เสวนากลางฝน 365 วัน ยืนหยุดขัง เฟส 3 ‘ยุกติ’ เปิดเรื่องไม่เคยเล่า เหล่าป้ายังสู้ ‘รุ้ง ไผ่ บอย’ ร่วมวง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4065387
เสวนากลางฝน 365 วัน ยืนหยุดขัง เฟส 3 ‘ยุกติ’ เปิดเรื่องไม่เคยเล่า เหล่าป้ายังสู้ ‘รุ้ง ไผ่ บอย’ ร่วมวง
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เวลาประมาณ 17.30 น. ที่ลานหน้าศาลฎีกา ประตู 3 ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นาย
พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ
พ่อน้องเฌอ จัดกิจกรรมเนื่องในวาระครบรอบ 365 วัน ‘
ยืนหยุดขัง รอบ 3’ ดำเนินรายการโดย น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ
มายด์
น.ส.
ภัสราวลี กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการเสวนาโดยกลุ่มคนที่ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว รวมถึงกลุ่มคนที่เรียกร้องสิทธิให้บุคคลดังกล่าว
น.ส.
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง กล่าวว่า ความรู้สึกแรกของการไม่ได้รับการประกันตัว คือ ‘
ใจหล่นไปตาตุ่ม’ แม้เตรียมใจแล้วในแต่ละครั้ง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะร่าเริงได้ ยังคงมีอารมณ์เครียด และเศร้า
ด้าน นาย
จตุภัทร บุญภัทร์รักษา หรือ ไผ่ กล่าวว่า ตนต้องเข้าเรือนจำหลายรอบ ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา ขณะนั้นรู้สึกว่า ทำไมทำแค่นี้จึงโดนขับ เรายังไม่เข้าใจว่าประเทศนี้เป็นอย่างนี้ กระทั่งครั้งต่อๆ มา จึงคิดในใจว่า ‘
อีกแล้วเหรอ’ และปรับโหมดมาคิดว่า ในเรือนจำตอนนั้นมีใครบ้างที่เรารู้จัก เตรียมไปเจอคนนั้นคนนี้
นาย
ธัชพงศ์ แกดำ กล่าวว่า ที่จริงแล้ว ตนเตรียมใจมานานว่าอย่างไรก็ไม่รอด แต่วันที่ต้องเข้าเรือนจำจริงๆ เป็นการเข้าแบบไม่ปกติ มีการฉุดกระชาก โดน คฝ.ลากขึ้นผู้ต้องขังจากใต้ถุนศาล รู้สึกเจ็บใจ สำหรับผู้ทำกิจกรรมยืนหยุดขัง รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว รักแม่ๆ มาก ทุกคนดูแลทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน จนกระทั่งวันนี้ คอยให้กำลังใจตลอด
“
เราเชื่อว่ากระบวนการขณะนั้นไม่เป็นธรรม แต่วันนั้นเป็นรูปธรรมที่สุด แค้นมาก เจ็บใจ สิ่งที่เจอรุนแรงมาก โดนทำร้ายร่างกาย” นาย
ธัชพงศ์กล่าว
ด้าน ‘
ป้านก’ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า สาเหตุที่ตนออกมาเรียกร้อง เพราะแม้ไม่โดนคุมขังเอง แต่ก็สงสารน้องๆ จึงออกมา
“
