เศรษฐา กร้าว นายกฯ ต้องมาจากเพื่อไทยเท่านั้น ลั่น สองลุง ไม่ได้ร่วม ครม. แน่
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7648718
เศรษฐา กร้าว เลือกเพื่อไทยเป็นแกนหลักตั้งรัฐบาล สองลุง ไม่ได้ร่วม ครม.แน่นอน เย้ยพรรคร่วม รัฐบาลหาเสียงไว้ สมัยนี้ทำไม่ได้ สมัยหน้าก็ทำไม่ได้
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 6 พ.ค. 2566 นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมคณะ เดินทางปราศรัยต่อเวทีที่ 2 ที่โรงเรียนโนนสูงศรีธานี อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เพื่อช่วยนายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 5 เบอร์ 4 โดยมีประชาชนมาฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่
นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า อ.โนนสูง มีส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ พรรคนี้ร่วมรัฐบาลมาสี่ปี ค่าไฟแพง ค่าปุ๋ยแพง อยู่มาสี่ปีมีอำนาจ ถ้าเขาทำได้ก็ทำไปแล้ว ทำไมต้องมาหาเสียงสัญญาว่าจะทำโน่นทำนี่ หากคุณทำไม่ได้ก็อย่าพูด สมัยนี้คุณทำไม่ได้ สมัยหน้าคุณก็ทำไม่ได้ ตนมีความฝันและความหวัง เราคิดใหญ่แต่ไม่ฝันเฟื่อง เรารู้ว่าศักยภาพของพี่น้องจังหวัดนี้เป็นอย่างไร มีหลายเรื่องที่ยังไม่ถูกแก้ไขทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง พื้นที่ชลประทานมีน้อย เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลปัจจุบันไม่ดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร\
นาย
เศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมาวันนี้มาเสนอผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 16 คน ซึ่งได้รับการคัดสรรมาอย่างดี ภายใต้การดูแลของนาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นคนขาใหญ่ใจถึงพึ่งได้กับสมาชิกทุกคน ตนอยากขออ้อนวอนให้พี่น้องเลือกผู้สมัครของพรรคทั้ง 16 คนของพรรคเข้าสู่สภา เพื่อส่งนายประเสริฐให้ไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่
“
อีกแปดวันจะถึงวันเลือกตั้ง รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้ดูแลเอาใจใส่พี่น้องเท่าที่ควร อยู่มาสี่ปีมีรากฐานจากการรัฐประหาร วันนี้เรามาขอคะแนนเสียงให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเราได้คะแนนเสียงส่วนมาก เราจะนำพรรคที่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาล
นายกฯ ต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แน่นอนว่าสองลุงไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทยแน่นอน เรายึดโยงประชาชน ไม่เอารัฐประหาร ความหวังและความฝันที่ผมมีจะเกิดขึ้นไม่ได้ วันที่ 14 พ.ค. ขอให้พี่น้องเดินสองเท้าเลือกผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา ของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้เพื่อไทยมาเป็นผู้นำ นำความเจริญมาสู่ จ.นครราชสีมา อีกครั้ง” นาย
เศรษฐา กล่าว
‘ก้าวไกล’ ไม่ไว้ใจ ชวนปชช.อาสาจับตา กกต. อย่าให้คะแนนถูกปล้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3963531
‘ก้าวไกล’ ไม่ไว้ใจ ชวน ปชช.อาสาจับตา กกต. อย่าให้คะแนนถูกปล้น
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล -Move Forward Party โพสต์ข้อความระบุว่า “ไม่ไว้ใจ กกต. เชิญทางนี้ พรรคก้าวไกล ขอชวนประชาชนและหัวคะแนนธรรมชาติ ร่วมกันเป็นอาสาสมัครเฝ้าหน่วยเลือกตั้งกับภาคประชาชน” เนื่องจากในการเลือกตั้งระเบียบ กกต. ไม่สามารถทำให้พรรคการเมืองส่งอาสาสมัครสังเกตการเลือกตั้งได้สะดวก เพราะต้องลงค่าใช้จ่ายอาสาสมัครทั้งหมดในค่าใช้จ่ายรวมของพรรคการเมือง เราจึงขอความช่วยเหลือผู้รักประชาธิปไตย ร่วมกันปกป้องเสียงของเรา อย่าให้เกิดกรณีบัตรเขย่ง หรือการทุจริตเลือกตั้งอื่นๆ แบบในอดีต มี 3 โครงการ ที่มีระบบที่ดีรองรับ เชื่อถือได้ คือ
