‘สุขุม’ เตือน ‘พท.เสี่ยงหมดตัว’ ถ้าดึงดันปม ‘ประธานสภา’ วอนมีสำนึกเดินตามเกม เลี่ยงเสียงสาปแช่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4042812
‘สุขุม’ เตือนเพื่อไทย ‘เสี่ยงหมดตัว’ หากทำ 8 พรรคร่วมไม่ได้จับมือ แย่งเก้าอี้ประธานสภา กระตุกสำนึก ยอมรับตามเกม ทำเพื่อประชาชน
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา รศ.ดร.
สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง ทางมติชนทีวี ถึงเกมชิงประธานสภา พร้อมอ่านสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ ถึงเวลาถอย
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.
สุขุมกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการยืนยันของกรรมการประสานการจัดตั้งรัฐบาล ว่ายอมให้ตำแหน่งประธานสภา และขอรองประธาน 2 ตำแหน่ง ต้องยอมรับว่าก้าวไกลขาดความมั่นใจ ถ้าประธานสภาจะเป็นคนอื่น วันนี้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ข้อตกลงร่วมกันก็คือให้คุณพิธาเป็นนายกฯ ฉะนั้นเรื่องต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเป็นนายกฯ ของคุณพิธาต้องแน่นอนก่อน
“ความแน่นอนอยู่ตรงที่ใครจะเป็นประธานสภา วันนี้คนดูก็จับตาดูกันอยู่ ความเชื่อของคนมาถึงขั้นที่ว่า ถ้าประธานสภาเป็นเพื่อไทยแสดงว่ามีดีลลับ มันออกอย่างนั้น เมื่อเย็นผมแอบได้ยินคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์พูด คือถ้าประธานสภาไม่ใช่ก้าวไกล โอกาสเป็นนายกฯ ของพิธาก็ยิ่งหายไป” รศ.ดร.
สุขุมกล่าว
รศ.ดร.
สุขุมอธิบายต่อว่า มันอาจจะเป็นความต้องการ ความอยาก ตรงๆ ง่ายๆ แต่ว่าคนมองเป็นเกม ยิ่งถ้าเกิดมีพรรคอื่นเป็นฝ่ายเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เป็นรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน เป็นฝ่ายเสนอชื่อประธานสภาจากพรรคเพื่อไทย แล้วคนนั้นได้ขึ้น ตนว่าฝ่ายที่สนับสนุนหรืออยากเห็นการเมืองไทยเดินไปตามผลการเลือกตั้ง มีปฏิกิริยาแน่นอน
“
จะไปฟรีโหวตไม่ได้ ถ้าแข่งกันเองในพรรคร่วมรัฐบาลโดยใช้ฟรีโหวต ฝ่ายค้านก็จะได้โอกาสที่จะทำให้ 2 พรรคมีปัญหากัน ทางออกคือเพื่อไทยต้องยอม ถ้าเพื่อไทยไม่ยอมก็จัดรัฐบาลไม่ได้ คนจะบอกว่านี่คือเกมของเพื่อไทยที่จะจัดเอง เพื่อไทยจะอ้างอะไรก็แล้วแต่ว่าเป็นเพราะก้าวไกลไม่ยอม ก็เลยจำเป็นต้องไปเอาพลังประชารัฐมาร่วมอะไรก็แล้วแต่ คนจะบอกว่าวางเกมมาตั้งแต่ต้น เพราะรู้อยู่ว่ายังไงก้าวไกลก็รับไม่ได้” รศ.ดร.
สุขุมอธิบาย
รศ.ดร.
สุขุมชี้ว่า การที่ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ยกตัวอย่าง เสนอชื่อขึ้นมาก็ถอนออก จะทำให้เป็นเหตุว่าคนที่ถูกเสนอชื่อ เกิดไม่อยู่ในที่ประชุมขึ้นมาก็ไม่มีใครถอนออก คนจะบอกว่าการไม่อยู่ในที่ประชุม ไม่ถือ หรือว่าเป็นการวางแผนกันแล้ว ก็มองว่ามีการฉ้อฉลเพื่อเปลี่ยนเกมไม่ให้ นาย
พิธาเป็นนายก
“
อาจเป็นผลดีสำหรับเพื่อไทยในแง่ว่าตัวเองได้ตำแหน่งนายกฯ หรือได้เป็นผู้จัดการจัดตั้งรัฐบาล แต่รับรองว่าได้เสียงสาปแช่งจากประชาชนแน่นอน กลัวจะไม่ใช่เสียงสาปแช่งอย่างเดียว อาจเกิดกระบวนการต่อต้านจากประชาชน” รศ.ดร.