เราทำได้แค่นี้ เรียกร้องให้ได้แค่นี้ ประชาชนอย่างเราทำอะไรไม่ได้มาก รุ่นป้ามายืนทุกวัน บางวันมีมายืน 3-4 คน เพราะติดกิจกรรมอย่างอื่น บางวัน 10 กว่าคน ยืนตากฝน แดดร้อนเราก็ยืน อยากให้คนรุ่นใหม่ที่ร่วมสู้มาด้วยกันมายืนด้วย สัปดาห์ละ1-2 วันก็ได้ ว่าคนนั้นนี้มา เราต้องเพิ่มมวลชนเพื่อกดดัน รอบนี้ก็ยังไม่สำเร็จ ภารกิจยังไม่ลุล่วง ถ้าจัดยืนต่อก็ยืน ไม่มีม็อบเดี๋ยวซึมเศร้า”
ป้านกกล่าว
ด้าน ‘
ป้ารุณ’ กล่าวว่า หากถามเรื่องชัยชนะ ตอบยาก แต่ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่ง ที่ต้องออกมา เพราะทนไม่ได้ที่เยาวชนต้องเข้าไปอยู่ข้างในเรือนจำ การต่อต้านเผด็จการเป็นความผิดได้อย่างไร จึงต้องออกมาทวงสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก ถือว่าเยียวยาใจ เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้คนข้างในที่สูญเสียอิสรภาพ แม้ตากฝน ตากแดด ก็ยอม
ด้าน ‘
ป้าปุ๊ย’ กล่าวว่า เมื่อกลุ่มพลเมืองโต้กลับเสนอการต่อสู้ด้วยสันติวิธี อย่างการยืนหยุดขัง ตนตั้งใจออกมาเพื่อช่วยกันเป็นส่วนหนึ่งของพลังในการเรียกร้อง
จากนั้น รศ.ดร.
ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนโดนคดีตั้งแต่กิจกรรม ‘
คนอยากเลือกตั้ง’ เดินขบวนจาก ม.ธรรมศาสตร์ไปยังกองทัพบก จากนั้นมีมาอีก 2 คดี ไม่กลัว แต่น่าชิงชัง โกรธแค้น และรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรม ในการดำเนินคดีทางการเมืองกับผู้เห็นต่าง ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่ต้น การที่คนเหล่านี้มีความเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ ไม่ควรเป็นความผิด ในแง่นี้ ต้องมีการทบทวนไปถึงตัวบทกฎหมาย และอย่าผูกขาดความรักชาติ ใช้กฎหมายปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ
“
ผมคิดว่าประเด็นใหญ่คือ การที่ประเทศนี้ไม่ขีดให้ชัดว่าการลงโทษคืออะไร ความเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตรงนี้ต้องสะสาง ปฏิรูป เราอยู่กันแบบนี้นานเกินไปแล้ว” รศ.ดร.
ยุกติ กล่าว
จากนั้น รศ.ดร.
ยุกติ เล่าว่า มีเรื่องที่ไม่เคยเล่าในที่สาธารณะมาก่อน นั่นคือ ครั้งหนึ่งตนเคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้บริหารระดับค่อนข้างสูงของหน่วยงานวิชาการหนึ่งของรัฐ ซึ่งส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะได้ตำแหน่ง เพราะขณะนั้นร่วมเรียกร้องแก้ ม.112 โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ครก.112 แล้ว ทั้งยังถูกเรียกว่า ‘นักวิชาการเสื้อแดง’ ผู้ที่มาทาบทามหายไปเป็นเดือน ก่อนกลับมาบอกว่า สรุปแล้ว ไม่ได้
“
ผมกลั้นหัวเราะในใจ ผมเดาถูกว่าประเทศนี้เป็นอย่างนี้ ไม่เสียใจใดๆ ผมมีอะไรทำเยอะแยะ แต่จะบอกว่า การเคลื่อนไหวมีต้นทุนแน่นอน” รศ.ดร.
ยุกติ กล่าว
รศ.ดร.
