อุกฉกรรจ์! กองปราบปรามจ่อโอนคดี ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ แหกศาลหนีคดี
https://www.dailynews.co.th/news/1819236/
กองปราบปราม เตรียมโอนคดี “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” แหกศาลหนีคดี ชี้เป็นเหตุอุฉกรรจ์ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำเป็นขบวนการ ขณะ 3 คนใกล้ชิด สารภาพ แผนสำเร็จพาซุกห้องพักย่านสามย่าน ตร.หิ้วค้นหาหลักฐาน
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ นาย
ประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากคดีหลอกให้ร่วมลงทุน พยายามหลบหนีจากศาลอาญาทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. พร้อมด้วย สน.พหลโยธิน ร่วมกันทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยให้การช่วยเหลือ นาย
ประสิทธิ์ 3 คน ประกอบด้วย เลขาสาวกับแฟนหนุ่ม และ คนสนิทของนาย
ประสิทธิ์ มาทำการสอบปากคำยัง สน.พหลโยธิน ด้วยรูปแบบวิธีการแยกสอบ ก่อนพาเลขาสาวและแฟนหนุ่ม ขึ้นรถออกจากสถานีตำรวจเพื่อนำตัวไปตรวจค้นห้องพักย่านสามย่านเพื่อค้นหาพยานหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม หลังรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันวางแผนพาตัวนาย
ประสิทธิ์ ไปหลบซ่อนตัวที่ห้องพักย่านสามย่าน ดังกล่าว.
ผู้สื่อข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับกรณีที่ นาย
ประสิทธิ์ พยายามหลบหนีออกจากศาลนั้น เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเอาผิดไว้ที่ สน.พหลโยธิน แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมถึงเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ทางกองปราบฯจึงพร้อมที่จะรับโอนคดีดังกล่าวมาทำการสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทาง พล.ต.ท.
จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จะมีการแถลงเกี่ยวกับคดีอีกครั้ง ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) วันนี้(23ธ.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ทางกองปราบจะยังไม่มีอำนาจในการเข้าไปสอบสวน เนื่องจากต้องรอให้มีการโอนคดีเสร็จสิ้นก่อนนั้น แต่เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรอบครอบและรัดกุม จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมในส่วนของการสืบสวนพยานหลักฐานต่างๆนั้น มีความคืบหน้าไปพอสมควร
‘เพื่อไทย’ ชี้ ของขวัญปีใหม่ ‘ซานต้าตู่’ เกาไม่ถูกที่คัน วางนโยบายเหมือนกำลังทุบบ้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3739643
‘เพื่อไทย’ ชี้ ของขวัญปีใหม่ ‘ซานต้าตู่’ เกาไม่ถูกที่คัน วางนโยบายเหมือนกำลังทุบบ้านตัวเอง สวนทางเพื่อนบ้านเร่งฟื้นฟู เชื่อปีหน้า กู้เพิ่มแน่
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนว่า ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลพยายามคิดมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่ของขวัญดังกล่าวเป็นมาตรการที่แก้ปัญหาประชาชนไม่ตรงจุด เสมือนการ เกาไม่ถูกที่คัน เพราะสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ที่สำคัญที่สุด คือรัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมโอกาสในการสร้างรายได้ในกระเป๋าประชาชน ไม่ใช่ออกมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเอาเงินออกจากกระเป๋า ทั้งที่ไม่มีเงินเพิ่ม
นาย
