JJNY : 6in1 พิธาเผยตั้งรบ.เป็นไปด้วยดี│ปริญญาคาดทะลุ3ล.│วันชัยย้ำโหวต│กาง 3 สูตรตั้งรบ.│สื่อนอกชี้ลต.ไทย│สลาก5ภาคฝากส.ว.

พิธา เผยจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยดี นัดแถลงพรุ่งนี้ 10 โมง ธนาธร-ปิยบุตร โผล่ร่วมด้วย
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7670117
 
 
พิธา เผยจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยดี นัดแถลงพรุ่งนี้ 10 โมง ธนาธร-ปิยบุตร โผล่ร่วมด้วย ระบุวันนี้มาฉลองชัย จึงชวนมาทานข้าวด้วยเท่านั้น
 
วันที่ 17 พ.ค.2566 แกนนำพรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค เดินทางมาที่ร้าน Chez Miline ถนนสุโขทัย เขตดุสิต กทม. เพื่อพูดคุยหารือการจัดตั้งรัฐบาล กับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค เป็นครั้งแรก
  
จากนั้นเวลา 18.10 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาถึงสถานที่พูดคุยด้วย
 
โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า การที่เดินทางมาวงพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลวันนี้ จะมีประเด็นหรือเนื้อหาอะไรมาพูดคุยเพิ่มเติมหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับตน เป็นเพียงผู้ช่วยหาเสียง วันนี้พวกเขามาฉลองชัย จึงชวนพวกตนมาทานข้าวด้วยเท่านั้น
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำทั้ง 6 พรรคใช้เวลาหารือร่วมกันประมาณ 2 ชั่วโมง โดยการหารือได้เสร็จสิ้นในเวลา 18.00 น. แต่ทางแกนนำพรรคการเมืองที่เข้าร่วมหารือ ไม่มีการแถลงข่าวข้อสรุปการพูดเคยแต่อย่างใด มีเพียงการลงมาให้สื่อมวลชนเก็บภาพหมู่ร่วมกันเท่านั้น โดยนายพิธาพูดเพียงสั้นๆว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และจะนัดแถลงข่าวอย่างเป็นการอีกครั้งในวันที่ 18 พ.ค.เวลา 10.00 น. แต่ยังไม่กำหนดสถานที่



ปริญญา คาดทะลุ 3 ล้าน ร่วมส่งสัญญาณจี้ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ ตามส.ส.ข้างมาก
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7669699

ปริญญา ชวนประชาชน ส่งสัญญาณถึง ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ ตาม ส.ส.เสียงข้างมาก เปรยโหวตมา 2.5 ล้านคนแล้ว คาดทะลุ 3 ล้านคน เตรียมแถลงพรุ่งนี้
 
วันที่ 17 พ.ค.2566 นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ได้ทำโครงการเสียงโหวตของประชาชน โดยโทรศัพท์ 1 เครื่องโหวตได้ 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค. ในประเด็น ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน โดยโหวตเลือกนายกฯ ตามเสียงข้างมากของ ส.ส. ซึ่งผ่านไป 2 วัน มีคนร่วมโหวตแล้ว 2.5 ล้านคน และเชื่อว่าน่าจะทะลุถึง 3 ล้านคน ถือว่ามากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะครั้งที่แล้วสูงสุด คือ 540,000 คน
 
ทั้งนี้ สามารถ สแกน QR Code ทางหน้าจอทีวี หรือกดลิงค์ https://peoplevoiceth.survey.fm/เสียงประชาชน-3 และจะแถลงผลโหวตในวันที่ 18 พ.ค. เวลา 14.00 น. ที่คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 
เมื่อถามว่าการโหวตดังกล่าวจะถือเป็นการกดดัน ส.ว.หรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า เป็นการแสดงออกของประชาชนในวิถีทางอย่างสันติ เป็นการเสนอความเห็นของประชาชนให้ ส.ว.ได้พิจารณา ไม่ใช่การชุมนุมหรือเป็นม็อบ สิ่งนี้เราเรียกว่าประชาธิปไตยโดยตรง โดยประชาชนเป็นเจ้าของประเทศสามารถแสดงออกได้ เพื่อเสนอต่อ ส.ว. อย่างสันติ
 
ทั้งนี้ ตนไม่เห็นด้วยกับการให้ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ แต่เมื่อกติกาเป็นเช่นนี้ การที่ ส.ว.จะงดออกเสียง จะเท่ากับ ส.ว.ไม่รับรอง เสียงข้างมากที่มาจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ เพราะตามกติกา เขียนเอาไว้ให้ ส.ว. มีส่วนร่วมเลือกนายกฯ กับ ส.ส. แต่การงดออกเสียงจะทำให้ ส.ส.เสียงข้างมากยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ โดยจะต้องรวบรวมเสียงถึง 376 เสียง
 
