JJNY : ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง│เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์│‘สมชัย’ชี้ กกต.เจอคุกแน่│"หมอธีระ" อัปเดตสถานการณ์โควิด XBB.1.16

วงเสวนาสภาที่ 3 ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง ต้นเหตุไฟฟ้าแพง
https://prachatai.com/journal/2023/04/103775
 
 
วงเสวนาสภาที่ 3 ชี้รัฐบาลซื้อไฟเอกชนราคาสูง ทั้งที่ไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% ต้นเหตุเก็บค่าไฟแพงเพื่อใช้หนี้ เสนอ’ โซลาร์รูฟ’ ให้ประชาชนผลิตและขายไฟให้รัฐแก้ปัญหาค่าไฟราคา 'รสนา โตสิตระกูล' เตรียมผุดแคมเปญ ‘ทะลุแดด’ ให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ได้ 'วีระ สมความคิด' ล็อกเป้านายทุนพลังงาน กร้าวจะไม่ปล่อยให้ลอยนวลอีกต่อไป
 
สภาที่ 3 (The Third Council Speaks) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566 สภาที่ 3 ร่วมกับ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 จัดเวที "สภาที่สาม - The Third Council Speaks วาระประเทศไทย เรื่อง พลังงาน ค่าไฟฟ้าแพง น้ำมันแพง ประชาชนทุกข์ทรมาน รับกรรมถ้วนหน้า" มีการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live สภาที่ 3 ผู้ร่วมอภิปราย ประกอบด้วย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 , นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ท(ผศ.) ประสาท มีแต้ม กรรมการนโยบายด้านบริการสาธารณะพลังงานและสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมแลกเปลี่ยนรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์ คือ พันโทแพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี จากเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ (คปป.), นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)
 
นางสาวรสนา กล่าวว่าค่าไฟฟ้าที่แพง เกิดจาก 
1. ต้นทุนเชื้อเพลิงคือ ก๊าซ LNG เป็นหลักซึ่งต้องนำเข้า เนื่องจากเเหล่งก๊าซในอ่าวไทยลดลง 
2. การซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลจากเอกชนระยะยาว 25 ปีและในราคาที่แพงกว่าที่ กฟผ.นำมาขายให้ กฟน.และ กฟภ.ในสัดส่วนถึง 70% ผลิตเองเพียง 30% เท่านั้น  

ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองหรือไฟฟ้าล้นเกินถึง 62% สูงขึ้นจากปีที่แล้วที่มีไฟฟ้าล้นเกิน 54% โดยที่ผ่านมาการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชนในราคา 3-9 บาทต่อหน่วย แต่กฟผ.นำมาขายส่งให้ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อยู่ที่ 2.75 บาท ต่อหน่วย ทั้งที่หาก กฟผ.ผลิตไฟฟ้าเองประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าถูกกว่านี้ แต่ปัจจุบัน กฟผ.ผลิตเพียง 30% เท่านั้นและตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP ลดกำลังผลิตได้ถึง 25 % ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนที่รัฐบาลทำสัญญานั้นไม่ว่าจะได้ผลิตหรือไม่ แต่รัฐบาลก็ต้องจ่าย "ค่าความพร้อมจ่าย" จึงเกิดหนี้สินราว 40,000 ล้านบาทและอีก 100,000 ล้านบาทจากการซื้อไฟฟ้ามาในราคาแพงแต่ขายในราคาถูก รวมแล้ว กฟผ.มีหนี้ประมาณ 150,000 ล้านบาท และกลายมาเป็นค่า FT ในแต่ละงวด ส่วนการหาเสียงของนักการเมืองที่จะลดค่าไฟฟ้านั้นก็เป็นการยืดเวลาการใช้หนี้ของกฟผ.ออกไปเท่านั้นและยังจะทำให้ค่าไฟขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆอยู่อีก
 
