JJNY : กองปราบจ่อโอนคดี‘ประสิทธิ์’|‘พท.’ชี้ของขวัญปีใหม่‘ซานต้าตู่’|แจงตีตก 3 พี่น้องชินวัตร|‘ทีดีอาร์ไอ’ชี้เก็บภาษีหุ้น

อุกฉกรรจ์! กองปราบปรามจ่อโอนคดี ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ แหกศาลหนีคดี
https://www.dailynews.co.th/news/1819236/

กองปราบปราม เตรียมโอนคดี “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” แหกศาลหนีคดี ชี้เป็นเหตุอุฉกรรจ์ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำเป็นขบวนการ ขณะ 3 คนใกล้ชิด สารภาพ แผนสำเร็จพาซุกห้องพักย่านสามย่าน ตร.หิ้วค้นหาหลักฐาน
 
 
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากคดีหลอกให้ร่วมลงทุน พยายามหลบหนีจากศาลอาญาทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. พร้อมด้วย สน.พหลโยธิน ร่วมกันทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยให้การช่วยเหลือ นายประสิทธิ์ 3 คน ประกอบด้วย เลขาสาวกับแฟนหนุ่ม และ คนสนิทของนายประสิทธิ์ มาทำการสอบปากคำยัง สน.พหลโยธิน ด้วยรูปแบบวิธีการแยกสอบ ก่อนพาเลขาสาวและแฟนหนุ่ม ขึ้นรถออกจากสถานีตำรวจเพื่อนำตัวไปตรวจค้นห้องพักย่านสามย่านเพื่อค้นหาพยานหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม หลังรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันวางแผนพาตัวนายประสิทธิ์ ไปหลบซ่อนตัวที่ห้องพักย่านสามย่าน ดังกล่าว.

ผู้สื่อข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับกรณีที่ นายประสิทธิ์ พยายามหลบหนีออกจากศาลนั้น เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความเอาผิดไว้ที่ สน.พหลโยธิน แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมถึงเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ทางกองปราบฯจึงพร้อมที่จะรับโอนคดีดังกล่าวมาทำการสืบสวนสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จะมีการแถลงเกี่ยวกับคดีอีกครั้ง ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) วันนี้(23ธ.ค.)

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ทางกองปราบจะยังไม่มีอำนาจในการเข้าไปสอบสวน เนื่องจากต้องรอให้มีการโอนคดีเสร็จสิ้นก่อนนั้น แต่เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรอบครอบและรัดกุม จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมในส่วนของการสืบสวนพยานหลักฐานต่างๆนั้น มีความคืบหน้าไปพอสมควร
 

 
‘เพื่อไทย’ ชี้ ของขวัญปีใหม่ ‘ซานต้าตู่’ เกาไม่ถูกที่คัน วางนโยบายเหมือนกำลังทุบบ้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3739643

‘เพื่อไทย’ ชี้ ของขวัญปีใหม่ ‘ซานต้าตู่’ เกาไม่ถูกที่คัน วางนโยบายเหมือนกำลังทุบบ้านตัวเอง สวนทางเพื่อนบ้านเร่งฟื้นฟู เชื่อปีหน้า กู้เพิ่มแน่
 
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนว่า ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลพยายามคิดมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่ของขวัญดังกล่าวเป็นมาตรการที่แก้ปัญหาประชาชนไม่ตรงจุด เสมือนการ เกาไม่ถูกที่คัน เพราะสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ที่สำคัญที่สุด คือรัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริมโอกาสในการสร้างรายได้ในกระเป๋าประชาชน ไม่ใช่ออกมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายเอาเงินออกจากกระเป๋า ทั้งที่ไม่มีเงินเพิ่ม
 
