วีระกานต์ มุสิกพงศ์ เคยแฉล้มโต๊ะ 2553 ล้มโต๊ะผู้ชุมนุมตาย
ดนัย. เปิดใจเหตุการณ์พฤษภาราชประสงพี่ทิ้งมวลชนคนแรก?
วีระกานต์. ความจริงไม่ได้ออกแต่ว่ามีการประชุมคืนวันที่9 ในตู้คอนเทนเนอร์ ผมเอามติจากที่ไปเจรจามากับหลายคน (เขาขอไม่ให้พูดชื่อเขา) ตั้งแต่ 28 มีนา ต่อเนื่องมาสุดท้ายแล้ว ก็มาจบว่าเอาละ ผมรับเงื่อนไขรัฐฯ จะยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่14 พฤศจิกา ผมพิจารณาแล้วว่ารับได้
วีระกานต์. วันนี้เรากลับไปพักผ่อน แล้วตัดสินใจอนาคตตัวเอง แต่ผมต้องบอกข้อหนึ่งนะ ข้อเท็จจริง ที่ทุกคนจะไม่รู้มาก่อน คือถ้าหากมติ ออกมาว่า เราจะชุมนุมต่อไป ผมเชื่อว่าจะมีคนเจ็บและคนตาย ซึ่งผมไม่อาจจะร่วมรับผิดชอบด้วยได้แล้ว และผมขอหยุด ถ้าโหวตเป็นอย่างนั้น ผมขอหยุด และผมไม่ขึ้นเวที แต่อยู่ข้างล่าง จะเป็นเสื้อแดงธรรมดา ถอดหมวกแกนนำออก
ดนัย. มีคำอธิบายไหม?
วีระกานต์. อ้าไม่มีเวลาจำกัดผมรู้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้น และส่งเข้าไปในที่ประชุมในวันที่10 ว่า ซึ่งผมไม่เข้าประชุมแล้วนะ ผมบอกทางโทรศัพท์แล้วว่า เป็นอันว่าไม่เข้า เพราะรู้มติแล้วว่า ชุมนุมต่อ เขาก็ยังยืนยันเหมือนเดิมชุมนุมต่อ
ดนัย. จุดเปลี่ยนน่าจะเกิดขึ้นคืนวันที่9 พฤษภา53 หลังจากประชุมและดึงจังหวะการโหวตหลังจากนั้นแค่ชม.หรือ2 ชม.เกิดการพูดคุยกันระหว่างใครบางคนกับใครบางคนในกลุ่มแกนนำและจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นประมาณสักตี1 ตี2 ตามเวลาก็คือข้ามมาถึงวันที่10 พฤษภาเพราะโทรศัพท์จากต่างประเทศพี่ก็รู้?????!!!!????
วีระกานต์. ก็ มี มี มี
ดนัย. ใครป้อนข้อมูลให้คนแดนไกล?
วีระกานต์. เอาให้เจ้าตัวเขาพูดเองดีกว่า
ดนัย. คุณจตุพร?
วีระกานต์. ยังมีอีก แต่ผมคิดว่าเราให้เจ้าตัวพูดเองจะดีกว่า ไม่ใช่จตุพรคนเดียวหรอกอะ“ นึกถึงใครก็ได้ ที่ชอบบู้ๆหน่อย”
ที่มา.
