การน้อมจิต ทำได้อย่างไร

การน้อมจิตคืออะไร 
             การน้อมจิต ก็คือการ ถ่ายโอนข้อมูลจากจิต ไปสู่ญาณ  เพื่อให้เกิดวิปัสสนาญาณ

              แล้ววิปัสสนาญาณ คืออะไร ก็คือการเห็นข้อมูลที่จิตน้อมไปสู่ ญาณ

             การน้อมจิต จะเป็นขั้นตอนที่สอง ที่ต่อจากการ ภาวนาด้วยวิธีสติปัฏฐานสี่

             ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม สำหรับมือใหม่ อันที่จริงผมก็มือใหม่ สำหรับมือเก่า ที่ใครไม่เห็นด้วยก็บอกวิธีท่านมาครับ
ยกตัวอย่าง 

             ขั้นตอนที่ 1 เช่นสมมุติ เราภาวนาด้วยวิธี อานาปานสติ หายใจออก มีสติ หายใจเข้ามีสติ  ตามด้วย การรู้สึกตัว หรือเรียกว่า สัมปชัญญะ เช่น รู้ว่า ลมหายใจนั้น สั้นหรือยาว รู้ว่า นั่งภาวนาตรงนี้  เมื่อ จิตมีสติกับลมหายใจไปเรื่อย คู่กับ การรู้สึกตัว รู้ลมสั้น รู้ลมยาว  อันนี้ จะเป็นการยกตัวผู้รู้ให้เด่นขึ้นมาอยู่สองตัว คือ สติ เป็นตัวผู้รู้คือจิต  ส่วน สัมปชัญญะ คือตัวผู้รู้คือญาณ ซึ่ง สัมปชัญญะ ที่ต่อเนื่องพอก็จะกลายไปเป็นญาณ  
             เมื่อขั้นตอนแรก นั้น มีมากพอ อุปมาหมายถึง เหล็กที่เผาจนร้อนได้ที่ ต่อมาก็จะนำไปตีขึ้นรูป เข้าสู่การน้อมจิต

               ขั้นตอนที่ 2 การน้อมจิต  ก็คือการเอาจิตมาพิจารณา เช่นความเป็นอนัตตาของขันธ์ห้า ก็เรียกว่า อนัตตสัญญา เป็นต้น ยกตัวอย่างในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้า สอนสาวก พระองค์ตรัสถาม สาวกว่า ขันธ์ห้าเที่ยงไหม สาวกก็ตอบไม่เที่ยงพระเจ้าข้า ถามไปช้าๆ เรื่อยๆ โดยขณะที่ถามสาวกก็มีสติ สัมปชัญญะที่พร้อม จิตก็ก็น้อมตาม  เมื่อจิตพิจารณาไปเรื่อยๆ ขณะที่ สัมปชัญญะ แน่นพอ ก็จะเกิดวิปัสสนาญาณได้

                 ผมอธิบายคร่าวๆ เพราะการน้อมจิต มิได้บอกกันตรงๆ  การที่ท่านให้เราเอาจิตไปพิจารณาความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ของขันธ์ห้า ในขณะที่ ต้องมีสัมปชัญญะที่แน่นพอ ก็จะเกิดวิปัสสนาญาณได้ 

              อุปมา คนสองคน คนหนึ่งชื่อจิต คนหนึ่งชื่อญาณ โดยที่นายจิตเป็นประธาน เป็นใหญ่ แต่เมื่อสองคนนี้ไปไหนต้องไปด้วยกัน  วันหนึ่ง นายจิต ต้องการให้นายญาณรู้จักสัตว์ที่ชื่อว่าควายก็เลยพานายญาณไปหา  สัตว์ตัวที่เรียกว่าควาย  พอไปถึง นายจิต ก็ปลุก นายญาณให้ตื่นๆ เบิกตากว้าง พอนายญาณ ตื่นเบิกตากว้าง นาย จิตก็พูดด้วยเสียงอันดังว่า ไอ้ตัวนี้เขาเรียกว่าควาย  นายญาณได้ยินดังนั้น นายญาณก็รู้จักควาย  ตั้งแต่วันนั้น นายญาณก็รู้จักควาย ถ้าครั้งนี้นาญาณยังไม่รุ้จักก็พามาทำแบบนี้อีกหลายรอบจนกว่านายญาณจะรู้จักควาย

