เศรษฐาไม่เห็นด้วยซื้อ ‘งูเห่า’ มองปม 24 มิ.ย.วันชาติ หยุด-ไม่หยุดเรื่องรอง 8 ปีสาหัสมากพอแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4049009
‘เศรษฐา’ ไม่เห็นด้วยซื้อ ส.ส.งูเห่า ย้ำหน้าที่ ส.ส.ต้องยึดโยง ปชช. ชี้ข้อเสนอ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติหรือไม่เป็นเรื่องรอง มอง 8 ปีสาหัสมากพอแล้ว
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 26 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท.และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าพรรค พท. โดยให้สัมภาษณ์ว่า มาอัพเดตความคืบหน้าเรื่องการรีแบรนด์พรรคที่จะต้องมาอัพเดตกับ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. และ นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
นาย
เศรษฐากล่าวว่า ส่วนที่จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและประชุม ส.ส.พรรคนั้น ส่วนตัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง และมองว่าอยากให้คำนึงถึงเรื่องปากท้องของประชาชนมากกว่า เพราะขณะนี้ค่อนข้างหนักหนาสาหัส ทั้งค่าครองชีพสูง รายได้ลด รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
นาย
เศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการเลือกประธานสภา หรือการจับมือฝ่ายประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้านั้น มั่นใจว่าทุกคนรู้ว่าควรทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะพรรคที่เป็นสถาบันการเมืองขนาดใหญ่ที่รู้ว่าจะต้องทำอะไร และต้องยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างมาก
“
ย้ำว่าการแข่งขันขณะนี้จบไปแล้ว ไม่มีความเชื่อและไม่เห็นด้วยในเรื่องของการซื้อ ส.ส. ซื้องูเห่า ซึ่ง ส.ส.ถือเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ต้องยึดโยงกับประชาชน เวลาลงสมัครในสนาม สีเสื้อใคร เขาเลือกเรามาในสีเสื้อนั้น เราน่าจะต้องให้เกียรติประชาชน วันนี้ต้องทำงานรับใช้ประชาชนก่อน” นาย
เศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า การโควตข้อความทางทวิตเตอร์ที่ นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ เป็นความหมายของวันรัฐประหารใช่หรือไม่ นาย
เศรษฐากล่าวว่า การไม่เอารัฐประหารและไม่เอาเผด็จการมีความสำคัญมากกว่า ส่วนจะเป็นวันหยุดหรือไม่หยุดนั้นเป็นเรื่องรอง ขณะนี้ประเทศไทยพัฒนามาเยอะแล้ว ไม่อยากให้ถอยหลังกลับไปอีก 8 ปีที่ผ่านมาสาหัสพอแล้ว
https://twitter.com/Thavisin/status/1672961749224660992
‘วิโรจน์’ จี้ อธิบดีกรมการขนส่งฯ สอบขบวนการ ตรวจสภาพรถทิพย์ ทำมานานกว่า 10 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4049474
‘วิโรจน์’ จี้ อธิบดีกรมการขนส่งฯ สอบขบวนการตรวจสภาพรถทิพย์ หลังทำมานานกว่า 10 ปี แฉช่างตรวจสภาพฯ รวยเว่อร์ มีเครื่องบินเล็ก
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการรับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการตรวจสภาพรถทิพย์ จ.สกลนคร ว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนขอเรียกร้อง ไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เนื่องจากพื้นที่นี้มีการร้องเรียนหลายครั้ง และเป็นระยะเวลานานแล้วในเรื่องมีกระบวนการตรวจสภาพรถทิพย์ เพราะพื้นที่ โดยในภาพใหญ่ ทุกครั้งที่เราไปออกรถป้ายแดง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ทางดีลเลอร์รถจะบอกว่า เป็นค่าทะเบียนหรือค่าดำเนินการออกรถใหม่ แล้วคนที่ออกรถป้ายแดงก็จะรู้สึกดีใจ ถือเป็นความเฮงๆ เขาเรียกเท่าไรก็เอาเงินไปจ่ายเท่านั้น