สุขุมเผย
รศ.ดร.
สุขุมระบุว่า ถ้าเกิดไม่ยอมจริงๆ ตนว่าก็คงวางเกมไว้แล้วว่าจะหาทางอย่างไรจึงจะสลัดมือที่เคยจับกับก้าวไกล และถ้าเพื่อไทยจับมือกับก้าวไกลไม่ได้ด้วยสาเหตุไม่ได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา คนก็โทษว่าเป็นเพื่อไทยเองที่วางแผน รับรองว่าคนจะไม่มองเพื่อไทยเป็นพรรคอุดมการณ์อีกต่อไป
“
ถ้าอยากให้ชนะใจประชาชน รัฐบาลที่ออกมาต้องรวมตัวกันให้ได้ เสียงของประชาชนที่ออกมาในการโหวตเมื่อวันที่ 14 พฤกษาคม มันชี้อยู่แล้วว่าต้องการให้ใครเป็นนายกฯ ว่าต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล ถ้าเผื่อ 2 พรรคจับมือกันได้ ผมว่าคนก็สรรเสริญทั้ง 2 พรรค” รศ.ดร.
สุขุมกล่าว
รศ.ดร.
สุขุมกล่าวต่อว่า แม้คะแนนห่างกัน 10 เสียง แต่ก็ยังแพ้ เริ่มแรกเพื่อไทยก็ยอมรับว่าแพ้ตามเสียงของประชาชน ตนก็ภาวนาอยู่ว่า ให้เป็นข้อเรียกร้องของเพื่อไทยไปต่อรองเรื่องรัฐมนตรี ถ้าเพื่อไทยยอมก้าวไกลแล้ว หากเกิดข้อถกเถียงเรื่องตำแหน่งรัฐนตรีขึ้นมา ตนว่าควรจะเชียร์เพื่อไทยเหมือนกับว่าเสียสละครั้งนี้แล้ว
“
ผมบอกได้เลยว่าเพื่อไทยเสี่ยงมากงานนี้ ถ้าทำอะไรที่ทำให้การจับมือของ 8 พรรคหายไป เสี่ยงจะเสียความเชื่อถือหมดเนื้อหมดตัว” รศ.ดร.สุขุมกล่าว
รศ.ดร.
สุขุมทิ้งท้ายว่า ตนได้ประเมินไปตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลเร็วกว่ากำหนด เหมือจะยอมรับแล้ว ว่าเกมมันต้องเดินต่อ จะมานั่งรออะไรไม่ได้แล้ว และเชื่อว่ารัฐบาลชุดเก่ายังไม่อยากออกจากตำแหน่ง ไม่เช่นนั้นจะไปเจ้ากี้เจ้าการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอะไรต่อมิอะไรทำไม
“มีเสียงของคนลงคะแนนถึง 75% และผลมันออกมาชัดเจนขนาดนี้ การที่จะไปฉ้อฉล บิดเบือนความต้องการของประชาชน น่ากลัวนะ ประชาชนเขาเชื่อว่าเขาสามารถแสดงพลัง แสดงความต้องการผ่านระบบเลือกตั้งได้ ขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกว่าความต้องการของประชาชนอยู่ตรงไหน
“ผมยังเปลี่ยนเลย เพราะว่าเห็นความต้องการของประชาชนแล้ว คนส่วนใหญ่เขาต้องการ ผมก็ต้องไปด้วย เพราะอยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ประเทศชาติไม่ใช่ของผมคนเดียว อยากขอให้รักชาติน้อยลงมาหน่อย แบ่งให้คนอื่นเขารักบ้าง” รศ.ดร.
