วงเสวนาสภาที่ 3 ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง ต้นเหตุไฟฟ้าแพง
https://prachatai.com/journal/2023/04/103775
วงเสวนาสภาที่ 3 ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง ทั้งที่ไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% ต้นเหตุเก็บค่าไฟแพงเพื่อใช้หนี้ เสนอ’ โซลาร์รูฟ’ ให้ประชาชนผลิตและขายไฟให้รัฐแก้ปัญหาค่าไฟราคา 'รสนา โตสิตระกูล' เตรียมผุดแคมเปญ ‘ทะลุแดด’ ให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ได้ 'วีระ สมความคิด' ล็อกเป้านายทุนพลังงาน กร้าวจะไม่ปล่อยให้ลอยนวลอีกต่อไป
สภาที่ 3 (The Third Council Speaks) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566 สภาที่ 3 ร่วมกับ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 จัดเวที "
สภาที่สาม - The Third Council Speaks วาระประเทศไทย เรื่อง พลังงาน ค่าไฟฟ้าแพง น้ำมันแพง ประชาชนทุกข์ทรมาน รับกรรมถ้วนหน้า" มีการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live สภาที่ 3 ผู้ร่วมอภิปราย ประกอบด้วย นาย
อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 , นางสาว
รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ท(ผศ.)
ประสาท มีแต้ม กรรมการนโยบายด้านบริการสาธารณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมแลกเปลี่ยนรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ คือ พันโทแพทย์หญิง
กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี จากเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.), นาย
วีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)
นางสาว
รสนา กล่าวว่าค่าไฟฟ้าที่แพง เกิดจาก
1. ต้นทุนเชื้อเพลิงคือ ก๊าซ LNG เป็นหลักซึ่งต้องนำเข้า เนื่องจากเเหล่งก๊าซในอ่าวไทยลดลง
2. การซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลจากเอกชนระยะยาว 25 ปีและในราคาที่แพงกว่าที่ กฟผ.นำมาขายให้ กฟน.และ กฟภ.ในสัดส่วนถึง 70% ผลิตเองเพียง 30% เท่านั้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองหรือไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% สูงขึ้นจากปีที่แล้วที่มีไฟฟ้าล้นเกิน 54% โดยที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 3-9 บาทต่อหน่วย แต่กฟผ.นำมาขายส่งให้ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 2.75 บาท ต่อหน่วย ทั้งที่หาก กฟผ.ผลิตไฟฟ้าเองประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าถูกกว่านี้ แต่ปัจจุบัน กฟผ.ผลิตเพียง 30% เท่านั้นและตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ลดกำลังผลิตได้ถึง 25 % ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนที่รัฐบาลทำสัญญานั้นไม่ว่าจะได้ผลิตหรือไม่ แต่รัฐบาลก็ต้องจ่าย "
ค่าความพร้อมจ่าย" จึงเกิดหนี้สินราว 40,000 ล้านบาทและอีก 100,000 ล้านบาทจากการซื้อไฟฟ้ามาในราคาแพงแต่ขายในราคาถูก รวมแล้ว กฟผ.มีหนี้ประมาณ 150,000 ล้านบาท และกลายมาเป็นค่า FT ในแต่ละงวด ส่วนการหาเสียงของนักการเมืองที่จะลดค่าไฟฟ้านั้นก็เป็นการยืดเวลาการใช้หนี้ของกฟผ.ออกไปเท่านั้นและยังจะทำให้ค่าไฟขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆอยู่อีก
“
เมื่อซื้อแพงแต่ขายถูกจึงเกิดหนี้สะสม ที่สำคัญคือ กฟผ.และประชาชนคือผู้แบบรับต้นทุนราคาแพงดังกล่าว ส่วนเอกชนได้กำไร ซึ่งเกิดจากการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งจะมีโรงไฟฟ้าเอกชนที่เซ็นสัญญาไปแล้วเพิ่มเข้ามาในระบบอีก และตามสัญญารัฐบาลยังต้องจ่าย "ค่าพร้อมจ่าย" ให้กับเอกชนแม้ว่าไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าก็ตาม ส่วนที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ประกาศจะลดค่าไฟฟ้าลงเป็นระยะเวลา 4 เดือนคือ จากเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 แต่จากนั้นก็จะขึ้นค่าไฟฟ้าต่อเนื่องไปอีก ไม่เช่นนั้น กฟผ.ก็จะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ และนโยบายลักษณะที่ซื้อของแพงแต่ขายถูกไม่มีใครทำกันดังนั้นประเด็นนี้จึงมีข้อกังขาเรื่องการวิ่งเต้นหรือทุจริตด้วย”