ยุกติกล่าวว่า อีกเรื่องที่ไม่เคยเล่าในที่สาธารณะเช่นกัน แม้เคยมีข่าว ตนยังต้องขอให้ถอดออก นั่นคือการที่รถของตนซึ่งเก่ามาก ถูกไข มีการเปิดลิ้นชัก คีย์การ์ดที่ไม่มีทางลืมไว้ที่อื่นกลับสูญหายไป ซ้ำยังมีรอยกรีดอีกด้วย โดยในช่วงนั้นตนทำเรื่องประกันตัวให้บุคคลรายหนึ่ง จากนั้น จึงเปลี่ยนกุญแจ และระมัดระวังตนเองมากขึ้น
‘วันนอร์’ ฟิตจัดนัดประชุม 2 สภาโหวต ‘พิธา’ 13 ก.ค.นี้ ยันต้องโหวตจนกว่าจะได้ 376 เสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4065503
‘วันนอร์’ ฟิตจัดนัดประชุม 2 สภาโหวต ‘พิธา’ 13 ก.ค.นี้ ยันต้องโหวตจนกว่าจะได้ 376 เสียง ชี้ปท.ขาดนายกฯไม่ได้
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้ามาร่วมประชุมกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ชั้น 10 ห้องประชุมประธานสภาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้นเวลา 12.00 น. นาย
วันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างที่ตนรอการโปรดเกล้าฯเป็นประธานสภาฯ ได้เชิญเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร รองเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการในเรื่องรับสนองพระบรมราชโองการฯ ซึ่งอาจจะเป็นช่วง 1-2 วันนี้ และเตรียมการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏร และประชุมร่วมรัฐสภา โดยกำหนดว่าหากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว จะประชุมสภาฯนัดแรกในวันที่ 12 กรฎกาคม โดยมีระเบียบวาระเพียงให้ส.ส.ที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งจะปรึกษาหารือกันว่าจะประชุมสภาฯ แต่ละสมัยจำนวนกี่วัน และวันไหนบ้าง แม้ที่ผ่านมามีการจัดให้มีการประชุมในวันพุธ และวันพฤหัสบดีก็ตาม ก็ต้องขอความเห้นในที่ประชุมอยู่ดี
นาย
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. ซึ่งได้มีการหารือกับนาย
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เรียบร้อยแล้ว โดยทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะออกหนังสือเชิญสมาชิกทั้งสองสภามาประชุมร่วมกัน
เมื่อถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในส่วนของนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล ที่มีแนวโน้มว่าจะโหวตไม่ผ่าน ประธานฯ จะให้มีการโหวตกี่ครั้ง นาย
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จำนวนครั้งคงพูดไม่ได้เพราะครั้งเดียวอาจจะผ่านก็ได้คือได้ 376 เสียง แต่ถ้าไม่ครบก็ต้องพิจารณาการประชุมในรอบต่อไป และต้องวิเคราะห์ดูว่าคะแนนที่ได้มีจำนวนเท่าไหร่ถึงจะครบ 376 เสียง และหากฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะขอเวลาในการประชุมกี่ครั้ง แต่โดยสรุปคือรัฐสภาต้องประชุมให้ได้นายกฯ ไม่ใช่นายพิธาคนเดียว หากนายพิธาได้ก็ถือว่าได้ไป แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาจนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรี เพราะรัฐสภามีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไปบริหารประเทศ เราจะขาดนายกฯไม่ได้
‘เชตวัน’ ส.ส.ปทุมธานี ก้าวไกล ยันต้องเดินหน้าแก้กฎหมายเพื่อประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4065474