แต่ปรากฎว่า บิลค่าใช้จ่ายที่ออกมา มีค่าใช้จ่ายไม่เท่าไร เช่น ภาษีรถยนต์มีค่าธรรมเนียมในการออกรถใหม่แค่ 55 บาท แต่ปรากฎว่าเก็บจริงไปหลายพันบาท เลยตั้งข้อสงสัยว่าเก็บไปให้ใคร เอาไปให้ช่างตรวจสภาพรถ-เจ้าหน้าที่บางคนหรือไม่ เรื่องนี้พัวพันกับใครบ้าง มองว่าไม่ใช่ค่าบริการธรรมดา มิหนำซ้ำเวลาที่ผ่อนหมดแล้ว จะต้องมีการโอนปิดบัญชี ทำให้ต้องมีการโอนชื่อจากไฟแนนซ์มาเป็นเจ้าของรถ
ซึ่งตามจริงต้องจ่าย 105 บาท แต่ปรากฎว่าหลายคนจ่ายไปหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับประเภทรถว่าหรูขนาดไหน เกรดอะไร หากเป็นรถหรูจะจ่ายแพง ซึ่งเมื่อสักครู่ได้ตรวจสอบกับกลุ่มไรเดอร์ที่มาร้องเรียนกับพรรคก.ก. พบว่าเป็นเรื่องจริง ผู้เสียหายเข้าใจว่าส่วนหนึ่งเป็นค่าบริการที่ให้ตัวแทนไปดำเนินการแทน หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องพัวพันที่ต้องนำเงินไปให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนบางคนด้วย หรือแม้กระทั่งช่างตรวจสภาพรถ
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด กี่สิบปีแล้ว ขบวนการนี้ใหญ่ขนาดไหนที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน รวมถึงรถป้ายแดงควรมีอีกหรือไม่ เนื่องจากหากปัจจุบันพัฒนาเป็นระบบออนไลน์แล้ว ควรจะเป็นรถป้ายดำโดยทันที สมัยก่อนมีรถป้ายแดงเพื่อรอให้เดินงานธุรการ จึงให้สวมป้ายแดงไปก่อน แต่ในปัจจุบันไม่จำเป็นแล้ว คิดว่าต้องทบทวนกฎระเบียบ ว่ารถที่เพิ่งออกจากโรงงาน จำเป็นต้องตรวจสภาพเพื่ออะไร ไม่จำเป็นต้องตรวจแล้วถูกหรือไม่ ให้ดีลเลอร์หรือศูนย์ขายรถคีย์เข้าระบบไปเลยว่าเลขเครื่องเลขอะไร ตัวถังเป็นเลขอะไร กฎหมายตัวนี้ออกมาเพื่ออะไร ไม่มีใครที่อยากขับรถป้ายแดงไปตรวจตามขนส่งอยู่แล้ว หรือขับรถลูกค้าไปตรวจนอกศูนย์รถ
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากลัวคือรถสวมทะเบียน รถจดประกอบ และรถที่ไปซื้อซาก ที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วเอาเลขคลัสซีไปสวมรอย กับรถที่โจรกรรมมา ตามระเบียบการซื้อรถมือสอง ต้องมีการตรวจสภาพเหมือนกัน แล้วมีระเบียบที่ให้ทางเจ้าหน้าที่หรือช่างตรวจสภาพ มาตรวจนอกสถานที่ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่สอบถามมาเบื้องต้น คือไม่ได้มาตรวจจริง เอาเอกสารพร้อมผลประโยชน์บางอย่างแล้วให้เซ็นชื่อ เหมือนกับตรวจแล้ว เรียกว่า ตรวจทิพย์
นาย
วิโรจน์ กล่าวอีกว่า คนทั่วไปก็เดือดร้อน เนื่องจากรถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกขโมย ตราบใดที่การจดทะเบียนรถมีความหละหลวม ปัญหารถหายก็ยังเกิดขึ้น การโจรกรรมรถก็จะเบ่งบาน ซึ่งตนจะเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด พร้อมฝากไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ให้ช่วยขันน็อต และหวังว่าจะได้รับคำตอบ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งมาเป็นปีแล้ว และหากยังไม่เชื่อ ตนจะเปิดไลน์ให้ดู ว่าทางกรมการขนส่งทางบกพูดคุยอะไรกับผู้เสียหายบ้าง เห็นแล้วตกใจมาก เพราะการตรวจต้องพาช่างออกไปตรวจไม่ใช่พาคนเข้ามาให้เซ็นชื่อ มองว่าเป็นการรีดไถประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้เรื่อง