สุขุมกล่าว
เต้น เห็นด้วย ประธานสภา เป็นของพรรคอันดับ 1 หวั่นฟรีโหวต เปิดทางขั้วเก่าแทรก
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7728482
เต้น เห็นด้วย ประธานสภา ต้องเป็นของพรรคอันดับ 1 แนะทีมเจรจา 2 พรรคเร่งหาข้อยุติ หวั่นฟรีโหวตทำรัฐบาลเดิมแทรก ชี้หากพท.-ก้าวไกลแตก ชัยชนะประชาชนจะลับหาย
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2566 นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลว่า
สื่อมวลชนถามมาทุกทิศทาง ขอตอบตรงนี้
เรื่องประธานสภา ผมเห็นด้วยกับหลักการของทีมเจรจาพรรคเพื่อไทย คือ ประธานเป็นของพรรคอันดับ 1 หลักคิดคือ คะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คม แล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่
แต่จะให้วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย หรือพี่น้องในพรรคที่เห็นต่าง ผมไม่ทำ เพราะเราเพิ่งผ่านศึกสำคัญ บาดเจ็บมาด้วยกัน และผมเป็นคนหนึ่งในทัพใหญ่ ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา
เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย และจะตั้งได้ 2 พรรคหลักต้องจับมือกัน จะด้วยเหตุใดก็ตามหากนำมาสู่การแตกหักแยกทางถือว่าผิด ซึ่งประชาชนจะตัดสินในที่สุด
คณะเจรจา 2 พรรคต้องหาข้อยุติกันให้ได้ก่อนวันเลือกประธานสภา ถ้าฟรีโหวตฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยกับดัก ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง โดยเพื่อไทย ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะของประชาชนจะลับหาย
ผมคงขัดตา ขัดใจเพื่อนมิตรหลายคนในเรื่องนี้ แต่ด้วยความปรารถนาดี เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันรุ่งเรือง ทุกครั้งพรรคมีเรื่อง ผมก็ไม่เคยถอยหนี
เพื่อไทยอาจได้หรือไม่ได้เก้าอี้ตัวใด แต่ต้องไม่สูญเสียเก้าอี้ในหัวใจประชาชน
https://www.facebook.com/Nattawut.UDD/posts/pfbid02mXfRcYyXH76NBbyUd8Aat8ZffP1QX21hYWMKvsB1dbdzoKuK9GC5nidGUkvCeQHSl
ก้าวไกล จ่อชงกฎหมาย 40ฉบับเข้าสภา ‘พริษฐ์’ ชู 3เปลี่ยน สร้างประเทศที่ดีกว่าเดิม
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7728333
‘ก้าวไกล’ ติวเข้ม ส.ส. วันที่ 2 จัดเวิร์กช็อป ระดมความเห็น ก่อนชงกฎหมาย 40 ฉบับเข้าสภาฯ ‘พริษฐ์’ ชู 3 เปลี่ยน ขับเคลื่อนประเทศ
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ที่สนามกอล์ฟพัฒนาสปอร์ตรีสอร์ท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พรรคก้าวไกล จัดประชุมสัมมนา ส.ส. เป็นวันที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชุมสภาฯ โดยในช่วงเช้าเริ่มด้วยการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) ระดมความคิดเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายก้าวไกลจำนวนกว่า 40 ฉบับ ที่จะยื่นทันทีเมื่อสภาฯ เปิด
นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเสมือนอยู่ในเกมชักเย่อ ในทางหนึ่งเรามีระบบที่ล้าหลัง ที่ไม่อนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ขยายอำนาจของสถาบันและกลไกทางการเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่อีกทางหนึ่งเราก็มีสังคมที่ก้าวหน้า ประชาชนมีความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงสูง สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านผลการเลือกตั้งที่พรรคจากขั้วฝ่ายค้านเดิมได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จนทำให้พรรคการเมืองอันดับ 1 และอันดับ 2 มาจากซีกฝ่ายเดียวกันในสภาชุดที่แล้ว ซึ่งมักไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า เพื่อตอบรับต่อความคาดหวังของประชาชนที่ขึ้นสูงมาก พรรคก้าวไกลต้องมีบทบาทเป็นเหมือนกังหันลม ที่แปรสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า โดยภารกิจหลักในสภาฯ ของพรรค คือ การผลักดันกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย และสร้างความเปลี่ยนแปลงใน 3 ด้าน หรือ 3 เปลี่ยน ได้แก่
1. การเปลี่ยนกฎหมาย คือ การทำให้กฎหมายที่ก้าวหน้าผ่านสภาฯ โดยจำเป็นต้องสร้างการมีส่วนร่วม และร่วมกันผลักดันกับภาคประชาชน
2. การเปลี่ยนความคิด โดยอาศัยกลไกและเวทีสภาฯ ในการรณรงค์ และสื่อสารสาระสำคัญของกฎหมายกับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม และคลายข้อกังวลของผู้เห็นต่าง
และ 3. การเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมือง โดยทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ จากการมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับงานสภาฯ ทั้งในการขับเคลื่อนนโยบายและการให้ความร่วมมือกับกลไกตรวจสอบถ่วงดุล
“
การผลักดันกฎหมายกว่า 40 ฉบับนี้ เป็นเพียงชุดแรกที่จะถูกเสนอโดยผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลในสมัยนี้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างประเทศที่ดีกว่าเดิม” นาย
พริษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ มีการแบ่งกลุ่ม โดยให้ ส.ส.แต่ละคนเลือกประเด็นร่างกฎหมายที่สนใจ เช่น ปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ที่ดิน แรงงาน พร้อมวางแผนงานสำหรับการขับเคลื่อนกฎหมายให้ผ่านสภาฯ ซึ่งส.ส.พรรคก้าวไกลได้แสดงความเห็นอย่างหลากหลาย พิจารณาทั้งด้านความสำคัญและความเห็นที่แตกต่างต่อประเด็นต่างๆ ในร่างกฎหมายนั้น เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานและสื่อสารต่อประชาชน โดยช่วงบ่าย นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงาน อธิบายกระบวนการกฎหมาย และถามตอบข้อสงสัยของ ส.ส. แต่ละคน
หนุ่มแชร์ เกินไปมาก ดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อนซื้อบ้าน 12.9 ล้าน ผ่อนไม่โปะ จ่ายอื้อ 33 ล้านบ.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4043219
หนุ่มแชร์ดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อนซื้อบ้าน 12.9 ล้าน ผ่อนไม่โปะ จ่ายอื้อ 33 ล้านบ.
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ข้อความเพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อบ้านว่า
“
อยากแชร์ให้คนที่กำลังซื้อบ้านตอนนี้ (ดอกขาขึ้น)
เพื่อนผม ซื้อบ้าน ราคา 12,900,000 บาท ผ่อน 30 ปี แบบไม่โปะเลย รวมดอก 33,1xx,xxx บาท (เอกสารนี้ก่อนปรับดอกเบี้ยขึ้นรอบล่าสุด MRR 8.350 %) ธนาคารเอาเปรียบไปไหมครับ ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้น 0.25% #ก็ยังต่ำเตี้ยเลี่ยดินเหมือนเดิม ไม่มีความบาลานซ์กันเลย