‘เชตวัน’ ส.ส. ปทุมธานี ก้าวไกล ยันต้องเดินหน้าแก้กฎหมายเพื่อประชาชน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นาย
เชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล(ก.ก.) โพสต์ข้อความตอนหนึ่งกรณีข้อตกลงระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะข้อ 4 ที่ว่า “
พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม, ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก, ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ”
นาย
เชตวัน ระบุว่า จากจำนวนตัวเลขมือในสภา ของทั้ง 2 พรรคการเมือง มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่ร่างแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับที่ว่ามานั้นจะผ่าน และนี่เองที่ถูกนำมาเป็นข้ออ้างของกลุ่มคนที่ออกมาขัดขวางไม่อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ทุกวิถีทาง สารภาพตามตรง, ในข้อ 4 ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยนี้ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจเข้ามาเป็น ส.ส.เพื่อร่วมผลักดันให้ได้รับการแก้ไข ถ้าไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่พูดถึงปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ถ้าไม่แก้ไข้ให้เหมาะสมตามหลักสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตย ก็ไม่รู้ว่าจะมาเป็น ส.ส.ไปทำไม ประชาชนต้องมีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง ดังนั้น การใช้กฎหมายเป็นเครื่องปิดปากคนต้องเลิก คนที่ถูกดำเนินคดีเพียง เพราะการพูด การเขียน การแสดงความคิดเห็นต้องได้รับการนิรโทษกรรม และแน่นอน ในระบอบประชาธิปไตย กองทัพต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน กฎหมายที่ออกมาเพื่อรวบอำนาจให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะผู้ถืออาวุธต้องได้รับการทบทวน หน่วยงานอย่าง กอ.รมน. ที่มีสถานะเป็น ‘
รัฐซ้อนรัฐ’ ต้องถูกยกเลิก
“
เช้านี้ ได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แล้วก็รู้สึกสบายใจ ขอบคุณที่มาช่วยยืนยันสิ่งที่เราเชื่อ แม้การเสนอเรื่องเหล่านี้จะมี ‘อุปสรรค’ แต่มันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเรามาถูกทาง ก็อย่างที่ ‘เดอะต๋อม’ บอกว่า การผลักดันสร้างความเปลี่ยนแปลง แม้เป็นประโยชน์กับสังคม กับคนส่วนใหญ่แต่ก็ย่อมมีบางกลุ่มบางฝ่ายยังไม่เข้าใจ ‘การเปลี่ยนแปลงมักมีแรงต้านเสมอ ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีอุปสรรคเลย เราต้องตรวจสอบตัวเองแล้ว แสดงว่าเราไม่ได้เสนออะไรที่มีนัยสำคัญกับประเทศเลย’ จริงครับ, ‘ต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ถึงจะทำอะไรได้ แต่ถ้าต้องแลกทุกอย่างกับการเป็นรัฐบาล เมื่อได้เป็นรัฐบาลก็อาจไม่สามารถทำอะไรได้เลย… ถ้าไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องมีพรรคการเมืองพรรคนี้ดีกว่า’ นี่เป็นบางช่วงบางตอนที่เขาให้สัมภาษณ์ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” นายเชตวัน ระบุ
พร้อมกับระบุด้วยว่า “
