JJNY : นิด้าโพลชี้ปชช.หนุนโหวต‘พิธา’ไปเรื่อยๆ│ไอติมย้ำ ชวนคนร่วมสู้2สมรภูมิ│เอกชนห่วงศก.โลกผันผวน│เกาหลีใต้อ่วม ฝนตกหนัก

นิด้าโพล ชี้ ประชาชนหนุนโหวต ‘พิธา’ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เป็นนายกฯ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7767749
 
 
นิด้าโพล เผยผลสำรวจ ประชาชนร้อยละ 43 ชี้ควรเสนอชื่อ ‘พิธา’ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เป็นนายกฯ แนะเปลี่ยนเป็น ‘แพทองธาร’ ถ้าโหวตไม่ผ่าน
 
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เลือกนายกรัฐมนตรี 2566” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-12 ก.ค. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการเลือกนายกรัฐมนตรี 2566
 
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบแรก หากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ได้คะแนนเสียงไม่เพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พบว่า ร้อยละ 43.21 ระบุว่า ควรมีการเสนอชื่อนายพิธา เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้
 
ร้อยละ 20.69 ระบุว่า ควรมีการเสนอชื่อนายพิธา เพื่อให้รัฐสภาพิจารณา อีก 1-2 รอบเท่านั้น ร้อยละ 12.98 ระบุว่า พรรคก้าวไกลควรยอมยกเลิกบางนโยบายที่ ส.ว. ไม่เห็นด้วย เพื่อให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.94 ระบุว่า พรรคก้าวไกลควรเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคแทนทันที ร้อยละ 4.88 ระบุว่า พรรคก้าวไกลควรเจรจาชวนพรรคการเมืองในรัฐบาลปัจจุบันเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อให้ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 2.67 ระบุว่า ควรมีการชุมนุมประท้วงเพื่อกดดัน ส.ว. ให้เลือกนายพิธา ในการลงคะแนนเสียงครั้งต่อไป ร้อยละ 2.52 ระบุว่า พรรคเพื่อไทยควรขอเป็นแกนนำ ในการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคแทนทันที ร้อยละ 2.29 ระบุว่า พรรคก้าวไกลควรประกาศไปเป็นฝ่ายค้านทันที ร้อยละ 2.06 ระบุว่า พรรคเพื่อไทยควรสลับขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลทันที และร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงบุคคลที่มีโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หากนายพิธา ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนที่เพียงพอจากรัฐสภา พบว่า ร้อยละ 38.55 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 35.04 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 6.79 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ร้อยละ 5.42 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกฯ ร้อยละ 4.27 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และแคนดิเดตนายกฯ ร้อยละ 1.45 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์
 
ร้อยละ 1.07 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกฯ และร้อยละ 1.76 ระบุอื่นๆ ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกฯ และน.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย



ไอติม ย้ำ ก้าวไกล ไม่ได้ประกาศ ‘เพื่อถอย’ แต่ชวนคนร่วมสู้ 2 สมรภูมิ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4082558

ไอติม ย้ำ ก้าวไกล ไม่ได้ประกาศ ‘เพื่อถอย’ แต่ชวนคนร่วมสู้ 2 สมรภูมิ
 
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘ศิโรตม์มีเรื่องมาเคลียร์’ ทาง ‘มติชนทีวี’ ดำเนินรายการโดย นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า ถ้าเราอยู่ในกลไกประชาธิปไตยปกติ วันนี้น่าจะเป็นวันแรกๆ ในการทำงานของนายกรัฐมนตรีชื่อว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 และรวบรวมพรรคการเมืองได้ถึง 7 พรรค มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ
 
หัวใจสำคัญในการประกาศของนายพิธา คือการประกาศว่า เราจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อคืนความปกติให้การเมืองไทย ตัวแปรสำคัญ คือ ส.ว. ซึ่งสิ่งที่เราทำคือการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิก ม.272 เราเปิด 2 สมรภูมิ 1.คือเสนอชื่อนายพิธาอีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ และทำอย่างสุดความสามารถ 2.คือการยกเลิก ม.272
 
