JJNY : 5in1 รุมวิพากษ์ปกปิดข้อมูล│‘สุทิน’ ชี้ไม่แปลก│'โรม'บอกแปลกๆ│ก้าวไกลจัดประชุมใหญ่ 28ม.ค.│สื่อรัสเซีย เผยเที่ยวหรู

รุมวิพากษ์ปกปิดข้อมูล หลังแพทย์จีนเผยถูกสั่งเลี่ยงแจ้งคนตายเพราะโควิด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3775583
 
 
รุมวิพากษ์ปกปิดข้อมูล หลังแพทย์จีนเผยถูกสั่งเลี่ยงแจ้งคนตายเพราะโควิด
 
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 17 มกราคมว่า โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจีนมีนโยบายให้บุคลากรแพทย์พยายามไม่ระบุความล้มเหลวของระบบหายใจจากโควิด-19 เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในมรณบัตรของผู้ป่วย และหากผู้เสียชีวิตมีโรคประจำ ให้ใช้อาการดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักแทน
ถ้าแพทย์คนใดเชื่อว่าการเสียชีวิตของผู้ป่วยเกิดขึ้นจากอาการปอดบวมของโควิด-19 เพียงอย่างเดียว จะต้องมีการรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อที่จะดำเนินการ “การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ” 2 ระดับขึ้น ก่อนการยืนยันว่าโควิด-19 เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจริง
 
นโยบายดังกล่าวยังได้รับการยืนยันโดยแพทย์อีก 6 คนจากโรงพยาบาลอื่นๆ ทั่วประเทศจีน ซึ่งพวกเขาบอกว่า ตนได้รับคำสั่งปากเปล่าให้ปฏิบัติดังกล่าว หรือไม่ก็ตระหนักว่าโรงพยาบาลของตนมีนโยบายลดการระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากโควิด-19 เช่นกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
บุคลากรแพทย์จำนวนหนึ่งกล่าวว่า ตนได้ยินมาว่าคำแนะนำดังกล่าวมาจากภาครัฐบาลจีน แม้ว่าจะไม่มีใครทราบว่าหน่วยงานใดเป็นผู้สั่งการ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นในจีนเมื่อมีการเผยแพร่คำสั่งที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมือง
 
แม้ว่าจะมีแพทย์จำนวน 3 คนจากโรงพยาบาลรัฐในเมืองที่แตกต่างกัน ที่ไม่ทราบนโยบายดังกล่าวมาก่อน แต่หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสประจำห้องฉุกเฉินกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่หน่วยงานตนระบุสาเหตุการเสียชีวิตตามจริง แต่จะจัดประเภทการเสียชีวิตอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่ทางโรงพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
 
สอดคล้องกับที่ญาติจำนวนหนึ่งของผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-19 กล่าวว่า ใบมรณบัตรของผู้เสียชีวิตไม่ได้กล่าวถึงโรคดังกล่าวเลย และผู้ป่วยบางส่วนยังกล่าวว่า ตนไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แม้ว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยทางระบบหายใจ
 
คำสั่งดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลกและองค์การอนามัยโลกออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า จีนรายงานการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก ขณะที่ไวรัสโคโรนากำลังแพร่ระบาดในประเทศ ที่ได้ผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้ หน่วยงานสาธารณสุขของจีนระบุว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวนเกือบ 60,000 รายในเวลาเพียง 1 เดือน นับตั้งแต่ที่จีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ตัวเลขดังกล่าวสูงขึ้นกว่ารายงานในอดีตราวๆ 10 เท่า แต่ก็ยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ที่ประเมินว่าจีนอาจมียอดผู้เสียชีวิตที่มีความเชื่อมโยงจากโควิด-19 กว่า 1 ล้านคนในปีนี้
 
ไมเคิล เบเกอร์ นักวิชาการสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยโอตาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ระบุว่า รายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดล่าสุดของจีนยังคงดูต่ำ เมื่อเทียบกับการแพร่ระบาดของโรคอย่างหนักในประเทศ
 
