“นิด้าโพล”คนอุบลฯหนุน”อุ๊งอิ๊ง”เลือกส.ส.เพื่อไทยนำโด่ง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_530848/
“นิด้าโพล” คนอุบลฯหนุน”อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ ส่วน ส.ส.เขต-บัญชีรายชื่อ เทให้เพื่อไทย โดยมี ก้าวไกล ตามมาเป็นอันดับ ส่วน “ลุงตู่” กับ รวมไทยสร้างชาติ รั้งอันดับ 3
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “
นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนอุบลราชธานี เลือกพรรคไหน” โดยทำการสำรวจด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานี กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,100 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 27-30 มี.ค.ที่ผ่านมา
พบว่าร้อยละ 45.55 จะสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ , ร้อยละ 12.18 ระบุ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 10.82 ระบุพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ, ร้อยละ 7.45 ระบุ นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย, และร้อยละ 7.09 ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย
ส่วน พรรคการเมืองที่คนอุบลราชธานีจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ร้อยละ 62.27 พรรคเพื่อไทย, ร้อยละ 12.55 พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 7.18 พรรครวมไทยสร้างชาติ, ร้อยละ 4.09พรรคไทยสร้างไทย และร้อยละ 3.82 พรรคประชาธิปัตย์
สำหรับ พรรคการเมืองที่คนอุบลราชธานี จะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ร้อยละ 61.36 พรรคเพื่อไทย,ร้อยละ 12.91 พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 8.09 พรรครวมไทยสร้างชาติ,ร้อยละ 4.09พรรคไทยสร้างไทย และ ร้อยละ 3.73 พรรคประชาธิปัตย์
ศิริกัญญา รอฟังหลักการ ‘เงินดิจิทัล’ เพื่อไทย เชื่อ ปชช.ตัดสินได้ เกิดประโยชน์ศก.หรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3917723
‘ศิริกัญญา’ รอฟังหลักการ ‘แจกเงินดิจิทัล’ ชี้ ใช้งบทำนโยบายต้องไม่กระทบ ‘จ่ายหนี้’ เชื่อ ปชช.ตัดสินเองได้ เกิดประโยชน์ต่อ ศก.หรือไม่
เมื่อวันที่ 8 เมษายน น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า นโยบายแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่ผิดกฎหมายสัญญาว่าจะให้ คิดว่าจะเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรค พท.มากขึ้นหรือไม่ เพราะถือว่าได้ไฟเขียวที่จะนำไปใช้นโยบายในการหาเสียงว่า ความเห็นของ กกต.ถือว่าตรงไปตรงมา เพราะการทำนโยบายต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะเป็นไฟเขียวให้นโยบายนี้ เพื่อเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้พรรค พท.ไม่ใช่ไฟเขียวจาก กกต.แต่เป็นไฟเขียวจากประชาชนมากกว่า
“
ตอนนี้คิดว่าพรรค พท.กำลังพยายามสื่อสารและชี้แจงในสิ่งที่ประชาชนตั้งคำถามอยู่ ทั้งที่มาของงบประมาณ สามารถนำไปใช้หนี้ได้จริงหรือไม่ และกำหนดรัศมี 4 กิโลเมตร ตามทะเบียนบ้านจริงหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าการใช้งบประมาณมากขนาดนี้ จะสามารถทำให้เศรษฐกิจโตได้อย่างไร จึงต้องรอคำอธิบายจากพรรค พท.”
น.ส.
ศิริกัญญากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่นำมาใช้เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ เหมือนกับตอนที่นำนโยบายคนละครึ่งมาเยียวยาประชาชน เพราะบางเครื่องมือของนโยบายเหมาะสมกับการใช้ในบางเรื่อง ยกตัวอย่างอยากจะกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ดิจิทัลวอลเล็ต โดยการให้เงินก้นถุง ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ต้องถึง 10,000 บาท ถ้าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องใช้เครื่องมือที่ประชาชนคุ้นเคย อีกอย่างคือ พรรค พท.ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อเงินเฟ้อหรือไม่ และมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า เราไม่รู้ว่าประชานิยมสุดขั้วคืออะไร แต่เราจะเน้นว่าการออกนโยบายต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน จึงต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมาว่างบประมาณมาจากไหน และทำวิธีการนี้แล้วจะได้อะไร นี่คือสิ่งที่เรายังรอรายละเอียดกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนสามารถตัดสินใจได้ว่านโยบายนี้จะเกิดประโยชน์กับเขาจริงหรือไม่
เมื่อถามว่า ถ้าพรรค พท.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค ก.ก. หาก พรรค ก.ก.ยังเห็นว่านโยบายนี้ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ จะทำอย่างไร น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า คงต้องพูดคุยกันระหว่างพรรคร่วม เพราะการทำนโยบายหนึ่งจะไปกันที่การทำนโยบายอื่นๆ แต่เราไม่ได้กังวลการทำนโยบายใหญ่ของพรรค ก.ก.ที่ต้องใช้งบมาก เพราะเราจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บภาษี และการเก็บภาษีใหม่ๆ อยู่แล้ว เมื่อเราได้ฟังพรรค พท.พูดว่า จะใช้เม็ดเงินกระตุ้น 5.4 แสนล้านบาท เรายังคิดว่าพรรค พท.จะคิดตรงกันว่าจำเป็นต้องปฏิรูประบบภาษีของประเทศนี้ด้วย แต่ว่าพรรค พท.ไม่ได้แตะเรื่องนี้ กลับหันไปใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้ว ซึ่งค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างมาก เพราะปี 2567 มีภาระเงินต้น และการชำระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาอีก 3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.3 แสนล้านบาท และดูเหมือนว่า พรรค พท.จะนำงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาทั้งหมดมาโปะโครงการนี้ จึงมีข้อกังวลว่าอาจจะทำให้เราไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ ทำให้ต้องมาพูดคุยกันว่าจะปรับปรุงงบประมาณไม่ให้กระทบกับหนี้ที่ต้องชำระคืนตามกฎหมาย
ศิลปินไม่ทนฝุ่นพิษ! วาดรูปส่งสัญญะ #SaveChiangRai หาเงินช่วยอาสาดับไฟป่า
https://www.matichon.co.th/region/news_3918723
ศิลปินไม่ทนฝุ่นพิษ! วาดรูปส่งสัญญะ #SaveChiangRai หาเงินช่วยอาสาดับไฟป่า ลด PM 2.5
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่สมาคมขัวศิลปะ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ พร้อมคณะกรรมการ และศิลปินเชียงราย ร่วมสร้างสรรค์ Wall Art ขนาด 2.50 x 13 เมตร เล่าเรื่อง ปัญหามลภาวะหมอกควัน PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการ “
Save Chiang Rai, 2023 I love this town but PM 2.5 Is killing me!” เพื่อเป็นการสื่อทุกคนให้ตระหนักถึงพิษของมลภาวะทางอากาศกับปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ผ่านงานด้านศิลปะและศิลปิน
โดยโครงการดังกล่าวเป็นการ สานต่อจากโครงการ Art for Air ที่ศิลปินภาคเหนือได้สะท้อนงานศิลปะในหลายมุมมองเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันที่กระทบกับประชาชนในพื้นที่ อันส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสังคม โดยในช่วงการแสดงออกของศิลปินเชียงราย ยังได้มีการบรรเลงจากปี่น้ำเต้า จาก อาจารย์ฉลอง พินิจสุวรรณ และ อาจารย์เชิด สันดุษิต อ่านบทกวี หมอกควันไฟห่ม
ทั้งนี้ ภาพวาด ขนาด 2.50 x 13 เมตร เป็นการเล่าเรื่องราวความโหดร้ายของปัญหาหมอกควัน PM 2.5 บนกำแพงศิลปะโดยศิลปินเชียงราย
“Butterfly Effect” (บัตเตอร์ฟลาย เอ๊ฟเฟ็กต์ ทฤษฏีผีเสื้อขยับปีก) ความมืดครึ้มมัวหมองของอากาศ เป็นภาพสะท้อน “