ผมยังจำวันที่ ชัยธวัช และปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชวนมาร่วมทำงานในช่วงก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ได้แม่น ในร้านอาหารใต้โรงแรมมาเลเซีย ย่านสาทร ช่วงกลางเดือนเมษายน 2561 สิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมเชื่อ มีคนคิดและเชื่อเช่นเดียวกัน ตอนนั้น ตัดสินใจแล้วว่าจะมาร่วมงานกัน แม้ปากจะบอกพวกเขาไปว่า ‘หลังสงกรานต์ให้คำตอบ’ วันนี้ ได้ยินประโยคทำนองเดียวกันนั้นอีกครั้ง ในวันที่ตัวเองมีฐานะเป็น ส.ส. ก็ยิ่งมั่นในว่า เราตัดสินใจไม่ผิดครับ ‘เรามีพรรคการเมืองที่หาเสียงเพื่อให้ต้องการชนะเลือกตั้ง ต้องการเป็นรัฐบาล โดยที่ไม่มีวาระอะไรชัดเจนเยอะพอแล้ว พรรคการเมืองที่ตั้งมาเพื่อชนะเลือกตั้งมีมากพอแล้ว’ ครับ, นี่แหละ ‘เดอะต๋อม’ และเจตจำนงอันมุ่งมั่นของเรา”
https://www.facebook.com/chetawan_t/posts/pfbid02NH31C3GTxUEp83ujXrfS1evn3jJdyQkKehmJq4XATi9oVm8GVXnA7NWCvDYXqkYKl
JJNY : เสวนากลางฝน ยืนหยุดขัง│‘วันนอร์’ฟิตจัดนัดประชุม2สภา│ส.ส.ปทุมธานี ก้าวไกล ยันต้องเดินหน้าแก้กม.│กกร.จี้กกพ.ลดค่าไฟ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4065387
เสวนากลางฝน 365 วัน ยืนหยุดขัง เฟส 3 ‘ยุกติ’ เปิดเรื่องไม่เคยเล่า เหล่าป้ายังสู้ ‘รุ้ง ไผ่ บอย’ ร่วมวง
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เวลาประมาณ 17.30 น. ที่ลานหน้าศาลฎีกา ประตู 3 ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ พ่อน้องเฌอ จัดกิจกรรมเนื่องในวาระครบรอบ 365 วัน ‘ยืนหยุดขัง รอบ 3’ ดำเนินรายการโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์
น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการเสวนาโดยกลุ่มคนที่ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว รวมถึงกลุ่มคนที่เรียกร้องสิทธิให้บุคคลดังกล่าว
น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง กล่าวว่า ความรู้สึกแรกของการไม่ได้รับการประกันตัว คือ ‘ใจหล่นไปตาตุ่ม’ แม้เตรียมใจแล้วในแต่ละครั้ง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะร่าเริงได้ ยังคงมีอารมณ์เครียด และเศร้า
ด้าน นายจตุภัทร บุญภัทร์รักษา หรือ ไผ่ กล่าวว่า ตนต้องเข้าเรือนจำหลายรอบ ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา ขณะนั้นรู้สึกว่า ทำไมทำแค่นี้จึงโดนขับ เรายังไม่เข้าใจว่าประเทศนี้เป็นอย่างนี้ กระทั่งครั้งต่อๆ มา จึงคิดในใจว่า ‘อีกแล้วเหรอ’ และปรับโหมดมาคิดว่า ในเรือนจำตอนนั้นมีใครบ้างที่เรารู้จัก เตรียมไปเจอคนนั้นคนนี้
นายธัชพงศ์ แกดำ กล่าวว่า ที่จริงแล้ว ตนเตรียมใจมานานว่าอย่างไรก็ไม่รอด แต่วันที่ต้องเข้าเรือนจำจริงๆ เป็นการเข้าแบบไม่ปกติ มีการฉุดกระชาก โดน คฝ.ลากขึ้นผู้ต้องขังจากใต้ถุนศาล รู้สึกเจ็บใจ สำหรับผู้ทำกิจกรรมยืนหยุดขัง รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว รักแม่ๆ มาก ทุกคนดูแลทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน จนกระทั่งวันนี้ คอยให้กำลังใจตลอด
“เราเชื่อว่ากระบวนการขณะนั้นไม่เป็นธรรม แต่วันนั้นเป็นรูปธรรมที่สุด แค้นมาก เจ็บใจ สิ่งที่เจอรุนแรงมาก โดนทำร้ายร่างกาย” นายธัชพงศ์กล่าว
ด้าน ‘ป้านก’ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า สาเหตุที่ตนออกมาเรียกร้อง เพราะแม้ไม่โดนคุมขังเอง แต่ก็สงสารน้องๆ จึงออกมา