เมื่อซื้อแพงแต่ขายถูกจึงเกิดหนี้สะสม ที่สำคัญคือ กฟผ.และประชาชนคือผู้แบบรับต้นทุนราคาแพงดังกล่าว ส่วนเอกชนได้กำไร ซึ่งเกิดจากการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งจะมีโรงไฟฟ้าเอกชนที่เซ็นสัญญาไปแล้วเพิ่มเข้ามาในระบบอีก และตามสัญญารัฐบาลยังต้องจ่าย "ค่าพร้อมจ่าย" ให้กับเอกชนแม้ว่าไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าก็ตาม ส่วนที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ประกาศจะลดค่าไฟฟ้าลงเป็นระยะเวลา 4 เดือนคือ จากเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 แต่จากนั้นก็จะขึ้นค่าไฟฟ้าต่อเนื่องไปอีก ไม่เช่นนั้น กฟผ.ก็จะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ และนโยบายลักษณะที่ซื้อของแพงแต่ขายถูกไม่มีใครทำกันดังนั้นประเด็นนี้จึงมีข้อกังขาเรื่องการวิ่งเต้นหรือทุจริตด้วย
 
นางสาวรสนา เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าเเพงว่า กำลังคิดแคมเปญภายใต้คอนเซ็ป  "ทะลุแดด" ให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากแสงแดด เพราะภาครัฐอ้างว่าจะสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน แต่ให้สิทธิ์เอกชนผูกขาด ไม่ยอมให้ประชาชนทำ ดังนั้น ต้องผลักดันการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือการติดตั้ง Solar roof  ซึ่งตัวเองใช้ที่บ้าน พบว่า ประหยัดค่าไฟได้ถึง 2 ใน 3 หรือราว 65% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีทุนเพียงพอ ส่วนผู้มีรายได้น้อย ต้องกดดันภาครัฐให้ดำเนินการติดตั้งหรือสนับสนุนงบประมาณ โดยแต่ละครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้บ้านและส่วนเกินที่ใช้ก็ขายไฟฟ้าผ่ารระบบเป็นการคืนค่าลงทุนให้ภารรัฐได้
 
ด้าน ผศ.ประสาท กล่าวว่าประเทศไทยต้องพึ่งพาตนเองในด้านพลังงานพร้อมนำเสนอรายจ่ายค่าพลังงานตั้งแต่ 2550 ของไทย คือ 15 ปีผ่านมา พบว่าเพิ่มขึ้นตลอด ค่าพลังงานโดยรวมอยู่ที่ "2.54 ล้านล้านบาท"  ในจำนวนนี้ค่าไฟฟ้าราว 820,000 ล้าน บาท ทั้งที่ไม่ต้องไปพึ่งพาพลังงานหรือซื้อจากต่างประเทศเพราะประเทศไทยมีพลังงานแสงอาทิตย์เหมาะสม นอกจากนี้ปี 2565 ไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรอง 62% และอัตราการใช้ประโยชน์จริงหรือโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้ามีเพียง 35 - 41% เท่านั้นทั่งที่ตามหลักสากลใน 1 ปีต้องเดินเครื่อง 85-90% หรือใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่ไทยซื้อโรงไฟฟ้ามาไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ เหมือนซื้อ Texi มาจอดไว้เฉยๆ จึงขาดทุนและมีหนี้สินดังกล่าว
 
ผศ.ประสาท เสนอการให้ประชาชนผลิตไฟฟ้าเองและยังเหลือขายให้ภาครัฐได้ผ่าน solar roof ซึ่งยืนยันว่ามีความพร้อมและไม่มีปัญหาทางด้านเศรษฐศาสตร์และด้านเทคโนโลยี ซึ่งการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีต้นทุนหรือราคาถูกที่สุดในโลกแต่รัฐบาลไม่ยอมให้ประชาชนทำเท่านั้นเอง และถ้าภาครัฐลงทุนเพิ่มอีก 20% คือ 1% ของ GDP จะได้ไฟฟ้าเพิ่มถึง 200%-300% กลายเป็น ซุปเปอร์พาวเวอร์ คือ มีพลังงานเหลือเฟือที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกรวมทั้งสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วย ที่สำคัญจะเป็นพลังงานในอนาคตขณะที่โรงไฟฟ้าที่ลงทุนไว้มหาศาลก็จะกลายเป็นแค่ขยะเพราะจะตกรุ่นหรือถูกดิสรัปชันไป
 