นางสาว
รสนา เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าเเพงว่า กำลังคิดแคมเปญภายใต้คอนเซ็ป "
ทะลุแดด" ให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากแสงแดด เพราะภาครัฐอ้างว่าจะสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน แต่ให้สิทธิ์เอกชนผูกขาด ไม่ยอมให้ประชาชนทำ ดังนั้น ต้องผลักดันการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือการติดตั้ง Solar roof ซึ่งตัวเองใช้ที่บ้าน พบว่า ประหยัดค่าไฟได้ถึง 2 ใน 3 หรือราว 65% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีทุนเพียงพอ ส่วนผู้มีรายได้น้อย ต้องกดดันภาครัฐให้ดำเนินการติดตั้งหรือสนับสนุนงบประมาณ โดยแต่ละครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้บ้านและส่วนเกินที่ใช้ก็ขายไฟฟ้าผ่ารระบบเป็นการคืนค่าลงทุนให้ภารรัฐได้
ด้าน ผศ.
ประสาท กล่าวว่าประเทศไทยต้องพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานพร้อมนำเสนอรายจ่ายค่าพลังงานตั้งแต่ 2550 ของไทย คือ 15 ปีผ่านมา พบว่าเพิ่มขึ้นตลอด ค่าพลังงานโดยรวมอยู่ที่ "
2.54 ล้านล้านบาท" ในจำนวนนี้ค่าไฟฟ้าราว 820,000 ล้าน บาท ทั้งที่ไม่ต้องไปพึ่งพาพลังงานหรือซื้อจากต่างประเทศเพราะประเทศไทยมีพลังงานแสงอาทิตย์เหมาะสม นอกจากนี้ปี 2565 ไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรอง 62% และอัตราการใช้ประโยชน์จริงหรือโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้ามีเพียง 35 - 41% เท่านั้นทั่งที่ตามหลักสากลใน 1 ปีต้องเดินเครื่อง 85-90% หรือใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่ไทยซื้อโรงไฟฟ้ามาไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ เหมือนซื้อ Texi มาจอดไว้เฉยๆ จึงขาดทุนและมีหนี้สินดังกล่าว
ผศ.
ประสาท เสนอการให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าเองและยังเหลือขายให้ภาครัฐได้ผ่าน solar roof ซึ่งยืนยันว่ามีความพร้อมและไม่มีปัญหาทางด้านเศรษฐศาสตร์และด้านเทคโนโลยี ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีต้นทุนหรือราคาถูกที่สุดในโลกแต่รัฐบาลไม่ยอมให้ประชาชนทำเท่านั้นเอง และถ้าภาครัฐลงทุนเพิ่มอีก 20% คือ 1% ของ GDP จะได้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 200%-300% กลายเป็น ซุปเปอร์พาวเวอร์ คือ มีพลังงานเหลือเฟือที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกรวมทั้งสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วย ที่สำคัญจะเป็นพลังงานในอนาคตขณะที่โรงไฟฟ้าที่ลงทุนไว้มหาศาลก็จะกลายเป็นแค่ขยะเพราะจะตกรุ่นหรือถูกดิสรัปชันไป
พ.ท. แพทย์หญิง
กมลพรรณ กล่าวว่าปัญหาไฟฟ้าราคาแพงสืบเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค "
รัฐบาลชวน หลีกภัย" ที่มีการแปรรูปโรงไฟฟ้าจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นความฉ้อฉลและเป็นการฉลาดแกมโกง และมองว่าหลายๆ รัฐบาลไม่ได้มีความจริงใจในการปกครองบ้านเมือง เพราะคิดจะทำอะไรหรือออกกติกาอะไรก็ได้คล้ายกับโจรปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นมาหลายรัฐบาลแล้ว อีกทั้งบทบาทของคนในสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ทุนไปศึกษาเล่าเรียนแต่ก็กลับมาแอบปล้นทรัพย์สินของประเทศผ่านนโยบายแปรรูปต่างๆ ซึ่งมักจะอ้างเรื่องความคล่องตัวของการบริหารงานและการลดภาระของรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลสนับสนุนการก่อสร้างหรือดำเนินโครงการต่างๆ เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินก็ตกเป็นของเอกชน แล้วต่อสัญญาใหม่ ถือเป็นการ "
