JJNY : เศรษฐาชื่นชมวง‘อิหล่า’│พิธาแจงทวีตถึง Taylor Swift│กกพ.โบ้ยอำนาจรบ.ตัดสินใจ│สหรัฐฯ ส่ง“คลัสเตอร์บอมบ์” ให้ยูเครน

เศรษฐา ชื่นชมวงไอดอลอีสาน ‘อิหล่า’ ชูภาพจำไทยใหม่ ผ่านกิมมิคตลาดสด-ภาษาลื่นไหล
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4068809

เศรษฐา ชื่นชมวงไอดอลอีสาน ‘อิหล่า’ ชูภาพจำไทยใหม่ ผ่านกิมมิค ตลาดสด-ภาษาลื่นไหล
 
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความชื่นชมวงไอดอลน้องใหม่ สไตล์อีสาน eRAA (อิหล่า) ว่า
 
วันนี้เห็นวงไอดอลสไตล์ไทยอีสาน eRAA (อิหล่า) ปล่อยเพลงใหม่ชื่อ “แกงหม้อใหญ่” ออกมา ดูน่าสนใจมากครับ ในเอ็มวีมีการนำกิมมิคผ้ากันเปื้อนของแม่ค้าขายแกง หรือตลาดสดแบบไทยๆมาเล่นกับเพลง นอกจากความน่ารักสดใสแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการหยิบเอาความเป็นไทยในรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันในชีวิตจริง อย่างความเป็นไทยร่วมสมัยและความลื่นไหลทางภาษาหรือการเล่นคำที่เป็นเสน่ห์ของคนไทยมาใช้
 
ดีใจที่ได้เห็นความหลากหลายของการบอกเล่าความเป็นไทยในสื่อที่หลากหลายขึ้นเรื่อยๆ ภาพลักษณ์ความเป็นไทยไม่ควรถูกผูกขาดเอาไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อยากเชิญชวนคนบันเทิงและนักทำสื่อทุกท่านมาอัพเดทภาพจำความเป็นไทยใหม่ๆ ให้กับโลกไปด้วยกันครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://twitter.com/Thavisin/status/1677303877845278721



พิธา แจงทวีตถึง Taylor Swift อย่ามองแค่เรื่องบันเทิง แต่คือการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4069004

พิธา แจงทวีตถึง Taylor Swift อย่ามองแค่เรื่องบันเทิง แต่คือการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
 
เมื่อเวลา 19.35 น. วันที่ 7 กรกฎาคม ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ร้าน SolBar ชั้น 2 ที่พรรค ก.ก. ซึ่งมีการจัดกิจกรรมเสวนา “นายกทอล์ก” และเปิดตัวเมนูเครื่องดื่มใหม่ ‘น้ำทิม’ Pita Limited Menu-Pita for PM ขึ้นนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค ก.ก. ได้เดินทางมาร่วมงานเสวนาพร้อมทักทายผู้มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง
 
โดย นายพิธา ได้กล่าวทักทายผู้ที่มารับฟัง ว่า “ขอเสียงชาวโซลบาร์หน่อยเร็ว” พร้อมกล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ถือเป็นความตั้งใจของพรรคก้าวไกล ที่อยากจะเป็นพรรคการเมืองที่มีส่วนร่วมของประชาชนจำนวนมาก จึงเป็นการพูดคุยแบบเป็นกันเองและธรรมชาติที่สุด มีการกิน-ดื่ม-แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
 
นายพิธา ยังพูดถึงกรณีทวีตชวนศิลปิน Taylor Swift ให้มาเล่นคอนเสิร์ตในประเทศไทยว่า ไม่ควรมองถึงแค่อุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ หรือแค่นักดนตรีคนหนึ่ง แต่สามารถสร้างเศรษฐกิจ และห่วงโซ่มูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่ลงลึกไปถึงโรงแรม และพื้นที่รอบๆ ที่จัดคอนเสิร์ต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ไม่ใช่มีเพียงแค่ Hard Power เพียงอย่างเดียว
 
ซอฟต์เพาเวอร์ส่งผลต่อเศรษฐกิจ เมื่อคนจะดูคอนเสิร์ตสักหนึ่งคอนเสิร์ตต้องเสียเงินหลักหมื่นบาท มีการใช้จ่ายในชุมชน ในอเมริกามีการใช้จ่ายเงินถึง 1.7 แสนล้านบาทต่อหนึ่งทัวร์ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ดังนั้นอย่ามองว่าเป็นแต่เรื่องอุตสาหกรรมบันเทิง แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย” นายพิธากล่าว

https://twitter.com/MatichonOnline/status/1677314456722763779
 

 
กกพ.โบ้ยอำนาจรบ.ตัดสินใจ ลดให้ไม่ได้ค่าไฟ 4.25 บ. หั่นเต็มที่แล้วเหลือแค่ 4.45 บ. คลังจี้เร่งเบิกงบ 66 กระตุ้นศก.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4068981

กกพ.โบ้ยอำนาจรบ.ตัดสินใจ ลดให้ไม่ได้ค่าไฟ 4.25 บ. หั่นเต็มที่แล้วเหลือแค่ 4.45 บ. คลังจี้เร่งเบิกงบ 66 กระตุ้นศก.
 