                  พระอรหันต์นาคเกษม อุปมาการตรัสรู้ธรรม ว่า เหมือนการส่องไฟดูตัวเลขในที่มืด  เมื่อเห็นตัวเลขแล้วครั้งเดียวก็พอ ไม่ต้องส่องไฟอีก  ก็คือเมื่อพระอรหันต์บรรลุธรรมครั้งเดียวก็จบเลยไม่ต้องมานั่งภาวนาอีกก็ได้  พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว สิ่งที่ต้องทำจบแล้ว ประมาณนั้น
 
               ผมมานึกถึงผมเคยฟังหลวงพ่อ ป .ปลา ท่านอธิบาย ว่า การดูที่จิตให้เป็นอนัตตา ดูให้เห็นว่า มันคิดของมันเองได้ มันทำงานได้เอง จิตจึงเป็นแค่ วัตถุชนิดหนึ่งไม่ใช่ เรา ถูกเลยครับ มันเป็นการน้อมจิต ชัดๆ เพียงแต่ท่านไม่บอกเราว่านี่คือการน้อมจิต การพิจารณาจิต อย่างนั้น ตัวสัมปชัญญะ ต้องแน่นพอ ถึงจะมีโอกาสบรรลุธรรม และจิตต้องมีสมาธิพอไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อย ตั้งหมั้นที่ลมหายใจนั้นแหละครับ

                 ในพระสูตร กล่าวว่า เมื่อผู้ที่ได้ฌาน เมื่อออกจากฌานให้พิจารณาว่า แม้แต่ฌานก็ไม่เที่ยง  ผมเข้าใจว่า ขณะ ที่ได้ฌาน ณ ตอนนั้น คงเกิดญาณ พร้อมฌาน  จิตที่ได้ฌาน จะมีอำนาจในการอธิฐานสูง เมื่อออกฌาน แล้ว พิจารณา ไปด้วย โอกาสที่ตัวญาณจะได้รับรู้ไปด้วยก็สูง ก็จะมีโอกาส บรรลุธรรมได้

                       ในสติปัฏฐาน สี่ พระพุทธเจ้ารับประกันว่า ถ้าทำต่อเนื่อง เจ็ดปี ได้บรรลุธรรมแน่นอน  อันนี้ ถ้าเราทำถูกวิธี คือต้องมี สติ และสัมปชัญญะ อย่างต่อเนื่อง ถึงไม่ต่อเนื่องก็ใกล้เคียง  บางท่านไม่ให้ความสำคัญ สัมปชัญญะ เท่าไหร่ อันที่จริง การมีแต่จิตตั้งมั่นแล้ว ไม่มีสัมปชัญญะ ก็ไม่บรรลุธรรม หรือมีแต่สัมปชัญญะ ไม่มีจิตตั้งมั่น ก็ไม่บรรลุธรรม
                อุปมา เหมือน ต้องมีคนพาไปดูควาย และคนดูควาย  ด้วย จึงจะสำเร็จในการดูควาย

                ในสติปัฏฐาน ฐานที่สี่ คือ ธรรมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน นั้น ถ้าเราไม่ผ่าน ฐานกาย พุ่งตรงไปที่ฐานที่สี่เลย ก็ไม่น่าจะได้  บทบัญญัติ เขา เรียงตามความถูกต้องแล้ว ฐานธรรมมานุปัสสนา นั้น จะเป็นการพิจารณา ในขณะที่มีสติ และสัมปชัญญะ มากพอ ฐานนี้ก็คือ การน้อมจิตชัดๆเลย
 
                      สุดท้าย  จิตเป็นตัวทำให้เกิด(เหตุการณ์)  ญาณ เป็นตัวเห็น(เห็นด้วยญาณ)  เมื่อญาณรู้ความจริง จิตจึงแล่นเข้าสู่สภาวะ ปราศจากกิเลส (แล่นเข้าสู่สภาวะนิพพาน) รู้ว่า ชาติสิ้นแล้ว การเวียนว่ายตายเกิดอยู่จบแล้ว

                     บรรลุธรรมครั้งแรก ตัดกิเลสสังโยชน์ได้สามเส้น เป็นพระโสดาบันบุคคล ขึ้นรถไฟที่แล่นออกไปจากวัฏสงสาร โบกี่สุดท้าย  โบกมือบ้ายบาย

                      คงไม่ง่ายนักที่จะบรรลุธรรม มันยากอย่างไร วันหน้าจะมาคุยต่อถ้าวันนี้ไม่โดนกระหน่ำ ส่วนใหญ่มาไม่เคยมีคนกดไลท์เลย

ขอบคุณที่อ่านครับ ยินดีกับการคอมเม้นท์  และการแนะนำครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่