เมื่อถามว่าช่างที่ตรวจสภาพรถเป็นช่างเอกชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐ นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลว่าเป็นช่างตรวจสภาพของรัฐบางคน ยังเหมารวมไม่ได้ จากที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่บางคนมีเครื่องบินเล็กเป็นของตัวเอง จึงตั้งข้อสังเกตว่าช่างตรวจสภาพจะมีเครื่องบินเล็กของตัวเองได้อย่างไร มีอพาร์ทเม้นท์ มีรถยนต์หรู มีเงินเดือน 30,000-40,000 บาท ไม่น่าจะมีเครื่องบินเล็กได้ แปลก มีอพาร์ทเม้น เช่า 3-4 ห้อง ควรจะเข้าไปตรวจสอบว่าเขาทำอะไรถึงรวยขนาดนี้
เมื่อถามว่าคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใกล้จะจบลงแล้ว หลังยุบคณะทำงานจะมีการสานต่องานอย่างไร นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการหารือกัน ถึงการร่างนโยบายเพื่อแถลงต่อสภา จะได้เป็นเข็มทิศนำทางในการจัดการกับส่วยและคอร์รัปชันให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เห็นตรงกันคือการนำเทคโนโลยีมาให้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
นักวิชาการ ห่วงปมเอกราชบานปลาย แนะควรจบด้วยพูดคุย ด้านนศ.เตรียมทนายสู้คดี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7734091
อาจารย์ม.ราชภัฏยะลา ห่วงปมเอกราชบานปลาย แนะเจ้าหน้าที่คิดให้รอบคอบ อย่าใช้แต่หลักนิติศาสตร์ ทางที่ดีควรจบด้วยพูดคุย ด้านนศ.เตรียมทนายสู้คดี พร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จังหวัดปัตตานี จัดกิจกรรม ในนาม กลุ่มขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ที่ทำแบบสอบถามเรื่อง “
สิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง” จนเป็นประเด็นข่าวร้อน และเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ กันในวงกว้างขวาง เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต่างวิตกกังวล ต้องเร่งหาทางออก สร้างความเข้าใจ ให้กับทุกๆฝ่ายให้เร็วที่สุด
โดยเมื่อวันที่เมื่อ 25 มิย. ที่ผ่านมา ทางตำรวจภ.จว.ปัตตานี ตั้งชุดพนักงานสอบสวน ตรวจสอบ พยาน หลักฐาน ตรวจสอบคลิปวิดีโอและส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงทั้งหมด เพื่อที่จะได้ เตรียมการออกหมายเรียก ผู้ที่เข้าข่ายในการทำผิดกฎหมาย กว่า 10 ราย ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีพิเศษ มีความละเอียดอ่อน
โดยทางฝ่ายนศ.ดังกล่าวได้เตรียมตัว เตรียมทนายไว้แล้ว ยืนยันสู้คดี ไม่หนีไปไหน พร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา
ด้าน ดร.
ตายูดิน อุสมาน อาจารย์ประจำหลักสูตรการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยว่า ได้ติดตามเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เห็นว่าประเด็นกิจกรรม ประชามติ เอกราชดังกล่าวนั้น เรื่องนี้เป็นกิจกรรมของนักศึกษาที่ทำอยู่ในกรอบรั้วการศึกษา วิชาการ และเป็นวิธีคิด RSD นั้น ในหลายๆประเทศก็ทำกันได้
แต่ประเทศไทย บางครั้ง บางที อาจจะรับไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ส่วนถ้าจะไปถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดนนั้นประเทศไทยเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผิดมาตราที่ 1 ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้
ก็ยังรู้สึกกังวลเป็นห่วงเด็ก ทีมน้องๆนักศึกษาทั่จัดกิจกรรมในวันนั้น หากทางเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. มองเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขั้นต้องฟ้องร้อง ต้องดำเนินคดีกัน แต่เข้าใจว่าทุกฝ่ายก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าหากมีการจับควบคุมตัวจริง เด็กๆจะมีปัญหามีผลกระทบและมีมลทิน มีความรู้สึก
