JJNY : 5in1 พรึบหน้าหอศิลป์│‘แท็กซี่’ฝากความหวังพท.│สมชัยแนะร.ร.│หวั่นถ่ายโอนอำนาจไร้สันติ│ท่องเที่ยวเวียดนามโตเร็วกว่า

พรึบหน้าหอศิลป์ กดดัน กกต. โชว์เลขเบิ้ม 33 วัน ทวงผลเลือกตั้ง ผุดโพล ‘ถ้า ส.ว.โหวตสวน’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4032099
 
 
รวมตัวหอศิลป จี้กกต. 33วันผ่านไป ไร้วี่แววรัฐบาลใหม่
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายประชาชนสังเกตการเลือกตั้ง 66 จัดกิจกรรม “ทวงผลเลือกตั้งร่วมกดดัน กกต.” #หยุดขวางทางรัฐบาลประชาชน นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน กลุ่มทะลุฟ้า และ นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ หรือ เป๋า ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยมี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ และ แซน ทะลุฟ้า ร่วมด้วย

บรรยากาศเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักกิจกรรมทะลุฟ้า ทยอยเดินทางมาร่วมตัวที่หน้าหอศิลปฯ โดยมีการตั้งเวทีพร้อมป้ายขนาดใหญ่เขียนข้อความ “ผ่านมาแล้ว 33 วัน กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง”และป้ายข้อความขนาดเล็ก #หยุดขวางทางรัฐบาลประชาชน ติดรอบบริเวณ พร้อมจัดเตรียมโต๊ะและเก้าอี้ สำหรับนั่งฟังการปราศรัย นอกจากนี้ยังมีการปูป้ายไวนิลขนาดใหญ่ให้ประชาชนร่วมเขียนข้อความ อยากฝากอะไรถึงกกต. ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน กระจายกำลังรอบบริเวณ โดยมีตำรวจควบคุมฝูงชน รอบบริเวณสกายวอล์ค
 
นอกจากนี้ยังมีทำโพลสอบถามความคิดเห็นประชาชน ถ้าสว.โหวตสวนเจตจำนงประชาชน เราจะทำอะไร? โดยมีผู้ร่วมแสดงความเห็นอาทิ เช่น นี่คือคำสั่งของประชาชน ตำรวจ-ทหารต้องยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และงบตั้งเยอะทำไมทำงานช้าจังนะสว. ไปจนถึงติดข้อมูลสถิติการรับรองผลเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2544-2562 ซึ่งในปี 2544 รับรองผลเลือกตั้งเพียง 17 วัน ในขนาดที่ปี 2562 รับรองผลเลือกตั้งในไป 45 วัน และสถิติ 5 อันดับ จัดตั้งรัฐบาลได้ “ช้าสุด” หลังเลือกตั้ง เช่นในปี 2481 ประกาศผล 38 วัน และในปี 2562 ประกาศผล 108 วัน
 
บรรยายกาศก่อนเริ่มกิจกรรมมี นายโชคดี ร่มพฤกษ์ กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร ขับขานบทเพลงต่อต้านเผด็จการ ในขณะที่พ่อค้าแม่ค้านำอาหารและสินค้ามาจำหน่าย ร่วมถึงเสื้อยืดและหมวกสัญลักษณ์ของพรรคก้าวไกลและภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาจำหน่าย โดยกลุ่มทะลุฟ้า ตั้งโต๊ะ จำหน่ายส้มตำ ข้าวไข่เจียวและน้ำดื่ม ขณะที่ iLaw ตั้งบูธจำหน่ายหนังสือ สติ๊กเกอร์และเสื้อผ้า
 


แท็กซี่’ ฝากความหวัง พท.เคลียร์สารพัดปัญหา เศรษฐาขอให้มั่นใจ ทุกความเดือดร้อนต้องแก้ไข
https://www.matichon.co.th/politics/news_4032334

‘แท็กซี่’ ฝากความหวัง ‘พรรคเพื่อไทย’ เร่งแก้ปัญหาการประกอบอาชีพ วอนช่วยส่งเสริมสวัสดิการ-หาแนวทางหนุนเปลี่ยนเป็น EV แท็กซี่
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ตัวแทนสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่และตัวแทนผู้ขับแท็กซี่ นำโดย นายวิฑูรย์ แนวพาณิชย์ นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.และที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคและรักษาการโฆษกพรรค และ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรค เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหา
 
