JJNY : ‘ฮาร์ท’วอน รทสช. ช่วยที│อิ๊ง-เศรษฐา-ชัยเกษม ปลุกใจเอฟซีเพื่อไทย│จี้ทบทวนค่าไฟ│“รัสเซีย” ขุดสนามเพลาะในไครเมีย

‘ฮาร์ท’ วอนรทสช. ช่วยที เจอหัวหน้าคสช.ฟ้อง หลังมีนโยบายรื้อกม. รังแกประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3912905
 
 
 
ฮาร์ท เขียนถึง หน.รทสช. ช่วยคลี่คลายคดีหน.คสช.ฟ้องให้ที หลังมีนโยบายรื้อกม.รังแก้ประชาชน ชี้ลำบากมาก ต้องไปรายงายตัวทุกเดือนเลย
 
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ ฮาร์ท นักร้องชื่อดัง ได้เขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงท่านหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้

“ด้วยกระผมสนใจนโยบายพรรคของท่าน ว่าด้วยการรื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน ขออนุญาตเข้าเรื่องเลยครับ
 
ราวๆปี 2564-2565 กระผมถูกอดีตหัวหน้า คสช. ฟ้อง ข้อหาหมิ่นประมาท จากโพสต์ที่ผมลงใน เฟสบุ๊ค จำนวน 2 โพสต์ – โพสต์ที่ 1 เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง นายทักษิณ (มิสเตอร์โทนี่) และ ท่านอดีตหัวหน้า คสช. (มิสเตอร์โทน้าฟ) – โพสต์ที่ 2 เป็นรูปตัดต่อ สื่อให้เห็นถึงภาพของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ผู้ฟ้องผมเป็นทนายส่วนตัวของ อดีตหัวหน้า คสช. (กระทำการแทน) ฟ้องผมที่ สน.นางเลิ้ง เบื้องต้น ตำรวจเรียกตัวผมไปให้ปากคำ ถามผมว่า ผมมีเจตนาอย่างไรจึงได้กระทำการโพสต์ข้อความดังกล่าว ผมได้อธิบายว่า ในโพสต์ โทนี่/โทน้าฟ ผมเปรียบท่านอดีตหัวหน้า คสช. เสมือนเวชภัณฑ์อันวิเศษ ที่จะมาบรรเทาความทุกข์จากอาการเจ็บป่วยของประชาชน ตำรวจท่านหนึ่งได้ฟังก็หัวเราะ สำหรับโพสต์ยุทธศาสตร์ 20 ปี ผมได้อธิบายว่า ไม่ว่าอนาตคจะดูมืดมนอย่างไร หากมี ท่านอดีตหัวหน้า คสช. เดินนำทางพาพวกเราไป ท่ามกลางแสงสว่างจากเสาไฟฟ้ากินนรีอันสวยงามและตั้งอยู่ไม่ห่างกันจนเกินไป พวกเราประชาชนก็จะอุ่นใจ

สรุป ตำรวจได้ส่งคดีนี้ต่อให้กับอัยการ และนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน ผมต้องเดินทางไปที่ สนง.อัยการ ถนนเจริญกรุง เพื่อไปรายงานตัวทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อรอฟังคำสั่งจากอัยการว่า จะดำเนินการกับคดีของผมอย่างไรต่อไป (นัดครั้งต่อไป 27 เม.ย. 2566)
 
ผมใคร่ขอพึ่งพาอำนาจและบารมีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ช่วยคลี่คลายคดีของผมด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง ตอนนี้กระผมลำบากจริงๆ”

https://www.facebook.com/suthipongse.thatphithakkul/posts/pfbid0QDULB2RWhb7Bx8ZcPTNSXVDoe7mmPdyLXGNkfCKFymDQHEgRRe8iLmHWeRKL1zgLl


 
อิ๊ง-เศรษฐา-ชัยเกษม ปลุกใจเอฟซีเพื่อไทย ชูตั้ง รบ. มั่นใจคว่ำเสียง ส.ว. สกัดลุงได้แน่
https://www.matichon.co.th/election66/news_3913929

อิ๊ง-เศรษฐา-ชัยเกษม ปลุกใจเอฟซีเพื่อไทย ชูตั้ง รบ. มั่นใจคว่ำเสียง ส.ว. สกัดลุงได้แน่
 
เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม จ.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดงานปราศรัยใหญ่ ภายใต้แนวคิด “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน” เป็นการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของพรรค พท. ประกอบด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. ที่มียื่นเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้ว
 
โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ได้เดินผ่านพรมแดงเพื่อเข้าสู่สนามธันเดอร์โดม ท่ามกลางแฟนคลับ พท.ให้กำลังใจในสนามจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังมีแกนนำและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค พท.เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทันทีที่แคนดิเดตนายกฯทั้ง 3 คนได้ขึ้นบนเวที ได้รับเสียงตะโกนเชียร์อย่างกึกก้อง พร้อมกันนี้ได้เปิดคลิปนโยบายของพรรค พท.ที่ใช้เลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายที่ได้รับความฮือฮาคือ นโยบายเติมเงินในดิจิทัลวอเล็ตให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในภายใน 6 เดือน รัศมี 4 กิโลเมตรรอบที่พักด้วยจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท จากนั้นได้เปิดตัวผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 100 คน
 