กฤษฏา กล่าวว่า หากเราพิจารณาดูมาตรการของรัฐบาลนี้ อย่างคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงการขึ้นค่าไฟภาคเอกชน จะเห็นได้ว่าเป็นมาตรการที่เป็นการสร้างรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็ไปสร้างรายได้ให้กับกลุ่มทุนเพียงบางกลุ่ม ซึ่งย้อนแย้งกับ ยุทธศาสตร์ชาติ กับการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ชนิดที่เรียกได้ว่า หน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟ ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติ ขึ้นค่าไฟภาคธุรกิจเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย ซึ่งแน่นอนว่า สุดท้ายคนที่ต้องรับภาระ ต้องเป็นพี่น้องประชาชนเพราะ ภาคเอกชนเองก็ต้องมีการขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน คำถามที่หลายคนให้ความสงสัยก็คือ วันนี้เรามีกลุ่มทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ที่ กฟผ. จะต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ผู้ผลิตไฟฟ้ากลุ่มนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปี เดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ยอด 30,665 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปีหน้ามกราคม-เมษายน 2566 ยอด 32,420 ล้านบาท ซึ่งหากการผลิตไฟฟ้าเราขาดแคลน และเรามีความจำเป็นต้องพึ่งหลายๆ ภาคส่วนในการผลิตก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่วันนี้เราผลิตเกินความต้องการมากถึงประมาณ 50% สุดท้าย คนที่ต้องรับภาระก็คือภาคประชาชนและภาคเอกชน
นาย
กฤษฎา กล่าวว่า ปีใหม่นี้รัฐบาลกำลังจะมอบของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน เริ่มต้นที่ช้อปดีมีคืน ปี 2566 โดยในระยะเวลา 45 วันตั้งแต่วันปีใหม่ สำหรับผู้มีรายได้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งไม่รวมนิติบุคคล ไม่รวมพี่น้องเกษตรกร ไม่รวมเอสเอ็มอีให้เฉพาะคนที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น วันที่เริ่มคือ 1 มกราคม 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงกลางถึงปลายเวลาของการท่องเที่ยวแล้ว
คนส่วนใหญ่ออกเดินทางกลับบ้านตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และถ้าดูข้อจำกัดของสินค้า ที่ไม่รวมกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้เห็นเลยว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าใจเรื่องการใช้งบประมาณช่วงเทศกาล หรือวันนี้รัฐบาลถังแตกไม่มีงบประมาณกันแน่ เลยตั้งใจใช้จ่ายงบประมาณแบบนี้ หรือวันนี้ที่ต้องเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2566 เพราะการบริหารการเงินการคลังที่ผิดพลาด เลยตั้งใจให้ยอดไปอยู่ที่ปีหน้าแทน
“
วันนี้เพื่อนบ้านเรากำลังเร่งซ่อมบ้าน เพื่อเดินต่อ ทุกคนกำลังแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยนโยบายต่างๆ เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาในประเทศ รวมไปถึงการควบคุม ประคับประคองต้นทุนให้ภาคเอกชนอยู่ได้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เขากำลังฟื้นตัว เหตุใดนโยบายต่างๆ ของเรากลับดูเหมือนกำลังทุบบ้านตัวเองและกำลังจะทำให้เงินเฟ้อหรือของแพงขึ้นไปอีก หากยังดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจแบบนี้ เกรงว่าปีหน้า มีกู้เพิ่มอีกแน่นอน” นาย
กฤษฎา กล่าว
ป.ป.ช.แจงแล้ว! ตีตก 3 พี่น้องชินวัตร คดีจีทูจีภาค 2 วัชรพล ยันยึดพยานหลักฐาน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7427474
ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจง ตีตก 3 พี่น้องชินวัตร คดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 วินิจฉัยจากพยานหลักฐาน ขอให้รอการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 23 ธ.ค.2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.
วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตีตกข้อกล่าวหา นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง เช่น นาย
ทักษิณ ชินวัตร น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนาง
เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แต่มีมติชี้มูล พ.ต.นพ.
วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ข้าราชการ และกลุ่มเอกชนว่า เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลาใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย จากพยานหลักฐาน การไต่สวน คงต้องรอการรับรองมติ
ส่วนเรื่องเหตุผลต่างๆ นัน คงต้องรอมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการและการแถลงข่าว เพราะตอนนี้ยังไม่เข้าสู่กระบวนการเปิดเผยอย่างสาธารณะ
JJNY : กองปราบจ่อโอนคดี‘ประสิทธิ์’|‘พท.’ชี้ของขวัญปีใหม่‘ซานต้าตู่’|แจงตีตก 3 พี่น้องชินวัตร|‘ทีดีอาร์ไอ’ชี้เก็บภาษีหุ้น
https://www.dailynews.co.th/news/1819236/
กองปราบปราม เตรียมโอนคดี “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” แหกศาลหนีคดี ชี้เป็นเหตุอุฉกรรจ์ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำเป็นขบวนการ ขณะ 3 คนใกล้ชิด สารภาพ แผนสำเร็จพาซุกห้องพักย่านสามย่าน ตร.หิ้วค้นหาหลักฐาน
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากคดีหลอกให้ร่วมลงทุน พยายามหลบหนีจากศาลอาญาทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. พร้อมด้วย สน.พหลโยธิน ร่วมกันทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยให้การช่วยเหลือ นายประสิทธิ์ 3 คน ประกอบด้วย เลขาสาวกับแฟนหนุ่ม และ คนสนิทของนายประสิทธิ์ มาทำการสอบปากคำยัง สน.พหลโยธิน ด้วยรูปแบบวิธีการแยกสอบ ก่อนพาเลขาสาวและแฟนหนุ่ม ขึ้นรถออกจากสถานีตำรวจเพื่อนำตัวไปตรวจค้นห้องพักย่านสามย่านเพื่อค้นหาพยานหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม หลังรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันวางแผนพาตัวนายประสิทธิ์ ไปหลบซ่อนตัวที่ห้องพักย่านสามย่าน ดังกล่าว.
ผู้สื่อข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับกรณีที่ นายประสิทธิ์ พยายามหลบหนีออกจากศาลนั้น เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเอาผิดไว้ที่ สน.พหลโยธิน แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมถึงเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ทางกองปราบฯจึงพร้อมที่จะรับโอนคดีดังกล่าวมาทำการสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จะมีการแถลงเกี่ยวกับคดีอีกครั้ง ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) วันนี้(23ธ.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ทางกองปราบจะยังไม่มีอำนาจในการเข้าไปสอบสวน เนื่องจากต้องรอให้มีการโอนคดีเสร็จสิ้นก่อนนั้น แต่เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรอบครอบและรัดกุม จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมในส่วนของการสืบสวนพยานหลักฐานต่างๆนั้น มีความคืบหน้าไปพอสมควร
‘เพื่อไทย’ ชี้ ของขวัญปีใหม่ ‘ซานต้าตู่’ เกาไม่ถูกที่คัน วางนโยบายเหมือนกำลังทุบบ้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3739643
‘เพื่อไทย’ ชี้ ของขวัญปีใหม่ ‘ซานต้าตู่’ เกาไม่ถูกที่คัน วางนโยบายเหมือนกำลังทุบบ้านตัวเอง สวนทางเพื่อนบ้านเร่งฟื้นฟู เชื่อปีหน้า กู้เพิ่มแน่
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนว่า ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลพยายามคิดมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่ของขวัญดังกล่าวเป็นมาตรการที่แก้ปัญหาประชาชนไม่ตรงจุด เสมือนการ เกาไม่ถูกที่คัน เพราะสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ที่สำคัญที่สุด คือรัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมโอกาสในการสร้างรายได้ในกระเป๋าประชาชน ไม่ใช่ออกมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเอาเงินออกจากกระเป๋า ทั้งที่ไม่มีเงินเพิ่ม