1. The Watcher การนับคะแนนคู่ขนานแบบ real-time และรายงานผลเลือกตั้งที่หน่วย ร่วมกับ สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ฯลฯ ตั้งทีมงานอาสาสมัครผ่านปฏิบัติการ “เฝ้าคูหา จับตานับคะแนน” คู่ขนานไปกับการนับคะแนนของ กกต.แบบ real-time
2. ระบบ Vote62 จับตาการนับคะแนนและเก็บหลักฐานผลคะแนน เป็นการรวมตัวกันของภาคประชาชน เพื่อให้สามารถตรวจสอบและทักท้วงการทำงานของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยได้
3. We Watch รายงานความผิดปกติตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งไปจนถึงจบการนับคะแนน โดยกลุ่มภาคประชาชนทำงานด้านการติดตามตรวจสอบการทำงาน กกต.ในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง ถ้าต้องการเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม พวกเราต้องปกป้องทุกคะแนนเสียงของพวกเรา ไม่ให้ชัยชนะที่อยู่ตรงหน้า ถูกปล้นไปในโค้งสุดท้าย
กกต.อำนาจเจริญ รับมีร้องจริง โกงเลือกตั้งล่วงหน้า หลังชูวิทย์แฉ สั่งจับตาขนคนใช้สิทธิ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3963763
อำนาจเจริญ – กกต.อำนาจเจริญ รับมีร้องจริง โกงเลือกตั้งล่วงหน้า หลังชูวิทย์แฉ ยันไม่ถึง 500 คนราย สั่งจับตาขนคนใช้สิทธิ 7 พฤษภาคมนี้
จากกรณีที่ นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง ได้โพสต์ “
อำนาจเจริญโมเดล” โกงเลือกตั้ง โดยอ้างสายลับรายงานว่า จะมีการเกณฑ์ชาวบ้านลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า 7 พฤษภาคมนี้ เป็นหมื่นคน โดยเฉพาะใน เขต 1 เขต 2 โดยจ้าง อสม.คนละ 5,000 บาท ไล่เก็บบัตรประชาชนจากชาวบ้าน แล้วเอาไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าสวมสิทธิทางออนไลน์นั้น
ล่าสุด (6 พ.ค.) นาย
นวัต บุญศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต. จังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ขอชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงว่า การลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ผู้มีสิทธิลงคะแนน นอกเขต และต่างจังหวัดต่างประเทศ จำนวน 23,300 คน ส่วนในตัวจังหวัดมีผู้มาแจ้งรายชื่อจะเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวน 7,259 คน รวมผู้แจ้งจำนวนจะลงคะแนนล่วงหน้านอกเขตและอยู่ต่างประเทศจำนวน 22,300 คน รวมจะใช้สิทธิล่วงหน้าเป็น 30,559 คน ส่วนผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้นในจังหวัดอำนาจเจริญ 301,354 คน
ส่วนข่าวที่ว่ามีการซื้อเสียง จะมีการขนคนมาลงคะแนนในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้นั้น นายนวัตกล่าวว่า ตนก็เฝ้าระวังอยู่ ส่วนกระแสข่าวว่า มีคนมาร้องเรียน 400-500 คนนั้นไม่เป็นความจริง มีคนมาร้องเรียนไม่ถึงขนาดนั้น แต่ทาง กกต.ก็มีการสอบสวนไว้แล้ว ซึ่งจะสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป รวมถึงการซื้อหัวคะแนนเป็นเงิน 4,000-5,000 บาทนั้น ทาง กกต.ก็จะทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ที่มีผู้แจ้งความจำนงไว้แล้ว ทั้งเขต 1 และเขตที่ 2 จำนวน 7,259 คน จะมาใช้สิทธิเต็ม 100% อย่างแน่นอน และจะเฝ้าระวังตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งล่วงหน้าในครั้งนี้
"กรุงเทพโพล" เผย ผลสำรวจ ส่องเป๋าตังผู้ปกครองรับเปิดเทอม 38.5% มีสภาพคล่องแย่กว่าปีก่อน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/346817
(6 พ.ค.) กรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยสภาพคล่องทางการเงินของพ่อแม่และผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมปีนี้ โดยได้ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง "
เปิดเทอมนี้ พ่อแม่เตรียมเงินในกระเป๋าพร้อมหรือยัง" เก็บข้อมูลจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพ่อแม่และผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,040 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 49.9 ระบุว่า มีพอๆกับปีที่แล้ว รองลงมา 38.5% ระบุว่า แย่กว่าปีที่แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 11.6% ระบุว่าดีกว่าปีที่แล้ว
โดยส่วนใหญ่ 50.1% เตรียมเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการศึกษาของบุตร/หลาน จากเงินที่แบ่งไว้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่แล้ว รองลงมา 35.2% ระบุว่า ใช้เงินประหยัดกว่าช่วงปกติ เพื่อมีเงินพอกับค่าใช้จ่าย และ 26.9% ระบุว่ารอเงินเดือนล่าสุดออก
สำหรับวงเงินสำหรับซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ (ไม่รวมค่าเทอม) ของบุตร/หลานนั้น ส่วนใหญ่ 52.6% เตรียมไว้ 1,000-3,000 บาท รองลงมา 34.8% เตรียมไว้ 3,001-6,000 บาท และ 7.1 ระบุว่าเตรียมไว้มากกว่า 9,000 บาท
ส่วนเรื่องกังวลเกี่ยวกับบุตรหลานในเทอมนี้ ส่วนใหญ่ 70.4 ระบุว่าเป็นเรื่องการแพร่เชื้อโควิด-19 ในโรงเรียน รองลงมา 33.5% ระบุว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุจากการเดินทาง/โดนลูกหลง และ 32.7 ระบุว่าเป็นเรื่องการคบเพื่อนไม่ดี
สิ่งที่คาดหวังจากระบบการศึกษาไทยมากที่สุด 17.7% คือ ให้ปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยเด็กสามารถนำไปใช้ได้จริง คิดวิเคราะห์ได้ รองลงมา 11.8% คือ เน้นการสอนภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้ใช้ได้จริงมากขึ้น และ 11.2% ระบุว่า ให้การอบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นคนดีของสังคม ไม่ติดอบายมุข
JJNY : 5in1 เศรษฐาลั่นสองลุงไม่ได้ร่วม│‘ก้าวไกล’ไม่ไว้ใจ│กกต.รับมีร้องจริง│เป๋าตังเปิดเทอมสภาพคล่องแย่│ร้านกาแฟจำใจขึ้น
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7648718
เศรษฐา กร้าว เลือกเพื่อไทยเป็นแกนหลักตั้งรัฐบาล สองลุง ไม่ได้ร่วม ครม.แน่นอน เย้ยพรรคร่วม รัฐบาลหาเสียงไว้ สมัยนี้ทำไม่ได้ สมัยหน้าก็ทำไม่ได้
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 6 พ.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมคณะ เดินทางปราศรัยต่อเวทีที่ 2 ที่โรงเรียนโนนสูงศรีธานี อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เพื่อช่วยนายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 5 เบอร์ 4 โดยมีประชาชนมาฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า อ.โนนสูง มีส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ พรรคนี้ร่วมรัฐบาลมาสี่ปี ค่าไฟแพง ค่าปุ๋ยแพง อยู่มาสี่ปีมีอำนาจ ถ้าเขาทำได้ก็ทำไปแล้ว ทำไมต้องมาหาเสียงสัญญาว่าจะทำโน่นทำนี่ หากคุณทำไม่ได้ก็อย่าพูด สมัยนี้คุณทำไม่ได้ สมัยหน้าคุณก็ทำไม่ได้ ตนมีความฝันและความหวัง เราคิดใหญ่แต่ไม่ฝันเฟื่อง เรารู้ว่าศักยภาพของพี่น้องจังหวัดนี้เป็นอย่างไร มีหลายเรื่องที่ยังไม่ถูกแก้ไขทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง พื้นที่ชลประทานมีน้อย เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลปัจจุบันไม่ดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร\
นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมาวันนี้มาเสนอผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 16 คน ซึ่งได้รับการคัดสรรมาอย่างดี ภายใต้การดูแลของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นคนขาใหญ่ใจถึงพึ่งได้กับสมาชิกทุกคน ตนอยากขออ้อนวอนให้พี่น้องเลือกผู้สมัครของพรรคทั้ง 16 คนของพรรคเข้าสู่สภา เพื่อส่งนายประเสริฐให้ไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่