นายชัยเกษม ขึ้นกล่าวว่า ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจเป็นแคนดิเดตพรรค พท. ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาหลักนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศไม่หลงเหลือ ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ตำรวจ อัยการ และศาลทำงานโดยไม่มีประชาชนเป็นหัวใจ สร้างอำนาจมืดเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกตัวเอง 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่อย่างไร้ขื่อแป กฎหมายถูกใช้เป็นเครื่องมือรัฐ ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว รัฐธรรมนูญ 2560 คือเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาโดยไม่มีประชาชนเป็นหัวใจ คณะรัฐประหารจัดทำเองอย่างจอมปลอมเป็นวิกฤตของชาติที่พรรค พท.จะไม่ยอมอีกต่อไป
 
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า ทันทีที่พรรค พท.ชนะเลือกตั้ง สิ่งที่จะทำได้แก่ ทำให้กระบวนการยุติธรรมเท่ากับความยุติธรรม สร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้และปรับปรุงยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ ใช้บล็อกเชน สร้างความโปร่งใส ใช้ระบบการชำระเงินและค่าธรรมเนียมอิเล็กโทรนิกส์ พรรค พท.เชื่อว่าการมีนิติรัฐ นิติธรรมที่ดีย่อมเชื่อมโยงกับชีวิต การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศชาติ สร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติมั่นใจในการมาลงทุนในประเทศไทย
 
จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวบนเวทีว่า เราได้หมายเลขมาแล้วคือเบอร์ 29 ขอให้ประชาชนจำแล้วเลือกทั้งเบอร์พรรคและเบอร์ผู้สมัครส.ส. ถ้า พท.ชนะเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพท.แน่นอน มั่นใจครั้งนี้ประชาชนจะไว้ใจให้ พท.มาดูแลประชาชน เราเคยชนะเลือกตั้งแต่ถูกปล้นอำนาจจากการรัฐประหาร ใช้ส.ว.และตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เราเจ็บปวดมามาก เรามั่นใจจะตั้งรัฐบาลได้ ชนะเสียงส.ว.ไม่ว่าจะสังกัดลุงไหน แต่หวังว่าจะมีส.ว.ที่สังกัดเสียงประชาชน
 
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า หลังจาก พท.ตั้งรัฐบาล จะกระตุ้นเศรษฐกิจโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 5% ในปีหน้า ขอย้ำนโยบายใน 4 เรื่อง บล็อกเชนมาทำให้ประเทศไทยก้าวทันโลก เป็นศูนย์กลางเทคโนโยลีด้านการเงิน ไม่เป็นเบี้ยล่างให้ระบบการเงิน ต้องได้รัฐบาลที่เอาความสำคัญของประชาชนมาก่อน เรามี 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ให้แต่ละครอบครัวได้พัฒนาความเป็นอยู่ เราจะสำรวจรายได้แต่ละครอบครัว ครอบครัวไหนมีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือน จะเติมเงินให้ทุกครอบครัวมีรายได้ 20,000 บาทต่อเดือน จะปรับเงินเดือนนักศึกษาจบปริญญาตรีและข้าราชการให้ได้เงินเดือน 25,000 บาท และจะขยับค่าแรกขั้นต่ำเป็น 400 บาทในปีหน้าอย่างแน่นอน
 
ด้าน นายเศรษฐา ปราศรัยว่า เราเห็นความไม่เท่าเทียมตั้งแต่วัยเด็กและยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัญหาเหล่านี้เป็นตัวจุดประกายให้ตนตัดสินใจอาสาเข้ามาแก้ปัญหาในฐานะผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยในนามพรรค พท.ด้วยความตั้งใจแรก ยกระดับเศรษฐกิจทั้งประเทศ ด้วยมาตรการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีกระเป๋าเงินดิจิทัลเติมเงิน 10,000 บาทให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินทั้งระบบตั้งแต่ระดับครัวเรือนถึงระดับประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
 
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ความตั้งใจที่สอง เปิดประตูการค้ากับทั่วโลก ความตั้งใจที่สาม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แข่งขันได้ในระดับโลก ทำให้ไทยเป็นฮับของสายการบิน ขยายโครงข่ายรถไฟเชื่อมเหนือจรดใต้ บริหารทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ท่วมไม่แล้ง ผลักดันพระราชบัญญัติ อากาศสะอาด และเป้าหมายของการอาสาเข้ามาทำงาน คือการเอาชนะความยากจน ความไม่เท่าเทียม ความลำบากของประชาชน ต้องการทำให้คนไทยทุกกลุ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น มีจุดยืนในเวทีโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ขอให้เลือกพรรค พท.แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินเพื่อส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา
 


จี้ทบทวนลดค่าไฟรอบบิลพ.ค.-ส.ค. เหลือ 4.40 บาทต่อหน่วย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3913941

กกร.เล็งส่งหนังสือถึงนายกฯ ทบทวนลดค่าไฟรอบบิลพ.ค.-ส.ค. เหลือ 4.40 บาทต่อหน่วย
 
เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินวันที่ 7 เมษายน 2566 กกร.จะส่งหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ขอให้พิจารณาทบทวนอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 ให้เป็นไปตามแนวโน้มราคาน้ำมันโลกที่ลดลง

ขอให้ประเมินค่าไฟอัตรา 4.40 บาทต่อหน่วย ลดลงจากปัจจุบันที่ 4.70 บาทต่อหน่วย เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ โดยเสนอให้คงระยะเวลาการคืนหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เป็นระยะ 3 ปี เพิ่มจากเดิม 2 ปี
 
“จากที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ครั้งที่ 15/2566 (ครั้งที่ 843) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา กกร. มีความเห็นว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ควรพิจารณาทบทวนค่าเอฟที เนื่องจากสถานการณ์ราคาพลังงานทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขอให้ภาครัฐเร่งจัดตั้ง กรอ.พลังงาน เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมให้ความเห็นในการกำหนดนโยบายด้านพลังงาน สามารถบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วน เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” นายเกรียงไกร กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่