https://youtu.be/DBKFFu9Yzf8
นายจตุพร กล่าวว่า ให้ทบทวนสถานการณ์ในสมรภูมิชุมนุมปี 2553 ตนรู้สถานการณ์ว่า มีอีกชุดหนึ่ง เตรียมขึ้นซ้อนยึดเวที เพราะไม่เห็นด้วยหากยุติการชุมนุม จากการประชุมในคอนเทนเนอร์หลังเวที ทุกคนรู้เหตุผลพร้อมใจตกลงว่า"ยุติ" ได้เวลาเลือกตั้งแล้ว มีแต่ ตนเองคนเดียว ที่ต้องการให้ชุมนุมต่อไป
โดยตนอธิบายในสถานการณ์นั้น ประการแรกว่า มีหีบศพมากมายที่เกิดขึ้น ดังนั้น นักการเมือง เมื่อได้หีบบัตรเลือกตั้ง แล้วทิ้งหีบศพจะตอบคำถามกับญาติผู้ชุมนุมที่ตายไม่ได้เลย
ส่วนประการที่สอง ตนบอกว่า เมื่อแกนนำขึ้นไปกล่าวยุติการชุมนุม ก็จะมีอีกชุดหนึ่งเข้ามาซ้อนยึดเวทีแทน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดและความตายจะมากกว่าเดิม
"เพราะเจ้าของจ่ายค่าเวทีตัวจริงนั้น เขาไม่ต้องการให้ยุติเวที แต่ทุกคนถอดใจหมดแล้ว ผมอธิบายให้ฟังว่าประชาชนอย่างไร ก็ไม่กลับ เมื่อเขาไม่กลับแล้ว คิดจะลงเลือกตั้ง คุณจะมีหน้าไปพบคนอีกหรือ ถ้าวันนั้นไม่มีการคิดเอาอีกชุดหนึ่ง ขึ้นซ้อนยึดเวทีแล้ว ก็ยังพอถูไถอธิบายกับประชาชนได้”
นายจตุพร เล่าว่า ขณะนั้นมีการวางแผนซ้อนยึดเวทีอยู่แล้ว และคนที่ทำได้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งพอประชุมแกนนำเสร็จ ตนได้รับโทรศัพท์จากทักษิณ ชินวัตร โทรมาถาม ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ควรพูดเลย แต่เมื่อนายอดิศร ยกเหตุการณ์มาตอบโต้ จึงจำเป็นต้องเล่า ทักษิณ บอกว่า "หยุดเวทีได้อย่างไร ผม (ทักษิณ) ได้อะไร"
พร้อมทั้งย้ำว่า ตนรู้เรื่องนี้มาแต่ต้นว่า จะมีการซ้อนยึดเวทีชุมนุมขึ้น แล้วจะเกิดความรุนแรงไปอีกมุมหนึ่ง และจะคุมประชาชนไม่อยู่ จึงจำต้องหักทุกคน ตนบอกทักษิณว่า ถ้าอย่างนั้น เพื่อให้เวทีเดินต่อ ส่วนแกนนำคงอยู่ไม่ครบแล้ว ทั้งๆที่ช่วงนั้น แกนนำเหลือตนอยู่คนเดียว
เราจึงตกลงกันว่า คนที่เคยเป็นลูกพรรคของทักษิณ ก็ให้ไปเคลียร์กันเอง ส่วนบรรดาสายนักเคลื่อนไหวตนจะเคลียร์
"ทักษิณก็ไปเคลียร์กับนักการเมือง ผมก็เคลียร์กับนักเคลื่อนไหว เวทีจึงเดินมาถึง 18 พ.ค. วันที่วุฒิสภามาเจรจา และมาเกิดเหตุการณ์ 19 พ.ค. ซึ่งเป็นความเจ็บปวดขมขื่น
วันนั้นถ้าเราไม่ยืนแข็งแรงแล้ว อีกทั้งประชาชนหน้าเวทีก็ไม่กลับ เจ้าของเวทีก็ไม่ให้เลิก และอีกชุดหนึ่งจะเข้ามาซ้อนยึดเวที ผมจึงอยู่คานกันเอาไว้ เพราะในทุกนาทีของสถานการณ์มีโอกาสตาย 100% อยู่แล้ว