นายปริญญา กล่าวว่า ปกติรัฐบาลที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งไป 20-30 เสียง ก็ตั้งได้แล้ว และเข้มแข็งพอสมควร สามารถผ่านกฎหมายเพื่อผลักดันนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ได้ และเห็นว่าจำนวนเสียง 310 ถือว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ การที่ฝ่ายค้านมีเสียงไม่ถึง 200 เสียง ถือว่าฝ่ายค้านเริ่มอ่อนแอแล้ว
 
ส่วนที่เรียกร้องให้รัฐบาลมีเสียงไปถึง 376 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.นั้น ตนเกรงว่าจะได้รัฐบาลที่เข้มแข็งเกินไปและฝ่ายค้านอ่อนแอเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการถ่วงดุลในระบอบรัฐสภา เพราะการเลือกตั้งรัฐบาลไม่ใช่การแบ่งกระทรวง แต่เอานโยบายที่หาเสียงไว้มาทำงาน ขณะนี้ยังขาดอยู่อีก 66 เสียง จึงต้องติดตามกันต่อไป และหวังว่าเสียงของประชาชนจะเป็นส่วนหนึ่งช่วยทำให้ ส.ว. ช่วยกันฟังเสียงของประชาชน
 



ส.ว.วันชัย ย้ำโหวตให้เสียงข้างมาก ถ้าก้าวไกลไม่ผ่าน ต้องให้คนอื่นตั้งรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7669890

ส.ว.วันชัย ย้ำใครรวมเสียง ส.ส.ข้างมากได้ ก็โหวตคนนั้น ถ้าก้าวไกลไม่ผ่าน ต้องให้คนอื่นตั้งรัฐบาล ลั่นไม่ได้ไล่เป็นฝ่ายค้าน แต่ยึดตามรัฐธรรมนูญ
 
วันที่ 17 พ.ค. 2566 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความย้ำถึงกรณีโหวตนายกรัฐมนตรีว่า 

“จุดยืนไม่เปลี่ยน” 

ขอทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าสิ่งที่โซเชียลเอาไปปะติดปะต่อ จับแพะชนแกะ เหมือนกับผมพูดให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านนั้น แล้วก็เอาคำพูดบางตอนมาตัดต่อขยายความกันไปสารพัด พูดมันส์ปากกันไปเรื่อยเปื่อย
 
ขอยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง เพราะกว่าจะมาถึงข้อความนั้นมันเป็นคำอธิบายว่า ถ้าโหวตแล้วพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นไปตามที่เสียงส่วนใหญ่โหวตให้ แต่ถ้าโหวตแล้วไม่ผ่าน ไม่ได้เป็น ก็ต้องให้คนอื่นเขาจัดตั้งรัฐบาลต่อไป พรรคก้าวไกลก็ไปเป็นฝ่ายค้าน
 
เป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญตามหลักการปกติ เป็นคำอธิบายในหลักการทั่วๆ ไป ไม่ได้ไล่ให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ใส่สีตีไข่ไปกันใหญ่ แล้วการตัดต่อเสียงก็ไม่ได้ตัดมาให้ครบถ้วนมาตั้งแต่ต้น คนก็ไปฟังบางส่วนบางตอนเลยเข้าใจผิดกันไปใหญ่
 
โดยส่วนตัวของผมยืนยันว่า
 
1. ใครรวมเสียงส.ส.ได้ข้างมากก็โหวตให้คนนั้น
2. เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยและตามความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
3. เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
 
จุดยืนนี้ไม่เปลี่ยนแปลงครับ… จบแล้ว… ต่อแต่นี้ขอนั่งสมาธิ สวดมนต์ภาวนาเพื่อความสงบร่มเย็น ณ วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน… มากราบหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชคกันนะครับ สาธุ…
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid09UAJ7CEyCuXe37xREyqxhsqNZZirjEGR7kwJdFQKVZqG4VwfEKFrCwbmvyVvDLFJl&id=100064799223736
 



นักวิชาการกาง 3 สูตรจบดีลตั้งรัฐบาลใหม่ ชี้เสียงข้างน้อยตั้งรบ.โอกาสยาก คาด ‘งูเห่าไม่เอาด้วย’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3985738

นักวิชาการกาง 3 สูตรจบดีลตั้งรัฐบาลใหม่ ชี้เสียงข้องน้อยตั้งรบ.โอกาสยาก คาด ‘งูเห่าไม่เอาด้วย’
 
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า คาดการณ์สูตรปิดดีลจับขั้วการจัดตั้งรัฐบาล ประกอบด้วย 3 สูตร 

1. พรรคก้าวไกล ด้วยการจับขั้วตั้งรัฐบาล 5 พรรค อาทิ พรรคเพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย 308 เสียง พรรคเป็นธรรม อีก 1 เป็น 310 เสียง จำนวนดังกล่าวยังไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาที่จำเป็นต้องมีคะแนนเสียงถึง 376 เสียงขึ้นไป จากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้งหมด 750 คน ซึ่งในกรณีการจัดตั้งได้จะต้องได้เสียงจาก สว. อีกจำนวน 50-60 เสียง ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้และยังมีความเสี่ยงที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะถูกเลือกจาก ส.ว.หรือไม่
 