เราเห็นว่าอาจมี ส.ว.บางคนที่อาจจะมีความลังเล ลำบากใจที่จะเห็นชอบให้คุณพิธา ด้วยนโยบาย แต่อาจไม่มีความประสงค์ฝืนมติมหาชน เพราะฉะนั้น การให้ทางเลือกในการปิดสวิตช์ตัวเอง คือการยกเลิก ม.272 ก็เป็นเสมือนบันไดหนีไฟให้ ส.ว.กลุ่มนี้ ไม่ต้องขานให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่อย่างน้อยคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกนายกฯ” นายพริษฐ์กล่าว
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า หากต่อสู้ร่วมกันแล้วใน 2 สมรภูมิแต่ไม่สำเร็จ ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับ 2 จากประชาชนในการตั้งรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้ต้องการตำแหน่งใดๆ ถ้าไม่สามารถผลักดันวาระได้ ที่เราต้องการอำนาจรัฐก็เพื่อผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลง ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันจะผลักดันวาระภายใต้เงื่อนไขเอ็มโอยูเดิม 8 พรรค พรรคก้าวไกลยินดีสนับสนุน
  
นายศิโรตม์กล่าวว่า ในการโหวตนายกฯ 13 กรกฎาคม มีคนเล่าให้ตนฟังว่า ก้าวไกลเชื่อว่ามี ส.ว. 30 คนที่จะโหวตให้ แต่ไม่มาตามนัด ถามว่าก้าวไกลประเมินว่า 19 กรกฎาคมนี้ ส.ว.จะโหวตเพิ่ม หรือเท่าเดิม หรือลดลง
 
นายพริษฐ์ตอบว่า ในช่วงโค้งสุดท้าย อย่างที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ไว้ ว่ามีความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบอำนาจเดิมสกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้มีอำนาจบริหารประเทศ มีการใช้กลไกที่ไม่ใช่แค่การกดดัน ส.ว. แต่ยังมีองค์กรอิสระที่ขยับคดีหุ้นไอทีวีอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษในจังหวะที่ประชาชนตั้งคำถาม
 
สำหรับวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ขอไม่พูดตัวเลข แต่สิ่งที่ได้สื่อสารวันนี้ คือ อยากเชิญชวนประชาชนทุกคนมาร่วมกันส่งเสียงถึง ส.ว. เชิญชวนให้มาอยู่ข้างประชาชน แน่นอนว่า ส.ว.แต่ละคนมีผู้สนับสนุนของตนเองที่มีชุดความคิดทางการเมืองแบบหนึ่งที่อาจไม่ชอบพรรคก้าวไกลก็ได้ แต่เราอยากให้ ส.ว.เคารพเสียงของประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อย่าให้น้ำหนักกับเสียงประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากกว่ากลุ่มอื่น” นายพริษฐ์กล่าว
 
นายศิโรตม์กล่าวว่า ในข้อเสนอของพรรคก้าวไกลที่บอกว่าจะถอยให้พรรคเพื่อไทย แปลว่าภายในเดือนกรกฎาคม การเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯในฝั่ง 8 พรรคจะยังไม่เกิดใช่หรือไม่ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญจะยังไม่จบ ไม่มีทางเร็วไปกว่าปลายเดือนกรกฎาคม ดังนั้น นายพิธาก็จะยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯของฝ่าย 8 พรรคต่อไปอย่างน้อยถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า คำแถลงของเราชัดเจนที่ว่าจะสู้สุดความสามารถ ซึ่งก็เป็นคำที่อยู่ในเอ็มโอยูฉบับเพิ่มเติม สุดความสามารถของเราคือการผ่าน 2 สมรภูมินี้ไป ส่วนเรื่องกรอบเวลาก็เป็นไปตามที่นายศิโรตม์กล่าวมา
 
