นักรบด่านสุดท้าย
ล. วิลิศมาหรา
เมฆ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ชาวเมืองกรุงเก่าอยุธยา ผู้พิสมัยการท่องป่าเป็นชีวิตจิตใจ กำลังขับรถจี๊ปคู่ใจมุ่งหน้าไปทางด่านเจดีย์สามองค์ หวังใจจะเข้าไปในเขตป่าพม่าเพื่อท่องเที่ยว โดยมีเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน และชอบท่องเที่ยวป่าเหมือนกันอีกสองคนนั่งรถมาด้วย ทั้งหมดรู้จักกันตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาอาสา ตอนที่เมฆได้รับเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมอาสาที่จังหวัดอ่างทอง
ในการออกทริปครั้งนี้ ต้นคิดที่อยากจะไปเที่ยวป่าพม่าเป็นคมสันต์กับเมธี ที่ตอนนี้กำลังคุยฟุ้งกับเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตอย่างออกรสออกชาติ สลับกับเสียงหัวเราะของคนในรถจนดังลั่นไปหมด เท่าที่เมฆรู้คมสันต์เคยเล่าให้ฟังแต่เพียงสั้น ๆ ว่า เคยท่องป่าแถบชายแดนพม่าอยู่ครั้งหนึ่งกับพ่อตอนสมัยเด็ก
และบอกว่าป่าที่นั่นน่ากลัวมาก จนไม่คิดที่จะอยากไปป่าแถบนั้นอีกเลย แต่ทว่าการที่พวกเขาจู่ ๆ มาชวนเมฆในครั้งนี้ มันทำให้เมฆรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
"กูล่ะงงๆ กับพวกมnงสองคนจริงๆ นี่มันเกิดมีอะไรมาดลใจหรือไงวะ ถึงขั้นออกปากชวนมาป่าแถวชายแดนพม่า แต่ก่อนกูชวนนับครั้งไม่ถ้วน พวกมืงก็เอาแต่อ้างนั่นอ้างนี่ ไม่คิดจะมา"
เมฆส่งเสียงถามพรางทำสีหน้าสงสัย แล้วหันมาทางเบาะข้างที่คมสันต์นั่งอยู่ ก่อนจะละสายตามองไปที่ถนนตามเดิม
"กูก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ะไอ้เมฆ ครั้งนี้มันดันทะลึ่งเกิดอยากจะรื้อฟื้นความจำในวัยเด็กตอนที่ได้เข้าป่าไปกับพ่อ ซึ่งกูเองก็อยากจะลืม ๆ ลบมันออกจากความทรงจำซะด้วยซ้ำ แต่มันก็ยิ่งจำอยู่นั่นแหละ ลืมไม่เคยได้เลยซักที ส่วนไอ้เมธี จริง ๆ มันก็ไม่ต่างกับกูซักเท่าไหร่ แม้มันจะไม่เคยมาป่าที่เรากำลังจะไป
แต่มันก็เอาแต่ฝันร้ายซ้ำๆ ว่าได้เข้าไปในป่านั่น และเจอกับสิ่งที่น่ากลัว จนมันฝังใจกลัวขึ้นมาจริง ๆ แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วว่ะไอ้เมฆ ที่กูกับไอ้เมธีจะเข้าไปพิสูจน์ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย"
คมสันต์พูดอธิบายยาวเหยียด เมฆเองที่ได้ฟังก็ยิ้มเจื่อน ๆ นึกเห็นใจและพอจะเข้าใจความรู้สึกของคมสันต์กับเมธีเป็นอย่างดี เขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนทั้งสองนัก รู้สึกกลัวอย่างประหลาดทุกครั้งกับป่าแถวชายแดน เมื่อต้องขับรถผ่านมาตอนมีกิจธุระ ซึ่งก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเขากลัวอะไร เพราะมันเกิดรู้สึกขึ้นมาเองโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งต่างจากเขตป่าที่เคยไปมา ความกลัวลักษณะนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้ซักครั้งจากป่าอื่น
ใช้เวลาเดินทางกันอยู่นาน และสิ่งที่เห็นเป็นปกติทางหน้ารถเมื่อซักพักคือถนนลาดยางทั่วไป รอบข้างเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีบ้างที่เป็นต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่ประปราย แต่ทว่าไม่ใช่ตอนนี้
เส้นทางที่มุ่งตรงไปอยู่นั้น มันค่อย ๆ แปลกและเปลี่ยนไปอยากรวดเร็ว กลายเป็นป่าที่รกทึบเข้าไปเรื่อย ๆ จนเมฆต้องค่อย ๆ ชะลอความเร็วของรถลง
"เฮ้ย ๆ พวกมืง เห็นอย่างที่กูเห็นไหมวะ"
เมฆพูดขึ้นอย่างตกใจ ที่เห็นทางข้างหน้าเปลี่ยนไปอย่างประหลาด เขามองกระจกหลังเห็นเมธีชะเง้อมองทางที่เพิ่งขับเข้ามา
"เออ ๆ เห็น นี่มันป่าดงดิบชัด ๆ แล้วทางที่เราขับมาก็หายไปแล้วพวกมืง"
เมธีพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกไม่ต่างกัน แล้วรีบหันกลับมามองทางคมสันต์ที่นั่งนิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอามือจับคางคล้ายใช้ความคิด
สามหนุ่มไปเจออะไรเข้าในการไปเที่ยวป่าครั้งนี้ ติดตามได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=8wRqB8Zv9-g
