อย่าปฏิบัติธรรม (นั่งสมาธิ-วิปัสสนา) ด้วยความอยาก
อยาก…..ได้ฌานขั้นโน้น ขั้นนี้
อยาก……ได้อภิญญา
อยาก……ได้ญาณเพื่อละกิเลส
อยาก…….เจริญก้าวหน้าในทางธรรม
เวลาเริ่มนั่งสมาธิ ให้ทิ้งความอยากให้หมด ปล่อยใจสบายๆ จิตจะเป็นสมาธิหรือไม่ก็ไม่เป็นไร มีสติระลึกกับลมหายใจเข้า-ออก รู้ลมเข้า รู้ลมออก รู้ลมสั้น รู้ลมยาว หรือ สติอยู่กับคำภาวนาพุทโธก็พอ ไม่ต้องไปคิดอะไรนอกจากนี้ แค่เรานั่งสมาธิก็เป็นบุญใหญ่แล้ว ไม่ต้องไปอยากได้อะไร…..
เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิก็จะเกิดสภาวะธรรม เช่น ปีติ สุข เอกัคตา (จิตตั้งมั่น) เองอันนี้เป็นผลจากมีสติอยู่กับกรรมฐาน
บางท่านอ่านตำรามาเยอะ ผสมกับความอยากเจริญก้าวหน้าในทางธรรม เพราะสัญญาจากการอ่านผสมกับความความอยากเจริญก้าวหน้าในทางธรรม วิภวตัณหาก็สร้างสมาธิปลอม ฌานเทียม (วิปัสสนูปกิเลส) ขึ้นมาหลอกเจ้าของ….ว่าได้ฌานโน้น ฌานนี้ บรรลุญาณโน้น ญาณนี้ เกิดจากความอยากและสัญญา จิตจึงสร้างมาหลอกเจ้าของนั่นแหละ
ภาวนาอย่าให้เป็นภาวนึก เพราะวิภวตัณหาก็สร้างสมาธิปลอม ฌานเทียม (วิปัสสนูปกิเลส) ขึ้นได้เช่นกัน
ภาวนาอย่าให้เป็นภาวนึก เพราะวิภวตัณหาก็สร้างสมาธิปลอม ฌานเทียม (วิปัสสนูปกิเลส) ขึ้นได้เช่นกัน
อยาก…..ได้ฌานขั้นโน้น ขั้นนี้
อยาก……ได้อภิญญา
อยาก……ได้ญาณเพื่อละกิเลส
อยาก…….เจริญก้าวหน้าในทางธรรม
เวลาเริ่มนั่งสมาธิ ให้ทิ้งความอยากให้หมด ปล่อยใจสบายๆ จิตจะเป็นสมาธิหรือไม่ก็ไม่เป็นไร มีสติระลึกกับลมหายใจเข้า-ออก รู้ลมเข้า รู้ลมออก รู้ลมสั้น รู้ลมยาว หรือ สติอยู่กับคำภาวนาพุทโธก็พอ ไม่ต้องไปคิดอะไรนอกจากนี้ แค่เรานั่งสมาธิก็เป็นบุญใหญ่แล้ว ไม่ต้องไปอยากได้อะไร…..
เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิก็จะเกิดสภาวะธรรม เช่น ปีติ สุข เอกัคตา (จิตตั้งมั่น) เองอันนี้เป็นผลจากมีสติอยู่กับกรรมฐาน
บางท่านอ่านตำรามาเยอะ ผสมกับความอยากเจริญก้าวหน้าในทางธรรม เพราะสัญญาจากการอ่านผสมกับความความอยากเจริญก้าวหน้าในทางธรรม วิภวตัณหาก็สร้างสมาธิปลอม ฌานเทียม (วิปัสสนูปกิเลส) ขึ้นมาหลอกเจ้าของ….ว่าได้ฌานโน้น ฌานนี้ บรรลุญาณโน้น ญาณนี้ เกิดจากความอยากและสัญญา จิตจึงสร้างมาหลอกเจ้าของนั่นแหละ
ภาวนาอย่าให้เป็นภาวนึก เพราะวิภวตัณหาก็สร้างสมาธิปลอม ฌานเทียม (วิปัสสนูปกิเลส) ขึ้นได้เช่นกัน