...และหากใครได้ยินเรื่องทำนองนี้มาก่อน ก็บอกได้เลยว่า ไม่ได้ออกจากปากผม ผมเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ทั้งๆ ที่ไม่อยากเล่าเลย"
นายจตุพร เปิดเผยว่า ที่เล่าให้ฟัง เพราะนายอดิศร ยกเรื่องชุมนุมปี 2553 มา โดยวัน 19 พ.ค.บนเวที คนที่มีบทบาทมากที่สุดคือ ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ คอยกันไม่ยอมให้ตนขึ้นเวที เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากมาย ทหารล้อมหมด ขยับใกล้มาถึงจุดสุดท้ายที่เวทีทุกขณะ อารมณ์คนอยู่หน้ามีแต่คนแก่และผู้หญิงประมาณ 500 คน ซึ่งพร้อมตายกัน
เวลานั้นตนนอนบนเก้าอี้ผ้าใบหลังเวที เดี๋ยวมีคนมาลาจากไป แต่เรารอเวลา จึงลุกขึ้นไปบนเวทีเพื่อยุติการชุมนุม ถ้าไม่ยุติความตายอย่างรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกลางเวทีเพราะเป็นจุดสุดท้าย
"ผมเล่ามาถึงตอนนี้เพื่อจะบอกว่า หลายปีต่อมา มืองาน คนสำคัญ อีกชุดหนึ่ง (ชุดซ้อนยึดเวที) มาเล่าให้ฟังว่า วันนั้น (19 พ.ค.) มีการวางแผนกันจะยิงถล่มเวที
ขณะที่ขึ้นกล่าวยุติการชุมนุม แต่มีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขาไม่ตัดสินใจทำ...
อีกทั้งการซ้อนยึดเวทีนั้น ผมได้ยินมาเช่นกันว่า มีการร้องขอ จากฝ่ายเดียวกัน ให้จัดการผมเอง (ตกเป็นเป้าถูกสังหาร) ด้วยซ้ำไป
https://www.facebook.com/Jatuporn.UDD/posts/pfbid02RcuSrSgoRctnSPqrA6u1cEGAdqRyMBS3uLFSDz9VQHk8VMcbge8N3xXCfa3fxdmTl
นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ พูดตรงกับ นายจตุพร กรณีล้มโต๊ะเจรจา 2553 ต้นเหตุคนเสื้อแดงบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ดนัย. เปิดใจเหตุการณ์พฤษภาราชประสงพี่ทิ้งมวลชนคนแรก?
วีระกานต์. ความจริงไม่ได้ออกแต่ว่ามีการประชุมคืนวันที่9 ในตู้คอนเทนเนอร์ ผมเอามติจากที่ไปเจรจามากับหลายคน (เขาขอไม่ให้พูดชื่อเขา) ตั้งแต่ 28 มีนา ต่อเนื่องมาสุดท้ายแล้ว ก็มาจบว่าเอาละ ผมรับเงื่อนไขรัฐฯ จะยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่14 พฤศจิกา ผมพิจารณาแล้วว่ารับได้
วีระกานต์. วันนี้เรากลับไปพักผ่อน แล้วตัดสินใจอนาคตตัวเอง แต่ผมต้องบอกข้อหนึ่งนะ ข้อเท็จจริง ที่ทุกคนจะไม่รู้มาก่อน คือถ้าหากมติ ออกมาว่า เราจะชุมนุมต่อไป ผมเชื่อว่าจะมีคนเจ็บและคนตาย ซึ่งผมไม่อาจจะร่วมรับผิดชอบด้วยได้แล้ว และผมขอหยุด ถ้าโหวตเป็นอย่างนั้น ผมขอหยุด และผมไม่ขึ้นเวที แต่อยู่ข้างล่าง จะเป็นเสื้อแดงธรรมดา ถอดหมวกแกนนำออก
ดนัย. มีคำอธิบายไหม?