กินเงียบ" และนำเรื่องฟ้องร้องศาลประชาชนก็ไม่เคยชนะในคดีลักษณะนี้
พ.ท.แพทย์หญิง
กมลพรรณ มองว่าที่เกิดปัญหาค่าไฟแพงขึ้นจากกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากลต่างๆปัญหาเกิดจากประชาชนอ่อนแอ ภาคประชาชนหรือ NGO รวมถึงนักกฎหมายก็อ่อนแอ หรือ กินกล้วย คือรับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเมื่อเกิดปัญหาจึงเงียบ ไม่ยอมออกมาเรียกร้อง ส่วนทางออกนั้น ยืนยันว่า มีข้อเสนอที่ก้าวหน้าจำนวนมากทั้งจากตัวเองและภาคประชาชนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องกองทุนพลังงาน เรื่องพลังงานสะอาด รวมถึงนโยบายไฟฟ้าเสรีที่บางพระการเมืองนำเสนอแม้ยังขาดเรื่องนโยบายกองทุนพลังงานก็ตาม แต่ไม่สามารถผลักดันได้เนื่องจากปัญหาข้างต้นคือภาคประชาชนอ่อนแอและภาคส่วนอื่นๆไม่ได้ออกมาผลักดันการแก้ปัญหาตามที่ควรจะเป็น
นาย
วีระ ระบุว่าปัจจุบันข้อมูลสาเหตุที่ไฟฟ้ามีราคาแพงถูกเปิดเผยจนประชาชนเห็นชัดแล้ว หลังจากเริ่มตั้งคำถามจากการเจอปัญหาด้วยตัวเองขณะที่ฝ่ายการเมืองก็เริ่มโหนหรือหาเสียง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่ยังอยู่ในอำนาจรัฐสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าถูกได้แต่ไม่ยอมดำเนินการ กลับหาเสียงว่าจะลดค่าไฟฟ้าหากได้เป็นรัฐบาลอีกสมัยหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นจึงหวังการแก้ปัญหานี้ในฝ่ายการเมืองได้ยาก
นาย
วีระ ยังเสนอการจัดการกับนายทุนที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าราคาแพงซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งได้ขอคิดไว้แล้วแต่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ เพราะเห็นว่าจะปล่อยให้นายทุนลอยนวลไม่ได้เนื่องจากเป็นตัวดีที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนเงินทุนให้แทบทุกภาคการเมือง พร้อมย้ำว่าต้องช่วยกันตีแผ่ปัญหาและเมื่อมีมาตรการหรือความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนทุกคนควรร่วมมือกัน
เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์ ขอโอกาสเลือกเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7624788
เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์ ขอโอกาสเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน “เต้น” แซะ “บิ๊กป้อม” เลิกเขียน จม.รบกวนชาวบ้าน แขวะไว้ใจไม่ได้พร้อมโดดยึดเก้าอี้นายกฯ
เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่จ.เพชรบูรณ์ นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวน้าครอบครัวเพื่อไทย ฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค นาย
สุทิน คลังแสง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. และนาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
พร้อมผู้สมัครส.ส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 เขต ได้แก่ นาย
สุทัศน์ จันทร์แสงศรี เขต 1 เบอร์ 5 นาย
ชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล เขต 2 เบอร์ 8 นาย
จำเนียร โฉมงาม เขต 3 เบอร์ 1 นาย
ทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เขต 4 เบอร์ 7 นาย
สุประวีย์ อนรรฆพันธ์ เขต 5 เบอร์ 7 และนาย
เกรียงไกร ปานสีทอง เขต 6 เบอร์ 5 รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย พรรคพท.มาร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ ที่รร.วิทยานุกูลนารี อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยจนเต็มพื้นที่
นาย
