เพื่อไทยคิกออฟติดป้าย 8 นโยบาย รับปชช.กลับบ้านปีใหม่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_474011/
เพื่อไทยคิกออฟติดป้าย 8 นโยบาย รับประชาชนกลับบ้านปีใหม่ “ประเสริฐ” มั่นใจ ปีหน้ารัฐบาลเพื่อไทยพร้อมพลิกคุณภาพชีวิตคนไทยทุกคน
นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัววิสัยทัศน์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในปี 2570 โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ภายใต้แนวคิด “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” พบว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในคุณภาพชีวิต อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศ ไปในทิศทางที่ดีกว่าวันนี้ เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย
พรรคที่คิดได้และทำเป็น เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนให้ความไว้วางใจว่าจะสามารถฝากชีวิต ฝากอนาคตของลูกหลานไว้ได้ จึงได้มอบหมายให้ ส.ส. และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่พรรคได้ประกาศรายชื่อทั้งหมด นำแผ่นป้ายนโยบายหลัก 8 ด้าน ดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยแผ่นป้ายนโยบายทั้ง 8 ด้าน ประกอบด้วย ค่าแรงขั้นต่ำ 600บ./วัน ปริญญาตรี 25,000 บ./เดือน ภายในปี 2570, เพื่อไทยมายาเสพติดหมดไป คืนชีวิตปลอดภัยให้ประชาชน, ยกระดับ 30 บาท
บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย จองคิวได้เร็ว วัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรี ซึมเศร้าใกล้บ้านรักษาฟรี, เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ลดราคาทันที, ราคาพืชผลเกษตรขึ้นยกแผง เพื่อไทยเคยทำได้และจะทำอีก, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน สร้าง Blockchain สัญชาติไทย ค้าขายออนไลน์สร้างรายได้ใหม่ให้ครอบครัว, เร่งสร้างคนทำงานทักษะสูง สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท/ปี และนโยบายดีๆ ใครก็พูดได้ แต่พรรคที่ทำได้และทำเป็น คือ เพื่อไทย
นาย
ประเสริฐ กล่าวอีกว่า การเลือกช่วงเวลาติดแผ่นป้ายนโยบายในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อเป็นส่งมอบความสุขและความหวังในการเดินทางเข้าสู่ปี 2566 ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ เปลี่ยนไปสู่รัฐบาลใหม่ เปลี่ยนผู้นำประเทศคนใหม่ และจะดียิ่งไปกว่านั้นคือประชาชนจะได้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลที่จะนำพาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าวันนี้
ทั้งนี้นาย
ประเสริฐ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยเลือกเอาช่วงเวลาแห่งความสุขของประชาชนทุกคนในการติดตั้งแผ่นป้ายนโยบายของเราทั้ง 8 นโยบาย เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ได้เห็นนโยบายของเราได้อย่างทั่วถึง ส่วนพรรคใดติดแผ่นป้ายนโยบายก่อนหรือหลัง ติดเร็วหรือช้า ก็เป็นแนวทางของแต่ละพรรคที่จะทำได้ แต่เพื่อไทยเรายึดมั่นที่ตัวนโยบายที่สด ใหม่ และของเดิมที่เราเคยทำจะดียิ่งกว่าเดิม มั่นใจว่าทำได้จริงแล้วจึงประกาศไปสู่ประชาชน
เปิดคลิป ต่อรองวิ่งเต้น เหตุลูกน้องติดหนี้หมุนไม่ทัน ‘ชัยวัฒน์’ ย้อนถ้างัดข้ออธิบดีจริง ทำไมยอมให้เข้าห้อง รับซองจากมือ (คลิป)
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3748317
เปิดคลิปเสียงหลักฐานชัด เจรจาวิ่งเต้นอธิบดีกรมอุทยาน เผยลูกน้องติดหนี้ 4 แสนจนถูกฟ้อง เหตุหาเงินวิ่งเต้น ‘ชัยวัฒน์’ ย้อนถ้างัดข้ออธิบดีจริง ทำไมยอมให้เข้าห้อง รับซองจากมือ ต้นปีทยอยเข้าให้ปากคำหลังรับหมายเรียกก่อนสิ้นปี
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พล.ต.ต.
จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนาย
รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ทุจริตเรียกรับสินบนฯ ว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และอยู่ในความสนใจของสังคม จึงสั่งการให้ตั้งเป็นคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมา เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนละเอียดรอบครอบ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายด้วย หลังจากนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งทำหนังสือออกหมายเรียกกลุ่มเจ้าหน้าที่ หัวหน้าหน่วยงานต่างๆในสังกัดกรมอุทยานฯ เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งพยายามจะให้แล้วเสร็จ โดยจะเริ่มส่งหมายเรียกให้ทันก่อนปีใหม่ เพื่อที่จะได้สามารถทยอยมาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในช่วงหลังปีใหม่นี้ด้วย
ด้านนาย
ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กล่าวถึงกรณีที่ นาย
รัชฎา ให้การอ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เหตุเพราะมีปัญหาขัดแย้งกับตนนั้น ขอยืนยันว่านไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับนาย
รัชฎามาก่อน เพราะหากมีปัญหาขัดแย้งกันจริง นาย
รัชฎาจะยอมให้ตนเข้าไปในห้อง หรือ กล้ารับซองเงินจากมือตนหรือไม่ ที่ผ่านมาตนก็เคยได้รับฟังปัญหาจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวหลายราย บางรายต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อหาเงินมาส่งให้ผู้ใหญ่ทันตามกำหนด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะสามารถเอาผิดได้ โดยเฉพาะหลักฐานคลิปเสียงขณะเจรจาส่งมอบซองเงินรายเดือน ซึ่งเสียงคล้ายกับนาย
รัชฎา และคู่สนทนา เสียงคล้ายกับนาย
ชัยวัฒน์ ซึ่งสอดคล้องกับซองเงินของกลางที่ตรวจยึดได้จากในลิ้นชักภายในห้องทำงานของนายรัชฎา รวมทั้งบทสนทนาการต่อรองเงินค่าวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่ง ซึ่งในคลิปเสียงดังกล่าวยังเผยถึงรายละเอียดบทสนทนาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงานจากผลกระทบเรื่องนี้ หลังมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานรายหนึ่งต้องถูกร้านค้าฟ้องร้องดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา เหตุเพราะติดค้างเงินค่าน้ำมันและวัสดุของใช้ต่างๆ ที่นำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นจำนวนเงินรวม 4 แสนบาท แต่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ เพราะต้องนำเงินที่ทำการเบิกมาแล้วในส่วนนี้ นำไปส่งให้กับนายรัชฎาแทน
ขณะเดียวกันคลิปเสียงดังกล่าวยังมีการบันทึกเสียงเหตุการณ์ในช่วงขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมกับขออนุญาตตรวจค้นลิ้นชักโต๊ะทำงานของนาย
รัชฎา ช่วงแรกเจ้าตัวไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่จึงอธิบายเหตุผลตามหลักข้อกฎหมายให้นายรับทราบจนเป็นที่เข้าใจ สุดท้ายนาย
รัชฎาต้องยอมให้ตรวจค้น จนพบซองเงินของกลางดังกล่าว
ร้องสอบทรัพย์สิน ประสิทธิ์ เจียวก๊ก
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_474003/
แทนคุณ พาผู้เสียหายเหยื่อ”ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ร้อง ผบ.ตร. เร่งตรวจสอบทรัพย์สินที่เชื่อว่ามีซุกซ่อนจำนวนมาก ติดใจการหลบหนีเชื่อมีคนในรู้เห็น -1ในเหยื่อเปิดใจสูญเงินกว่า 40ล้านบาท
นาย
แทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายประมาณ30ราย นำเอกสารเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.
ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต.
อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับมอบกรณีช่วยเร่งรัด ติดตามคดีนาย นาย
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน
ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นทำหลังจากมีการเผยแพร่ภาพทรัพย์สิน และเส้นทางการเงิน ที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าความเสียหายจริง ร่วมถึงต้องข้อสังเกตว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามช่วยเหลือนาย
ประสิทธิ์ จนกระทั่งพยายามหนีระหว่างนำตัวขึ้นศาล
โดยนาย
แทนคุณ จิตต์อิสระ กล่าวว่า วันนี้มาเรียกร้องใน 3 ประเด็น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย บางรายไม่มีกินถึงกับต้องเข้าไปขอข้าววัดกิน รวมทั้งในเรื่องของการหลบหนีที่คาดว่าจะต้องมีกลุ่มบุคคลเข้ามาช่วยเหลือนายประสิทธิ์ มากกว่าที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่องกุญแจ ที่ทางกรมราชทัณฑ์ อ้างว่าอาจจะเป็นการอมเข้าไปไว้ในปากนั้น ไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริง ส่วนทรัพย์สินที่หน่วยงานรัฐระบุว่าตรวจยึดมาได้กว่า 200ล้านบาท เชื่อว่าอาจจะมีการคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง เพราะทราบข้อมูลว่านายประสิทธิ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่เป็นเงินสดให้อยู่ในรูปของทองคำ กระเป๋าแบรนด์เนม
ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏในการยึดทรัพย์ จึงกลัวว่าอาจจะมีการตกหล่น ทำให้ไม่สามารถมาเฉลี่ยทรัพย์กับผู้ที่เข้าแจ้งความตามกฎหมาย ดังนั้นจะรอการชี้แจงความชัดเจนของการหลบหนีจากกรมราชทัณฑ์และการยึดทรัพย์ของ ปปง. โดยจะมีการนำหลักฐานเรื่องทรัพย์สินเข้าไปยื่นให้กับ ปปง.ตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงอยากทราบว่าการที่ พล.ต.ต.
ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ลาออกจากตำแหน่ง จะมีผลกระทบกับการยึดทรัพย์หรือไม่
ด้าน นาย
สาทร ชมไพศาล ผู้เสียหาย ยอมรับว่าตนเองร่วมลงทุนไปกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก 12.4ล้านบ้าน ในรูปแบบของการลงทุนซื้อทัวร์ มัลดาวี, กองทุนท่านประธาน, สหกรณ์ออมทรัพย์ โดยนาย
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก พร้อมทีมงานได้เข้ามาชักชวนให้ร่วมลงทุน ตั้งแต่ปี2561 -2563 ลักษณะให้ผลตอบแทนดี เช่นซื้อทอง2แสน ได้รับทองกลับมา1บาททันที หรือลงทุน6แสน ได้ทองกลับมา3บาท
ทำให้ตนเองหลงเชื่อและได้มีการนำเงินลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาทราบข้อเท็จจริงว่าถูกหลอก ส่งผลให้ปัจจุบันได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินเกษียณอายุ และมีอาการเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหวังว่าหากเจ้าหน้าที่มีการแบ่งทรัพย์ ก็จะได้เงินคืนประมาณ30เปอร์เซ็นต์จากที่เสียหาย
ด้าน พล.ต.ต.
อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในส่วนคดีฉ้อโกงของ นาย
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก ที่ บก.ปอศ. รับผิดชอบมีทั้งหมด6คดี คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง กุมภาพันธ์ ปี2566 ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจยึดจากกลุ่มผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ทางทีมงานสามารถตรวจยึดได้เพิ่มเติม อยู่ระหว่างการขยายผล ตรวจทั้งเส้นทางการเงิน คาดว่าจะทราบจำนวนทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ส่วนคดีการหลบหนีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก สน.พหลโยธิน อยู่ระหว่างการขยายผลิตหลังจากมีการดำเนินคดีกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก พร้อมพวกรวม4คน ซึ่งหากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครไม่มีละเว้น
JJNY : เพื่อไทยคิกออฟ 8นโยบาย| เปิดคลิปต่อรองวิ่งเต้น| ร้องสอบทรัพย์สินประสิทธิ์ เจียวก๊ก| ส่องปัจจัยท้าทาย ศก.ปีกระต่าย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_474011/
เพื่อไทยคิกออฟติดป้าย 8 นโยบาย รับประชาชนกลับบ้านปีใหม่ “ประเสริฐ” มั่นใจ ปีหน้ารัฐบาลเพื่อไทยพร้อมพลิกคุณภาพชีวิตคนไทยทุกคน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัววิสัยทัศน์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในปี 2570 โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ภายใต้แนวคิด “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” พบว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในคุณภาพชีวิต อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศ ไปในทิศทางที่ดีกว่าวันนี้ เชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย
พรรคที่คิดได้และทำเป็น เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนให้ความไว้วางใจว่าจะสามารถฝากชีวิต ฝากอนาคตของลูกหลานไว้ได้ จึงได้มอบหมายให้ ส.ส. และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่พรรคได้ประกาศรายชื่อทั้งหมด นำแผ่นป้ายนโยบายหลัก 8 ด้าน ดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยแผ่นป้ายนโยบายทั้ง 8 ด้าน ประกอบด้วย ค่าแรงขั้นต่ำ 600บ./วัน ปริญญาตรี 25,000 บ./เดือน ภายในปี 2570, เพื่อไทยมายาเสพติดหมดไป คืนชีวิตปลอดภัยให้ประชาชน, ยกระดับ 30 บาท
บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย จองคิวได้เร็ว วัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรี ซึมเศร้าใกล้บ้านรักษาฟรี, เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ลดราคาทันที, ราคาพืชผลเกษตรขึ้นยกแผง เพื่อไทยเคยทำได้และจะทำอีก, อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน สร้าง Blockchain สัญชาติไทย ค้าขายออนไลน์สร้างรายได้ใหม่ให้ครอบครัว, เร่งสร้างคนทำงานทักษะสูง สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท/ปี และนโยบายดีๆ ใครก็พูดได้ แต่พรรคที่ทำได้และทำเป็น คือ เพื่อไทย
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า การเลือกช่วงเวลาติดแผ่นป้ายนโยบายในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อเป็นส่งมอบความสุขและความหวังในการเดินทางเข้าสู่ปี 2566 ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ เปลี่ยนไปสู่รัฐบาลใหม่ เปลี่ยนผู้นำประเทศคนใหม่ และจะดียิ่งไปกว่านั้นคือประชาชนจะได้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลที่จะนำพาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าวันนี้
ทั้งนี้นายประเสริฐ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยเลือกเอาช่วงเวลาแห่งความสุขของประชาชนทุกคนในการติดตั้งแผ่นป้ายนโยบายของเราทั้ง 8 นโยบาย เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ได้เห็นนโยบายของเราได้อย่างทั่วถึง ส่วนพรรคใดติดแผ่นป้ายนโยบายก่อนหรือหลัง ติดเร็วหรือช้า ก็เป็นแนวทางของแต่ละพรรคที่จะทำได้ แต่เพื่อไทยเรายึดมั่นที่ตัวนโยบายที่สด ใหม่ และของเดิมที่เราเคยทำจะดียิ่งกว่าเดิม มั่นใจว่าทำได้จริงแล้วจึงประกาศไปสู่ประชาชน
