กัณวีร์ ถาม เพื่อไทยกล้าไหม จับมือพรรคปชช. จัดตั้งรบ.ให้ตรงปก กลับมายืนข้างประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4736752
‘กัณวีร์’ ถามพรรคเพื่อไทย กล้าไหม ร่วมกับพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาลให้ตรงปก แก้ไขความผิดพลาดมายืนข้างประชาชน
วันที่ 15 สิงหาคม นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
โดยนาย
กัณวีร์ระบุว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ด้วยอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ตั้งแต่การยุบพรรคการเมือง มาจนถึงการพ้นจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ต้องทบทวนอำนาจขององค์กรอิสระ ที่มาตัดสินเสียงของประชาชน
“
แต่อย่างที่ทราบว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีที่มาไม่ตรงปก ตั้งแต่แรก พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ที่ควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้รับเลือก รัฐบาลที่ควรจะเกิดขึ้นจากฉันทามติของประชาชน จึงไม่ตรงปก”
นาย
กัณวีร์ เห็นว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ในเวลา 1 ปี จึงเป็นผลสะท้อนถึงความไม่ตรงปกของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเสียงของประชาชนไม่สามารถเลือกอะไรได้
“
การเลือกนายกรัฐมนตรีของผม แม้จะมีเพียงเสียงเดียวในสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ ยังยืนหยัดที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ที่มาจากเสียงอันดับ 1 ของประชาชน ซึ่งน่าเสียดายว่า อดีตพรรคก้าวไกล ที่วันนี้เป็นพรรคประชาชน คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพื่อนของผม ถูกตัดสิทธิไปแล้ว คงไม่เหลือตัวเลือกใดในสภาฯแห่งนี้”
นาย
กัณวีร์กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรีที่จะถูกเสนอชื่อ หากยังอยู่ในขั้วอำนาจเดิม ก็คงไม่มีใครเหมาะสมสำหรับตนเอง และถ้าหากจะเหมาะสม พรรคเพื่อไทย กล้าไหม ที่จะแก้ตัว กลับมาทำอะไรให้ตรงปก กล้าไหมที่จะมาจับมือกับพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาล กลับมายืนเคียงข้างประชาชน เสนอนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน หนึ่งเสียงของตนเองที่อาจจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง แต่เสียงดังพอที่จะชื่นชมท่าน ที่กลับมาทำให้ประชาธิปไตยตรงปกเสียที
“
แก้ไขความผิดพลาด จากนายกรัฐมนตรีไม่ตรงปก รัฐบาลไม่ตรงปก และประชาธิปไตยไม่ตรงปก พรรคเพื่อไทย กล้าไหมครับ มาจับมือกับ พรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาล” นาย
กัณวีร์กล่าวย้ำ
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0m34y5CiV9Ku39pteBNteMmXcRUukbHzoxnEEBZ4NmuZpH6u85u6NY4C5oVaqAK2kl
‘อ.เจษฎา’ ร่ายยาวแสดงจุดยืน! ไม่เห็นด้วยที่ยุบพรรค-สั่งพ้นตำแหน่ง
https://www.dailynews.co.th/news/3755412/
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ร่ายยาวแสดงจุดยืน ไม่เห็นด้วยที่ยุบพรรคที่ประชาชนจัดตั้ง-สั่งนักการเมืองพ้นตำแหน่ง
จากกรณีข่าวศาลรัฐธรรมนูญออกคำวินิจฉัยมีมติ 5 ต่อ 4 ในคดีร้องจากสมาชิกวุฒิสภาการแต่งตั้ง
พิชิต ชื่นบาน ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยส่งผลให้
เศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) โดยเศรษฐานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพียง 358 วัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ซึ่งต่อมาด้านอดีตพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน) ได้ออกมาโพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย ไม่เห็นด้วย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี เรื่องจริยธรรมควรเป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ศาล-องค์กรอิสระ ผูกขาดตีความ เหตุการณ์วันนี้เป็นสัญญาณ ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ ทบทวนอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ-องค์ครอิสระ
ต่อมาด้าน รศ.ดร.
เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ก็ได้ออกมาแชร์เพจของ พรรคก้าวไกล หรือ พรรคประชาชน พร้อมเขียนข้อความระบุว่า
อันนี้ดีครับ แสดงจุดยืนได้ดี ที่พรรคประชาชน (ก้าวไกล) ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย กับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวาน ผมก็เพิ่งให้สัมภาษณ์นักข่าว เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไปเหมือนกันครับ ว่าไม่เห็นด้วยกับหลักการที่ให้มีอำนาจมากมายล้นฟ้า ขนาดยุบพรรคการเมืองที่ประชาชนจัดตั้งกันขึ้นมา หรือแม้แต่การให้นักการเมืองพ้นจากตำแหน่ง
คือต้องเข้าใจว่า แต่แรกเดิม การมีระบบตุลาการรัฐธรรมนูญเข้ามานั้น เพียงแค่เพื่อช่วยในการตัดสินชี้ขาด กรณีเกิดความขัดแย้งในการใช้รัฐธรรมนูญขึ้นมา ระหว่างองค์กรต่างๆ เท่านั้น จะเห็นว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการ ก็มีทั้งที่เป็นตุลาการอยู่ และที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ รวมทั้งกลไกการพิจารณาตัดสิน ก็ค่อนข้างจะรวบรัด ไม่ได้มีรูปแบบในการไต่สวน หาข้อมูลหลักฐาน จนยืนยันได้ถึงความบริสุทธิ์หรือไม่ แบบที่ศาลยุติธรรมใช้กันอยู่
แต่หลังจากนั้น เมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นตามมาหลายครั้ง ทำให้เข้าสู่กระบวนการตุลาการภิวัฒน์ ปรับโครงสร้างกับกฎหมาย จนเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงมาก เหนือกว่า 3 องค์กรหลักทางประชาธิปไตย ที่เราเคยเรียนกันมา อย่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ เสียอีก นำไปสู่การตัดสินคดีความหลายครั้ง ที่เป็นที่กังขาว่า มีการใช้อำนาจเกินกว่าขอบเขตหรือไม่ บทเรียนที่เกิดขึ้นกับฝ่ายการเมืองอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม หวังว่าจะทำให้กลับมาทบทวนกันได้แล้ว ถึงความผิดปกติบิดเบี้ยว ของรัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่นะครับ
https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/3127950707335542
พรรคประชาชน มั่นใจไร้งูเห่า ขอเป็นฝ่ายค้าน ไม่ร่วมสังฆกรรม รัฐบาลผสมข้ามขั้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4736892
‘พรรคประชาชน’ ลั่น ไม่สังฆกรรม ‘รัฐบาลผสมข้ามขั้ว’ ไม่สนับสนุนแคนดิเดตจาก ‘เพื่อไทย’ ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน โยนพรรคร่วมฯหาเสียงให้ครบ ‘เท้ง’ มั่นใจไร้งูเห่าโหวตสวน เผย ยังไม่ได้รับรายงาน ติดต่อขอเสียง เตรียมย้ำในที่ประชุม ส.ส.อีกรอบเย็นนี้
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่รัฐสภา นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม ส.ส.พรรคประชาชน ร่วมแถลงจุดยืนของพรรคสืบเนื่องจากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ได้แถลงไปแล้วว่า พร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
โดยเนื้อหาสาระในการแถลงข่าวของพรรคประชาชนต่อจากนี้ จะยืนอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่เราทราบล่าสุด วันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันพรุ่งนี้ ตนขอยืนยันอุดมการทางการเมืองและจุดยืนของพรรคประชาชนว่า เรายังคงมั่นคงเหมือนเดิมตามที่เราได้เคยให้ไว้ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน
เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว รัฐสภามีการพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อ นาย
เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และเราเคยได้สื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนในฐานะอดีตพรรคก้าวไกล ว่าเราไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมผสานของพรรคการเมืองที่มีความเชื่อทางอุดมการต่างขั้วกันจะสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องชาวประชาชนได้
จากการประเมินการทำงานของรัฐบาลตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และยกระดับประชาธิปไตย เรายังคงคำเดิม แม้วันนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนคน แต่จะข่าวที่ปรากฏ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมมีความประสงค์จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลต่อ โดยการเสนอชื่อ นาย
ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในบรรดาพรรคร่วม มาเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนาย
เศรษฐา
ดังนั้น พรรคประชาชนขอยืนยันว่า พรรคประชาชนจะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน โดยไม่มีส่วนร่วมในการโหวตสนับสนุนนาย
ชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องร่วมกันเสนอชื่อ และคาดว่าคงมีการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และแม้พรรคประชาชนจะไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคตนเองได้ แต่ตนมีความพร้อมที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังต้องการผลักดันในอีกหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่การตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่เราจะใช้กลไกในรัฐสภาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้
พรรคประชาชน ขอยืนยันว่า แม้เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เรายังอีกหลายภารกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และมีอีกหลายวาระที่เราจำเป็นจะต้องผลักดันร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล
ยกตัวอย่าง กรณีที่คนในสังคมเห็นตรงกันแล้ว คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่โครงสร้างขององค์กรอิสระ และรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้เป็นเรื่องความรับผิดรับชอบทางการเมือง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่กลุ่มคนไม่กี่คนมาเป็นผู้ตัดสิน เพื่อทบทวนเงื่อนไขของการยุบพรรคให้สอดคล้องเป็นไปตามเงื่อนไขสากล ซึ่งสามารถดำเนินการคู่ขนานไปกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
หลังจากนี้ พรรคประชาชน จะถึงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว ผ่านกลไกของรัฐสภา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะให้ความร่วมไม้ร่วมมือกับเราในภารกิจดังกล่าว เพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดที่เป็นของพ่อแม่พี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า แรงกระเพื่อมภายในรัฐบาลยังมีอยู่มั่นใจหรือไม่ว่า ส.ส.ประชาชนจะไม่มีการโหวตสวนเป็นงูเห่า นาย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีแน่นอน จากตัวเลขของเพื่อน ส.ส. ที่มาร่วมกับพรรคประชาชน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น
ส่วนแคนดิเดตฯ เป็นนาย
ชัยเกษม จะเหมาะสมหรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้หารือกัน ในส่วนของพรรคประชาชนเราจะขอทำหน้าที่ในฐานะแกนนำฝ่ายค้านต่อ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปแสดงความคิดเห็นได้
ส่วนเรื่องสุขภาพของนาย
ชัยเกษมนั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรครวมรัฐบาลจะต้องหารือกัน และไม่ว่าพรุ่งนี้จะมีการเสนอชื่อใครจากพรรคเพื่อไทย ก็เป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องหลังได้มีพรรคเพื่อไทยติดต่อมาขอเสียงสนับสนุนหรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริง ตนยังไม่ได้ได้รับรายงาน
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากโดนคดีจากศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะมีโอกาสร่วมงานด้วยหรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์ระบุว่า ถ้าเป็นวาระร่วมกันอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป. รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ตนคิดว่าพรรคประชาชนพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากองค์กรอิสระจะรวมแก้ไข ม. 112 ด้วยหรือไม่ นาย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้องกับ ม. 112 อาจจะคนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ใช่ปัญหาในการร่วมมือกับรัฐบาล
ส่วนกรณีที่นายอนุทินยังยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่สนับสนุนการแก้ไข 112 นั้น นาย