วีระกานต์. อ้าไม่มีเวลาจำกัดผมรู้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยเขียนจดหมายฉบับหนึ่งขึ้น และส่งเข้าไปในที่ประชุมในวันที่10 ว่า ซึ่งผมไม่เข้าประชุมแล้วนะ ผมบอกทางโทรศัพท์แล้วว่า เป็นอันว่าไม่เข้า เพราะรู้มติแล้วว่า ชุมนุมต่อ เขาก็ยังยืนยันเหมือนเดิมชุมนุมต่อ
ดนัย. จุดเปลี่ยนน่าจะเกิดขึ้นคืนวันที่9 พฤษภา53 หลังจากประชุมและดึงจังหวะการโหวตหลังจากนั้นแค่ชม.หรือ2 ชม.เกิดการพูดคุยกันระหว่างใครบางคนกับใครบางคนในกลุ่มแกนนำและจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นประมาณสักตี1 ตี2 ตามเวลาก็คือข้ามมาถึงวันที่10 พฤษภาเพราะโทรศัพท์จากต่างประเทศพี่ก็รู้?????!!!!????
วีระกานต์. ก็ มี มี มี
ดนัย. ใครป้อนข้อมูลให้คนแดนไกล?
วีระกานต์. เอาให้เจ้าตัวเขาพูดเองดีกว่า
ดนัย. คุณจตุพร?
วีระกานต์. ยังมีอีก แต่ผมคิดว่าเราให้เจ้าตัวพูดเองจะดีกว่า ไม่ใช่จตุพรคนเดียวหรอกอะ“ นึกถึงใครก็ได้ ที่ชอบบู้ๆหน่อย”
ที่มา. https://youtu.be/DBKFFu9Yzf8
นายจตุพร กล่าวว่า ให้ทบทวนสถานการณ์ในสมรภูมิชุมนุมปี 2553 ตนรู้สถานการณ์ว่า มีอีกชุดหนึ่ง เตรียมขึ้นซ้อนยึดเวที เพราะไม่เห็นด้วยหากยุติการชุมนุม จากการประชุมในคอนเทนเนอร์หลังเวที ทุกคนรู้เหตุผลพร้อมใจตกลงว่า"ยุติ" ได้เวลาเลือกตั้งแล้ว มีแต่ ตนเองคนเดียว ที่ต้องการให้ชุมนุมต่อไป
โดยตนอธิบายในสถานการณ์นั้น ประการแรกว่า มีหีบศพมากมายที่เกิดขึ้น ดังนั้น นักการเมือง เมื่อได้หีบบัตรเลือกตั้ง แล้วทิ้งหีบศพจะตอบคำถามกับญาติผู้ชุมนุมที่ตายไม่ได้เลย
ส่วนประการที่สอง ตนบอกว่า เมื่อแกนนำขึ้นไปกล่าวยุติการชุมนุม ก็จะมีอีกชุดหนึ่งเข้ามาซ้อนยึดเวทีแทน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ตรึงเครียดและความตายจะมากกว่าเดิม
"เพราะเจ้าของจ่ายค่าเวทีตัวจริงนั้น เขาไม่ต้องการให้ยุติเวที แต่ทุกคนถอดใจหมดแล้ว ผมอธิบายให้ฟังว่าประชาชนอย่างไร ก็ไม่กลับ เมื่อเขาไม่กลับแล้ว คิดจะลงเลือกตั้ง คุณจะมีหน้าไปพบคนอีกหรือ ถ้าวันนั้นไม่มีการคิดเอาอีกชุดหนึ่ง ขึ้นซ้อนยึดเวทีแล้ว ก็ยังพอถูไถอธิบายกับประชาชนได้”
นายจตุพร เล่าว่า ขณะนั้นมีการวางแผนซ้อนยึดเวทีอยู่แล้ว และคนที่ทำได้มีอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งพอประชุมแกนนำเสร็จ ตนได้รับโทรศัพท์จากทักษิณ ชินวัตร โทรมาถาม ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ควรพูดเลย แต่เมื่อนายอดิศร ยกเหตุการณ์มาตอบโต้ จึงจำเป็นต้องเล่า ทักษิณ บอกว่า "หยุดเวทีได้อย่างไร ผม (ทักษิณ) ได้อะไร"