“อีกแปดวันจะถึงวันเลือกตั้ง รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้ดูแลเอาใจใส่พี่น้องเท่าที่ควร อยู่มาสี่ปีมีรากฐานจากการรัฐประหาร วันนี้เรามาขอคะแนนเสียงให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเราได้คะแนนเสียงส่วนมาก เราจะนำพรรคที่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาล
นายกฯ ต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แน่นอนว่าสองลุงไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทยแน่นอน เรายึดโยงประชาชน ไม่เอารัฐประหาร ความหวังและความฝันที่ผมมีจะเกิดขึ้นไม่ได้ วันที่ 14 พ.ค. ขอให้พี่น้องเดินสองเท้าเลือกผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา ของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้เพื่อไทยมาเป็นผู้นำ นำความเจริญมาสู่ จ.นครราชสีมา อีกครั้ง” นายเศรษฐา กล่าว
‘ก้าวไกล’ ไม่ไว้ใจ ชวนปชช.อาสาจับตา กกต. อย่าให้คะแนนถูกปล้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3963531
‘ก้าวไกล’ ไม่ไว้ใจ ชวน ปชช.อาสาจับตา กกต. อย่าให้คะแนนถูกปล้น
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล -Move Forward Party โพสต์ข้อความระบุว่า “ไม่ไว้ใจ กกต. เชิญทางนี้ พรรคก้าวไกล ขอชวนประชาชนและหัวคะแนนธรรมชาติ ร่วมกันเป็นอาสาสมัครเฝ้าหน่วยเลือกตั้งกับภาคประชาชน” เนื่องจากในการเลือกตั้งระเบียบ กกต. ไม่สามารถทำให้พรรคการเมืองส่งอาสาสมัครสังเกตการเลือกตั้งได้สะดวก เพราะต้องลงค่าใช้จ่ายอาสาสมัครทั้งหมดในค่าใช้จ่ายรวมของพรรคการเมือง เราจึงขอความช่วยเหลือผู้รักประชาธิปไตย ร่วมกันปกป้องเสียงของเรา อย่าให้เกิดกรณีบัตรเขย่ง หรือการทุจริตเลือกตั้งอื่นๆ แบบในอดีต มี 3 โครงการ ที่มีระบบที่ดีรองรับ เชื่อถือได้ คือ
1. The Watcher การนับคะแนนคู่ขนานแบบ real-time และรายงานผลเลือกตั้งที่หน่วย ร่วมกับ สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ฯลฯ ตั้งทีมงานอาสาสมัครผ่านปฏิบัติการ “เฝ้าคูหา จับตานับคะแนน” คู่ขนานไปกับการนับคะแนนของ กกต.แบบ real-time
2. ระบบ Vote62 จับตาการนับคะแนนและเก็บหลักฐานผลคะแนน เป็นการรวมตัวกันของภาคประชาชน เพื่อให้สามารถตรวจสอบและทักท้วงการทำงานของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยได้
3. We Watch รายงานความผิดปกติตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งไปจนถึงจบการนับคะแนน โดยกลุ่มภาคประชาชนทำงานด้านการติดตามตรวจสอบการทำงาน กกต.ในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง ในวันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง ถ้าต้องการเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม พวกเราต้องปกป้องทุกคะแนนเสียงของพวกเรา ไม่ให้ชัยชนะที่อยู่ตรงหน้า ถูกปล้นไปในโค้งสุดท้าย
กกต.อำนาจเจริญ รับมีร้องจริง โกงเลือกตั้งล่วงหน้า หลังชูวิทย์แฉ สั่งจับตาขนคนใช้สิทธิ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3963763
อำนาจเจริญ – กกต.อำนาจเจริญ รับมีร้องจริง โกงเลือกตั้งล่วงหน้า หลังชูวิทย์แฉ ยันไม่ถึง 500 คนราย สั่งจับตาขนคนใช้สิทธิ 7 พฤษภาคมนี้
จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง ได้โพสต์ “อำนาจเจริญโมเดล” โกงเลือกตั้ง โดยอ้างสายลับรายงานว่า จะมีการเกณฑ์ชาวบ้านลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า 7 พฤษภาคมนี้ เป็นหมื่นคน โดยเฉพาะใน เขต 1 เขต 2 โดยจ้าง อสม.คนละ 5,000 บาท ไล่เก็บบัตรประชาชนจากชาวบ้าน แล้วเอาไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าสวมสิทธิทางออนไลน์นั้น