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนคิดว่าคำแถลงของนาย
อนุทิน น่าจะหมายถึงการจับมือเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
JJNY : กัณวีร์ถาม พท.กล้าไหมจับมือพรรคปชช.│‘อ.เจษฎา’ร่ายยาวแสดงจุดยืน!│พรรคปชช.ไม่ร่วมรบ.ผสมข้ามขั้ว│รอยเตอร์ถามความเห็น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4736752
‘กัณวีร์’ ถามพรรคเพื่อไทย กล้าไหม ร่วมกับพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาลให้ตรงปก แก้ไขความผิดพลาดมายืนข้างประชาชน
วันที่ 15 สิงหาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
โดยนายกัณวีร์ระบุว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร จะต้องพ้นจากตำแหน่ง ด้วยอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ตั้งแต่การยุบพรรคการเมือง มาจนถึงการพ้นจากตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ต้องทบทวนอำนาจขององค์กรอิสระ ที่มาตัดสินเสียงของประชาชน
“แต่อย่างที่ทราบว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีที่มาไม่ตรงปก ตั้งแต่แรก พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ที่ควรเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้รับเลือก รัฐบาลที่ควรจะเกิดขึ้นจากฉันทามติของประชาชน จึงไม่ตรงปก”
นายกัณวีร์ เห็นว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ในเวลา 1 ปี จึงเป็นผลสะท้อนถึงความไม่ตรงปกของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเสียงของประชาชนไม่สามารถเลือกอะไรได้
“การเลือกนายกรัฐมนตรีของผม แม้จะมีเพียงเสียงเดียวในสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ ยังยืนหยัดที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ที่มาจากเสียงอันดับ 1 ของประชาชน ซึ่งน่าเสียดายว่า อดีตพรรคก้าวไกล ที่วันนี้เป็นพรรคประชาชน คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพื่อนของผม ถูกตัดสิทธิไปแล้ว คงไม่เหลือตัวเลือกใดในสภาฯแห่งนี้”
นายกัณวีร์กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรีที่จะถูกเสนอชื่อ หากยังอยู่ในขั้วอำนาจเดิม ก็คงไม่มีใครเหมาะสมสำหรับตนเอง และถ้าหากจะเหมาะสม พรรคเพื่อไทย กล้าไหม ที่จะแก้ตัว กลับมาทำอะไรให้ตรงปก กล้าไหมที่จะมาจับมือกับพรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาล กลับมายืนเคียงข้างประชาชน เสนอนายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน หนึ่งเสียงของตนเองที่อาจจะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง แต่เสียงดังพอที่จะชื่นชมท่าน ที่กลับมาทำให้ประชาธิปไตยตรงปกเสียที
“แก้ไขความผิดพลาด จากนายกรัฐมนตรีไม่ตรงปก รัฐบาลไม่ตรงปก และประชาธิปไตยไม่ตรงปก พรรคเพื่อไทย กล้าไหมครับ มาจับมือกับ พรรคประชาชน จัดตั้งรัฐบาล” นายกัณวีร์กล่าวย้ำ
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0m34y5CiV9Ku39pteBNteMmXcRUukbHzoxnEEBZ4NmuZpH6u85u6NY4C5oVaqAK2kl
‘อ.เจษฎา’ ร่ายยาวแสดงจุดยืน! ไม่เห็นด้วยที่ยุบพรรค-สั่งพ้นตำแหน่ง
https://www.dailynews.co.th/news/3755412/
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ร่ายยาวแสดงจุดยืน ไม่เห็นด้วยที่ยุบพรรคที่ประชาชนจัดตั้ง-สั่งนักการเมืองพ้นตำแหน่ง
จากกรณีข่าวศาลรัฐธรรมนูญออกคำวินิจฉัยมีมติ 5 ต่อ 4 ในคดีร้องจากสมาชิกวุฒิสภาการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยส่งผลให้ เศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) โดยเศรษฐานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพียง 358 วัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ซึ่งต่อมาด้านอดีตพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน) ได้ออกมาโพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย ไม่เห็นด้วย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี เรื่องจริยธรรมควรเป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ศาล-องค์กรอิสระ ผูกขาดตีความ เหตุการณ์วันนี้เป็นสัญญาณ ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ ทบทวนอำนาจหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ-องค์ครอิสระ