อยากให้กอ.รมน.คิดให้รอบคอบ ใช้หลักทางรัฐศาสตร์ด้วย ไม่ใช่ใช้แต่หลักนิติศาสตร์เพียงอย่างเดียว เพราะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน แก้ปัญหามาเป็นสิบๆปีแล้ว กลัวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ถ้าบังเอิญเพื่อนๆเด็กๆที่มีแนวความคิดตรงกันกับพวกเขาหรือญาติพี่น้อง ที่ไม่พอใจ มีความรู้สึกอ่อนไหว อาจจะนำมาซึ่งการรวมกลุ่มเปิดเวทีโจมตี ประท้วง รวมไปถึงอาจจะมีการเดินขบวนอีกได้
ในด้านที่มองว่า จะเอี่ยวนักการเมืองหรือไม่นั้น มีใครหนุนหลังนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่เกี่ยว เพราะกิจกรรม แบบนี้เห็นแล้วว่ากลุ่ม นศ.รัฐศาตร์ มอ.ปัตตานี มีการจัดอยู่บ่อยครั้ง แต่บังเอิญเรื่องนี้ มีนักศึกษาบางคนที่นามสกุลตรงกันกับ นักการเมือง จึงไม่แปลก ที่ อาจจะมีใครบางคนได้โยงไปถึงการเมืองใหญ่ไปด้วย
ข้อเสนอถึงเรื่องนี้ ตนเห็นว่า เรื่องนี้ควรจบลงด้วยการทำความเข้าใจกัน จะดีที่สุด โดยเชิญนักศึกษาที่ทำกิจกรรมในวันนั้นกับเจ้าหน้าที่ นำทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยระหว่างกัน โดยมีคนกลางอยู่ด้วยจะเป็น อาจารย์ หรือนักวิชาการ ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย มาชี้แจง ร่วมกัน
เช่น เจ้าหน้าที่ควรชี้แจงให้กับนักศึกษาได้รับทราบว่ากิจกรรมไหน จัดได้ ไม่ได้ อย่างไร เพราะอะไร ผิดกฎหมายข้อไหน ในรายละเอียด ในขอบเขต ตรงไหนทำได้ไม่ได้อย่างไร ทำให้เขายอมรับและเข้าใจ
ส่วนนักศึกษาก็ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ และครั้งต่อไปหากต้องจัดกิจกรรม ควรพิจารณาให้รอบคอบ ควรทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สามารถทำได้ อีกหลายวิธี อีกเยอะแยะ จะทำให้เรื่องนี้จบลงไปด้วยดี ไม่ขยายลุกลามไปเป็นอย่างอื่นตามมาอีก
JJNY : 5in1 ‘เศรษฐา’ไม่เห็นด้วย│‘วิโรจน์’จี้ขนส่งฯ│ห่วงปมเอกราชบานปลาย│ชี้เหลื่อมล้ำแก้ยาก│สงครามยูเครนทำเด็กอยู่ลำบาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4049009
‘เศรษฐา’ ไม่เห็นด้วยซื้อ ส.ส.งูเห่า ย้ำหน้าที่ ส.ส.ต้องยึดโยง ปชช. ชี้ข้อเสนอ 24 มิ.ย.เป็นวันชาติหรือไม่เป็นเรื่องรอง มอง 8 ปีสาหัสมากพอแล้ว
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 26 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท.และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าพรรค พท. โดยให้สัมภาษณ์ว่า มาอัพเดตความคืบหน้าเรื่องการรีแบรนด์พรรคที่จะต้องมาอัพเดตกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนที่จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและประชุม ส.ส.พรรคนั้น ส่วนตัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง และมองว่าอยากให้คำนึงถึงเรื่องปากท้องของประชาชนมากกว่า เพราะขณะนี้ค่อนข้างหนักหนาสาหัส ทั้งค่าครองชีพสูง รายได้ลด รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการเลือกประธานสภา หรือการจับมือฝ่ายประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้านั้น มั่นใจว่าทุกคนรู้ว่าควรทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะพรรคที่เป็นสถาบันการเมืองขนาดใหญ่ที่รู้ว่าจะต้องทำอะไร และต้องยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างมาก