สำหรับผม! หยาบๆเลย “ทุเรศมากครับ” และวอนขอ ฝากรัฐบาลชุดต่อไป ควบคุมและแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ประชาชนด้วย ผลกระทบวงกว้างมาก ประเทศนี้จะมีสักกี่คนที่ซื้อบ้านเงินสด ผมบอกได้เลย “ไม่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ก็ #ทุนสีเทา ทั้งนั้น” มีเงินสด 1,000,000 บาททุกวันนี้ซื้อคอนโดยังแทบไม่ได้เลย บ้านเดี่ยวหลังเล็กๆราคาไป 4-5 ล้าน หมดแล้ว
ปล. ถ้าดอกเบี้ยขาขึ้นขนาดนี้น่ะ ประชาชนทำงานไม่ต้องใช้ชีวิตหรอก จ่ายแบงค์จ่ายนายทุนหมด (เกินไปมาก)”
JJNY : 5in1 เตือน‘พท.เสี่ยงหมดตัว’│เต้นเห็นด้วยปธ.สภา│ก้าวไกลจ่อชงกม.│หนุ่มแชร์ดอกเบี้ยขาขึ้น│ประชุมการเงินรับโลกร้อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4042812
‘สุขุม’ เตือนเพื่อไทย ‘เสี่ยงหมดตัว’ หากทำ 8 พรรคร่วมไม่ได้จับมือ แย่งเก้าอี้ประธานสภา กระตุกสำนึก ยอมรับตามเกม ทำเพื่อประชาชน
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง ทางมติชนทีวี ถึงเกมชิงประธานสภา พร้อมอ่านสัญญาณ ‘บิ๊กตู่’ ถึงเวลาถอย
ในตอนหนึ่ง รศ.ดร.สุขุมกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการยืนยันของกรรมการประสานการจัดตั้งรัฐบาล ว่ายอมให้ตำแหน่งประธานสภา และขอรองประธาน 2 ตำแหน่ง ต้องยอมรับว่าก้าวไกลขาดความมั่นใจ ถ้าประธานสภาจะเป็นคนอื่น วันนี้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ข้อตกลงร่วมกันก็คือให้คุณพิธาเป็นนายกฯ ฉะนั้นเรื่องต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเป็นนายกฯ ของคุณพิธาต้องแน่นอนก่อน
“ความแน่นอนอยู่ตรงที่ใครจะเป็นประธานสภา วันนี้คนดูก็จับตาดูกันอยู่ ความเชื่อของคนมาถึงขั้นที่ว่า ถ้าประธานสภาเป็นเพื่อไทยแสดงว่ามีดีลลับ มันออกอย่างนั้น เมื่อเย็นผมแอบได้ยินคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์พูด คือถ้าประธานสภาไม่ใช่ก้าวไกล โอกาสเป็นนายกฯ ของพิธาก็ยิ่งหายไป” รศ.ดร.สุขุมกล่าว
รศ.ดร.สุขุมอธิบายต่อว่า มันอาจจะเป็นความต้องการ ความอยาก ตรงๆ ง่ายๆ แต่ว่าคนมองเป็นเกม ยิ่งถ้าเกิดมีพรรคอื่นเป็นฝ่ายเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เป็นรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน เป็นฝ่ายเสนอชื่อประธานสภาจากพรรคเพื่อไทย แล้วคนนั้นได้ขึ้น ตนว่าฝ่ายที่สนับสนุนหรืออยากเห็นการเมืองไทยเดินไปตามผลการเลือกตั้ง มีปฏิกิริยาแน่นอน
“จะไปฟรีโหวตไม่ได้ ถ้าแข่งกันเองในพรรคร่วมรัฐบาลโดยใช้ฟรีโหวต ฝ่ายค้านก็จะได้โอกาสที่จะทำให้ 2 พรรคมีปัญหากัน ทางออกคือเพื่อไทยต้องยอม ถ้าเพื่อไทยไม่ยอมก็จัดรัฐบาลไม่ได้ คนจะบอกว่านี่คือเกมของเพื่อไทยที่จะจัดเอง เพื่อไทยจะอ้างอะไรก็แล้วแต่ว่าเป็นเพราะก้าวไกลไม่ยอม ก็เลยจำเป็นต้องไปเอาพลังประชารัฐมาร่วมอะไรก็แล้วแต่ คนจะบอกว่าวางเกมมาตั้งแต่ต้น เพราะรู้อยู่ว่ายังไงก้าวไกลก็รับไม่ได้” รศ.ดร.สุขุมอธิบาย
รศ.ดร.สุขุมชี้ว่า การที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ยกตัวอย่าง เสนอชื่อขึ้นมาก็ถอนออก จะทำให้เป็นเหตุว่าคนที่ถูกเสนอชื่อ เกิดไม่อยู่ในที่ประชุมขึ้นมาก็ไม่มีใครถอนออก คนจะบอกว่าการไม่อยู่ในที่ประชุม ไม่ถือ หรือว่าเป็นการวางแผนกันแล้ว ก็มองว่ามีการฉ้อฉลเพื่อเปลี่ยนเกมไม่ให้ นายพิธาเป็นนายก