เศรษฐา ปราศรัยว่า ขอขอบคุณจากใจจริงที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและจริงใจ วันนี้ตนและทีมงานมีความตั้งใจจริงว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้อง 8 ปีที่ผ่านมาไม่ไหว ต้องพอแล้ว วันนี้โซเชียลมีเดียพูดถึงมากเรื่องค่าไฟแพง ทำให้รายจ่ายพี่น้องสูงขึ้นอย่างน่ากลัว พท.รับไม่ได้ ปัญหาเชื้อเพลิงพลังงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะบริหารจัดการค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมัน ราคาน้ำมันดีเซลต้องต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร พรรคร่วมรัฐบาหาเสียงมากมายว่าจะทำอย่างไรให้ราคาพลังงานลด แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลอยู่ ถ้าทำเป็น ทำได้ ทำไมไม่ทำ ถึงเวลาแล้วที่ต้องการมีการเปลี่ยนแปลง 8 ปีที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่มีความสามารถ ถึงเวลาที่พรรคพท.ต้องเข้ามาบริหารจัดการเรื่องนี้
นาย
เศรษฐา ปราศรัยต่อว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนผู้บริหารประเทศเพื่อให้พี่น้องอยู่ดีกินดี พรรคพท.จะทำให้รายได้สุทธิพี่น้องสูงขึ้น ภายใน 4 ปีเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว เพราะเราคิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้ ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่พรรคคู่แข่งพูดถึง กระแนะกระแหนว่าเป็นนโยบายที่ทำไม่ได้ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคพท.เรานำเสนอนโยบายอะไร เราทำได้ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ดังนั้นนโยบายนี้เงินถึงมือพี่น้องแน่นอน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่พี่น้องสะท้อนมาทุกพื้นที่ ยาบ้าราคาถูก หาซื้อง่ายกว่าขนม ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ ต้องเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยซึ่งไม่ใช่คนผิด คนผิดคือคนค้ายาซึ่งกลัวการยึดทรัพย์ กฎหมายปัจจุบันไม่เอื้อให้ยึดทรัพย์โดยเร็ว พรรคพท.จะเร่งรัดนโยบายยึดทรัพย์ให้ได้โดยเร็ว ถ้านายกฯ มาจากพรรคพท.จะบริหารจัดการยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากพี่น้องประชาชน
JJNY : ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง│เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์│‘สมชัย’ชี้ กกต.เจอคุกแน่│"หมอธีระ" อัปเดตสถานการณ์โควิด XBB.1.16
https://prachatai.com/journal/2023/04/103775
วงเสวนาสภาที่ 3 ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง ทั้งที่ไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% ต้นเหตุเก็บค่าไฟแพงเพื่อใช้หนี้ เสนอ’ โซลาร์รูฟ’ ให้ประชาชนผลิตและขายไฟให้รัฐแก้ปัญหาค่าไฟราคา 'รสนา โตสิตระกูล' เตรียมผุดแคมเปญ ‘ทะลุแดด’ ให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ได้ 'วีระ สมความคิด' ล็อกเป้านายทุนพลังงาน กร้าวจะไม่ปล่อยให้ลอยนวลอีกต่อไป
สภาที่ 3 (The Third Council Speaks) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566 สภาที่ 3 ร่วมกับ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 จัดเวที "สภาที่สาม - The Third Council Speaks วาระประเทศไทย เรื่อง พลังงาน ค่าไฟฟ้าแพง น้ำมันแพง ประชาชนทุกข์ทรมาน รับกรรมถ้วนหน้า" มีการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live สภาที่ 3 ผู้ร่วมอภิปราย ประกอบด้วย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 , นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ท(ผศ.) ประสาท มีแต้ม กรรมการนโยบายด้านบริการสาธารณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมแลกเปลี่ยนรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ คือ พันโทแพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี จากเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.), นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)
นางสาวรสนา กล่าวว่าค่าไฟฟ้าที่แพง เกิดจาก
1. ต้นทุนเชื้อเพลิงคือ ก๊าซ LNG เป็นหลักซึ่งต้องนำเข้า เนื่องจากเเหล่งก๊าซในอ่าวไทยลดลง
2. การซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลจากเอกชนระยะยาว 25 ปีและในราคาที่แพงกว่าที่ กฟผ.นำมาขายให้ กฟน.และ กฟภ.ในสัดส่วนถึง 70% ผลิตเองเพียง 30% เท่านั้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองหรือไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% สูงขึ้นจากปีที่แล้วที่มีไฟฟ้าล้นเกิน 54% โดยที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 3-9 บาทต่อหน่วย แต่กฟผ.นำมาขายส่งให้ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 2.75 บาท ต่อหน่วย ทั้งที่หาก กฟผ.ผลิตไฟฟ้าเองประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าถูกกว่านี้ แต่ปัจจุบัน กฟผ.ผลิตเพียง 30% เท่านั้นและตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ลดกำลังผลิตได้ถึง 25 % ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนที่รัฐบาลทำสัญญานั้นไม่ว่าจะได้ผลิตหรือไม่ แต่รัฐบาลก็ต้องจ่าย "ค่าความพร้อมจ่าย" จึงเกิดหนี้สินราว 40,000 ล้านบาทและอีก 100,000 ล้านบาทจากการซื้อไฟฟ้ามาในราคาแพงแต่ขายในราคาถูก รวมแล้ว กฟผ.มีหนี้ประมาณ 150,000 ล้านบาท และกลายมาเป็นค่า FT ในแต่ละงวด ส่วนการหาเสียงของนักการเมืองที่จะลดค่าไฟฟ้านั้นก็เป็นการยืดเวลาการใช้หนี้ของกฟผ.ออกไปเท่านั้นและยังจะทำให้ค่าไฟขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆอยู่อีก
“เมื่อซื้อแพงแต่ขายถูกจึงเกิดหนี้สะสม ที่สำคัญคือ กฟผ.และประชาชนคือผู้แบบรับต้นทุนราคาแพงดังกล่าว ส่วนเอกชนได้กำไร ซึ่งเกิดจากการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งจะมีโรงไฟฟ้าเอกชนที่เซ็นสัญญาไปแล้วเพิ่มเข้ามาในระบบอีก และตามสัญญารัฐบาลยังต้องจ่าย "ค่าพร้อมจ่าย" ให้กับเอกชนแม้ว่าไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าก็ตาม ส่วนที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ประกาศจะลดค่าไฟฟ้าลงเป็นระยะเวลา 4 เดือนคือ จากเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 แต่จากนั้นก็จะขึ้นค่าไฟฟ้าต่อเนื่องไปอีก ไม่เช่นนั้น กฟผ.ก็จะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ และนโยบายลักษณะที่ซื้อของแพงแต่ขายถูกไม่มีใครทำกันดังนั้นประเด็นนี้จึงมีข้อกังขาเรื่องการวิ่งเต้นหรือทุจริตด้วย”
นางสาวรสนา เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าเเพงว่า กำลังคิดแคมเปญภายใต้คอนเซ็ป "ทะลุแดด" ให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากแสงแดด เพราะภาครัฐอ้างว่าจะสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน แต่ให้สิทธิ์เอกชนผูกขาด ไม่ยอมให้ประชาชนทำ ดังนั้น ต้องผลักดันการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือการติดตั้ง Solar roof ซึ่งตัวเองใช้ที่บ้าน พบว่า ประหยัดค่าไฟได้ถึง 2 ใน 3 หรือราว 65% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีทุนเพียงพอ ส่วนผู้มีรายได้น้อย ต้องกดดันภาครัฐให้ดำเนินการติดตั้งหรือสนับสนุนงบประมาณ โดยแต่ละครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้บ้านและส่วนเกินที่ใช้ก็ขายไฟฟ้าผ่ารระบบเป็นการคืนค่าลงทุนให้ภารรัฐได้
ด้าน ผศ.ประสาท กล่าวว่าประเทศไทยต้องพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานพร้อมนำเสนอรายจ่ายค่าพลังงานตั้งแต่ 2550 ของไทย คือ 15 ปีผ่านมา พบว่าเพิ่มขึ้นตลอด ค่าพลังงานโดยรวมอยู่ที่ "2.54 ล้านล้านบาท" ในจำนวนนี้ค่าไฟฟ้าราว 820,000 ล้าน บาท ทั้งที่ไม่ต้องไปพึ่งพาพลังงานหรือซื้อจากต่างประเทศเพราะประเทศไทยมีพลังงานแสงอาทิตย์เหมาะสม นอกจากนี้ปี 2565 ไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรอง 62% และอัตราการใช้ประโยชน์จริงหรือโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้ามีเพียง 35 - 41% เท่านั้นทั่งที่ตามหลักสากลใน 1 ปีต้องเดินเครื่อง 85-90% หรือใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่ไทยซื้อโรงไฟฟ้ามาไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ เหมือนซื้อ Texi มาจอดไว้เฉยๆ จึงขาดทุนและมีหนี้สินดังกล่าว