“ย้ำว่าการแข่งขันขณะนี้จบไปแล้ว ไม่มีความเชื่อและไม่เห็นด้วยในเรื่องของการซื้อ ส.ส. ซื้องูเห่า ซึ่ง ส.ส.ถือเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ต้องยึดโยงกับประชาชน เวลาลงสมัครในสนาม สีเสื้อใคร เขาเลือกเรามาในสีเสื้อนั้น เราน่าจะต้องให้เกียรติประชาชน วันนี้ต้องทำงานรับใช้ประชาชนก่อน” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า การโควตข้อความทางทวิตเตอร์ที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอให้วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติ เป็นความหมายของวันรัฐประหารใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า การไม่เอารัฐประหารและไม่เอาเผด็จการมีความสำคัญมากกว่า ส่วนจะเป็นวันหยุดหรือไม่หยุดนั้นเป็นเรื่องรอง ขณะนี้ประเทศไทยพัฒนามาเยอะแล้ว ไม่อยากให้ถอยหลังกลับไปอีก 8 ปีที่ผ่านมาสาหัสพอแล้ว
https://twitter.com/Thavisin/status/1672961749224660992
‘วิโรจน์’ จี้ อธิบดีกรมการขนส่งฯ สอบขบวนการ ตรวจสภาพรถทิพย์ ทำมานานกว่า 10 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4049474
‘วิโรจน์’ จี้ อธิบดีกรมการขนส่งฯ สอบขบวนการตรวจสภาพรถทิพย์ หลังทำมานานกว่า 10 ปี แฉช่างตรวจสภาพฯ รวยเว่อร์ มีเครื่องบินเล็ก
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการรับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการตรวจสภาพรถทิพย์ จ.สกลนคร ว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนขอเรียกร้อง ไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เนื่องจากพื้นที่นี้มีการร้องเรียนหลายครั้ง และเป็นระยะเวลานานแล้วในเรื่องมีกระบวนการตรวจสภาพรถทิพย์ เพราะพื้นที่ โดยในภาพใหญ่ ทุกครั้งที่เราไปออกรถป้ายแดง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ทางดีลเลอร์รถจะบอกว่า เป็นค่าทะเบียนหรือค่าดำเนินการออกรถใหม่ แล้วคนที่ออกรถป้ายแดงก็จะรู้สึกดีใจ ถือเป็นความเฮงๆ เขาเรียกเท่าไรก็เอาเงินไปจ่ายเท่านั้น
แต่ปรากฎว่า บิลค่าใช้จ่ายที่ออกมา มีค่าใช้จ่ายไม่เท่าไร เช่น ภาษีรถยนต์มีค่าธรรมเนียมในการออกรถใหม่แค่ 55 บาท แต่ปรากฎว่าเก็บจริงไปหลายพันบาท เลยตั้งข้อสงสัยว่าเก็บไปให้ใคร เอาไปให้ช่างตรวจสภาพรถ-เจ้าหน้าที่บางคนหรือไม่ เรื่องนี้พัวพันกับใครบ้าง มองว่าไม่ใช่ค่าบริการธรรมดา มิหนำซ้ำเวลาที่ผ่อนหมดแล้ว จะต้องมีการโอนปิดบัญชี ทำให้ต้องมีการโอนชื่อจากไฟแนนซ์มาเป็นเจ้าของรถ
ซึ่งตามจริงต้องจ่าย 105 บาท แต่ปรากฎว่าหลายคนจ่ายไปหลักพันบาท ขึ้นอยู่กับประเภทรถว่าหรูขนาดไหน เกรดอะไร หากเป็นรถหรูจะจ่ายแพง ซึ่งเมื่อสักครู่ได้ตรวจสอบกับกลุ่มไรเดอร์ที่มาร้องเรียนกับพรรคก.ก. พบว่าเป็นเรื่องจริง ผู้เสียหายเข้าใจว่าส่วนหนึ่งเป็นค่าบริการที่ให้ตัวแทนไปดำเนินการแทน หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องพัวพันที่ต้องนำเงินไปให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนบางคนด้วย หรือแม้กระทั่งช่างตรวจสภาพรถ
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด กี่สิบปีแล้ว ขบวนการนี้ใหญ่ขนาดไหนที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน รวมถึงรถป้ายแดงควรมีอีกหรือไม่ เนื่องจากหากปัจจุบันพัฒนาเป็นระบบออนไลน์แล้ว ควรจะเป็นรถป้ายดำโดยทันที สมัยก่อนมีรถป้ายแดงเพื่อรอให้เดินงานธุรการ จึงให้สวมป้ายแดงไปก่อน แต่ในปัจจุบันไม่จำเป็นแล้ว คิดว่าต้องทบทวนกฎระเบียบ ว่ารถที่เพิ่งออกจากโรงงาน จำเป็นต้องตรวจสภาพเพื่ออะไร ไม่จำเป็นต้องตรวจแล้วถูกหรือไม่ ให้ดีลเลอร์หรือศูนย์ขายรถคีย์เข้าระบบไปเลยว่าเลขเครื่องเลขอะไร ตัวถังเป็นเลขอะไร กฎหมายตัวนี้ออกมาเพื่ออะไร ไม่มีใครที่อยากขับรถป้ายแดงไปตรวจตามขนส่งอยู่แล้ว หรือขับรถลูกค้าไปตรวจนอกศูนย์รถ