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) แถลงค่าไฟงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ว่า ที่ประชุม กกพ.เห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) 3 แนวทางเพื่อรับฟังความเห็นประชาชน วันที่ 7-21 กรกฎาคม 2566 ก่อนสรุปอีกครั้งเพื่อบังคับใช้ ประกอบด้วย กรณี 1 ค่าไฟอยู่ที่ 6.28 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน (พฤษภาคม-สิงหาคม 2566) อยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย เนื่องจากคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งหมด 135,297 ล้านบาท จะทำให้เอฟทีอยู่ที่ 249.81 สตางค์ต่อหน่วย

เมื่อรวมกับค่าไฟฐาน 3.78 บาทต่อหน่วย กรณี 2 ค่าไฟเท่าเดิม 4.70 บาทต่อหน่วย มาจากค่าเอฟที 91.19 สตางค์ต่อหน่วย ใช้วิธีทยอย คืนหนี้ กฟผ. 32,291 ล้านบาท เหลือหนี้ 97,006 ล้านบาท และรวมกับค่าไฟฐาน 3.78 บาท ต่อหน่วย และกรณี 3 ค่าไฟลดลงเหลือ 4.45 บาทต่อหน่วย มาจากค่าเอฟที 66.89 บาทต่อหน่วย หนี้ กฟผ.ทยอยจ่ายคืน 5 งวด งวดละ 23,428 ล้านบาท เหลือหนี้ 111,869 ล้านบาท และรวมกับค่าไฟฐาน 3.78 บาทต่อหน่วย
 
เมื่อรับฟังความเห็นเสร็จ จะสรุปแนวทางที่ประชาชนเลือกอีกครั้งเพื่อประกาศตัวเลขสุดท้ายปลายเดือนกรกฎาคม ก่อนบังคับใช้ต่อไปในงวดปลายปี ส่วนข้อเสนอเอกชน 4.25 บาทต่อหน่วย เสนอได้ แต่ไม่สามารถทำได้ด้วยต้นทุนและปัจจัยด้านหนี้ กกพ.ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง ไม่สามารถลดราคาตามที่ร้องขอได้ ยกเว้นจะมีนโยบายจากรัฐบาลผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จึงจะพิจารณาแนวทางอื่นได้” นายคมกฤชกล่าว
 
รายงานข่าวคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แจ้งว่า คาดหนังสือขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลดค่าไฟเหลือระดับ 4.25 บาทต่อหน่วย จะถึงนายกฯสัปดาห์หน้า เนื่องจาก กกร.ยังอยู่ระหว่างลงนามประธานทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย
 
ขณะที่ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2566 นั้น กรมบัญชีกลางมีเป้าหมายว่าจะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 93% ของกรอบวงเงินงบประมาณ 3.185 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 98% และรายจ่ายลงทุน 75% ขณะนี้ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณ 3 ไตรมาสของปีงบฯ 2566 (1 ตุลาคม 2565-30 มิถุนายน 2566) กรมบัญชีกลางสามารถเบิกจ่ายได้แล้วประมาณ 2.265 ล้านล้านบาท คิดเป็น 72% คาดว่าสิ้นปีงบประมาณจะสามารถทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ การเบิกจ่าย 3 ไตรมาส ของปีงบ 2566 กรมทำได้ 72% นั้น ต่ำกว่าเป้าหมายไตรมาสที่กรมวางไว้ 75% เล็กน้อย แบ่งเป็นการเบิกจ่ายรายประจำ 80% กรมบัญชีกลางเบิกจ่ายได้ 77% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แต่ที่ยังมีสัดส่วนขาดอยู่คือการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน ขณะนี้ทำได้เพียง 50% จากเป้าหมายที่ต้องการอยู่ที่ระดับ 57%
 
ปีที่แล้วเราสามารถเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมาย ส่วนปีงบ 2566 นี้ เราก็อยากให้เป็นไปตามเป้าหมายเช่นเดียวกัน โดยได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามแผน ซึ่งมีคณะทำงานเร่งรัดการเบิกจ่ายเฉพาะกิจ ให้ติดต่อเร่งรัดการเบิกจ่ายรายหน่วยงานราชการ เพื่อรับทราบข้อปัญหาต่างๆ ในการดำเนินการ จากนั้นกรมบัญชีกลางจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปแก้ไขปัญหาเหล่านั้น” น.ส.กุลยากล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่