ประเทศส่วนใหญ่พบว่าการเสียชีวิตจากโควิด-19 มักเกิดจากการติดเชื้อดังกล่าวโดยตรง มากกว่าการผสมผสานระหว่างโควิด-19 และโรคอื่นๆ แต่ในทางตรงกันข้าม รายงานของจีนกลับระบุว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่ (90%) มาจากการผสมผสานระหว่างโควิด-19 และโรคอื่นๆ ซึ่งนั่นเป็นการบอกว่า จีนรายงานยอดการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าความเป็นจริง” เบเกอร์กล่าว
 
ด้านองค์การอนามัยโลกมีข้อแนะนำเมื่อวันที่ 16 มกราคม ให้จีนติดตามยอดการเสียชีวิตส่วนเกินเพื่อที่จะได้เข้าใจผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นมากขึ้น


 
‘สุทิน’ ชี้ไม่แปลก ธรรมนัสคัมแบ๊ก พปชร. บอกเขาครอบครัวเดียวกับบิ๊กป้อม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3775926

‘สุทิน’ ชี้ ‘ธรรมนัส-บิ๊กป้อม’ กลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องแปลก เหตุเคยอยู่ด้วยกันมาตลอด พร้อมส่งกำลังใจ
 
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 มกราคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) คุกเข่า ยกมาลัยกรไหว้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาลงพื้นที่เพื่อมอบเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้กับประชาชน และติดตามโครงการขุดลอกกว๊านพะเยา เมื่อวันที่ 16 มกราคมนี้ว่า เป็นเรื่องในครอบครัวของท่านเอง เพราะ พล.อ.ประวิตรและ ร.อ.ธรรมนัส จริงๆ ก็เป็นคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด อาจจะมีการแยกกันเป็นบางครั้ง การจะกลับไปหากันด้วยเหตุผลหรือข้อจำกัดอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถามว่าจะกระทบกับการเลือกตั้งของพรรค พท.หรือไม่นั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกระทบ เพราะเราก็วางแผนของเราไปตามยุทธศาสตร์ของพรรค และเราเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อพรรค พท.จะน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา
 
เมื่อถามว่า มีการมองว่า พล.อ.ประวิตรและ ร.อ.ธรรมนัส ต่างก็ไม่มีทางไปแล้ว ไม่มีทางเลือกทั้งคู่ นายสุทินกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องในครอบครัว เมื่อครอบครัวเจอวิกฤตเขาก็อาจจะต้องมารวมพลังกัน เพื่อฝ่าให้พ้นวิกฤต และคงอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากจึงต้องมาพูดคุยกัน ซึ่งก็ให้กำลังใจ



'โรม' บอกแปลก ๆ รัฐบาลให้เวลาฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายเป็นพิเศษ หวั่นชิงยุบสภาหนี 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7464212

‘โรม’ บอกแปลก ๆ รัฐบาลให้เวลาฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายเป็นพิเศษ ทั้งที่ปกติจะมีเวลาให้เตรียมตัวน้อยที่สุด หวั่นชิงยุบสภาหนีการซักฟอก
 
17 ม.ค. 2566 – นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวยุบสภาก่อนการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องแปลกที่การอภิปรายในครั้งนี้ รัฐบาลดูจะให้เวลาฝ่ายค้านได้เตรียมตัวมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในการอภิปรายที่ผ่านมา รัฐบาลจะพยายามทำให้ฝ่ายค้านมีเวลาเตรียมตัวน้อยที่สุด เพื่อที่การอภิปรายจะออกมาไม่มีคุณภาพมาก แต่รอบนี้กลายเป็นว่าฝ่ายค้านมีเวลาถึงเดือนกว่าในการเตรียมตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอาจจะไม่ได้กังวลกับการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้เท่าไรนัก
 
อาจมองได้ว่าเป็นเพราะรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เพิ่งเปิดตัวเข้าพรรคการเมืองใหม่ กำลังให้ความสนใจกับการสร้างตัวตนทางการเมือง จนไม่ได้สนใจปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของประชาชน ขณะเดียวกันงานในความรับผิดชอบหลายอย่างของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะงานตำรวจก็ทำได้เลวร้าย เห็นได้จากการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับดูจะไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ แต่กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องเดียวเท่านั้น คือจะทำอย่างไรให้ตัวเองสืบทอดอำนาจ
 