“เราทำได้แค่นี้ เรียกร้องให้ได้แค่นี้ ประชาชนอย่างเราทำอะไรไม่ได้มาก รุ่นป้ามายืนทุกวัน บางวันมีมายืน 3-4 คน เพราะติดกิจกรรมอย่างอื่น บางวัน 10 กว่าคน ยืนตากฝน แดดร้อนเราก็ยืน อยากให้คนรุ่นใหม่ที่ร่วมสู้มาด้วยกันมายืนด้วย สัปดาห์ละ1-2 วันก็ได้ ว่าคนนั้นนี้มา เราต้องเพิ่มมวลชนเพื่อกดดัน รอบนี้ก็ยังไม่สำเร็จ ภารกิจยังไม่ลุล่วง ถ้าจัดยืนต่อก็ยืน ไม่มีม็อบเดี๋ยวซึมเศร้า” ป้านกกล่าว
ด้าน ‘ป้ารุณ’ กล่าวว่า หากถามเรื่องชัยชนะ ตอบยาก แต่ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่ง ที่ต้องออกมา เพราะทนไม่ได้ที่เยาวชนต้องเข้าไปอยู่ข้างในเรือนจำ การต่อต้านเผด็จการเป็นความผิดได้อย่างไร จึงต้องออกมาทวงสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก ถือว่าเยียวยาใจ เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้คนข้างในที่สูญเสียอิสรภาพ แม้ตากฝน ตากแดด ก็ยอม
ด้าน ‘ป้าปุ๊ย’ กล่าวว่า เมื่อกลุ่มพลเมืองโต้กลับเสนอการต่อสู้ด้วยสันติวิธี อย่างการยืนหยุดขัง ตนตั้งใจออกมาเพื่อช่วยกันเป็นส่วนหนึ่งของพลังในการเรียกร้อง
จากนั้น รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนโดนคดีตั้งแต่กิจกรรม ‘คนอยากเลือกตั้ง’ เดินขบวนจาก ม.ธรรมศาสตร์ไปยังกองทัพบก จากนั้นมีมาอีก 2 คดี ไม่กลัว แต่น่าชิงชัง โกรธแค้น และรู้สึกได้ถึงความไม่ยุติธรรม ในการดำเนินคดีทางการเมืองกับผู้เห็นต่าง ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่ต้น การที่คนเหล่านี้มีความเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ ไม่ควรเป็นความผิด ในแง่นี้ ต้องมีการทบทวนไปถึงตัวบทกฎหมาย และอย่าผูกขาดความรักชาติ ใช้กฎหมายปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ
“ผมคิดว่าประเด็นใหญ่คือ การที่ประเทศนี้ไม่ขีดให้ชัดว่าการลงโทษคืออะไร ความเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตรงนี้ต้องสะสาง ปฏิรูป เราอยู่กันแบบนี้นานเกินไปแล้ว” รศ.ดร.ยุกติ กล่าว
จากนั้น รศ.ดร.ยุกติ เล่าว่า มีเรื่องที่ไม่เคยเล่าในที่สาธารณะมาก่อน นั่นคือ ครั้งหนึ่งตนเคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้บริหารระดับค่อนข้างสูงของหน่วยงานวิชาการหนึ่งของรัฐ ซึ่งส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะได้ตำแหน่ง เพราะขณะนั้นร่วมเรียกร้องแก้ ม.112 โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ครก.112 แล้ว ทั้งยังถูกเรียกว่า ‘นักวิชาการเสื้อแดง’ ผู้ที่มาทาบทามหายไปเป็นเดือน ก่อนกลับมาบอกว่า สรุปแล้ว ไม่ได้
“ผมกลั้นหัวเราะในใจ ผมเดาถูกว่าประเทศนี้เป็นอย่างนี้ ไม่เสียใจใดๆ ผมมีอะไรทำเยอะแยะ แต่จะบอกว่า การเคลื่อนไหวมีต้นทุนแน่นอน” รศ.ดร.ยุกติ กล่าว
รศ.ดร. ยุกติกล่าวว่า อีกเรื่องที่ไม่เคยเล่าในที่สาธารณะเช่นกัน แม้เคยมีข่าว ตนยังต้องขอให้ถอดออก นั่นคือการที่รถของตนซึ่งเก่ามาก ถูกไข มีการเปิดลิ้นชัก คีย์การ์ดที่ไม่มีทางลืมไว้ที่อื่นกลับสูญหายไป ซ้ำยังมีรอยกรีดอีกด้วย โดยในช่วงนั้นตนทำเรื่องประกันตัวให้บุคคลรายหนึ่ง จากนั้น จึงเปลี่ยนกุญแจ และระมัดระวังตนเองมากขึ้น
‘วันนอร์’ ฟิตจัดนัดประชุม 2 สภาโหวต ‘พิธา’ 13 ก.ค.นี้ ยันต้องโหวตจนกว่าจะได้ 376 เสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4065503