นักรบด่านสุดท้าย & จงอางศึกผจญสมิงอาคม
เมฆ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ชาวเมืองกรุงเก่าอยุธยา ผู้พิสมัยการท่องป่าเป็นชีวิตจิตใจ กำลังขับรถจี๊ปคู่ใจมุ่งหน้าไปทางด่านเจดีย์สามองค์ หวังใจจะเข้าไปในเขตป่าพม่าเพื่อท่องเที่ยว โดยมีเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน และชอบท่องเที่ยวป่าเหมือนกันอีกสองคนนั่งรถมาด้วย ทั้งหมดรู้จักกันตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาอาสา ตอนที่เมฆได้รับเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมอาสาที่จังหวัดอ่างทอง
ในการออกทริปครั้งนี้ ต้นคิดที่อยากจะไปเที่ยวป่าพม่าเป็นคมสันต์กับเมธี ที่ตอนนี้กำลังคุยฟุ้งกับเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตอย่างออกรสออกชาติ สลับกับเสียงหัวเราะของคนในรถจนดังลั่นไปหมด เท่าที่เมฆรู้คมสันต์เคยเล่าให้ฟังแต่เพียงสั้น ๆ ว่า เคยท่องป่าแถบชายแดนพม่าอยู่ครั้งหนึ่งกับพ่อตอนสมัยเด็ก
และบอกว่าป่าที่นั่นน่ากลัวมาก จนไม่คิดที่จะอยากไปป่าแถบนั้นอีกเลย แต่ทว่าการที่พวกเขาจู่ ๆ มาชวนเมฆในครั้งนี้ มันทำให้เมฆรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
"กูล่ะงงๆ กับพวกมnงสองคนจริงๆ นี่มันเกิดมีอะไรมาดลใจหรือไงวะ ถึงขั้นออกปากชวนมาป่าแถวชายแดนพม่า แต่ก่อนกูชวนนับครั้งไม่ถ้วน พวกมืงก็เอาแต่อ้างนั่นอ้างนี่ ไม่คิดจะมา"
เมฆส่งเสียงถามพรางทำสีหน้าสงสัย แล้วหันมาทางเบาะข้างที่คมสันต์นั่งอยู่ ก่อนจะละสายตามองไปที่ถนนตามเดิม
"กูก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ะไอ้เมฆ ครั้งนี้มันดันทะลึ่งเกิดอยากจะรื้อฟื้นความจำในวัยเด็กตอนที่ได้เข้าป่าไปกับพ่อ ซึ่งกูเองก็อยากจะลืม ๆ ลบมันออกจากความทรงจำซะด้วยซ้ำ แต่มันก็ยิ่งจำอยู่นั่นแหละ ลืมไม่เคยได้เลยซักที ส่วนไอ้เมธี จริง ๆ มันก็ไม่ต่างกับกูซักเท่าไหร่ แม้มันจะไม่เคยมาป่าที่เรากำลังจะไป
แต่มันก็เอาแต่ฝันร้ายซ้ำๆ ว่าได้เข้าไปในป่านั่น และเจอกับสิ่งที่น่ากลัว จนมันฝังใจกลัวขึ้นมาจริง ๆ แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วว่ะไอ้เมฆ ที่กูกับไอ้เมธีจะเข้าไปพิสูจน์ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย"
คมสันต์พูดอธิบายยาวเหยียด เมฆเองที่ได้ฟังก็ยิ้มเจื่อน ๆ นึกเห็นใจและพอจะเข้าใจความรู้สึกของคมสันต์กับเมธีเป็นอย่างดี เขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนทั้งสองนัก รู้สึกกลัวอย่างประหลาดทุกครั้งกับป่าแถวชายแดน เมื่อต้องขับรถผ่านมาตอนมีกิจธุระ ซึ่งก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเขากลัวอะไร เพราะมันเกิดรู้สึกขึ้นมาเองโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งต่างจากเขตป่าที่เคยไปมา ความกลัวลักษณะนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้ซักครั้งจากป่าอื่น
ใช้เวลาเดินทางกันอยู่นาน และสิ่งที่เห็นเป็นปกติทางหน้ารถเมื่อซักพักคือถนนลาดยางทั่วไป รอบข้างเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีบ้างที่เป็นต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอยู่ประปราย แต่ทว่าไม่ใช่ตอนนี้
เส้นทางที่มุ่งตรงไปอยู่นั้น มันค่อย ๆ แปลกและเปลี่ยนไปอยากรวดเร็ว กลายเป็นป่าที่รกทึบเข้าไปเรื่อย ๆ จนเมฆต้องค่อย ๆ ชะลอความเร็วของรถลง
"เฮ้ย ๆ พวกมืง เห็นอย่างที่กูเห็นไหมวะ"
เมฆพูดขึ้นอย่างตกใจ ที่เห็นทางข้างหน้าเปลี่ยนไปอย่างประหลาด เขามองกระจกหลังเห็นเมธีชะเง้อมองทางที่เพิ่งขับเข้ามา
"เออ ๆ เห็น นี่มันป่าดงดิบชัด ๆ แล้วทางที่เราขับมาก็หายไปแล้วพวกมืง"
เมธีพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกไม่ต่างกัน แล้วรีบหันกลับมามองทางคมสันต์ที่นั่งนิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอามือจับคางคล้ายใช้ความคิด
สามหนุ่มไปเจออะไรเข้าในการไปเที่ยวป่าครั้งนี้ ติดตามได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=8wRqB8Zv9-g