จึงไม่แปลก ที่จะเกิดข่าวลือขึ้นหนาหูในช่วงนี้ ว่าจะเกิดการยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของฝ่ายค้านหรือไม่ ซี่งหากรัฐบาลเลือกที่จะยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของฝ่ายค้าน ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยอมรับโดยปริยายว่าข้อกล่าวหาต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องจริง
 
ขอฝากไปถึงรัฐบาลว่า หากมั่นใจว่าไม่เกี่ยวกับการทุจริตและการบริหารประเทศ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย รัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องกลัวการซักฟอก หากไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา ควรจะใช้เวทีสภาในการอธิบายตัวเองกับประชาชน ยิ่งเป็นการอภิปรายที่ไม่มีการลงมติ สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนลงมติเอง ได้แต่หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีความกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับพวกเรา
 


ก้าวไกล จัดประชุมใหญ่ 28 ม.ค. ‘พิธา’ จ่อโชว์วิสัยทัศน์ หวังปักธงให้ครบทุกภาค
https://www.matichon.co.th/politics/news_3776514

เมื่อวันที่ 17 มกราคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณียุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึง ว่า พรรคก้าวไกลตั้งเป้าเป็นพรรคระดับชาติ ต้องมีส.ส.เขตในทุกภูมิภาค และต้องได้ ส.ส.มากกว่าเดิม โดยจากผลการเลือกตั้งซ่อม เชื่อว่า ยังรักษาฐานเสียงของพรรคก้าวไกลได้ภายใต้ยุทธศาสตร์ “รักษาเขตเดิม เพิ่มเติมเขตใหม่” แต่ก็ไม่ประมาท
 
นายพิธา กล่าวว่า สำหรับเงื่อนไขการจับมือพันธมิตรทางการเมืองกับพรรคอื่น อยู่ที่น้ำหนักทางการเมือง ความท้าทายของพรรคร่วมฝ่ายค้านในตอนนี้ แม้จะมีความหลากหลาย แต่ตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศ มั่นใจเป็นขั้วที่ดีที่สุดที่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ยืนยันพรรคจะไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลง ทั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือระบอบประยุทธ์
 
นายพิธา กล่าวอีกว่า ยอมรับการจับมือทางการเมืองมีได้หลายสูตร-หลายสมการ ไม่ว่ากระแสพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ แต่เท่าที่ตามข่าวเห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่จับมือกับพรรคการเมืองใด อย่างไรก็ดีความตั้งใจของพรรคก้าวไกล ไม่ได้ต้องการเข้าสู่การเป็นรัฐบาลเพื่อแชร์อำนาจทางการเมือง แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ
 
นายพิธา กล่าวถึงการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคในวันที่ 28 มกราคม 2566 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่า วาระคือการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สอดรับกับร่างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับใหม่ และไฮไลท์คือการโชว์วิสัยทัศน์ทางการเมืองของนายพิธาและนโยบายหาเสียง 9 เสา โดยเน้นนโยบายระดับชาติ พร้อมโชว์วิสัยทัศน์เค้าโครงทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ
 
นายพิธา กล่าวอีกว่า เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไม่ตัดสินใจชิงยุบสภา ก่อนที่จะมีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยการอภิปรายครั้งนี้มีความสำคัญ หาก พล.อ.ประยุทธ์ สง่างามควรมีให้มีโอกาสอภิปรายก่อน อย่ายุบสภาหนี และประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติซึ่งเป็นพรรคใหม่ หากไม่ได้ ส.ส.เกิน 25 คน ก็เสนอตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แม้จะมี ส.ว.ในมือ

นายพิธา กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เดิมพันสูงขอประชาชนตัดสินใจให้ดีในการเลือกผู้แทนราษฎร หากแต่ละพรรคได้ผู้แทนฯสภาล่างควรตั้งรัฐบาลได้เอง อย่ากลัว ส.ว.มากเกินเหตุ หากแพ็คกันแน่นเสียงเกิน 250 เชื่อว่า ส.ว.ไม่สามารถต้านเจตจำนงค์ประชาชนได้ หรือหากพลเอกประยุทธ์ไปต่ออีก 2 ปี เชื่อว่าสภาฯจะมีปัญหาไม่สามารถผ่านกฎหมายได้ เพราะไม่ได้เป็นพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่