ตัวแทนผู้ประกอบการแท็กซี่กล่าวว่า ขอฝากความหวังให้พรรค พท.เมื่อได้เข้าไปเป็นรัฐบาลและแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ที่กลุ่มผู้ประกอบการแท็กซี่ยังมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งเรื่องต้นทุนการประกอบการ ราคาพลังงาน รายได้และค่าโดยสาร สวัสดิการ แนวทางการสนับสนุนให้แท็กซี่เปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า (EV) ในการประกอบอาชีพ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับสนับสนุนการใช้บริหารแท็กซี่และการสนับสนุนระบบสหกรณ์และกองทุนสำหรับผู้ขับแท็กซี่เพื่อดูแลสนับสนุนการประกอบอาชีพ รวมถึงฝากความหวังไว้กับพรรค พท.ในการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ
 
ด้านนายเศรษฐากล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่ทุกท่านได้สะท้อนมาพรรค พท.พร้อมรับฟังและจะนำไปสู่การพิจารณาแก้ไข ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล หากเป็นไปตามที่คาดหวังคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการตั้งคณะรัฐมนตรี หากพรรค พท.รับผิดชอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมก็มั่นใจว่าจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาที่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในวันนี้
 
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า เชื่อว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขในระยะเวลาที่เหมาะสม อาทิ เรื่องการช่วยเหลือเรื่องต้นทุนประกอบการ พลังงาน หรือเรื่องการแข่งขันที่เท่าเทียม ส่วนเรื่องแนวทางสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้า หรือ EV แท็กซี่ ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องทำอยู่แล้ว แต่ปัญหาใดที่ไปเกี่ยวโยงกับหน่วยงานอื่นๆ ด้วย อาจต้องใช้เวลา เช่น เรื่องสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงานด้วย หรือบางเรื่อง เช่น แอพพลิเคชั่นอาจจะยังติดอุปสรรคเรื่องกลไกภาครัฐที่อาจต้องใช้เวลา
  
พรรคเพื่อไทยเตรียมพร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนทุกด้าน โดยบุคลากรและ ส.ส.ของพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลในภาคส่วนต่างๆ แม้เราอาจจะไม่ได้กำกับดูแลหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ก็จะสามารถเสนอเรื่องผ่าน ส.ส.และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้
 
“พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งเรามีประวัติศาสตร์ที่ดีต่อกันมายาวนาน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ให้เกียรติพี่น้องแท็กซี่มาโดยตลอด ดังนั้น ขอให้สบายใจว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน” นายเศรษฐากล่าว
 


สมชัย แนะร.ร.เปิดประตูไว้ ‘หยก’อยากมาเรียนตอนไหนก็เดินเข้าได้-ไม่ต้องปีนรั้ว ย้ำต้องมีเมตตาธรรม
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4033222

สมชัย แนะรร.เปิดประตูไว้ ‘หยก’อยากมาเรียนตอนไหนก็เดินเข้าได้ ไม่ต้องปีนรั้ว วัดผลการเรียนตามปกติ  ย้ำต้องมีเมตตาธรรม
 
สืบเนื่องกรณี น.ส.ธนลภย์ หรือ หยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี โพสต์ข้อความช่วงกลางดึกวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่าถูกไล่ออกจากโรงเรียน โดยก่อนหน้านั้น เจ้าตัวแต่งกายด้วยชุดไปรเวตและย้อมสีผมเข้าเรียน ต่อมา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เผยแพร่แถลงการณ์ชี้แจงว่า หยกไม่ได้มีชื่อเป็นนักเรียนในปีการศึกษา 2566 เนื่องจากไม่ได้มามอบตัวพร้อมผู้ปกครองภายในวันที่กำหนด ในขณะที่โลกออนไลน์มีความเห็นเป็นสองฝ่ายและมีการผุด

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กกรณีนี้ ว่า หากเป็นผู้อำนวยโรงเรียน จะแก้ปัญหาแบบมีเมตตาธรรม ด้วยการเปิดประตูไว้ทั้งวัน อยากมาเรียนตอนไหนก็เดินเข้าได้ ไม่ต้องปีนรั้ว พอไม่ปีนรั้วก็ไม่เป็นข่าว นักข่าวก็คงไม่อยากมาทำข่าวเด็กเดินเข้าโรงเรียนทุกวัน
 
โรงเรียนก็จัดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเรียน ให้เด็กได้เรียนวิชาการ ดีกว่าไปอยู่นอกห้องเรียน จัดการเรียน การสอน การวัดผลเป็นปกติ และแจ้งให้เด็กทราบเรื่องความจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่ได้รับมอบอำนาจมาลงทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ใบรับรองผลการศึกษาเพื่อไปเรียนต่อหรือประกอบอาชีพ ถ้าหากให้เรียนแล้ว เด็กขาดเรียน วัดผลแล้วสอบตกก็ให้เป็นไปตามระบบ หรือเรียนครบปียังไม่มีผู้ปกครองมาลงทะเบียน ก็ออกใบรับรองให้ไม่ได้ ดังนั้น คนเป็นผู้ปกครองปัจจุบันให้ไปหาทางทางกฎหมายให้เป็นผู้ปกครองโดยชอบด้วยกฎหมายด้วย” นายสมชัย กล่าว
 