‘วันนอร์’ ฟิตจัดนัดประชุม 2 สภาโหวต ‘พิธา’ 13 ก.ค.นี้ ยันต้องโหวตจนกว่าจะได้ 376 เสียง ชี้ปท.ขาดนายกฯไม่ได้
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้ามาร่วมประชุมกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ชั้น 10 ห้องประชุมประธานสภาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างที่ตนรอการโปรดเกล้าฯเป็นประธานสภาฯ ได้เชิญเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร รองเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการในเรื่องรับสนองพระบรมราชโองการฯ ซึ่งอาจจะเป็นช่วง 1-2 วันนี้ และเตรียมการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏร และประชุมร่วมรัฐสภา โดยกำหนดว่าหากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว จะประชุมสภาฯนัดแรกในวันที่ 12 กรฎกาคม โดยมีระเบียบวาระเพียงให้ส.ส.ที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งจะปรึกษาหารือกันว่าจะประชุมสภาฯ แต่ละสมัยจำนวนกี่วัน และวันไหนบ้าง แม้ที่ผ่านมามีการจัดให้มีการประชุมในวันพุธ และวันพฤหัสบดีก็ตาม ก็ต้องขอความเห้นในที่ประชุมอยู่ดี
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. ซึ่งได้มีการหารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เรียบร้อยแล้ว โดยทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะออกหนังสือเชิญสมาชิกทั้งสองสภามาประชุมร่วมกัน
เมื่อถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในส่วนของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล ที่มีแนวโน้มว่าจะโหวตไม่ผ่าน ประธานฯ จะให้มีการโหวตกี่ครั้ง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จำนวนครั้งคงพูดไม่ได้เพราะครั้งเดียวอาจจะผ่านก็ได้คือได้ 376 เสียง แต่ถ้าไม่ครบก็ต้องพิจารณาการประชุมในรอบต่อไป และต้องวิเคราะห์ดูว่าคะแนนที่ได้มีจำนวนเท่าไหร่ถึงจะครบ 376 เสียง และหากฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะขอเวลาในการประชุมกี่ครั้ง แต่โดยสรุปคือรัฐสภาต้องประชุมให้ได้นายกฯ ไม่ใช่นายพิธาคนเดียว หากนายพิธาได้ก็ถือว่าได้ไป แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาจนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรี เพราะรัฐสภามีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไปบริหารประเทศ เราจะขาดนายกฯไม่ได้
‘เชตวัน’ ส.ส.ปทุมธานี ก้าวไกล ยันต้องเดินหน้าแก้กฎหมายเพื่อประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4065474
‘เชตวัน’ ส.ส. ปทุมธานี ก้าวไกล ยันต้องเดินหน้าแก้กฎหมายเพื่อประชาชน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล(ก.ก.) โพสต์ข้อความตอนหนึ่งกรณีข้อตกลงระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะข้อ 4 ที่ว่า “พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม, ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก, ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ”
