแม้ว เผยว่า ขายไข่ไก่มา 2-3 ปี ยืนยันว่าเป็นเจ้าเดียวที่ราคาถูกที่สุดในย่านนี้ ตั้งแต่ขายไข่ไก่มาในยุคของรัฐบาลประยุทธ์ ปีนี้ไข่ไก่แพงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ราคาปรับขึ้นต่อเนื่อง ส่วนร้านป้าแม้วยังยืนหยัดที่จะเอากำไรเพิ่มเพียงเล็กน้อย แผงละไม่เกิน 5 บาท เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในชุมชน รวมทั้งผู้ที่รายได้น้อย จึงไม่อยากเอากำไรมาก
 
จากราคาที่แพงขึ้นพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปจากเคยซื้อครั้งละถาดใหญ่ 30 ฟอง ก็เริ่มลดลงมาต่อเนื่องเหลือ 10 ฟองบ้าง 5 ฟองบ้าง บางคนหาเช้ากินค่ำรายได้น้อย มาขอซื้อครั้งละ 1-2 ฟองก็ต้องขายให้ ฟองเล็กสุดขายให้ฟองละ 4 บาทเท่านั้น บางคนซื้อเพื่อไปทอดให้ลูกกิน ซื้อไข่ 2 ฟอง ข้าวเหนียว 5 บาท รวม 13 บาท ให้ลูกได้อิ่มท้องไปโรงเรียน จึงไม่อยากขายแพง ฉวยโอกาศเอากำไร
 
พร้อมกันนี้ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ทางหน้าฟาร์มเองก็อ้างเรื่องต้นทุนที่เพิ่มข้น ทั้งค่าอาหารสัตว์ และราคาน้ำมันในการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จึงอยากแนะให้ภาครัฐ โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ ช่วยส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ให้มีการกระจายฟาร์มไก่ไข่ที่มีมาตรฐานไปตามชุมชน ทั้งในระดับอำเภอ และระดับจังหวัด ให้มีฟาร์มไก่ไข่ในพื้นที่ คาดลดต้นทุนในการขนส่ง เชื่อจะช่วยลดต้นทุนทำให้ราคาไข่ไก่ถูกลง และยังเป็นการส่งสเริมอาชีพให้กับเกษตรกรในพื้นที่ไปพร้อมกัน ดีว่าตอนนี้ยกอำนาจไปให้กับฟาร์มใหญ่ๆ ที่ผูกขาด



ส.ค้าปลีก ผิดหวังผลโหวตนายก จี้ดัน ‘พิธา’ อีกครั้ง ขอ ‘ก.ก.-พท.’ กอดคอกันให้แน่น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4080627

ส.ค้าปลีก ผิดหวังผลโหวตนายก จี้ดัน ‘พิธา’ อีกครั้ง ขอ ‘ก.ก.-พท.’ กอดคอกันให้แน่น
 
วันที่ 14 กรกฎาคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งและปลีกไทย กล่าวว่า จากผลโหวตนายกรัฐมนตรีที่ออกมา โดยคุณพิธาจากพรรคก้าวไกลซึ่งได้คะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งไม่ผ่านการโหวตรอบแรก รู้สึกผิดหวังกับคนที่คิดว่าตัวเองมีเกียรติสูงสุดในประเทศ โดยมองว่าทุกอย่างเป็นการจัดตั้งมากกว่าการเลือกตั้ง เพาะมีการจัดวาง จัดเรียงกันไว้อยู่แล้วในแผน การเลือกตั้งเป็นแค่พิธีการเท่านั้น

การโหวตรอบสองทั้ง 8 พรรค ควรจะผลักดันเสนอชื่อคุณพิธาอีกครั้งให้สุดทางเพื่อให้คลายข้อสงสัยว่าทำไมถึงไปต่อไม่ได้ ถ้ารอบสองนี้คุณพิธาไม่ผ่านโหวตคุณพิธาก็ควรจะถอย แต่สิ่งสำคัญคือพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต้องกอดคอกันไว้ให้แน่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะนี่คือเสียงของประชาชนที่เลือกตั้งมา แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ใช่คุณพิธาก็ตาม ตอนนี้ไม่ว่าจะเอาใครมาเป็นนายกก็ตาม ต้องรีบตั้งรัฐบาล” นายสมชายกล่าว
 
นายสมชายกล่าวว่า ทั้งนี้เพื่อปลดล็อกสถานการณ์การเมืองให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะเศรษฐกิจและความเจริญของประเทศมันรอไม่ได้ ขณะนี้กำลังซื้อในตลาดฝืดทั้งประเทศ เพราะคนไม่มีเงินจะจับจ่ายใช้สอย และเมื่อตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว ต้องออกมาตรการกระตุ้นหรือทำให้คนมีรายได้เพิ่มโดยเร็ว ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้ายังไม่มีการปรับราคาขึ้น เพราะขึ้นไปก็ขายไม่ได้



หุ้นไทยดีดแรง บวก 24 จุด รับโหวต ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ไม่ผ่าน เพิ่มโอกาสสลับเป็นเพื่อไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4080475

หุ้นไทยดีดแรง บวก 24 จุด รับโหวต ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ไม่ผ่าน เพิ่มโอกาสสลับเป็นเพื่อไทย
 
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวกสลับลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,494.02 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,517.92 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 23.90 จุด หรือ 1.60% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,519.08 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,497.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 43,316.96 ล้านบาท

โดย นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีดีดตัวขึ้น (รีบาวด์) อย่างร้อนแรง สาเหตุจากคาดการณ์แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ใกล้สิ้นสุดลง หลังเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่อง ประกอบกับหุ้นกลุ่มทุนใหญ่ที่ฟื้นตัวขึ้นหนุนตลาด ช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับดัชนีในภาพรวม ได้แก่ PTT, PTTEP, BANPU, GULF, GPSC, TRUE, CPALL, BBL, ADVANC, OSP หลังการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี แต่คะแนนเสียงเห็นชอบจาก ส.ว.ยังไม่เพียงพอในรอบแรก เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมนี้
 
