เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 15

กระทู้นี้เราขอคั่นเกี่ยวกับเรื่องราวของ นิมิต ของเราไว้ก่อน เราจะขอแทรกความคิดเห็นของเราส่วนตัวที่เราได้คิด วิเคราะห์ พิจารณา ไตร่ตรอง ด้วยตัวเองดีแล้วว่า น่าจะเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เราได้ ล่วงรู้เรื่องราวต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของคนที่เรามีสัมพันธ์ด้วยในชีวิตปัจจุบันนี้

เผื่อว่าท่านใดที่ติดตามอ่านกระทู้ของเราและสนใจใคร่รู้ ถึงเหตุปัจจัยดังกล่าว เราก็ยินดีที่จะบอก ยินดีที่แชร์โดยไม่คิดที่จะปิดบังอะไร

       1.  ปัจจัยตัวแรกเลย ก็คือ เราสามารถฝึกปฎิบัติธรรมกรรมฐานจนกระทั่งทำให้ จิต ของเราอยู่กับ ปัจจุบันขณะ ได้นานขึ้น ที่เราต้องบอกว่า นานขึ้น เพราะเราไม่สามารถบังคับ จิต ของเราให้อยู่กับปัจจุบันตลอดเวลาได้

เพราะธรรมชาติของ จิต ของคนเรา เราเคยบอกไปแล้วว่า มันจะชอบไปหาที่ยึดเหนี่ยว บางทีก็คิดถึงอดีต บางทีก็คิดถึงอนาคต ยากมากที่จะทำให้ จิต เรานิ่งและอยู่กับอารมณ์ อยู่กับอาการของเรา  ณ ปัจจุบันได้

เราจึงต้องฝึกมันให้ชิน โดยการปฎิบัติธรรมกรรมฐาน แต่หลายปีและปีละหลายครั้งที่เราไปปฎิบัติธรรมกรรมฐาน แต่พอกลับมาใช้ชีวิตปกติเราก็ไม่ได้ฝึกต่อ เราได้ฝึกมันให้อยู่กับปัจจุบันขณะได้เฉพาะตอนที่เราปฎิบัติธรรมกรรมฐานอยู่เท่านั้น

แต่เราเพิ่งมาฝึก จิต เราให้อยู่กับปัจจุบันขณะได้ตอนที่เรามาอยู่ต่างประเทศแล้ว เพราะเราไม่มีเวลากลับไทยไปปฎิบัติธรรมเหมือนเมื่อก่อน เราจึงนำเอาคำสอนที่พระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานเรา ท่านสอนให้ทุกคนและทุกครั้งที่เราไปปฎิบัติธรรม นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันในทุกวัน

นั่นคือการตามดู  ตามรู้อาการ ตามรู้ความคิด ตามดู ตามรู้อารมณ์ ดูให้ทัน รู้ให้ทัน ตามปัจจุบัน อย่าปล่อยให้เผลอ ฝึกดู ฝึกรู้บ่อยๆเข้า เราก็จะควบคุม จิต ตัวเองได้ 

***การตามดู ตามรู้ ไม่ใช่การบังคับจิต ถ้าจิตมันจะคิดถึงอดีต คิดถึงอนาคตก็ปล่อยให้มันคิดไป เราแค่ไปดู ไปรู้มันเฉยๆ อย่าไปบังคับ ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ

          2.  ปัจจัยตัวที่สอง คือ บุคคลนั้นๆกับเราได้ชดใช้กรรมต่อกันหมดแล้ว หมดวิบากกรรมต่อกันแล้ว ข้อนี้เรามีวิธีส่วนตัวในการเช็ค ว่าคนๆนั้น หมดเวรหมดกรรม หมดวิบากกรรมต่อเราหรือยัง เราจะเช็คโดยการ เมื่อเราคิดถึงคนๆนั้น หรือคิดถึงสิ่งที่เขาเหล่านั้นกระทำต่อเราแล้ว 

มีคนพูดถึงชื่อพวกเขาให้เราได้ยิน หรือได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขา ถ้าเรายังมีอารมณ์ต่อเขาอยู่ ไม่ว่าจะอารมณ์ ยินดี ยินร้าย โกรธ แค้น เคือง ระคายหู ไม่สบายใจ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากได้ฟัง ไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเหล่านั้น

นั่นแสดงว่าเรายังไม่หมด วิบากกรรม กับคนๆนั้น ถ้าเรา หมดวิบากกรรม กับใครแล้วไม่ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะทำดีหรือไม่ดีกับเรามาก่อน เราจะเคยรักหรือเราจะเคยเกลียดเขาก็ตาม เราจะมีความรู้สึก เฉยๆ แบบเฉยมากๆ ไม่รู้สึกอะไรกับพวกเขาเลย ไม่ยินดีไม่ยินร้าย