นายเชตวัน ระบุว่า จากจำนวนตัวเลขมือในสภา ของทั้ง 2 พรรคการเมือง มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่ร่างแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับที่ว่ามานั้นจะผ่าน และนี่เองที่ถูกนำมาเป็นข้ออ้างของกลุ่มคนที่ออกมาขัดขวางไม่อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ทุกวิถีทาง สารภาพตามตรง, ในข้อ 4 ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยนี้ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจเข้ามาเป็น ส.ส.เพื่อร่วมผลักดันให้ได้รับการแก้ไข ถ้าไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่พูดถึงปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ถ้าไม่แก้ไข้ให้เหมาะสมตามหลักสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตย ก็ไม่รู้ว่าจะมาเป็น ส.ส.ไปทำไม ประชาชนต้องมีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรอง ดังนั้น การใช้กฎหมายเป็นเครื่องปิดปากคนต้องเลิก คนที่ถูกดำเนินคดีเพียง เพราะการพูด การเขียน การแสดงความคิดเห็นต้องได้รับการนิรโทษกรรม และแน่นอน ในระบอบประชาธิปไตย กองทัพต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน กฎหมายที่ออกมาเพื่อรวบอำนาจให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะผู้ถืออาวุธต้องได้รับการทบทวน หน่วยงานอย่าง กอ.รมน. ที่มีสถานะเป็น ‘รัฐซ้อนรัฐ’ ต้องถูกยกเลิก
“เช้านี้ ได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แล้วก็รู้สึกสบายใจ ขอบคุณที่มาช่วยยืนยันสิ่งที่เราเชื่อ แม้การเสนอเรื่องเหล่านี้จะมี ‘อุปสรรค’ แต่มันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเรามาถูกทาง ก็อย่างที่ ‘เดอะต๋อม’ บอกว่า การผลักดันสร้างความเปลี่ยนแปลง แม้เป็นประโยชน์กับสังคม กับคนส่วนใหญ่แต่ก็ย่อมมีบางกลุ่มบางฝ่ายยังไม่เข้าใจ ‘การเปลี่ยนแปลงมักมีแรงต้านเสมอ ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีอุปสรรคเลย เราต้องตรวจสอบตัวเองแล้ว แสดงว่าเราไม่ได้เสนออะไรที่มีนัยสำคัญกับประเทศเลย’ จริงครับ, ‘ต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ถึงจะทำอะไรได้ แต่ถ้าต้องแลกทุกอย่างกับการเป็นรัฐบาล เมื่อได้เป็นรัฐบาลก็อาจไม่สามารถทำอะไรได้เลย… ถ้าไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องมีพรรคการเมืองพรรคนี้ดีกว่า’ นี่เป็นบางช่วงบางตอนที่เขาให้สัมภาษณ์ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” นายเชตวัน ระบุ
พร้อมกับระบุด้วยว่า “ผมยังจำวันที่ ชัยธวัช และปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชวนมาร่วมทำงานในช่วงก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ได้แม่น ในร้านอาหารใต้โรงแรมมาเลเซีย ย่านสาทร ช่วงกลางเดือนเมษายน 2561 สิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมเชื่อ มีคนคิดและเชื่อเช่นเดียวกัน ตอนนั้น ตัดสินใจแล้วว่าจะมาร่วมงานกัน แม้ปากจะบอกพวกเขาไปว่า ‘หลังสงกรานต์ให้คำตอบ’ วันนี้ ได้ยินประโยคทำนองเดียวกันนั้นอีกครั้ง ในวันที่ตัวเองมีฐานะเป็น ส.ส. ก็ยิ่งมั่นในว่า เราตัดสินใจไม่ผิดครับ ‘เรามีพรรคการเมืองที่หาเสียงเพื่อให้ต้องการชนะเลือกตั้ง ต้องการเป็นรัฐบาล โดยที่ไม่มีวาระอะไรชัดเจนเยอะพอแล้ว พรรคการเมืองที่ตั้งมาเพื่อชนะเลือกตั้งมีมากพอแล้ว’ ครับ, นี่แหละ ‘เดอะต๋อม’ และเจตจำนงอันมุ่งมั่นของเรา”
https://www.facebook.com/chetawan_t/posts/pfbid02NH31C3GTxUEp83ujXrfS1evn3jJdyQkKehmJq4XATi9oVm8GVXnA7NWCvDYXqkYKl