“อาจเป็นผลดีสำหรับเพื่อไทยในแง่ว่าตัวเองได้ตำแหน่งนายกฯ หรือได้เป็นผู้จัดการจัดตั้งรัฐบาล แต่รับรองว่าได้เสียงสาปแช่งจากประชาชนแน่นอน กลัวจะไม่ใช่เสียงสาปแช่งอย่างเดียว อาจเกิดกระบวนการต่อต้านจากประชาชน” รศ.ดร.สุขุมเผย
รศ.ดร.สุขุมระบุว่า ถ้าเกิดไม่ยอมจริงๆ ตนว่าก็คงวางเกมไว้แล้วว่าจะหาทางอย่างไรจึงจะสลัดมือที่เคยจับกับก้าวไกล และถ้าเพื่อไทยจับมือกับก้าวไกลไม่ได้ด้วยสาเหตุไม่ได้ตำแหน่งประธานรัฐสภา คนก็โทษว่าเป็นเพื่อไทยเองที่วางแผน รับรองว่าคนจะไม่มองเพื่อไทยเป็นพรรคอุดมการณ์อีกต่อไป
“ถ้าอยากให้ชนะใจประชาชน รัฐบาลที่ออกมาต้องรวมตัวกันให้ได้ เสียงของประชาชนที่ออกมาในการโหวตเมื่อวันที่ 14 พฤกษาคม มันชี้อยู่แล้วว่าต้องการให้ใครเป็นนายกฯ ว่าต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล ถ้าเผื่อ 2 พรรคจับมือกันได้ ผมว่าคนก็สรรเสริญทั้ง 2 พรรค” รศ.ดร.สุขุมกล่าว
รศ.ดร.สุขุมกล่าวต่อว่า แม้คะแนนห่างกัน 10 เสียง แต่ก็ยังแพ้ เริ่มแรกเพื่อไทยก็ยอมรับว่าแพ้ตามเสียงของประชาชน ตนก็ภาวนาอยู่ว่า ให้เป็นข้อเรียกร้องของเพื่อไทยไปต่อรองเรื่องรัฐมนตรี ถ้าเพื่อไทยยอมก้าวไกลแล้ว หากเกิดข้อถกเถียงเรื่องตำแหน่งรัฐนตรีขึ้นมา ตนว่าควรจะเชียร์เพื่อไทยเหมือนกับว่าเสียสละครั้งนี้แล้ว
“ผมบอกได้เลยว่าเพื่อไทยเสี่ยงมากงานนี้ ถ้าทำอะไรที่ทำให้การจับมือของ 8 พรรคหายไป เสี่ยงจะเสียความเชื่อถือหมดเนื้อหมดตัว” รศ.ดร.สุขุมกล่าว
รศ.ดร.สุขุมทิ้งท้ายว่า ตนได้ประเมินไปตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลเร็วกว่ากำหนด เหมือจะยอมรับแล้ว ว่าเกมมันต้องเดินต่อ จะมานั่งรออะไรไม่ได้แล้ว และเชื่อว่ารัฐบาลชุดเก่ายังไม่อยากออกจากตำแหน่ง ไม่เช่นนั้นจะไปเจ้ากี้เจ้าการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอะไรต่อมิอะไรทำไม
“มีเสียงของคนลงคะแนนถึง 75% และผลมันออกมาชัดเจนขนาดนี้ การที่จะไปฉ้อฉล บิดเบือนความต้องการของประชาชน น่ากลัวนะ ประชาชนเขาเชื่อว่าเขาสามารถแสดงพลัง แสดงความต้องการผ่านระบบเลือกตั้งได้ ขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกว่าความต้องการของประชาชนอยู่ตรงไหน
“ผมยังเปลี่ยนเลย เพราะว่าเห็นความต้องการของประชาชนแล้ว คนส่วนใหญ่เขาต้องการ ผมก็ต้องไปด้วย เพราะอยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ประเทศชาติไม่ใช่ของผมคนเดียว อยากขอให้รักชาติน้อยลงมาหน่อย แบ่งให้คนอื่นเขารักบ้าง” รศ.ดร.สุขุมกล่าว
เต้น เห็นด้วย ประธานสภา เป็นของพรรคอันดับ 1 หวั่นฟรีโหวต เปิดทางขั้วเก่าแทรก
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7728482
เต้น เห็นด้วย ประธานสภา ต้องเป็นของพรรคอันดับ 1 แนะทีมเจรจา 2 พรรคเร่งหาข้อยุติ หวั่นฟรีโหวตทำรัฐบาลเดิมแทรก ชี้หากพท.-ก้าวไกลแตก ชัยชนะประชาชนจะลับหาย
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลว่า
สื่อมวลชนถามมาทุกทิศทาง ขอตอบตรงนี้