ต่อมาด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ก็ได้ออกมาแชร์เพจของ พรรคก้าวไกล หรือ พรรคประชาชน พร้อมเขียนข้อความระบุว่า
อันนี้ดีครับ แสดงจุดยืนได้ดี ที่พรรคประชาชน (ก้าวไกล) ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย กับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวาน ผมก็เพิ่งให้สัมภาษณ์นักข่าว เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไปเหมือนกันครับ ว่าไม่เห็นด้วยกับหลักการที่ให้มีอำนาจมากมายล้นฟ้า ขนาดยุบพรรคการเมืองที่ประชาชนจัดตั้งกันขึ้นมา หรือแม้แต่การให้นักการเมืองพ้นจากตำแหน่ง
คือต้องเข้าใจว่า แต่แรกเดิม การมีระบบตุลาการรัฐธรรมนูญเข้ามานั้น เพียงแค่เพื่อช่วยในการตัดสินชี้ขาด กรณีเกิดความขัดแย้งในการใช้รัฐธรรมนูญขึ้นมา ระหว่างองค์กรต่างๆ เท่านั้น จะเห็นว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการ ก็มีทั้งที่เป็นตุลาการอยู่ และที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ รวมทั้งกลไกการพิจารณาตัดสิน ก็ค่อนข้างจะรวบรัด ไม่ได้มีรูปแบบในการไต่สวน หาข้อมูลหลักฐาน จนยืนยันได้ถึงความบริสุทธิ์หรือไม่ แบบที่ศาลยุติธรรมใช้กันอยู่
แต่หลังจากนั้น เมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นตามมาหลายครั้ง ทำให้เข้าสู่กระบวนการตุลาการภิวัฒน์ ปรับโครงสร้างกับกฎหมาย จนเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงมาก เหนือกว่า 3 องค์กรหลักทางประชาธิปไตย ที่เราเคยเรียนกันมา อย่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ เสียอีก นำไปสู่การตัดสินคดีความหลายครั้ง ที่เป็นที่กังขาว่า มีการใช้อำนาจเกินกว่าขอบเขตหรือไม่ บทเรียนที่เกิดขึ้นกับฝ่ายการเมืองอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม หวังว่าจะทำให้กลับมาทบทวนกันได้แล้ว ถึงความผิดปกติบิดเบี้ยว ของรัฐธรรมนูญที่ใช้กันอยู่นะครับ
https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/3127950707335542
พรรคประชาชน มั่นใจไร้งูเห่า ขอเป็นฝ่ายค้าน ไม่ร่วมสังฆกรรม รัฐบาลผสมข้ามขั้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4736892
‘พรรคประชาชน’ ลั่น ไม่สังฆกรรม ‘รัฐบาลผสมข้ามขั้ว’ ไม่สนับสนุนแคนดิเดตจาก ‘เพื่อไทย’ ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน โยนพรรคร่วมฯหาเสียงให้ครบ ‘เท้ง’ มั่นใจไร้งูเห่าโหวตสวน เผย ยังไม่ได้รับรายงาน ติดต่อขอเสียง เตรียมย้ำในที่ประชุม ส.ส.อีกรอบเย็นนี้
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม ส.ส.พรรคประชาชน ร่วมแถลงจุดยืนของพรรคสืบเนื่องจากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ได้แถลงไปแล้วว่า พร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
โดยเนื้อหาสาระในการแถลงข่าวของพรรคประชาชนต่อจากนี้ จะยืนอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่เราทราบล่าสุด วันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันพรุ่งนี้ ตนขอยืนยันอุดมการทางการเมืองและจุดยืนของพรรคประชาชนว่า เรายังคงมั่นคงเหมือนเดิมตามที่เราได้เคยให้ไว้ต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน
เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว รัฐสภามีการพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และเราเคยได้สื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนในฐานะอดีตพรรคก้าวไกล ว่าเราไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมผสานของพรรคการเมืองที่มีความเชื่อทางอุดมการต่างขั้วกันจะสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องชาวประชาชนได้
จากการประเมินการทำงานของรัฐบาลตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และยกระดับประชาธิปไตย เรายังคงคำเดิม แม้วันนี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนคน แต่จะข่าวที่ปรากฏ พรรคร่วมรัฐบาลชุดเดิมมีความประสงค์จะเดินหน้าเป็นรัฐบาลต่อ โดยการเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดในบรรดาพรรคร่วม มาเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายเศรษฐา
ดังนั้น พรรคประชาชนขอยืนยันว่า พรรคประชาชนจะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน โดยไม่มีส่วนร่วมในการโหวตสนับสนุนนายชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องร่วมกันเสนอชื่อ และคาดว่าคงมีการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และแม้พรรคประชาชนจะไม่สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคตนเองได้ แต่ตนมีความพร้อมที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังต้องการผลักดันในอีกหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่การตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน แต่เราจะใช้กลไกในรัฐสภาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้
พรรคประชาชน ขอยืนยันว่า แม้เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เรายังอีกหลายภารกิจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และมีอีกหลายวาระที่เราจำเป็นจะต้องผลักดันร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล
ยกตัวอย่าง กรณีที่คนในสังคมเห็นตรงกันแล้ว คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนขอบเขตอำนาจหน้าที่โครงสร้างขององค์กรอิสระ และรัฐธรรมนูญ เพื่อทบทวนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมให้เป็นเรื่องความรับผิดรับชอบทางการเมือง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินไม่ใช่กลุ่มคนไม่กี่คนมาเป็นผู้ตัดสิน เพื่อทบทวนเงื่อนไขของการยุบพรรคให้สอดคล้องเป็นไปตามเงื่อนไขสากล ซึ่งสามารถดำเนินการคู่ขนานไปกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
หลังจากนี้ พรรคประชาชน จะถึงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว ผ่านกลไกของรัฐสภา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะให้ความร่วมไม้ร่วมมือกับเราในภารกิจดังกล่าว เพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดที่เป็นของพ่อแม่พี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า แรงกระเพื่อมภายในรัฐบาลยังมีอยู่มั่นใจหรือไม่ว่า ส.ส.ประชาชนจะไม่มีการโหวตสวนเป็นงูเห่า นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีแน่นอน จากตัวเลขของเพื่อน ส.ส. ที่มาร่วมกับพรรคประชาชน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น
ส่วนแคนดิเดตฯ เป็นนายชัยเกษม จะเหมาะสมหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้หารือกัน ในส่วนของพรรคประชาชนเราจะขอทำหน้าที่ในฐานะแกนนำฝ่ายค้านต่อ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปแสดงความคิดเห็นได้
ส่วนเรื่องสุขภาพของนายชัยเกษมนั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรครวมรัฐบาลจะต้องหารือกัน และไม่ว่าพรุ่งนี้จะมีการเสนอชื่อใครจากพรรคเพื่อไทย ก็เป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลได้พิจารณามาอย่างดีแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องหลังได้มีพรรคเพื่อไทยติดต่อมาขอเสียงสนับสนุนหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริง ตนยังไม่ได้ได้รับรายงาน
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากโดนคดีจากศาลรัฐธรรมนูญ พรรคประชาชนจะมีโอกาสร่วมงานด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ถ้าเป็นวาระร่วมกันอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป. รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ตนคิดว่าพรรคประชาชนพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากองค์กรอิสระจะรวมแก้ไข ม. 112 ด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้องกับ ม. 112 อาจจะคนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ใช่ปัญหาในการร่วมมือกับรัฐบาล
ส่วนกรณีที่นายอนุทินยังยืนยันว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่สนับสนุนการแก้ไข 112 นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนคิดว่าคำแถลงของนายอนุทิน น่าจะหมายถึงการจับมือเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