โดยในเชิงกลยุทธ์ยังเน้นเก็งกำไรหุ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หรือหากรับความเสี่ยงได้สูงอาจเข้าเก็งกำไรหุ้นเชื่อมโยงการเมืองที่มีโอกาสสลับมาเป็นแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยแทน โดยประเมินว่าเมื่อดัชนีหุ้นกลับมายืนเหนือ 1,520 จุดได้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเป็นลำดับถัดไป



เชียงใหม่เผาพริกเผาเกลือแช่ง ส.ส.-ส.ว.ทำพิธาวืดนายกฯ ‘ธเนศวร์’ หนุนก้าวไกลหนักแน่น 112
https://www.matichon.co.th/politics/news_4080463

‘ธเนศวร์’ มช. ชี้ ‘พิธา’ ไม่ผ่านรอบแรกเหตุ ส.ส.-ส.ว.ยึดติดสถาบัน ผูกขาดจงรักภักดี ไม่ฟังเสียง ปชช. แนะไม่อ่อนข้อ ม.112 ให้กลุ่มอนุรักษนิยม ถ้าถอยถูกต่อต้าน ไม่สนับสนุนอีก โหวต 3 ครั้งไม่ผ่านเป็นโอกาส พท.จัดตั้งรัฐบาลแทน ก.ก.
 
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังทราบผลโหวตนายกรัฐมนตรี โดยที่ประชุมร่วมรัฐสภาโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง โดยเสียงไม่พอนั่งนายกฯคนที่ 30
 
จากผลโหวตดังกล่าว วานนี้ (13 กรกฎาคม) คณะก่อการล้านนาใหม่-NEO LANNA จัดกิจกรรมติดตามและเชียร์นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ซึ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
 
ภายหลังทราบผลว่านายพิธาไม่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ กลุ่มได้นัดรวมทำกิจกรรมล่ารายชื่อ ส.ส. และ ส.ว.ที่โหวตสวนมติประชาชน ที่ข่วงท่าแพ ซึ่งมีผู้ร่วมชุมนุมกว่า 100 คน พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมเขียนข้อความระบายความรู้สึกบนป้ายผ้า ก่อนนำไปเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง ส.ส. และ ส.ว.ที่ไม่สนับสนุน หรืองดออกเสียง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยกว่า 20 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และการข่าวกว่า 10 หน่วยงานที่สังเกตการณ์ และรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรง
 
ศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เปิดเผยกับ “มติชน” ว่า ผลการโหวตครั้งแรกเป็นไปตามคาดหมาย โดยเฉพาะ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประชาชน แสดงความรู้สึกส่วนตัว ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล โดยยึดติดกับการแก้ไข ม.112 โดยไม่ฟังเสียงการชี้แจงนายพิธาและพรรค ก.ก.ว่าเป็นการปฏิรูป และไม่ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือโจมตี กลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่การล้มล้างสถาบันตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
 
ศ.ดร.ธเนศวร์กล่าวว่า มี ส.ว.กว่า 40 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้นำทางทหารและข้าราชการระดับสูงไม่ร่วมประชุมดังกล่าว โดยอ้างว่าติดภารกิจสำคัญ สะท้อนว่าไม่ยอม หรือเลี่ยงปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว แต่รับค่าตอบแทนที่เป็นภาษีประชาชน จึงมองว่าทำงานไม่คุ้มค่ากับภาษีประชาชนอย่างใด กรณี ส.ว.งดออกเสียง มองว่าไม่ได้เป็นกลางทางการเมือง แต่ถูกแทรกแซง หรือถูกข่มขู่จากผู้ที่มีอำนาจสูงกว่า อาจเสนอผลตอบแทน หรือแจกกล้วย เนื่องจากมี ส.ว.ลาออกก่อนโหวตนายพิธาเพียงวันเดียว ประกอบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องการขาดคุณสมบัตินายพิธา กรณีเป็นผู้จัดการมรดก ถือหุ้น itv 42,000 หุ้น ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนส่งผลให้ ส.ว.งดออกเสียงดังกล่าวได้
 
ศ.ดร.ธเนศวร์กล่าวต่อว่า แนวโน้มการโหวตนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 มองว่ามีโอกาส 50:50 ขึ้นอยู่กับนายพิธาและ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทำความเข้าใจเรื่องสถาบันได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อหาเสียงสนับสนุนมากขึ้น ส่วนผู้คัดค้านและไม่เห็นด้วยอาจทุ่มเทสกัดกั้นนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีตามแผนของกลุ่มอนุรักษนิยม หรือผูกขาดความจงรักภักดีต่อไป เพราะมีหลังให้พักพิงอยู่ตลอดเวลา
 
ศ.ดร.ธเนศวร์กล่าวถึงประด็นที่มีผู้เสนอให้นายพิธาและพรรค ก.ก.ถอยและลดเงื่อนไข ม.112 มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายหาเสียงพรรค ก.ก.มานานแล้ว จนทำให้ประชาชนสนับสนุนและเลือกพรรคดังกล่าวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถ้าถอยเรื่องดังกล่าวอาจถูกประชาชนต่อต้านและไม่สนับสนุนพรรค ก.ก.อีก ดังนั้น นายพิธาและพรรค ก.ก.ต้องแสดงจุดยืนดังกล่าวอย่างหนักแน่น ถือเป็นจุดแข็ง และเป็นจุดขายของพรรค เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยและผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ ไม่อ่อนข้อกับกลุ่มอนุรักษนิยม หรือผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่