สูตร 2 คือสูตรไฮบริด 1 คือ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ด้วยเสียง 141 เสียง ซึ่งพรรคจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับเสียงข้างน้อย อาทิ พรรคพลังประชารัฐ ร่วมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนากล้า รวม 183 เสียง จะมีเสียงเพื่อเตรียมจัดตั้งรวมกันอยู่ที่ 324 เสียง และต้องการเสียงจาก ส.ว. อีก 52 เสียง จะเพียงพอต่อ 376 เสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
 
อย่างไรก็ตาม สูตรนี้พรรคเพื่อไทยต้องคิดหนัก เพราะก่อนหน้านี้พรรคได้ให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าจะสนับสนุนพรรคร่วมฝ่ายค้านในการจัดตั้งรัฐบาล  อีกทั้งจะครองสถานะรัฐบาลในอนาคตได้อย่างไร เพราะสูตรนี้ก็มีปัญหาการดำเนินนโยบาย การจัดสรรตำแหน่งกระทรวงต่างๆ จะส่งผลถึงการจัดสรรงบประมาณยากขึ้น

และสูตร 3 อาจมีความเป็นไปได้น้อย คือ การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มีเสียงรวมกันทั้งหมดประมาณไม่ถึง 200 เสียง แต่จะได้คะแนนเสียงจาก ส.ว. อีก 250 เสียง ในการจัดตั้งรัฐบาล แต่สูตรนี้จะมีปัญหาคือ จะบริหารได้อย่างไร เมื่อรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ เพราะตอนจัดตั้งรัฐบาลไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อตั้งรัฐบาลแล้วฝ่ายค้านมีเสียงข้างมาก จะสามารถเปิดสภาฯ เพื่ออภิปรายไม่วางใจเมื่อไรก็ได้ ตรงจุดนี้รัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร ที่สำคัญการเบิกจ่ายงบประมาณ และกฎหมายที่สำคัญๆ จะผ่านได้อย่างไร เพราะรัฐบาลไม่มีเถียรภาพ
 
อีกทั้งสูตรนี้ หากรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะหางูเห่ายากมาก เพราะถ้าต้องการงูเห่าเพียง 20-30 คนยังพอได้ แต่ถ้าต้องการคะแนนมากว่า 250 เสียง ต้องใช้งูเห่าจำนวนมาก ขณะที่งูเห่าก็ต้องคิดว่า หากจะลงเลือกตั้งครั้งหน้าคะแนนเสียงจะมีปัญหาแน่นอน เพราะครั้งนี้ไปร่วมพรรคที่ขัดกับมติประชาชนซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลในสูตร 1-2 และยังไม่อยากคาดการณ์ถึงอุบัติเหตุทางการเมืองที่รุนแรงถึงการรัฐประหาร  เพราะการเมืองขณะนี้เปลี่ยนไปจากเดิมและมีพลังจากโซเชียลมีเดียที่ประชาชนแสดงความคิดเห็นเข้ามามากขึ้น ดังนั้น การลงคะแนนเสียงต่างๆ เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลต้องสอดคล้องกับคะแนนเสียงของประชาชนที่สะท้อนความต้องการในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้” นายสมชาย กล่าว
 
นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การเมืองที่การจัดตั้งรัฐบาล หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนทำให้ต้องเลื่อนการจัดตั้งรัฐบาลออกจากกำหนดการเดิมที่จะจัดตั้งได้ในเดือนสิงหาคม นั้น มองว่าผลกระทบจากการเมืองอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมองว่าระยะเวลาการจัดตั้งที่ล่าช้า และยืดเยื้ออกไปอาจใช้เวลาพียง 1-2 เดือนเท่านั้น
 
ซึ่งอาจจะกระทบต่อการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐส่วนหนึ่ง ซึ่งมองว่ากระทบภาพรวมเศรษฐกิจที่ 1% เนื่องจากระบบเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวตามลำดับจากภาคการท่องเที่ยวที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แม้ภาคการส่งออกจะแผ่วลง อีกทั้งภาคเอกชนยังเดินหน้าทำธุรกิจต่อเนื่อง จึงมองว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีระยะสิ้นสุดในระยะเวลาอันสั้นและจะไม่ใช้เวลายืดยาวเป็นปีในการจัดตั้งรัฐบาล
 
ปัญหาการเมืองไม่ชัดเจนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เพราะโดยรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวด้วยตัวเอง ซึ่งจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีของหน่วยงานต่างๆ ยังอยู่ที่ 3-3.5% แม้จะมีลดลงบ้างในกรอบ 2.5-2.7% มองว่าไม่เป็นผลกระทบรุนแรง

เพราะหากดูโดยรวมเศรษฐกิจไตรมาส 2/2566 เงินจากการเลือกตั้งหมุนเวียนในระบบสูง หากรวมกับไตรมาสอื่นๆ ที่เหลือเชื่อว่าเครื่องยนต์อื่นๆ ยังเดินหน้าต่อและไม่ทำให้เศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังปี 2566 จะหยุดชะงักลง” นายสมชาย กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่