ข้อเสนอยกเลิก ม.272 คือสิ่งที่เราคิดมาสักพักแล้ว แต่รู้ว่าถ้าจะยื่นต้องรอการโหวตครั้งแรกก่อน พอผลครั้งแรกออกมาเราก็ยื่นวันรุ่งขึ้นทันที พยายามทำให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยขั้นตอนที่ถูกกำหนดคือต้องถูกบรรจุวาระภายใน 15 วัน ถ้าสัปดาห์นี้ไม่ทันอาจเป็นสัปดาห์ถัดไป เช่น วันที่ 25 หรือ 26 เป็นต้น ถ้าผ่านวาระ 1 เราคำนวณไว้แล้วว่าจากจุดที่ผ่านวาระ 1 ถึงจุดที่ผ่านวาระ 3 อาจใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์” นายพริษฐ์กล่าว และว่า วาระ 1 เราก็จะเริ่มเห็นแล้วว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และข้อสรุปของเรื่องนี้จะเป็นไปในแง่ไหน อย่างไร
 
นายศิโรตม์ถามว่า หากวันที่ 19 กรกฎาคม นายพิธายังได้รับเสียงไม่เพียงพอจะไม่มีการโหวตรอบ 3 ใช่หรือไม่ หรือจะยังมีการโหวตต่อไป และนายพิธาจะยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯอยู่
 
นายพริษฐ์ตอบว่า ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย
 
1. การบรรจุระเบียบวาระจะถูกบรรจุช่วงใด ในข้อเท็จจริงอำนาจนี้อยู่กับประธานรัฐสภา ภายใต้กรอบข้อบังคับ ตนมองว่าเป็นไปได้ว่าในการโหวตวันที่ 19 กรกฎาคม แล้วร่างที่เรายื่นไปหากไม่ทันสัปดาห์นี้อาจเป็นสัปดาห์ถัดไป หมายความว่า หากโหวตนายกฯ 19 กรกฎาคมเสร็จ สิ่งที่จะถูกพิจารณาในสภาอาจเป็นเรื่องของมาตรา 272 ก็ได้
 
2. สมมุติว่าหากมีปัจจัยอื่นใดมีการโหวตนายกฯอีกครั้งก่อนพิจารณาวาระ 1 ของร่างแก้ ม.272 คงเป็นสิ่งที่ 8 พรรคต้องคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร
นายศิโรตม์ถามว่า แฟนก้าวไกลเชียร์ให้โหวตพิธาไปเรื่อยๆ จนกว่า ส.ว.จะหมดวาระ ก้าวไกลคิดอย่างไร
 
นายพริษฐ์ตอบว่า ตนขอย้ำว่า วันนี้ไม่ได้เป็นการประกาศเพื่อถอย แต่จะทำสุดความสามารถ และชวนประชาชนร่วมกันสู้ใน 2 สมรภูมิ แต่ถ้าสุดความสามารถแล้ว ความปกติทางการเมืองไทยยังไม่กลับคืนมา โดยธรรมเนียมก็เป็นสิทธิของพรรคอันดับ 2 ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล
 
 คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


เอกชนห่วงศก.โลกผันผวนฉุดส่งออกปีนี้เหลือ0%
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_584154/

เอกชนห่วงเศรษฐกิจโลกผันผวนมากขึ้น คู่ค้าถดถอย ฉุดส่งออกไทยภาพรวมปีนี้เหลือ0%
 
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คือ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนแม้ว่าภาคการผลิตอุตสาหกรรมโลกเริ่มฟื้นตัว

ภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป และคำสั่งซื้อใหม่สำหรับการส่งออกไม่ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายการเงินที่เข้มงวด เช่น อัตราดอกเบี้ย ส่งผลกับผู้ประกอบการและผู้บริโภค ให้ระมัดระวังการใช้จ่าย
 
รวมถึงสภาพอากาศแปรปรวน อาจส่งผลต่อปริมาณสินค้าเกษตร ทำให้การผลิตทำได้น้อยลงไม่เพียงพอต่อการส่งออก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะนโยบายการพึ่งพาตนเองของจีน

อาจทำให้มีการชะลอคำสั่งซื้อ และความไม่แน่นอนสูง จากสถานการณ์ความชัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเงิน การผลิต การส่งออก วัตถุดิบ และพลังงาน จึงคาดการณ์การ ว่า การส่งออกในภาพรวมปีนี้จะขยายตัวเป็น 0
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่