JJNY : พิธายัน พวกล้มล้างการปกครอง คือคนทำรปห.│ แดง-ส้ม ขนทัพสู้│ธุรกิจอาหาร โอด ต้นทุนพุ่ง│ยูเครนจี้ต.ต.ส่งระบบป้องกัน

พิธา มองศาลรธน. ตัดสินถูกต้อง ไม่รับคดีทักษิณ-พท. ยันพวกล้มล้างการปกครอง คือคนทำรปห.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4914229
  
 
พิธา มองศาลรธน.ทำถูกต้อง ไม่รับคดีทักษิณ-พท. ยันพวกล้มล้างการปกครอง คือคนทำรัฐประหาร 

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายอิสระ ยื่นขอให้มีคำสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ยุติการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วเหมือนที่ตนเคยพูดเมื่อครั้งกรณีของพรรคก้าวไกลว่า การล้มล้างการปกครอง มีเพียงแค่รัฐประหาร การแบ่งแยกดินแดน และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ฉะนั้น จึงไม่ควรมีองค์กรใดถูกองค์กรอิสระยุบพรรคได้ง่ายๆ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
 
เมื่อถามถึงหากเทียบคำร้องดังกล่าวกับคำร้องยุบพรรคก้าวไกล นายพิธากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะมีนัยยะทางการเมือง แต่หากมองด้วยหลักการ การล้มล้างการปกครอง จะมีเพียงแค่ 3 อย่างที่บอกไปเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่ควรมีพรรคการเมือง หรือองค์กรใดถูกโทษประหารทางการเมือง ถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นบนความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เพราะนี่คือหลักการทางการเมือง
 
ต่อข้อถามว่ามองว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมืองเหมือนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่มันผ่านไปแล้ว จึงไม่ขอพูดเรื่องอดีต แต่จะพูดถึงปัจจุบัน และอนาคตที่จะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ หวังว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคสุดท้ายที่ถูกยุบจากฝีมือขององค์กรอิสระ หากจะให้พรรคการเมืองตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของประชาชนที่ไม่เลือกมากกว่า



แดง-ส้ม ขนทัพสู้ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ห่าง 100 เมตร พิธา ขอโอกาสพรรคประชาชนนั่งนายกอบจ.อุดร.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4915277

“แดง-ส้ม”ขนทัพสู้ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ห่าง 100 เมตร “พิธา”ขอโอกาสพรรคประชาชนนั่งนายกอบจ.อุดร พร้อมเป็นทูตท่องเที่ยวสร้างรายได้เพิ่ม
 
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี ช่วงก่อนวันเลือกตั้งวันที่ 24 พฤศจิกายน เป็นไปอย่างดุเดือด โดยผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ คือ หมายเลข 1 นายคณิศร ขุริรัง และหมายเลข 2 นายศราวุธ เพชรพนมพร เปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่อ.กุมภวาปี ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร โดยเวทีปราศรัยของนายคณิศร ตั้งอยู่ริมน้ำปาว ส่วนนายศราวุธจัดปราศรัยที่ลานสวนลิง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เพื่อรักษาความปลอดภัย
 
สำหรับเวทีปราศรัยของนายศราวุธ มีนายวิเชียร ขาวขำ อดีตนายกอบจ.อุดรธานี นายธีระชัย แสนแก้ว ขึ้นปราศรัย
 
นายธีระชัย กล่าวว่า ตนมาในฐานะผู้ช่วยหาเสียง จึงจัดเวทีปราศรัยในโค้งสุดท้าย การจัดเวทีครั้งนี้ไม่ได้ต้องการประชัน หรือส้มมาหยามถิ่นเสื้อแดงแต่อย่างใด แต่เป็นการเปิดเวทีปราศรัยที่มีในกำหนดการอยู่แล้ว แต่บังเอิญจัดเวทีปราศรัยพร้อมกันพอดี ถือว่ามีสีสันขึ้น ขนาดดีเบตเวทีเดียวกันก็ยังมี แต่วันนี้คนละเวที ใครชอบส้มก็ไปทางโน้น ใครชอบแดงก็มาทางนี้ คงไม่มีปัญหาอะไร พี่น้องประชาชนจะได้ตัดสินใจได้ง่าย หลายคนจะมองว่าจัดเวทีเผชิญหน้ากัน ยืนยันไม่มีแน่นอน ที่สำคัญมั่นใจเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี หมายเลข 2 ชนะแน่นอน
 