นายกฤษฏา กล่าวว่า หากเราพิจารณาดูมาตรการของรัฐบาลนี้ อย่างคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงการขึ้นค่าไฟภาคเอกชน จะเห็นได้ว่าเป็นมาตรการที่เป็นการสร้างรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ในขณะเดียวกันก็ไปสร้างรายได้ให้กับกลุ่มทุนเพียงบางกลุ่ม ซึ่งย้อนแย้งกับ ยุทธศาสตร์ชาติ กับการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ชนิดที่เรียกได้ว่า หน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟ ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติ ขึ้นค่าไฟภาคธุรกิจเป็น 5.69 บาทต่อหน่วย ซึ่งแน่นอนว่า สุดท้ายคนที่ต้องรับภาระ ต้องเป็นพี่น้องประชาชนเพราะ ภาคเอกชนเองก็ต้องมีการขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น
 
ขณะเดียวกัน คำถามที่หลายคนให้ความสงสัยก็คือ วันนี้เรามีกลุ่มทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ที่ กฟผ. จะต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ผู้ผลิตไฟฟ้ากลุ่มนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปี เดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ยอด 30,665 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปีหน้ามกราคม-เมษายน 2566 ยอด 32,420 ล้านบาท ซึ่งหากการผลิตไฟฟ้าเราขาดแคลน และเรามีความจำเป็นต้องพึ่งหลายๆ ภาคส่วนในการผลิตก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่วันนี้เราผลิตเกินความต้องการมากถึงประมาณ 50% สุดท้าย คนที่ต้องรับภาระก็คือภาคประชาชนและภาคเอกชน

นายกฤษฎา กล่าวว่า ปีใหม่นี้รัฐบาลกำลังจะมอบของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน เริ่มต้นที่ช้อปดีมีคืน ปี 2566 โดยในระยะเวลา 45 วันตั้งแต่วันปีใหม่ สำหรับผู้มีรายได้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งไม่รวมนิติบุคคล ไม่รวมพี่น้องเกษตรกร ไม่รวมเอสเอ็มอีให้เฉพาะคนที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น วันที่เริ่มคือ 1 มกราคม 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงกลางถึงปลายเวลาของการท่องเที่ยวแล้ว

คนส่วนใหญ่ออกเดินทางกลับบ้านตั้งแต่ก่อนปีใหม่ และถ้าดูข้อจำกัดของสินค้า ที่ไม่รวมกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้ว ทำให้เห็นเลยว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าใจเรื่องการใช้งบประมาณช่วงเทศกาล หรือวันนี้รัฐบาลถังแตกไม่มีงบประมาณกันแน่ เลยตั้งใจใช้จ่ายงบประมาณแบบนี้ หรือวันนี้ที่ต้องเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2566 เพราะการบริหารการเงินการคลังที่ผิดพลาด เลยตั้งใจให้ยอดไปอยู่ที่ปีหน้าแทน

วันนี้เพื่อนบ้านเรากำลังเร่งซ่อมบ้าน เพื่อเดินต่อ ทุกคนกำลังแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยนโยบายต่างๆ เพื่อดึงนักลงทุนเข้ามาในประเทศ รวมไปถึงการควบคุม ประคับประคองต้นทุนให้ภาคเอกชนอยู่ได้ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เขากำลังฟื้นตัว เหตุใดนโยบายต่างๆ ของเรากลับดูเหมือนกำลังทุบบ้านตัวเองและกำลังจะทำให้เงินเฟ้อหรือของแพงขึ้นไปอีก หากยังดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจแบบนี้ เกรงว่าปีหน้า มีกู้เพิ่มอีกแน่นอน” นายกฤษฎา กล่าว



ป.ป.ช.แจงแล้ว! ตีตก 3 พี่น้องชินวัตร คดีจีทูจีภาค 2 วัชรพล ยันยึดพยานหลักฐาน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7427474

ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจง ตีตก 3 พี่น้องชินวัตร คดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 วินิจฉัยจากพยานหลักฐาน ขอให้รอการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 23 ธ.ค.2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติตีตกข้อกล่าวหา นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตสอง เช่น นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แต่มีมติชี้มูล พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ข้าราชการ และกลุ่มเอกชนว่า เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลาใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัย จากพยานหลักฐาน การไต่สวน คงต้องรอการรับรองมติ
 
ส่วนเรื่องเหตุผลต่างๆ นัน คงต้องรอมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการและการแถลงข่าว เพราะตอนนี้ยังไม่เข้าสู่กระบวนการเปิดเผยอย่างสาธารณะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่