เปิดคลิป ต่อรองวิ่งเต้น เหตุลูกน้องติดหนี้หมุนไม่ทัน ‘ชัยวัฒน์’ ย้อนถ้างัดข้ออธิบดีจริง ทำไมยอมให้เข้าห้อง รับซองจากมือ (คลิป)
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3748317
เปิดคลิปเสียงหลักฐานชัด เจรจาวิ่งเต้นอธิบดีกรมอุทยาน เผยลูกน้องติดหนี้ 4 แสนจนถูกฟ้อง เหตุหาเงินวิ่งเต้น ‘ชัยวัฒน์’ ย้อนถ้างัดข้ออธิบดีจริง ทำไมยอมให้เข้าห้อง รับซองจากมือ ต้นปีทยอยเข้าให้ปากคำหลังรับหมายเรียกก่อนสิ้นปี
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ทุจริตเรียกรับสินบนฯ ว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และอยู่ในความสนใจของสังคม จึงสั่งการให้ตั้งเป็นคณะทำงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมา เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนละเอียดรอบครอบ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายด้วย หลังจากนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งทำหนังสือออกหมายเรียกกลุ่มเจ้าหน้าที่ หัวหน้าหน่วยงานต่างๆในสังกัดกรมอุทยานฯ เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งพยายามจะให้แล้วเสร็จ โดยจะเริ่มส่งหมายเรียกให้ทันก่อนปีใหม่ เพื่อที่จะได้สามารถทยอยมาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในช่วงหลังปีใหม่นี้ด้วย
ด้านนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กล่าวถึงกรณีที่ นายรัชฎา ให้การอ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เหตุเพราะมีปัญหาขัดแย้งกับตนนั้น ขอยืนยันว่านไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับนายรัชฎามาก่อน เพราะหากมีปัญหาขัดแย้งกันจริง นายรัชฎาจะยอมให้ตนเข้าไปในห้อง หรือ กล้ารับซองเงินจากมือตนหรือไม่ ที่ผ่านมาตนก็เคยได้รับฟังปัญหาจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวหลายราย บางรายต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อหาเงินมาส่งให้ผู้ใหญ่ทันตามกำหนด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะสามารถเอาผิดได้ โดยเฉพาะหลักฐานคลิปเสียงขณะเจรจาส่งมอบซองเงินรายเดือน ซึ่งเสียงคล้ายกับนายรัชฎา และคู่สนทนา เสียงคล้ายกับนายชัยวัฒน์ ซึ่งสอดคล้องกับซองเงินของกลางที่ตรวจยึดได้จากในลิ้นชักภายในห้องทำงานของนายรัชฎา รวมทั้งบทสนทนาการต่อรองเงินค่าวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่ง ซึ่งในคลิปเสียงดังกล่าวยังเผยถึงรายละเอียดบทสนทนาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงานจากผลกระทบเรื่องนี้ หลังมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานรายหนึ่งต้องถูกร้านค้าฟ้องร้องดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา เหตุเพราะติดค้างเงินค่าน้ำมันและวัสดุของใช้ต่างๆ ที่นำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นจำนวนเงินรวม 4 แสนบาท แต่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ เพราะต้องนำเงินที่ทำการเบิกมาแล้วในส่วนนี้ นำไปส่งให้กับนายรัชฎาแทน
ขณะเดียวกันคลิปเสียงดังกล่าวยังมีการบันทึกเสียงเหตุการณ์ในช่วงขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมกับขออนุญาตตรวจค้นลิ้นชักโต๊ะทำงานของนายรัชฎา ช่วงแรกเจ้าตัวไม่ยินยอม เจ้าหน้าที่จึงอธิบายเหตุผลตามหลักข้อกฎหมายให้นายรับทราบจนเป็นที่เข้าใจ สุดท้ายนายรัชฎาต้องยอมให้ตรวจค้น จนพบซองเงินของกลางดังกล่าว
ร้องสอบทรัพย์สิน ประสิทธิ์ เจียวก๊ก
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_474003/