*** เราจะบอกวิธีที่เราใช้ตัดเวรตัดกรรมกับคนบางคน ที่เราคิดว่าเราทำกรรมกับเขามาหนักๆ เขามาเอาคืนเราเท่าไหร่ ก็ยังไม่พอใจสักที ยังจะจองเวรจองกรรมกับเราไม่เลิก หรือใช้กับบางคนที่ทำให้เราเกิดอารมณ์เยอะๆ เวลาที่เราคิดถึงเขา ไม่ว่าจะอารมณ์รักก็ดี อารมณ์เกลียดก็ดี

นั่นคือการที่เราต้อง ละ ทิฐิมานะของตัวเองลง พูดง่ายๆคือ ลดอีโก้ของตัวเองลงนั่นเองค่ะ แล้วไปกล่าวขอโทษ ขอขมากรรมเขาเสีย ขอให้เขาอโหสิกรรมให้เรา และเราก็จะต้องอโหสิกรรมให้เขาด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีเวรมีกรรมต่อกันอีก ขอให้มันจบที่เรา

เพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเราไปทำเวรทำกรรมอะไรกับเขาไว้ เขาถึงอาฆาตแค้นเคืองเราถึงเพียงนี้ แต่การที่ใครแค้น อาฆาตเราเยอะๆ เราจะคิดไว้ก่อนเลยว่า เราเองก็คงจะทำกับเขามาเยอะเหมือนกัน เขาถึงไม่ยอมลดรา วาศอกให้เลย

แต่ถ้าเรายังจะไปคิดเอาคืนเขาอีกมันก็จะไม่จบ เราจึงยอมเป็นคนหยุดเองเสียเอง ตามคำที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร นั่นเองค่ะ วิธีนี้เราใช้มาหลายครั้งแล้วได้ผลค่ะ และดีด้วย

          3 . ปัจจัยสุดท้าย คือ เราตัดสายสัมพันธ์ค่ะ เราไม่ขอเกิดมาประสบพบเจอกับเขาเหล่านั้นอีก เราจะขอให้ชาตินี้ของเราต้องมาเจอกับพวกเขาเป็นชาติสุดท้าย ไม่ว่าจะคนที่เขาดีกับเรา หรือคนที่ร้ายกับเรา ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารักหรือเป็นคนที่เราเคยเกลียด เราตัดหมดค่ะ ที่บอกว่าตัด คือเราสามารถตัดได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าสักแต่ปากพูด มันเป็นเจตนาที่ออกมาจากข้างใน เราต้องคิดเช่นนั้นจริงๆถึงจะพูดได้ ทำได้

ข้อสุดท้ายนี้เราคิดว่าคนปกติทั่วไปน่าจะทำยากที่สุด เพราะบางครั้งคนรอบข้างของคุณอาจจะมีแต่คนที่คุณรัก และรักคุณ ดีกับคุณ จนคุณไม่อยากจะจากเขาไป ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตายก็ตาม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ถ้าได้เจอคนดีๆ ก็คงไม่แปลกที่คุณคิดอยากจะเจอพวกเขาเหล่านั้นอีกครั้งถ้ามีโอกาส

แต่สำหรับเราในชีวิตนี้ คงจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่เราไม่ค่อยมีใครที่เราอยากจะเกิดมาประสบพบเจออีก เพราะคนรอบข้างเราส่วนใหญ่เป็นคนที่เราไม่ค่อยอยากจะเจอทั้งนั้น จึงค่อนข้างง่ายในการตัด

เราคิดว่าน่าจะเป็นปัจจัยทั้ง 3 ข้อนี้ที่เป็นเหตุให้เราได้มารู้ มาเห็น ความสัมพันธ์ของเรากับพวกเขาเหล่านั้นในอดีต เพราะก่อนหน้านี้เราก็ปฎิบัติตามหลักการใช้ชีวิตปกติของเราอยู่แล้ว

แต่หลังจากที่เราเริ่มเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำ เปลี่ยนคำพูด ให้สอดคล้องกับเหตุปัจจัยที่เราบอกไปข้างต้น เพิ่มขึ้นมาในการดำเนินชีวิตในระยะหลังนี้เท่านั้นเอง และมันเป็นแค่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาที่เราสังเกตได้ ส่วนปัจจัยหลักจริงๆเราเองก็ไม่สามารถบอกได้หรอกค่ะ ว่ามันเป็นเพราะอะไร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่