พ.ท. แพทย์หญิง กมลพรรณ กล่าวว่าปัญหาไฟฟ้าราคาแพงสืบเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุค "รัฐบาลชวน หลีกภัย" ที่มีการแปรรูปโรงไฟฟ้าจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นความฉ้อฉลและเป็นการฉลาดแกมโกง และมองว่าหลายๆ รัฐบาลไม่ได้มีความจริงใจในการปกครองบ้านเมือง เพราะคิดจะทำอะไรหรือออกกติกาอะไรก็ได้คล้ายกับโจรปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นมาหลายรัฐบาลแล้ว อีกทั้งบทบาทของคนในสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้ทุนไปศึกษาเล่าเรียนแต่ก็กลับมาแอบปล้นทรัพย์สินของประเทศผ่านนโยบายแปรรูปต่างๆ ซึ่งมักจะอ้างเรื่องความคล่องตัวของการบริหารงานและการลดภาระของรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลสนับสนุนการก่อสร้างหรือดำเนินโครงการต่างๆ เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินก็ตกเป็นของเอกชน แล้วต่อสัญญาใหม่ ถือเป็นการ "กินเงียบ" และนำเรื่องฟ้องร้องศาลประชาชนก็ไม่เคยชนะในคดีลักษณะนี้
 
พ.ท.แพทย์หญิง กมลพรรณ มองว่าที่เกิดปัญหาค่าไฟแพงขึ้นจากกระบวนการที่ไม่ชอบมาพากลต่างๆปัญหาเกิดจากประชาชนอ่อนแอ ภาคประชาชนหรือ NGO รวมถึงนักกฎหมายก็อ่อนแอ หรือ กินกล้วย คือรับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเมื่อเกิดปัญหาจึงเงียบ ไม่ยอมออกมาเรียกร้อง ส่วนทางออกนั้น ยืนยันว่า มีข้อเสนอที่ก้าวหน้าจำนวนมากทั้งจากตัวเองและภาคประชาชนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องกองทุนพลังงาน เรื่องพลังงานสะอาด รวมถึงนโยบายไฟฟ้าเสรีที่บางพระการเมืองนำเสนอแม้ยังขาดเรื่องนโยบายกองทุนพลังงานก็ตาม แต่ไม่สามารถผลักดันได้เนื่องจากปัญหาข้างต้นคือภาคประชาชนอ่อนแอและภาคส่วนอื่นๆไม่ได้ออกมาผลักดันการแก้ปัญหาตามที่ควรจะเป็น
 
นายวีระ ระบุว่าปัจจุบันข้อมูลสาเหตุที่ไฟฟ้ามีราคาแพงถูกเปิดเผยจนประชาชนเห็นชัดแล้ว หลังจากเริ่มตั้งคำถามจากการเจอปัญหาด้วยตัวเองขณะที่ฝ่ายการเมืองก็เริ่มโหนหรือหาเสียง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่ยังอยู่ในอำนาจรัฐสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าถูกได้แต่ไม่ยอมดำเนินการ กลับหาเสียงว่าจะลดค่าไฟฟ้าหากได้เป็นรัฐบาลอีกสมัยหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นจึงหวังการแก้ปัญหานี้ในฝ่ายการเมืองได้ยาก
 