แทนคุณ พาผู้เสียหายเหยื่อ”ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ร้อง ผบ.ตร. เร่งตรวจสอบทรัพย์สินที่เชื่อว่ามีซุกซ่อนจำนวนมาก ติดใจการหลบหนีเชื่อมีคนในรู้เห็น -1ในเหยื่อเปิดใจสูญเงินกว่า 40ล้านบาท
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายประมาณ30ราย นำเอกสารเข้าร้องเรียน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับมอบกรณีช่วยเร่งรัด ติดตามคดีนาย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน
ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นทำหลังจากมีการเผยแพร่ภาพทรัพย์สิน และเส้นทางการเงิน ที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าความเสียหายจริง ร่วมถึงต้องข้อสังเกตว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามช่วยเหลือนายประสิทธิ์ จนกระทั่งพยายามหนีระหว่างนำตัวขึ้นศาล
โดยนายแทนคุณ จิตต์อิสระ กล่าวว่า วันนี้มาเรียกร้องใน 3 ประเด็น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย บางรายไม่มีกินถึงกับต้องเข้าไปขอข้าววัดกิน รวมทั้งในเรื่องของการหลบหนีที่คาดว่าจะต้องมีกลุ่มบุคคลเข้ามาช่วยเหลือนายประสิทธิ์ มากกว่าที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่องกุญแจ ที่ทางกรมราชทัณฑ์ อ้างว่าอาจจะเป็นการอมเข้าไปไว้ในปากนั้น ไม่น่าจะเป็นข้อเท็จจริง ส่วนทรัพย์สินที่หน่วยงานรัฐระบุว่าตรวจยึดมาได้กว่า 200ล้านบาท เชื่อว่าอาจจะมีการคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง เพราะทราบข้อมูลว่านายประสิทธิ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่เป็นเงินสดให้อยู่ในรูปของทองคำ กระเป๋าแบรนด์เนม
ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏในการยึดทรัพย์ จึงกลัวว่าอาจจะมีการตกหล่น ทำให้ไม่สามารถมาเฉลี่ยทรัพย์กับผู้ที่เข้าแจ้งความตามกฎหมาย ดังนั้นจะรอการชี้แจงความชัดเจนของการหลบหนีจากกรมราชทัณฑ์และการยึดทรัพย์ของ ปปง. โดยจะมีการนำหลักฐานเรื่องทรัพย์สินเข้าไปยื่นให้กับ ปปง.ตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงอยากทราบว่าการที่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ลาออกจากตำแหน่ง จะมีผลกระทบกับการยึดทรัพย์หรือไม่
ด้าน นายสาทร ชมไพศาล ผู้เสียหาย ยอมรับว่าตนเองร่วมลงทุนไปกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก 12.4ล้านบ้าน ในรูปแบบของการลงทุนซื้อทัวร์ มัลดาวี, กองทุนท่านประธาน, สหกรณ์ออมทรัพย์ โดยนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก พร้อมทีมงานได้เข้ามาชักชวนให้ร่วมลงทุน ตั้งแต่ปี2561 -2563 ลักษณะให้ผลตอบแทนดี เช่นซื้อทอง2แสน ได้รับทองกลับมา1บาททันที หรือลงทุน6แสน ได้ทองกลับมา3บาท
ทำให้ตนเองหลงเชื่อและได้มีการนำเงินลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมาทราบข้อเท็จจริงว่าถูกหลอก ส่งผลให้ปัจจุบันได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินเกษียณอายุ และมีอาการเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหวังว่าหากเจ้าหน้าที่มีการแบ่งทรัพย์ ก็จะได้เงินคืนประมาณ30เปอร์เซ็นต์จากที่เสียหาย
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในส่วนคดีฉ้อโกงของ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ที่ บก.ปอศ. รับผิดชอบมีทั้งหมด6คดี คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วง กุมภาพันธ์ ปี2566 ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจยึดจากกลุ่มผู้ต้องหานั้น ขณะนี้ทางทีมงานสามารถตรวจยึดได้เพิ่มเติม อยู่ระหว่างการขยายผล ตรวจทั้งเส้นทางการเงิน คาดว่าจะทราบจำนวนทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ส่วนคดีการหลบหนีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก สน.พหลโยธิน อยู่ระหว่างการขยายผลิตหลังจากมีการดำเนินคดีกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก พร้อมพวกรวม4คน ซึ่งหากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครไม่มีละเว้น