นายกฤษฏา กล่าวว่า หากเราพิจารณาดูมาตรการของรัฐบาลนี้ อย่างคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงการขึ้นค่าไฟภาคเอกชน จะเห็นได้ว่าเป็นมาตรการที่เป็นการสร้างรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็ไปสร้างรายได้ให้กับกลุ่มทุนเพียงบางกลุ่ม ซึ่งย้อนแย้งกับ ยุทธศาสตร์ชาติ กับการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ชนิดที่เรียกได้ว่า หน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟ ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติ ขึ้นค่าไฟภาคธุรกิจเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย ซึ่งแน่นอนว่า สุดท้ายคนที่ต้องรับภาระ ต้องเป็นพี่น้องประชาชนเพราะ ภาคเอกชนเองก็ต้องมีการขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน คำถามที่หลายคนให้ความสงสัยก็คือ วันนี้เรามีกลุ่มทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ที่ กฟผ. จะต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ผู้ผลิตไฟฟ้ากลุ่มนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปี เดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ยอด 30,665 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปีหน้ามกราคม-เมษายน 2566 ยอด 32,420 ล้านบาท ซึ่งหากการผลิตไฟฟ้าเราขาดแคลน และเรามีความจำเป็นต้องพึ่งหลายๆ ภาคส่วนในการผลิตก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่วันนี้เราผลิตเกินความต้องการมากถึงประมาณ 50% สุดท้าย คนที่ต้องรับภาระก็คือภาคประชาชนและภาคเอกชน
นายกฤษฎา กล่าวว่า ปีใหม่นี้รัฐบาลกำลังจะมอบของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน เริ่มต้นที่ช้อปดีมีคืน ปี 2566 โดยในระยะเวลา 45 วันตั้งแต่วันปีใหม่ สำหรับผู้มีรายได้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งไม่รวมนิติบุคคล ไม่รวมพี่น้องเกษตรกร ไม่รวมเอสเอ็มอีให้เฉพาะคนที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น วันที่เริ่มคือ 1 มกราคม 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงกลางถึงปลายเวลาของการท่องเที่ยวแล้ว
คนส่วนใหญ่ออกเดินทางกลับบ้านตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และถ้าดูข้อจำกัดของสินค้า ที่ไม่รวมกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้เห็นเลยว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าใจเรื่องการใช้งบประมาณช่วงเทศกาล หรือวันนี้รัฐบาลถังแตกไม่มีงบประมาณกันแน่ เลยตั้งใจใช้จ่ายงบประมาณแบบนี้ หรือวันนี้ที่ต้องเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2566 เพราะการบริหารการเงินการคลังที่ผิดพลาด เลยตั้งใจให้ยอดไปอยู่ที่ปีหน้าแทน
“วันนี้เพื่อนบ้านเรากำลังเร่งซ่อมบ้าน เพื่อเดินต่อ ทุกคนกำลังแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยนโยบายต่างๆ เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาในประเทศ รวมไปถึงการควบคุม ประคับประคองต้นทุนให้ภาคเอกชนอยู่ได้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เขากำลังฟื้นตัว เหตุใดนโยบายต่างๆ ของเรากลับดูเหมือนกำลังทุบบ้านตัวเองและกำลังจะทำให้เงินเฟ้อหรือของแพงขึ้นไปอีก หากยังดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจแบบนี้ เกรงว่าปีหน้า มีกู้เพิ่มอีกแน่นอน” นายกฤษฎา กล่าว
ป.ป.ช.แจงแล้ว! ตีตก 3 พี่น้องชินวัตร คดีจีทูจีภาค 2 วัชรพล ยันยึดพยานหลักฐาน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7427474
ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจง ตีตก 3 พี่น้องชินวัตร คดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 วินิจฉัยจากพยานหลักฐาน ขอให้รอการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 23 ธ.ค.2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตีตกข้อกล่าวหา นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง เช่น นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แต่มีมติชี้มูล พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ข้าราชการ และกลุ่มเอกชนว่า เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลาใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย จากพยานหลักฐาน การไต่สวน คงต้องรอการรับรองมติ
ส่วนเรื่องเหตุผลต่างๆ นัน คงต้องรอมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการและการแถลงข่าว เพราะตอนนี้ยังไม่เข้าสู่กระบวนการเปิดเผยอย่างสาธารณะ