เรื่องประธานสภา ผมเห็นด้วยกับหลักการของทีมเจรจาพรรคเพื่อไทย คือ ประธานเป็นของพรรคอันดับ 1 หลักคิดคือ คะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คม แล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่
แต่จะให้วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย หรือพี่น้องในพรรคที่เห็นต่าง ผมไม่ทำ เพราะเราเพิ่งผ่านศึกสำคัญ บาดเจ็บมาด้วยกัน และผมเป็นคนหนึ่งในทัพใหญ่ ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา
เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย และจะตั้งได้ 2 พรรคหลักต้องจับมือกัน จะด้วยเหตุใดก็ตามหากนำมาสู่การแตกหักแยกทางถือว่าผิด ซึ่งประชาชนจะตัดสินในที่สุด
คณะเจรจา 2 พรรคต้องหาข้อยุติกันให้ได้ก่อนวันเลือกประธานสภา ถ้าฟรีโหวตฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยกับดัก ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง โดยเพื่อไทย ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะของประชาชนจะลับหาย
ผมคงขัดตา ขัดใจเพื่อนมิตรหลายคนในเรื่องนี้ แต่ด้วยความปรารถนาดี เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันรุ่งเรือง ทุกครั้งพรรคมีเรื่อง ผมก็ไม่เคยถอยหนี
เพื่อไทยอาจได้หรือไม่ได้เก้าอี้ตัวใด แต่ต้องไม่สูญเสียเก้าอี้ในหัวใจประชาชน
https://www.facebook.com/Nattawut.UDD/posts/pfbid02mXfRcYyXH76NBbyUd8Aat8ZffP1QX21hYWMKvsB1dbdzoKuK9GC5nidGUkvCeQHSl
ก้าวไกล จ่อชงกฎหมาย 40ฉบับเข้าสภา ‘พริษฐ์’ ชู 3เปลี่ยน สร้างประเทศที่ดีกว่าเดิม
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7728333
‘ก้าวไกล’ ติวเข้ม ส.ส. วันที่ 2 จัดเวิร์กช็อป ระดมความเห็น ก่อนชงกฎหมาย 40 ฉบับเข้าสภาฯ ‘พริษฐ์’ ชู 3 เปลี่ยน ขับเคลื่อนประเทศ
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ที่สนามกอล์ฟพัฒนาสปอร์ตรีสอร์ท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พรรคก้าวไกล จัดประชุมสัมมนา ส.ส. เป็นวันที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชุมสภาฯ โดยในช่วงเช้าเริ่มด้วยการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) ระดมความคิดเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายก้าวไกลจำนวนกว่า 40 ฉบับ ที่จะยื่นทันทีเมื่อสภาฯ เปิด
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเสมือนอยู่ในเกมชักเย่อ ในทางหนึ่งเรามีระบบที่ล้าหลัง ที่ไม่อนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ขยายอำนาจของสถาบันและกลไกทางการเมืองที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่อีกทางหนึ่งเราก็มีสังคมที่ก้าวหน้า ประชาชนมีความคาดหวังการเปลี่ยนแปลงสูง สะท้อนอย่างชัดเจนผ่านผลการเลือกตั้งที่พรรคจากขั้วฝ่ายค้านเดิมได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จนทำให้พรรคการเมืองอันดับ 1 และอันดับ 2 มาจากซีกฝ่ายเดียวกันในสภาชุดที่แล้ว ซึ่งมักไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เพื่อตอบรับต่อความคาดหวังของประชาชนที่ขึ้นสูงมาก พรรคก้าวไกลต้องมีบทบาทเป็นเหมือนกังหันลม ที่แปรสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้เป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า โดยภารกิจหลักในสภาฯ ของพรรค คือ การผลักดันกฎหมายเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย และสร้างความเปลี่ยนแปลงใน 3 ด้าน หรือ 3 เปลี่ยน ได้แก่