นักวิชาการ หวั่นถ่ายโอนอำนาจไร้สันติ ทำไทยจะเผชิญหน้าฝนที่ร้อนระอุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4033160

นักวิชาการ หวั่นถ่ายโอนอำนาจไร้สันติ ทำไทยจะเผชิญหน้าฝนที่ร้อนระอุ
 
นักวิชาการ  ชี้การเมืองหลังเลือกตั้งสุดวุ่นวาย “เจษฎ์” ชี้ รัฐบาลตั้งช้าไม่แปลก ยกเคสเยอรมัน-เบลเยียม ใช้เวลากว่า400 วันถึงสำเร็จ ด้าน สิริพรรณ ห่วงถ่ายโอนอำนาจหวั่นไม่สันติ ทำประเทศไทยเผชิญหน้าฝนที่ร้อนระอุ
 
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ สมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง จัดเสวนาวิชาการ เรื่อง “ทิศทางการเมืองไทยภายหลังการเลือกตั้ง ปี 2566” โดยมี ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิพก นักวิชาการทางกฎหมาย ร่วมเสวนา
 
รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่ต้องแปลกใจที่อาจจะล่าช้า เพราะขนาดประเทศเยอรมัน หรือเบลเยียม ยังใช้เวลาถึง 400 กว่าวัน เมื่อเทียบกันแล้วการจัดตั้งรัฐบาลไทยจึงไม่ได้ล่าช้า แต่ที่เป็นปัญหาคือ แม้จะได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่สุดท้าย หากสภาไม่ถึงครึ่งก็อยู่ลำบาก ท้ายที่สุดก็จะเกิดกลไกที่มองว่า ไม่ควรเกิดขึ้นคือ การเข้ามารักษาความสงบแห่งชาติ มันจะทำให้บ้านเมืองลุกลามบานปลาย และจบปลายทางด้วยการรัฐประหาร ดึงพรรคพวกเข้ามาบริหาร
 
ปัญหามากที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล คือ การมี ส.ว. 250 เสียง จะต้องคอยขัดว่า จะต้องให้ได้ 376 เสียง หากไม่มี เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีวันจับมือกับพรรคก้าวไกลเด็ดขาด นี่คือ สิ่งที่อดีต คสช. ได้ทำไว้ เพื่อช่วยเสียงข้างน้อยให้จัดตั้งรัฐบาลได้ และถ้าจะมองถึงขนาดนี้ ก็มองให้ไกลกว่านี้ โดยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปด้วยเลย จะได้ไม่ต้องมีปัญหา หรือจะให้ ส.ว. ร่วมโหวตกฎหมายด้วยเลย ย้ำว่า สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา คือ คสช. “ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
 
ด้าน ศ.ดร. สิริพรรณ กล่าวว่า ทิศทางการเมืองไทยหลังเลือกตั้ง ที่เห็นชัดเจน คือบทบาทของโซเชียลมีเดีย กับการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พบข้อมูลว่า มีคนใช้โซเชียลมีเดีย อย่าง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ทวิตเตอร์ ทั้งหมด 83 ล้านบัญชี และ 84% ของประชากรไทยมีบัญชีโซเชียล เท่ากับอีก 16% ไม่มีบัญชีโซเชียล ซึ่งอาจจะเป็นเด็ก หรือผู้ที่ไม่ได้สนใจการเมือง และสิ่งที่เห็นได้ชัดเป็นอันดับแรก คือการใช้ แฮชแท็กเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมือง และเชิญชวนให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นการกระตุ้นการมีส่วนร่วมทางการเมือง ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลเองก็ใช้โซเชียลมีเดียในการกำหนดนโยบาย แต่สิ่งที่อยากจะพูด คือว่า ผลการใช้โซเชียลมีเดีย อีกด้านหนึ่ง คือ เป็นการสร้างความใกล้ชิด สนิทสนมมากขึ้นกับพรรคการเมือง
 
ศ.ดร. สิริพรรณ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมา คือ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในความเป็นชนบทของไทย แต่เดิมหากเราดูผลการเลือกตั้ง จะเห็นว่า พรรคก้าวไกล สามารถชนะทั้งในเมืองและพื้นที่ชนบท ดังนั้นไม่มีชนบทแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว และเกิดคำถามว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงย้ายขั้วไปเลือกพรรคก้าวไกล และโดยส่วนใหญ่ของผู้ที่ย้ายขั้วคือ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งตนมองว่า เพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือ การตอบคำถามในเชิงเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพในการบริหาร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่