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากลัวคือรถสวมทะเบียน รถจดประกอบ และรถที่ไปซื้อซาก ที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วเอาเลขคลัสซีไปสวมรอย กับรถที่โจรกรรมมา ตามระเบียบการซื้อรถมือสอง ต้องมีการตรวจสภาพเหมือนกัน แล้วมีระเบียบที่ให้ทางเจ้าหน้าที่หรือช่างตรวจสภาพ มาตรวจนอกสถานที่ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่สอบถามมาเบื้องต้น คือไม่ได้มาตรวจจริง เอาเอกสารพร้อมผลประโยชน์บางอย่างแล้วให้เซ็นชื่อ เหมือนกับตรวจแล้ว เรียกว่า ตรวจทิพย์
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า คนทั่วไปก็เดือดร้อน เนื่องจากรถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกขโมย ตราบใดที่การจดทะเบียนรถมีความหละหลวม ปัญหารถหายก็ยังเกิดขึ้น การโจรกรรมรถก็จะเบ่งบาน ซึ่งตนจะเข้าไปตรวจสอบทั้งหมด พร้อมฝากไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ให้ช่วยขันน็อต และหวังว่าจะได้รับคำตอบ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้งมาเป็นปีแล้ว และหากยังไม่เชื่อ ตนจะเปิดไลน์ให้ดู ว่าทางกรมการขนส่งทางบกพูดคุยอะไรกับผู้เสียหายบ้าง เห็นแล้วตกใจมาก เพราะการตรวจต้องพาช่างออกไปตรวจไม่ใช่พาคนเข้ามาให้เซ็นชื่อ มองว่าเป็นการรีดไถประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้เรื่อง
เมื่อถามว่าช่างที่ตรวจสภาพรถเป็นช่างเอกชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลว่าเป็นช่างตรวจสภาพของรัฐบางคน ยังเหมารวมไม่ได้ จากที่ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่บางคนมีเครื่องบินเล็กเป็นของตัวเอง จึงตั้งข้อสังเกตว่าช่างตรวจสภาพจะมีเครื่องบินเล็กของตัวเองได้อย่างไร มีอพาร์ทเม้นท์ มีรถยนต์หรู มีเงินเดือน 30,000-40,000 บาท ไม่น่าจะมีเครื่องบินเล็กได้ แปลก มีอพาร์ทเม้น เช่า 3-4 ห้อง ควรจะเข้าไปตรวจสอบว่าเขาทำอะไรถึงรวยขนาดนี้
เมื่อถามว่าคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใกล้จะจบลงแล้ว หลังยุบคณะทำงานจะมีการสานต่องานอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการหารือกัน ถึงการร่างนโยบายเพื่อแถลงต่อสภา จะได้เป็นเข็มทิศนำทางในการจัดการกับส่วยและคอร์รัปชันให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่เห็นตรงกันคือการนำเทคโนโลยีมาให้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส
นักวิชาการ ห่วงปมเอกราชบานปลาย แนะควรจบด้วยพูดคุย ด้านนศ.เตรียมทนายสู้คดี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7734091
อาจารย์ม.ราชภัฏยะลา ห่วงปมเอกราชบานปลาย แนะเจ้าหน้าที่คิดให้รอบคอบ อย่าใช้แต่หลักนิติศาสตร์ ทางที่ดีควรจบด้วยพูดคุย ด้านนศ.เตรียมทนายสู้คดี พร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จังหวัดปัตตานี จัดกิจกรรม ในนาม กลุ่มขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ที่ทำแบบสอบถามเรื่อง “สิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเอง” จนเป็นประเด็นข่าวร้อน และเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ กันในวงกว้างขวาง เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายต่างวิตกกังวล ต้องเร่งหาทางออก สร้างความเข้าใจ ให้กับทุกๆฝ่ายให้เร็วที่สุด