ด้านเวทีปราศรัยใหญ่พรรคประชาชน “คำตอบ สุดท้าย อบจ.รับใช้ประชาชน” ริมลำน้ำปาว หลังที่ว่าการอำเภอกุมภวาปี จ.อุดรธานี มีนายคณิศร ขุริรัง นายณัฐพงศ์ พิพัฒน์ไชยศิริ ส.ส.อุดรธานี เขต 1 พรรคประชาชน นายอรรถพล บัวพัฒน์ นายปิยะบุตร แสงกนกกุล นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน.พรรคประชาชน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลขึ้นปราศรัย โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ ขณะเดียวกันมีเวทีปราศรัยพรรคประชาชนในหลายอำเภอคู่ขนาน โดยมีแกนนำพรรคขึ้นปราศรัยด้วย อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต หน.พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต กก.พรรคอนาคตใหม่
 
นายปิยะบุตร กล่าวว่า พรรคประชาชนจัดหนักจัดเต็ม ขนทัพใหญ่มามากกว่า 30 ชีวิต เดินทางไปทั่วอุดรธานีไปทุกอำเภอ ตนไปปราศรัยย่อยมาแล้ว 4 จุด กว่าจะมาถึงกุมภวาปี จนคนบอกว่า “วันนี้สีส้มล้อมอุดรธานีไว้หมดแล้ว” กุมภวาปีไม่มาไม่ได้เพราะเป็นเขตของพี่ชายที่รัก เพราะที่นี่คราวที่แล้วเลือก ส.ส. แพ้ไปหน่อยเดียวไม่ถึง 1,000 คะแนน ไม่งั้นได้เป็นผู้แทนไปแล้ว อุดรธานีเคยมีนักการเมืองในอดีตที่มีชื่อเสียง ทุกคนรู้กันดีในการต่อสู้กับเผด็จการ นักการเมืองผู้นั้น คือ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม ท่านเป็นนักการเมืองอาวุโส เกิดที่ อ.สร้างคอม ต่อสู้กับอำนาจเผด็จการมาตลอด ต่อมาเป็นวุฒิสภา มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 40 นี่คือนักการเมืองตัวอย่างที่ทรงคุณค่า
 
“ อุดรฯขึ้นชื่อเป็นเมืองประชาธิปไตย กำลังถูกตั้งคำถามว่าคนอุดรฯเปลี่ยนไปหรือเปล่า ตั้งคำถามแล้วเปลี่ยนสีหรือเปล่า เปลี่ยนข้างหรือเปล่า สีแดงเข้มข้นตกเป็นสีส้มหรือเปล่า เขาตั้งคำถามแล้วก็เดินทางมาตามกลับมาให้หมด ที่เคยเป็นสีแดงให้ตามกลับมาให้หมด ความจริงคนอุดรฯไม่ได้เปลี่ยนจุดยืน ยังต่อสู้กับอำนาจอยุติธรรม อำนาจกดขี่เผด็จการ แต่พวกเขาต่างหากที่เปลี่ยนไปเอง ที่เปลี่ยนจากประชาชนไปหาอำนาจนิยม เดิมเคยยืนทะนงองอาจต่อสู้กับอำนาจอธรรม เขากลับเปลี่ยนไปสยบเพื่อแลกกับการเป็นรัฐบาล และเป็นรัฐมนตรี
 
คนอุดรฯแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง เลือกหลายพรรคหลายกลุ่ม จนกระทั่งปี 2548 คนอุดรฯเลือกพรรคเดียวยกแผงต่อเนื่องมาเกือบ 20 ปี ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อพรรคก็เหมือนเดิม กระทั่งการเลือกตั้งปี 2566 มีพรรคใหม่เกิดขึ้นรวมทั้งพรรคก้าวไกล พี่น้องรักพี่และเสียดายน้อง แต่ละพรรคต้านอำนาจ
เผด็จการ 2 พรรค พูดเหมือนกันจะไม่เอา “ลุง” ไม่เอา “สามปอ” ก็เลือกแบ่งกันไปคนละใบ การเลือกตั้งปี 66 พรรคก้าวไกลได้มาหนึ่งเขต พรรคไทยสร้างไทยได้มา 2 เขต แต่คะแนนบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลได้มา 3 แสน ประชาชนหวังว่าจะมารวมกันตั้งเป็นรัฐบาล แต่ที่ไหนได้พรรคก้าวไกลถูกเตะมาเป็นฝ่ายค้าน พี่ไปตั้งรัฐบาลกัน มีลุงไม่มีเรา ไม่มีสามปอ ไม่เอาละ สุดท้ายไปร่วมอยู่ด้วยกันหมดเลย รอบนี้บัตรมีใบเดียวดังนั้นแบ่งไม่ได้ รอบนี้เลือกเบอร์ 1 เท่านั้น 20 ปีทำมาแล้ว ครั้งนี้ขอโอกาสส้มทั้งอุดรธานี
 
ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน กล่าวว่า หาเสียงไม่พูดเรื่องการบ้านการเมือง แต่มาพูดเรื่องเงินๆทองๆ หลังจากเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะมาอุดรฯบ่อยขึ้น เพราะโดนไปหลายคดี นายศราวุธ เบอร์ 2 บอกว่าตนไปใส่ร้ายภรรยาเขาค้ายาเสพติด ตนไม่ได้พูดแบบนั้นไปฟังดีๆ ตนแค่ให้ข้อมูลว่าภรรยาท่านถือหุ้น แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ไม่ได้ไปกล่าวหาว่าภรรยาท่านค้ายาเสพติด สิ่งที่ตนพูดมันเป็นข่าวสารข้อมูลทั่วไป ไม่ได้เป็นข้อมูลลับ เคยมีข่าวคนไปร้องปราบปรามยาเสพติดว่านายศราวุธฯแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ตอนที่เป็น ส.ส.ไม่แจ้งหุ้นส่วนของภรรยาที่ไปพัวพันกับ “ตู้ห่าว” ก็แค่นั้น คดีนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการยุติธรรม ตนพูดก็กล้ารับผิดชอบไม่กังวลอะไร
 
ส่วนคุณวิเชียร อดีตนายก อบจ. แถลงเรื่องผมกล่าวหาให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องงบประมาณ จะไปแจ้งความดำเนินคดี ไม่เป็นไรที่มาที่ไปหลายท่านอาจไม่ได้ติดตาม เรื่องคือว่า อดีตนายกวิเชียรฯ ตอบโต้ หน.เท้ง ว่าเข้าใจผิดเรื่องงบ อบจ.อุดร ไม่ได้มีเงินเยอะแยะอะไรเงินติดลบอยู่ 80 ล้านบาท ผมตกใจว่ามันติดลบ 80 ล้านบาทจริงๆก็ต้องถามคุณวิเชียรฯ รีบหาเอกสารงบประมาณ ไปพูดในเวทีปราศรัย อ.บ้านดุง ว่าตัวเลขเงินสะสม 1,500 ล้าน มันอาจไม่ใช่เงินสดทั้งหมด เป็นทรัพย์สินด้วย แต่เอกสารมีจำกัด จึงตั้งคำถามว่าจะไปตามต่อ พอพูดถึง 80 ล้าน ก็นึกถึงตัวเลขค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ.อุดรฯตั้งไว้ 81 ล้าน เพื่อเลือกตั้งครั้งเดียว ถ้ารู้ว่า อบจ. อุดรฯเงินสดติดลบจะแนะนำให้ประหยัด จะรีบลาออกทำไม เพราะลาออกไปจะต้องเลือกตั้งอีกครั้ง น่าจะใช้งบอีก 81 ล้านบาท เลือกตั้งครั้งต่อไปก็ต้องเลือกตั้ง 2 ครั้ง ”
 
นายกวิเชียรบอกว่าเงินสดติดลบ 80 ล้านบาท ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเงินในธนาคาร มันมีเงินอยู่ไม่ต้องห่วงเงิน อบจ. แต่เป็นการติดลบในทางบัญชี หมายความว่ามีเงินอยู่แต่เอาออกมาใช้ไม่ได้ ต้องลบออกจากเงินที่ต้องสำรองไว้ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย เช่น เงินเดือนบุคลากร อบจ. 3เดือน และสำรองสาธารณภัยอีก 15% ของงบประมาณประจำปี เหลือเงินเกินเท่าไหร่จึงเอาไปใช้ได้ นายกวิเชียรฯบอกว่าเอาเงินไปซื้อวัคซีนโควิด จริงหรือเปล่าหรือจริงครึ่งเดียว คำถามมีอยู่ว่าการซื้อวัคซีน 100 กว่าล้านบาท ทำให้เงินติดลบได้ขนาดนั้นเชียวหรือ อบจ.หรือเทศบาล มีบริหารที่ดี เขามีแต่เงินสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เกิดโควิดไม่ได้มี อบจ.อุดรฯเดียว
 