ล่าสุด (6 พ.ค.) นายนวัต บุญศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กกต. จังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ขอชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงว่า การลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ผู้มีสิทธิลงคะแนน นอกเขต และต่างจังหวัดต่างประเทศ จำนวน 23,300 คน ส่วนในตัวจังหวัดมีผู้มาแจ้งรายชื่อจะเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวน 7,259 คน รวมผู้แจ้งจำนวนจะลงคะแนนล่วงหน้านอกเขตและอยู่ต่างประเทศจำนวน 22,300 คน รวมจะใช้สิทธิล่วงหน้าเป็น 30,559 คน ส่วนผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้นในจังหวัดอำนาจเจริญ 301,354 คน
ส่วนข่าวที่ว่ามีการซื้อเสียง จะมีการขนคนมาลงคะแนนในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้นั้น นายนวัตกล่าวว่า ตนก็เฝ้าระวังอยู่ ส่วนกระแสข่าวว่า มีคนมาร้องเรียน 400-500 คนนั้นไม่เป็นความจริง มีคนมาร้องเรียนไม่ถึงขนาดนั้น แต่ทาง กกต.ก็มีการสอบสวนไว้แล้ว ซึ่งจะสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป รวมถึงการซื้อหัวคะแนนเป็นเงิน 4,000-5,000 บาทนั้น ทาง กกต.ก็จะทำการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ที่มีผู้แจ้งความจำนงไว้แล้ว ทั้งเขต 1 และเขตที่ 2 จำนวน 7,259 คน จะมาใช้สิทธิเต็ม 100% อย่างแน่นอน และจะเฝ้าระวังตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งล่วงหน้าในครั้งนี้
"กรุงเทพโพล" เผย ผลสำรวจ ส่องเป๋าตังผู้ปกครองรับเปิดเทอม 38.5% มีสภาพคล่องแย่กว่าปีก่อน
https://ch3plus.com/news/economy/morning/346817
(6 พ.ค.) กรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยสภาพคล่องทางการเงินของพ่อแม่และผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมปีนี้ โดยได้ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง "เปิดเทอมนี้ พ่อแม่เตรียมเงินในกระเป๋าพร้อมหรือยัง" เก็บข้อมูลจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพ่อแม่และผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,040 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 49.9 ระบุว่า มีพอๆกับปีที่แล้ว รองลงมา 38.5% ระบุว่า แย่กว่าปีที่แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 11.6% ระบุว่าดีกว่าปีที่แล้ว
โดยส่วนใหญ่ 50.1% เตรียมเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับการศึกษาของบุตร/หลาน จากเงินที่แบ่งไว้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่แล้ว รองลงมา 35.2% ระบุว่า ใช้เงินประหยัดกว่าช่วงปกติ เพื่อมีเงินพอกับค่าใช้จ่าย และ 26.9% ระบุว่ารอเงินเดือนล่าสุดออก
สำหรับวงเงินสำหรับซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ (ไม่รวมค่าเทอม) ของบุตร/หลานนั้น ส่วนใหญ่ 52.6% เตรียมไว้ 1,000-3,000 บาท รองลงมา 34.8% เตรียมไว้ 3,001-6,000 บาท และ 7.1 ระบุว่าเตรียมไว้มากกว่า 9,000 บาท
ส่วนเรื่องกังวลเกี่ยวกับบุตรหลานในเทอมนี้ ส่วนใหญ่ 70.4 ระบุว่าเป็นเรื่องการแพร่เชื้อโควิด-19 ในโรงเรียน รองลงมา 33.5% ระบุว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุจากการเดินทาง/โดนลูกหลง และ 32.7 ระบุว่าเป็นเรื่องการคบเพื่อนไม่ดี
สิ่งที่คาดหวังจากระบบการศึกษาไทยมากที่สุด 17.7% คือ ให้ปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยเด็กสามารถนำไปใช้ได้จริง คิดวิเคราะห์ได้ รองลงมา 11.8% คือ เน้นการสอนภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้ใช้ได้จริงมากขึ้น และ 11.2% ระบุว่า ให้การอบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นคนดีของสังคม ไม่ติดอบายมุข