โดยเมื่อวันที่เมื่อ 25 มิย. ที่ผ่านมา ทางตำรวจภ.จว.ปัตตานี ตั้งชุดพนักงานสอบสวน ตรวจสอบ พยาน หลักฐาน ตรวจสอบคลิปวิดีโอและส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงทั้งหมด เพื่อที่จะได้ เตรียมการออกหมายเรียก ผู้ที่เข้าข่ายในการทำผิดกฎหมาย กว่า 10 ราย ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีพิเศษ มีความละเอียดอ่อน
โดยทางฝ่ายนศ.ดังกล่าวได้เตรียมตัว เตรียมทนายไว้แล้ว ยืนยันสู้คดี ไม่หนีไปไหน พร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา
ด้าน ดร.ตายูดิน อุสมาน อาจารย์ประจำหลักสูตรการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เปิดเผยว่า ได้ติดตามเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เห็นว่าประเด็นกิจกรรม ประชามติ เอกราชดังกล่าวนั้น เรื่องนี้เป็นกิจกรรมของนักศึกษาที่ทำอยู่ในกรอบรั้วการศึกษา วิชาการ และเป็นวิธีคิด RSD นั้น ในหลายๆประเทศก็ทำกันได้
แต่ประเทศไทย บางครั้ง บางที อาจจะรับไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ส่วนถ้าจะไปถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดนนั้นประเทศไทยเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผิดมาตราที่ 1 ประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้
ก็ยังรู้สึกกังวลเป็นห่วงเด็ก ทีมน้องๆนักศึกษาทั่จัดกิจกรรมในวันนั้น หากทางเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. มองเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขั้นต้องฟ้องร้อง ต้องดำเนินคดีกัน แต่เข้าใจว่าทุกฝ่ายก็ต้องทำตามหน้าที่ ถ้าหากมีการจับควบคุมตัวจริง เด็กๆจะมีปัญหามีผลกระทบและมีมลทิน มีความรู้สึก
อยากให้กอ.รมน.คิดให้รอบคอบ ใช้หลักทางรัฐศาสตร์ด้วย ไม่ใช่ใช้แต่หลักนิติศาสตร์เพียงอย่างเดียว เพราะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน แก้ปัญหามาเป็นสิบๆปีแล้ว กลัวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ถ้าบังเอิญเพื่อนๆเด็กๆที่มีแนวความคิดตรงกันกับพวกเขาหรือญาติพี่น้อง ที่ไม่พอใจ มีความรู้สึกอ่อนไหว อาจจะนำมาซึ่งการรวมกลุ่มเปิดเวทีโจมตี ประท้วง รวมไปถึงอาจจะมีการเดินขบวนอีกได้
ในด้านที่มองว่า จะเอี่ยวนักการเมืองหรือไม่นั้น มีใครหนุนหลังนั้น โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่เกี่ยว เพราะกิจกรรม แบบนี้เห็นแล้วว่ากลุ่ม นศ.รัฐศาตร์ มอ.ปัตตานี มีการจัดอยู่บ่อยครั้ง แต่บังเอิญเรื่องนี้ มีนักศึกษาบางคนที่นามสกุลตรงกันกับ นักการเมือง จึงไม่แปลก ที่ อาจจะมีใครบางคนได้โยงไปถึงการเมืองใหญ่ไปด้วย
ข้อเสนอถึงเรื่องนี้ ตนเห็นว่า เรื่องนี้ควรจบลงด้วยการทำความเข้าใจกัน จะดีที่สุด โดยเชิญนักศึกษาที่ทำกิจกรรมในวันนั้นกับเจ้าหน้าที่ นำทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยระหว่างกัน โดยมีคนกลางอยู่ด้วยจะเป็น อาจารย์ หรือนักวิชาการ ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย มาชี้แจง ร่วมกัน
เช่น เจ้าหน้าที่ควรชี้แจงให้กับนักศึกษาได้รับทราบว่ากิจกรรมไหน จัดได้ ไม่ได้ อย่างไร เพราะอะไร ผิดกฎหมายข้อไหน ในรายละเอียด ในขอบเขต ตรงไหนทำได้ไม่ได้อย่างไร ทำให้เขายอมรับและเข้าใจ
ส่วนนักศึกษาก็ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ และครั้งต่อไปหากต้องจัดกิจกรรม ควรพิจารณาให้รอบคอบ ควรทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สามารถทำได้ อีกหลายวิธี อีกเยอะแยะ จะทำให้เรื่องนี้จบลงไปด้วยดี ไม่ขยายลุกลามไปเป็นอย่างอื่นตามมาอีก