“ความว่างที่แท้จริง” นั้นมันก็ไม่ได้ “สว่างขึ้น” เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และ “ความว่าง” ก็ไม่ได้ “มืดลง” เมื่อพระอาทิตย์ตก ความสว่างและความมืดย่อมสับเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
แต่ธรรมชาติของความว่างนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง “จิต” ของ “พุทธ” และของิ “สัตว์โลก” ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น
มีแต่ “จิตหนึ่ง” เท่านั้นและไม่มีสิ่งอื่นใดแม้แต่อนุภาคเดียว ที่จะ “อิงอาศัย” ได้ เพราะ “จิต” นั้นเองคือ “พุทธ”
“จิตหนึ่ง”... “สิ่งนี้” ไม่ใช่เป็นฝ่าย “นามธรรม” หรือ ฝ่าย “รูปธรรม” มันไม่มีที่ตั้งเฉพาะ ไม่มีรูปร่าง และไม่อาจจะหายไปไหนได้เลย
“จิตหนึ่ง” ไม่ใช่จิตซึ่งเป็น “ความคิดปรุงแต่ง” ... “สิ่งนี้” อยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง
เพียงแต่สามารถทำ “ความเข้าใจ” ใน “จิต” ของเราเองได้สำเร็จ แล้ว “ค้นพบธรรมชาติอันแท้จริง” ของเราเองได้ ด้วย “ความเข้าใจ” อันนี้เท่านั้น ก็จะเป็นที่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรที่พวกเราจำเป็นที่จะต้อง “แสวงหา” แม้แต่อย่างใดเลย
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
“จิตหนึ่ง”ไม่ใช่เป็นฝ่าย “นามธรรม” หรือ ฝ่าย “รูปธรรม” มันไม่มีที่ตั้งเฉพาะ ไม่มีรูปร่างและไม่อาจจะหายไปไหน
แต่ธรรมชาติของความว่างนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง “จิต” ของ “พุทธ” และของิ “สัตว์โลก” ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น
มีแต่ “จิตหนึ่ง” เท่านั้นและไม่มีสิ่งอื่นใดแม้แต่อนุภาคเดียว ที่จะ “อิงอาศัย” ได้ เพราะ “จิต” นั้นเองคือ “พุทธ”
“จิตหนึ่ง”... “สิ่งนี้” ไม่ใช่เป็นฝ่าย “นามธรรม” หรือ ฝ่าย “รูปธรรม” มันไม่มีที่ตั้งเฉพาะ ไม่มีรูปร่าง และไม่อาจจะหายไปไหนได้เลย
“จิตหนึ่ง” ไม่ใช่จิตซึ่งเป็น “ความคิดปรุงแต่ง” ... “สิ่งนี้” อยู่ต่างหาก ปราศจากการเกี่ยวข้องกับรูปธรรมโดยสิ้นเชิง
เพียงแต่สามารถทำ “ความเข้าใจ” ใน “จิต” ของเราเองได้สำเร็จ แล้ว “ค้นพบธรรมชาติอันแท้จริง” ของเราเองได้ ด้วย “ความเข้าใจ” อันนี้เท่านั้น ก็จะเป็นที่แน่นอนว่า ไม่มีอะไรที่พวกเราจำเป็นที่จะต้อง “แสวงหา” แม้แต่อย่างใดเลย
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์