การกระทำของคนไม่กี่คน ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงให้กับผู้คนจำนวนมาก” จากปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดปัญหาทั้งสุขภาพ และการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนทั่วทุกพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย
นอกจากนี้ยังจัด กิจกรรมประมูลภาพวาดศิลปะจากศิลปินเชียงราย เพื่อเป็นกองทุนตั้งต้นในการนำมาจัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างการรับรู้ โดยจัดให้มีการนำผลงานของศิลปินทั่วประเทศส่งมาเพื่อประมูลในเพจขัวศิลปะ เพื่อนำรายการร่วมโครงการฯ และเพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศในปีต่อไป และยังนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งมอบให้อาสาดับไฟป่า และยังมีกิจกรรมรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น เพื่อนำไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ จิตอาสา ในการดับไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายในขณะนี้
JJNY : “นิด้าโพล”คนอุบลฯหนุน”อุ๊งอิ๊ง”│ศิริกัญญารอฟังหลักการ‘เงินดิจิทัล’│ศิลปินไม่ทนฝุ่นพิษ!│ยูเครนเตรียมหวนส่งออกไฟฟ้า
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_530848/
“นิด้าโพล” คนอุบลฯหนุน”อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ ส่วน ส.ส.เขต-บัญชีรายชื่อ เทให้เพื่อไทย โดยมี ก้าวไกล ตามมาเป็นอันดับ ส่วน “ลุงตู่” กับ รวมไทยสร้างชาติ รั้งอันดับ 3
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนอุบลราชธานี เลือกพรรคไหน” โดยทำการสำรวจด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานี กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,100 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 27-30 มี.ค.ที่ผ่านมา
พบว่าร้อยละ 45.55 จะสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ , ร้อยละ 12.18 ระบุ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 10.82 ระบุพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ, ร้อยละ 7.45 ระบุ นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย, และร้อยละ 7.09 ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย
ส่วน พรรคการเมืองที่คนอุบลราชธานีจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ร้อยละ 62.27 พรรคเพื่อไทย, ร้อยละ 12.55 พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 7.18 พรรครวมไทยสร้างชาติ, ร้อยละ 4.09พรรคไทยสร้างไทย และร้อยละ 3.82 พรรคประชาธิปัตย์
สำหรับ พรรคการเมืองที่คนอุบลราชธานี จะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ร้อยละ 61.36 พรรคเพื่อไทย,ร้อยละ 12.91 พรรคก้าวไกล, ร้อยละ 8.09 พรรครวมไทยสร้างชาติ,ร้อยละ 4.09พรรคไทยสร้างไทย และ ร้อยละ 3.73 พรรคประชาธิปัตย์
ศิริกัญญา รอฟังหลักการ ‘เงินดิจิทัล’ เพื่อไทย เชื่อ ปชช.ตัดสินได้ เกิดประโยชน์ศก.หรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3917723
‘ศิริกัญญา’ รอฟังหลักการ ‘แจกเงินดิจิทัล’ ชี้ ใช้งบทำนโยบายต้องไม่กระทบ ‘จ่ายหนี้’ เชื่อ ปชช.ตัดสินเองได้ เกิดประโยชน์ต่อ ศก.หรือไม่
เมื่อวันที่ 8 เมษายน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า นโยบายแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่ผิดกฎหมายสัญญาว่าจะให้ คิดว่าจะเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรค พท.มากขึ้นหรือไม่ เพราะถือว่าได้ไฟเขียวที่จะนำไปใช้นโยบายในการหาเสียงว่า ความเห็นของ กกต.ถือว่าตรงไปตรงมา เพราะการทำนโยบายต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะเป็นไฟเขียวให้นโยบายนี้ เพื่อเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้พรรค พท.ไม่ใช่ไฟเขียวจาก กกต.แต่เป็นไฟเขียวจากประชาชนมากกว่า
“ตอนนี้คิดว่าพรรค พท.กำลังพยายามสื่อสารและชี้แจงในสิ่งที่ประชาชนตั้งคำถามอยู่ ทั้งที่มาของงบประมาณ สามารถนำไปใช้หนี้ได้จริงหรือไม่ และกำหนดรัศมี 4 กิโลเมตร ตามทะเบียนบ้านจริงหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าการใช้งบประมาณมากขนาดนี้ จะสามารถทำให้เศรษฐกิจโตได้อย่างไร จึงต้องรอคำอธิบายจากพรรค พท.”