นายวีระ ยังเสนอการจัดการกับนายทุนที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าราคาแพงซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งได้ขอคิดไว้แล้วแต่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้ เพราะเห็นว่าจะปล่อยให้นายทุนลอยนวลไม่ได้เนื่องจากเป็นตัวดีที่อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนเงินทุนให้แทบทุกภาคการเมือง พร้อมย้ำว่าต้องช่วยกันตีแผ่ปัญหาและเมื่อมีมาตรการหรือความเคลื่อนไหวของภาคประชาชนทุกคนควรร่วมมือกัน



เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์ ขอโอกาสเลือกเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7624788

เศรษฐา บุกเพชรบูรณ์ ขอโอกาสเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน “เต้น” แซะ “บิ๊กป้อม” เลิกเขียน จม.รบกวนชาวบ้าน แขวะไว้ใจไม่ได้พร้อมโดดยึดเก้าอี้นายกฯ
 
เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่จ.เพชรบูรณ์ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวน้าครอบครัวเพื่อไทย ฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.)​ พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสุทิน คลังแสง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
 
พร้อมผู้สมัครส.ส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 เขต ได้แก่ นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี เขต 1 เบอร์ 5 นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล เขต 2 เบอร์ 8 นายจำเนียร  โฉมงาม เขต 3 เบอร์ 1 นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เขต 4 เบอร์ 7 นายสุประวีย์ อนรรฆพันธ์ เขต 5 เบอร์ 7 และนายเกรียงไกร ปานสีทอง  เขต 6 เบอร์ 5 รวมถึงผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย พรรคพท.มาร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ ที่รร.วิทยานุกูลนารี อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยจนเต็มพื้นที่
 
นายเศรษฐา ปราศรัยว่า ขอขอบคุณจากใจจริงที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและจริงใจ วันนี้ตนและทีมงานมีความตั้งใจจริงว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้อง 8 ปีที่ผ่านมาไม่ไหว ต้องพอแล้ว วันนี้โซเชียลมีเดียพูดถึงมากเรื่องค่าไฟแพง ทำให้รายจ่ายพี่น้องสูงขึ้นอย่างน่ากลัว พท.รับไม่ได้ ปัญหาเชื้อเพลิงพลังงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะบริหารจัดการค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมัน ราคาน้ำมันดีเซลต้องต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร พรรคร่วมรัฐบาหาเสียงมากมายว่าจะทำอย่างไรให้ราคาพลังงานลด แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาลอยู่ ถ้าทำเป็น ทำได้ ทำไมไม่ทำ ถึงเวลาแล้วที่ต้องการมีการเปลี่ยนแปลง 8 ปีที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่มีความสามารถ ถึงเวลาที่พรรคพท.ต้องเข้ามาบริหารจัดการเรื่องนี้
 
นายเศรษฐา ปราศรัยต่อว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนผู้บริหารประเทศเพื่อให้พี่น้องอยู่ดีกินดี พรรคพท.จะทำให้รายได้สุทธิพี่น้องสูงขึ้น  ภายใน 4 ปีเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว เพราะเราคิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้ ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่พรรคคู่แข่งพูดถึง กระแนะกระแหนว่าเป็นนโยบายที่ทำไม่ได้ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงพรรคพท.เรานำเสนอนโยบายอะไร เราทำได้ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ดังนั้นนโยบายนี้เงินถึงมือพี่น้องแน่นอน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่พี่น้องสะท้อนมาทุกพื้นที่ ยาบ้าราคาถูก หาซื้อง่ายกว่าขนม ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญ ต้องเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยซึ่งไม่ใช่คนผิด คนผิดคือคนค้ายาซึ่งกลัวการยึดทรัพย์ กฎหมายปัจจุบันไม่เอื้อให้ยึดทรัพย์โดยเร็ว พรรคพท.จะเร่งรัดนโยบายยึดทรัพย์ให้ได้โดยเร็ว ถ้านายกฯ มาจากพรรคพท.จะบริหารจัดการยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากพี่น้องประชาชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่