ผศ.ประสาท เสนอการให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าเองและยังเหลือขายให้ภาครัฐได้ผ่าน solar roof ซึ่งยืนยันว่ามีความพร้อมและไม่มีปัญหาทางด้านเศรษฐศาสตร์และด้านเทคโนโลยี ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีต้นทุนหรือราคาถูกที่สุดในโลกแต่รัฐบาลไม่ยอมให้ประชาชนทำเท่านั้นเอง และถ้าภาครัฐลงทุนเพิ่มอีก 20% คือ 1% ของ GDP จะได้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 200%-300% กลายเป็น ซุปเปอร์พาวเวอร์ คือ มีพลังงานเหลือเฟือที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกรวมทั้งสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วย ที่สำคัญจะเป็นพลังงานในอนาคตขณะที่โรงไฟฟ้าที่ลงทุนไว้มหาศาลก็จะกลายเป็นแค่ขยะเพราะจะตกรุ่นหรือถูกดิสรัปชันไป
พ.ท. แพทย์หญิง กมลพรรณ กล่าวว่าปัญหาไฟฟ้าราคาแพงสืบเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค "รัฐบาลชวน หลีกภัย" ที่มีการแปรรูปโรงไฟฟ้าจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นความฉ้อฉลและเป็นการฉลาดแกมโกง และมองว่าหลายๆ รัฐบาลไม่ได้มีความจริงใจในการปกครองบ้านเมือง เพราะคิดจะทำอะไรหรือออกกติกาอะไรก็ได้คล้ายกับโจรปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นมาหลายรัฐบาลแล้ว อีกทั้งบทบาทของคนในสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ทุนไปศึกษาเล่าเรียนแต่ก็กลับมาแอบปล้นทรัพย์สินของประเทศผ่านนโยบายแปรรูปต่างๆ ซึ่งมักจะอ้างเรื่องความคล่องตัวของการบริหารงานและการลดภาระของรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลสนับสนุนการก่อสร้างหรือดำเนินโครงการต่างๆ เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินก็ตกเป็นของเอกชน แล้วต่อสัญญาใหม่ ถือเป็นการ "กินเงียบ" และนำเรื่องฟ้องร้องศาลประชาชนก็ไม่เคยชนะในคดีลักษณะนี้
พ.ท.แพทย์หญิง กมลพรรณ มองว่าที่เกิดปัญหาค่าไฟแพงขึ้นจากกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากลต่างๆปัญหาเกิดจากประชาชนอ่อนแอ ภาคประชาชนหรือ NGO รวมถึงนักกฎหมายก็อ่อนแอ หรือ กินกล้วย คือรับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเมื่อเกิดปัญหาจึงเงียบ ไม่ยอมออกมาเรียกร้อง ส่วนทางออกนั้น ยืนยันว่า มีข้อเสนอที่ก้าวหน้าจำนวนมากทั้งจากตัวเองและภาคประชาชนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องกองทุนพลังงาน เรื่องพลังงานสะอาด รวมถึงนโยบายไฟฟ้าเสรีที่บางพระการเมืองนำเสนอแม้ยังขาดเรื่องนโยบายกองทุนพลังงานก็ตาม แต่ไม่สามารถผลักดันได้เนื่องจากปัญหาข้างต้นคือภาคประชาชนอ่อนแอและภาคส่วนอื่นๆไม่ได้ออกมาผลักดันการแก้ปัญหาตามที่ควรจะเป็น
นายวีระ ระบุว่าปัจจุบันข้อมูลสาเหตุที่ไฟฟ้ามีราคาแพงถูกเปิดเผยจนประชาชนเห็นชัดแล้ว หลังจากเริ่มตั้งคำถามจากการเจอปัญหาด้วยตัวเองขณะที่ฝ่ายการเมืองก็เริ่มโหนหรือหาเสียง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่ยังอยู่ในอำนาจรัฐสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าถูกได้แต่ไม่ยอมดำเนินการ กลับหาเสียงว่าจะลดค่าไฟฟ้าหากได้เป็นรัฐบาลอีกสมัยหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นจึงหวังการแก้ปัญหานี้ในฝ่ายการเมืองได้ยาก
นายวีระ ยังเสนอการจัดการกับนายทุนที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าราคาแพงซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งได้ขอคิดไว้แล้วแต่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ เพราะเห็นว่าจะปล่อยให้นายทุนลอยนวลไม่ได้เนื่องจากเป็นตัวดีที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนเงินทุนให้แทบทุกภาคการเมือง พร้อมย้ำว่าต้องช่วยกันตีแผ่ปัญหาและเมื่อมีมาตรการหรือความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนทุกคนควรร่วมมือกัน
เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์ ขอโอกาสเลือกเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7624788
เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์ ขอโอกาสเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน “เต้น” แซะ “บิ๊กป้อม” เลิกเขียน จม.รบกวนชาวบ้าน แขวะไว้ใจไม่ได้พร้อมโดดยึดเก้าอี้นายกฯ
เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่จ.เพชรบูรณ์ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวน้าครอบครัวเพื่อไทย ฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสุทิน คลังแสง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
พร้อมผู้สมัครส.ส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 เขต ได้แก่ นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี เขต 1 เบอร์ 5 นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล เขต 2 เบอร์ 8 นายจำเนียร โฉมงาม เขต 3 เบอร์ 1 นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เขต 4 เบอร์ 7 นายสุประวีย์ อนรรฆพันธ์ เขต 5 เบอร์ 7 และนายเกรียงไกร ปานสีทอง เขต 6 เบอร์ 5 รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย พรรคพท.มาร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ ที่รร.วิทยานุกูลนารี อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยจนเต็มพื้นที่
นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ขอขอบคุณจากใจจริงที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและจริงใจ วันนี้ตนและทีมงานมีความตั้งใจจริงว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้อง 8 ปีที่ผ่านมาไม่ไหว ต้องพอแล้ว วันนี้โซเชียลมีเดียพูดถึงมากเรื่องค่าไฟแพง ทำให้รายจ่ายพี่น้องสูงขึ้นอย่างน่ากลัว พท.รับไม่ได้ ปัญหาเชื้อเพลิงพลังงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะบริหารจัดการค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมัน ราคาน้ำมันดีเซลต้องต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร พรรคร่วมรัฐบาหาเสียงมากมายว่าจะทำอย่างไรให้ราคาพลังงานลด แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลอยู่ ถ้าทำเป็น ทำได้ ทำไมไม่ทำ ถึงเวลาแล้วที่ต้องการมีการเปลี่ยนแปลง 8 ปีที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่มีความสามารถ ถึงเวลาที่พรรคพท.ต้องเข้ามาบริหารจัดการเรื่องนี้
นายเศรษฐา ปราศรัยต่อว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนผู้บริหารประเทศเพื่อให้พี่น้องอยู่ดีกินดี พรรคพท.จะทำให้รายได้สุทธิพี่น้องสูงขึ้น ภายใน 4 ปีเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว เพราะเราคิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้ ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่พรรคคู่แข่งพูดถึง กระแนะกระแหนว่าเป็นนโยบายที่ทำไม่ได้ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคพท.เรานำเสนอนโยบายอะไร เราทำได้ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ดังนั้นนโยบายนี้เงินถึงมือพี่น้องแน่นอน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่พี่น้องสะท้อนมาทุกพื้นที่ ยาบ้าราคาถูก หาซื้อง่ายกว่าขนม ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ ต้องเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยซึ่งไม่ใช่คนผิด คนผิดคือคนค้ายาซึ่งกลัวการยึดทรัพย์ กฎหมายปัจจุบันไม่เอื้อให้ยึดทรัพย์โดยเร็ว พรรคพท.จะเร่งรัดนโยบายยึดทรัพย์ให้ได้โดยเร็ว ถ้านายกฯ มาจากพรรคพท.จะบริหารจัดการยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากพี่น้องประชาชน