พร้อมทั้งย้ำว่า ตนรู้เรื่องนี้มาแต่ต้นว่า จะมีการซ้อนยึดเวทีชุมนุมขึ้น แล้วจะเกิดความรุนแรงไปอีกมุมหนึ่ง และจะคุมประชาชนไม่อยู่ จึงจำต้องหักทุกคน ตนบอกทักษิณว่า ถ้าอย่างนั้น เพื่อให้เวทีเดินต่อ ส่วนแกนนำคงอยู่ไม่ครบแล้ว ทั้งๆที่ช่วงนั้น แกนนำเหลือตนอยู่คนเดียว
เราจึงตกลงกันว่า คนที่เคยเป็นลูกพรรคของทักษิณ ก็ให้ไปเคลียร์กันเอง ส่วนบรรดาสายนักเคลื่อนไหวตนจะเคลียร์
"ทักษิณก็ไปเคลียร์กับนักการเมือง ผมก็เคลียร์กับนักเคลื่อนไหว เวทีจึงเดินมาถึง 18 พ.ค. วันที่วุฒิสภามาเจรจา และมาเกิดเหตุการณ์ 19 พ.ค. ซึ่งเป็นความเจ็บปวดขมขื่น
วันนั้นถ้าเราไม่ยืนแข็งแรงแล้ว อีกทั้งประชาชนหน้าเวทีก็ไม่กลับ เจ้าของเวทีก็ไม่ให้เลิก และอีกชุดหนึ่งจะเข้ามาซ้อนยึดเวที ผมจึงอยู่คานกันเอาไว้ เพราะในทุกนาทีของสถานการณ์มีโอกาสตาย 100% อยู่แล้ว
...และหากใครได้ยินเรื่องทำนองนี้มาก่อน ก็บอกได้เลยว่า ไม่ได้ออกจากปากผม ผมเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ทั้งๆ ที่ไม่อยากเล่าเลย"
นายจตุพร เปิดเผยว่า ที่เล่าให้ฟัง เพราะนายอดิศร ยกเรื่องชุมนุมปี 2553 มา โดยวัน 19 พ.ค.บนเวที คนที่มีบทบาทมากที่สุดคือ ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ คอยกันไม่ยอมให้ตนขึ้นเวที เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีความเสี่ยงต่อชีวิตมากมาย ทหารล้อมหมด ขยับใกล้มาถึงจุดสุดท้ายที่เวทีทุกขณะ อารมณ์คนอยู่หน้ามีแต่คนแก่และผู้หญิงประมาณ 500 คน ซึ่งพร้อมตายกัน
เวลานั้นตนนอนบนเก้าอี้ผ้าใบหลังเวที เดี๋ยวมีคนมาลาจากไป แต่เรารอเวลา จึงลุกขึ้นไปบนเวทีเพื่อยุติการชุมนุม ถ้าไม่ยุติความตายอย่างรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกลางเวทีเพราะเป็นจุดสุดท้าย
"ผมเล่ามาถึงตอนนี้เพื่อจะบอกว่า หลายปีต่อมา มืองาน คนสำคัญ อีกชุดหนึ่ง (ชุดซ้อนยึดเวที) มาเล่าให้ฟังว่า วันนั้น (19 พ.ค.) มีการวางแผนกันจะยิงถล่มเวที
ขณะที่ขึ้นกล่าวยุติการชุมนุม แต่มีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขาไม่ตัดสินใจทำ...
อีกทั้งการซ้อนยึดเวทีนั้น ผมได้ยินมาเช่นกันว่า มีการร้องขอ จากฝ่ายเดียวกัน ให้จัดการผมเอง (ตกเป็นเป้าถูกสังหาร) ด้วยซ้ำไป
https://www.facebook.com/Jatuporn.UDD/posts/pfbid02RcuSrSgoRctnSPqrA6u1cEGAdqRyMBS3uLFSDz9VQHk8VMcbge8N3xXCfa3fxdmTl