หลายปีที่ผ่านมาเงินสด อบจ.อุดรฯถูกบริหารจัดการจนปริ่มน้ำ ใช้เงินซื้อวัคซีนไปเพียง 100 ล้าน ทำให้ติดลบเลยต่างจาก อบจ.อื่น ปี 64 เป็นต้นมาถ้าบริหารจัดการดี เงินสะสมควรจะเพิ่มขึ้น หากการประมูลจัดซื้อจัดจ้างแข่งขันกันเต็มที่ โปร่งใสไม่มีฮั้ว อาจได้ผู้เสนอราคาต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้ จากงบปี 2565 อบจ.อุดรฯประหยัดงบได้ร้อยละ 3.2 หรือ 100 บาทประหยัดไป 3 บาท ถ้าหากบริหารจัดการดีเราอาจจะได้ 5 บาท งบ อบจ.อุดรฯ ส่วนใหญ่ เป็นโครงสร้างพื้นฐานซึ่งสำคัญ ดูโครงสร้างพื้นฐานของ อบจ.อุดรฯ ปี 64 สินทรัพย์ 189.9 ล้าน ปี 65 ทรัพย์สินก้าวกระโดดเพิ่มไป 400 เพิ่มขึ้นเป็น 590.76 ล้าน ปี 66 เพิ่มขึ้นอีก 214.76 ล้าน รวมเป็น 805 ล้านบาท ขยันสร้างไปไหม ”
 
จากนั้นนายชัยธวัช นำเอกสารแสดงบนจอแอลอีดี พร้อมระบุว่า “รวมข้อมูลบริษัทเอกชนรับงาน อบจ.อุดรฯ เท่าที่มีข้อมูลตั้งแต่ปี 54- 67 ใครได้งานบ้าง 10 อันดับแรก คือ “ปล่อยปลา” ตั้งแต่ปี 61 – ปัจจุบัน รับงานอยู่รายเดียวจาก จ.สุพรรณบุรี 10 โครงการ วงเงิน 306 ล้านบาท ท่านบอกว่าชาวบ้านชอบ แต่ผมสนใจงานถนน เอกชนได้โครงการเยอะน่าสนใจมีอยู่สามราย เรียกว่า เอ-บี-ซี กรรมการและผู้ถือหุ้นสามราย น่าจะเป็นเครือญาติเพราะนามสกุลเดียวกัน สามบริษัทรวมกัน 500 กว่าล้าน เคยเป็นข่าวรายหนึ่งไปโยงหลายจังหวัด ถ้าพรรคประชาชนไปบริหาร อบจ.อุดร จะให้คณิศรรื้อให้หมด
 
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กล่าวว่า อยากพูดในนามหัวหน้าพรรค คือ มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ในการลงมาทำการเมืองท้องถิ่น แม้ตนยังจะไม่ใช่นายกที่ดีที่สุดในวันนี้
 
เราเชื่อว่าเราจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับการเมืองไทย ผมเชื่อมั่นในทีมงานทุกคน พูดประโยคนี้พูดแล้วยังขนลุก อยากบอกทุกคนว่า โชคดีญาติพี่น้องที่มาอยู่กับผม พี่น้องที่ร่วมเดินทางทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป แม้เขาจะค่อนขอดว่าสนามการเมืองท้องถิ่นมันจะยาก เดี๋ยวพรรคส้มก็แพ้ แต่ผมเชื่อว่า ตราบใดที่เราสู้ สู้ ต่อไป วันหนึ่งชัยชนะจะเป็นของเรา ทราบว่าเขตนี้การเลือกตั้ง ส.ส.ปีที่แล้ว อดีตผู้สมัครของเราแพ้ไปแบบเฉียดฉิวแค่ 900 กว่าคะแนน ถ้ากุมภวาปีเปลี่ยน อุดรธานีเปลี่ยน ประเทศไทยเปลี่ยนแน่
 
จากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวปราศรัยปลุกประชาชนเลือกหมายเลข 1 ในการวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ นายคณิศร พรรคประชาชน พร้อมเป็น 
นายก อบจ.อุดรธานีคนต่อไป จะเป็นนายก อบจ. ของคนทุกสี มันชัดเจนแล้วว่าคนที่ขยันกว่า เร็วกว่า และแม่นยำกว่า คือม้าตีนปลายที่ใกล้กวด และจะเข้าสู่ชัยชนะในวันอาทิตย์นี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่