1. การเปลี่ยนกฎหมาย คือ การทำให้กฎหมายที่ก้าวหน้าผ่านสภาฯ โดยจำเป็นต้องสร้างการมีส่วนร่วม และร่วมกันผลักดันกับภาคประชาชน
2. การเปลี่ยนความคิด โดยอาศัยกลไกและเวทีสภาฯ ในการรณรงค์ และสื่อสารสาระสำคัญของกฎหมายกับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม และคลายข้อกังวลของผู้เห็นต่าง
และ 3. การเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมือง โดยทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ จากการมีรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับงานสภาฯ ทั้งในการขับเคลื่อนนโยบายและการให้ความร่วมมือกับกลไกตรวจสอบถ่วงดุล
“การผลักดันกฎหมายกว่า 40 ฉบับนี้ เป็นเพียงชุดแรกที่จะถูกเสนอโดยผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกลในสมัยนี้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างประเทศที่ดีกว่าเดิม” นายพริษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ มีการแบ่งกลุ่ม โดยให้ ส.ส.แต่ละคนเลือกประเด็นร่างกฎหมายที่สนใจ เช่น ปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ ที่ดิน แรงงาน พร้อมวางแผนงานสำหรับการขับเคลื่อนกฎหมายให้ผ่านสภาฯ ซึ่งส.ส.พรรคก้าวไกลได้แสดงความเห็นอย่างหลากหลาย พิจารณาทั้งด้านความสำคัญและความเห็นที่แตกต่างต่อประเด็นต่างๆ ในร่างกฎหมายนั้น เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานและสื่อสารต่อประชาชน โดยช่วงบ่าย นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงาน อธิบายกระบวนการกฎหมาย และถามตอบข้อสงสัยของ ส.ส. แต่ละคน
หนุ่มแชร์ เกินไปมาก ดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อนซื้อบ้าน 12.9 ล้าน ผ่อนไม่โปะ จ่ายอื้อ 33 ล้านบ.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4043219
หนุ่มแชร์ดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อนซื้อบ้าน 12.9 ล้าน ผ่อนไม่โปะ จ่ายอื้อ 33 ล้านบ.
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ข้อความเพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อบ้านว่า
“อยากแชร์ให้คนที่กำลังซื้อบ้านตอนนี้ (ดอกขาขึ้น)
เพื่อนผม ซื้อบ้าน ราคา 12,900,000 บาท ผ่อน 30 ปี แบบไม่โปะเลย รวมดอก 33,1xx,xxx บาท (เอกสารนี้ก่อนปรับดอกเบี้ยขึ้นรอบล่าสุด MRR 8.350 %) ธนาคารเอาเปรียบไปไหมครับ ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้น 0.25% #ก็ยังต่ำเตี้ยเลี่ยดินเหมือนเดิม ไม่มีความบาลานซ์กันเลย
สำหรับผม! หยาบๆเลย “ทุเรศมากครับ” และวอนขอ ฝากรัฐบาลชุดต่อไป ควบคุมและแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ประชาชนด้วย ผลกระทบวงกว้างมาก ประเทศนี้จะมีสักกี่คนที่ซื้อบ้านเงินสด ผมบอกได้เลย “ไม่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ก็ #ทุนสีเทา ทั้งนั้น” มีเงินสด 1,000,000 บาททุกวันนี้ซื้อคอนโดยังแทบไม่ได้เลย บ้านเดี่ยวหลังเล็กๆราคาไป 4-5 ล้าน หมดแล้ว
ปล. ถ้าดอกเบี้ยขาขึ้นขนาดนี้น่ะ ประชาชนทำงานไม่ต้องใช้ชีวิตหรอก จ่ายแบงค์จ่ายนายทุนหมด (เกินไปมาก)”