น.ส.ศิริกัญญากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่นำมาใช้เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ เหมือนกับตอนที่นำนโยบายคนละครึ่งมาเยียวยาประชาชน เพราะบางเครื่องมือของนโยบายเหมาะสมกับการใช้ในบางเรื่อง ยกตัวอย่างอยากจะกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ดิจิทัลวอลเล็ต โดยการให้เงินก้นถุง ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ต้องถึง 10,000 บาท ถ้าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องใช้เครื่องมือที่ประชาชนคุ้นเคย อีกอย่างคือ พรรค พท.ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อเงินเฟ้อหรือไม่ และมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีมองว่าเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้ว น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เราไม่รู้ว่าประชานิยมสุดขั้วคืออะไร แต่เราจะเน้นว่าการออกนโยบายต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน จึงต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมาว่างบประมาณมาจากไหน และทำวิธีการนี้แล้วจะได้อะไร นี่คือสิ่งที่เรายังรอรายละเอียดกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนสามารถตัดสินใจได้ว่านโยบายนี้จะเกิดประโยชน์กับเขาจริงหรือไม่
เมื่อถามว่า ถ้าพรรค พท.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค ก.ก. หาก พรรค ก.ก.ยังเห็นว่านโยบายนี้ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ จะทำอย่างไร น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า คงต้องพูดคุยกันระหว่างพรรคร่วม เพราะการทำนโยบายหนึ่งจะไปกันที่การทำนโยบายอื่นๆ แต่เราไม่ได้กังวลการทำนโยบายใหญ่ของพรรค ก.ก.ที่ต้องใช้งบมาก เพราะเราจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บภาษี และการเก็บภาษีใหม่ๆ อยู่แล้ว เมื่อเราได้ฟังพรรค พท.พูดว่า จะใช้เม็ดเงินกระตุ้น 5.4 แสนล้านบาท เรายังคิดว่าพรรค พท.จะคิดตรงกันว่าจำเป็นต้องปฏิรูประบบภาษีของประเทศนี้ด้วย แต่ว่าพรรค พท.ไม่ได้แตะเรื่องนี้ กลับหันไปใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้ว ซึ่งค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างมาก เพราะปี 2567 มีภาระเงินต้น และการชำระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาอีก 3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.3 แสนล้านบาท และดูเหมือนว่า พรรค พท.จะนำงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาทั้งหมดมาโปะโครงการนี้ จึงมีข้อกังวลว่าอาจจะทำให้เราไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ ทำให้ต้องมาพูดคุยกันว่าจะปรับปรุงงบประมาณไม่ให้กระทบกับหนี้ที่ต้องชำระคืนตามกฎหมาย
ศิลปินไม่ทนฝุ่นพิษ! วาดรูปส่งสัญญะ #SaveChiangRai หาเงินช่วยอาสาดับไฟป่า
https://www.matichon.co.th/region/news_3918723
ศิลปินไม่ทนฝุ่นพิษ! วาดรูปส่งสัญญะ #SaveChiangRai หาเงินช่วยอาสาดับไฟป่า ลด PM 2.5
เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่สมาคมขัวศิลปะ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ พร้อมคณะกรรมการ และศิลปินเชียงราย ร่วมสร้างสรรค์ Wall Art ขนาด 2.50 x 13 เมตร เล่าเรื่อง ปัญหามลภาวะหมอกควัน PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการ “Save Chiang Rai, 2023 I love this town but PM 2.5 Is killing me!” เพื่อเป็นการสื่อทุกคนให้ตระหนักถึงพิษของมลภาวะทางอากาศกับปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ผ่านงานด้านศิลปะและศิลปิน
โดยโครงการดังกล่าวเป็นการ สานต่อจากโครงการ Art for Air ที่ศิลปินภาคเหนือได้สะท้อนงานศิลปะในหลายมุมมองเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันที่กระทบกับประชาชนในพื้นที่ อันส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสังคม โดยในช่วงการแสดงออกของศิลปินเชียงราย ยังได้มีการบรรเลงจากปี่น้ำเต้า จาก อาจารย์ฉลอง พินิจสุวรรณ และ อาจารย์เชิด สันดุษิต อ่านบทกวี หมอกควันไฟห่ม
ทั้งนี้ ภาพวาด ขนาด 2.50 x 13 เมตร เป็นการเล่าเรื่องราวความโหดร้ายของปัญหาหมอกควัน PM 2.5 บนกำแพงศิลปะโดยศิลปินเชียงราย “Butterfly Effect” (บัตเตอร์ฟลาย เอ๊ฟเฟ็กต์ ทฤษฏีผีเสื้อขยับปีก) ความมืดครึ้มมัวหมองของอากาศ เป็นภาพสะท้อน “การกระทำของคนไม่กี่คน ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงให้กับผู้คนจำนวนมาก” จากปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดปัญหาทั้งสุขภาพ และการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนทั่วทุกพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย
นอกจากนี้ยังจัด กิจกรรมประมูลภาพวาดศิลปะจากศิลปินเชียงราย เพื่อเป็นกองทุนตั้งต้นในการนำมาจัดกิจกรรมรณรงค์ สร้างการรับรู้ โดยจัดให้มีการนำผลงานของศิลปินทั่วประเทศส่งมาเพื่อประมูลในเพจขัวศิลปะ เพื่อนำรายการร่วมโครงการฯ และเพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศในปีต่อไป และยังนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งมอบให้อาสาดับไฟป่า และยังมีกิจกรรมรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น เพื่อนำไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ จิตอาสา ในการดับไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายในขณะนี้