'ตอง ดาวดิน' รับผิดพลาด ประเมินต่ำ ไม่คิดโดนสลายม็อบรุนแรง ชี้ปท.นี้อะไรก็เกิดได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699357
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 19.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่าวประเทศ (FCCT) กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค นำโดย น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ
มายด์, นาย
ธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ
ปูน ทะลุฟ้า, นาย
นิติกร ค้ำชู หรือ
ตอง ดาวดิน และนาย
จำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มแนวร่วมขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ร่วมกันแถลงกรณีการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐในการสลายชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนบนถนนดินสอ รวมถึงแนวทางการเคลื่อนไหวในการเรียกร้องต่อจากนี้ ดำเนินรายการโดย นายเยี่ยมยุทธ์ สุทธิฉายา สำนักข่าวประชาไท
ในช่วงท้ายซึ่งเป็นส่วนของการตอบคำถามสื่อมวลชน มีผู้สอบถามถึงการป้องกันความสูญเสียว่าในการชุมนุมครั้งต่อไปจะมีมาตรการใดหรือไม่ อย่างไร
นาย
นิติกร ค้ำชู หรือ
ตอง ดาวดิน ตอบว่า เหตุการณ์สลายชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อ 18 พฤศจิกายน มีการสรุปบทเรียนว่า ในครั้งหน้าต้องประเมินความปลอดภัยมากขึ้น ให้ความสำคัญกับเครื่องมือป้องกันยิ่งขึ้น
“
รอบที่แล้วไม่ได้ประเมินว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นความผิดพลาดของพวกเราที่ประเมินเขาต่ำไป ได้บทเรียนว่าประเทศนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้” นาย
นิติกร กล่าว
สำหรับการเปิดชื่อเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรง นาย
นิติกรกล่าวว่า ได้ใช้กลไลรัฐสภาคือการเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) 2 ชุด คือ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ และกมธ. กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีอำนาจในการเรียกข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ก็น่าจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“
ช่องทางการร้องเรียน เราใช้ทั้งในและนอกประเทศ รู้สึกว่าสื่อต่างประเทศรับรู้น้อย ส่วนสื่อไทยก็ขยายผลเรื่องนี้น้อย อาจต้องรบกวนพี่น้องช่วยกันขยายออกไป เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไม่เกิดบ่อยโดยมีความรุนแรงถึงขั้นตาบอด ขอให้ทุกท่านสื่อสารข้อมูลต่อไป” นาย
นิติกรกล่าว
จากนั้น นาย
นิติกรระบุว่า ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้จะเป็นนัดแรกสำหรับผู้ต้องหา 25 รายที่ถูกแจ้งข้อหาจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อ 18 พฤศจิกายนในการส่งตัวอัยการ
‘พวงเพ็ชร’ ย้ำ เพื่อไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนงแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699565
“พวงเพ็ชร” ย้ำ เพื่อไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนงแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนตัว หลังสมเกียรติแสดงความสนใจร่วมงานพรรค
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย
สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส. กทม. เขตบางนา-พระโขนง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุถึงความต้องการที่จะร่วมงานกับพรรค พท. ว่าต้องขอขอบคุณ แต่ต้องขอเรียนว่า พรรคมีขบวนการ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร กทม. ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากฝ่ายทะเบียนพรรค พท. ทราบว่านายสมเกียรติ ยังไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือแจ้งความจำนงแต่อย่างใด
นาง
พวงเพ็ชรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พรรคได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเขตบางนา-พระโขนง ไปแล้ว คือนาย
กวีวงศ์ อยู่วิจิตร ซึ่งเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่กับพรรค พท. และลงพื้นที่ทำงานรับใช้พี่น้องชาวบางนา และพระโขนงในนามของพรรค พท.มาโดยตลอด
“
การที่ท่าน ส.ส.สมเกียรติให้ความสนใจอยากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พท.ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากต้องการจะลงเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรค พท. ก็ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาตามขั้นตอนต่อไป” นาง
พวงเพ็ชรกล่าว
‘ธนาธร’ หวัง ส.ส.-ส.ว.ผ่านร่างปลดล็อกท้องถิ่น ‘ปิยบุตร’ ลั่นยิ่งกระจาย ยิ่งลดคอร์รัปชั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699577
‘ธนาธร’ หวัง ‘ส.ส.-ส.ว.’ โหวตผ่านร่าง รธน.ปลดล็อกท้องถิ่น ด้าน ‘ปิยบุตร’ ลั่นยิ่งกระจาย ยิ่งลดคอร์รัปชั่น ชงแผนสองให้ ‘ก้าวไกล’ ผลักดันต่อ
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมแถลงถึงการประชุมรัฐสภาที่จะมีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช … แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เสนอโดยนายธนาธร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 76,591 คน เป็นผู้เสนอ
นาย
ธนาธรกล่าวว่า คณะก้าวหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประชาชน 7 หมื่นกว่ารายชื่อ ที่ได้ร่วมงานลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณารัฐสภาในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ หรือวันที่ 30 พฤศจิกายน เราดีใจเป็นอย่างมากที่การรณรงค์ของพวกเราตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามาถึงจุดนี้ได้ จึงหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคน ทั้ง ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองและ ส.ว.จะเห็นถึงความสำคัญของหลักการกระจายอำนาจที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศ
นาย
ธนาธรกล่าวว่า การปลดล็อกท้องถิ่นที่เรานำเสนอ ประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ 1.การจัดสรรภาษีและเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่ท้องถิ่นหามาได้กับรายได้ที่ส่วนกลางได้รับในสัดส่วนร้อยละ 50 ต่อ 50 เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน จะได้ไม่ต้องวิ่งของบจากผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.ที่ทำให้เกิดระบบอุปถัมภ์ เพราะเราต้องการเห็นระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
นาย
ธนาธรกล่าวต่อว่า 2.การปลดล็อกเรื่องอำนาจ เพราะคำสั่ง ประกาศกระทรวง และกฎหมายที่ออกจากส่วนกลางและทัศนคติจากส่วนกลาง ไม่เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นทำบริการสาธารณะ และออกแบบความต้องการตัวเอง และ 3.การจัดทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าราชการส่วนภูมิภาคยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ในรายละเอียดเราอาจจะเห็นต่างกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากให้โหวตผ่านวาระ 1 แล้วค่อยไปแก้ไขในรายละเอียดในวาระ 2 หรือหากไม่เห็นด้วยจริงๆ ก็ตีตกในวาระ 3
ด้านนาย
ปิยบุตรกล่าวว่า หลายคนตั้งคำถามว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเสนอที่สุดท้ายก็ตกอีก และก็ใกล้จะครบวาระสภาแล้ว จะเอาเข้าสภามาเพื่ออะไร สภาอาจจะสิ้นอายุขัย หรือมีการยุบสภา จนทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไป โดยในกรณีผ่านวาระ 1 รัฐธรรมนูญ มาตรา 147 ระบุว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดหน้า มีสิทธินำเรื่องเหล่านี้มาร้องขอต่อประธานสภาให้นำร่างกฎหมายที่ตกไปกลับมาพิจารณาต่อได้ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันสนับสนุน เพราะเป็นประโยชน์ร่วมกันของคนทั้งประเทศ ท่านไม่ต้องกังวลว่าหากร่างนี้ผ่านไปได้แล้วพวกตนจะได้ประโยชน์ เพราะนี่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ และท้องถิ่นเกิดการพัฒนา เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผ่านวาระ 1 ไปได้
เมื่อถามว่าการกระจายอำนาจจะยิ่งทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ นาย
ปิยบุตรกล่าวว่า ในการอภิปรายก็คงมีสมาชิกรัฐสภาสอบถาม วันนี้เรายังไม่สามารถกระจายอำนาจได้เต็มที่ ประเทศไทยก็มีคอร์รัปชั่นอยู่แล้ว แต่เมื่อกระจายไปแล้วต้องมีการตรวจสอบ โดยในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราจะมีการตรวจสอบโดยสภาพลเมืองไปด้วย และเราเชื่อว่ายิ่งกระจายอำนาจเท่าไหร่ การคอร์รัปชั่นก็จะน้อยลง และมีงานวิจัยการศึกษาหลายชิ้นยืนยันในเรื่องนี้แล้ว
เมื่อถามว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปในวาระ 1 จะทำอย่างไร นาย
ธนาธรกล่าวว่า การกระจายอำนาจเป็นความฝันของเราตั้งแต่สมัยอดีตคือพรรคอนาคตใหม่ และเพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ของเราจะยังเดินตามแนวทางนี้อยู่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรค ก.ก.แถลงถึงนโยบายทุกจังหวัดไทยก้าวหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายและข้อจำกัดที่ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีอำนาจและงบประมาณในการดูแลพื้นที่ตัวเอง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน พรรค ก.ก.จะทำงานต่อในการเลือกตั้งสมัยหน้าและสภาชุดหน้า
JJNY : ‘ตอง’รับ ประเมินต่ำ|‘พวงเพ็ชร’ย้ำพท.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร|‘ธนาธร’หวังส.ส.-ส.ว.ผ่านร่างปลดล็อก|ราคาผัก พุ่งกระฉูด!
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699357
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 19.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่าวประเทศ (FCCT) กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า, นายนิติกร ค้ำชู หรือ ตอง ดาวดิน และนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มแนวร่วมขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ร่วมกันแถลงกรณีการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐในการสลายชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนบนถนนดินสอ รวมถึงแนวทางการเคลื่อนไหวในการเรียกร้องต่อจากนี้ ดำเนินรายการโดย นายเยี่ยมยุทธ์ สุทธิฉายา สำนักข่าวประชาไท
ในช่วงท้ายซึ่งเป็นส่วนของการตอบคำถามสื่อมวลชน มีผู้สอบถามถึงการป้องกันความสูญเสียว่าในการชุมนุมครั้งต่อไปจะมีมาตรการใดหรือไม่ อย่างไร
นายนิติกร ค้ำชู หรือ ตอง ดาวดิน ตอบว่า เหตุการณ์สลายชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อ 18 พฤศจิกายน มีการสรุปบทเรียนว่า ในครั้งหน้าต้องประเมินความปลอดภัยมากขึ้น ให้ความสำคัญกับเครื่องมือป้องกันยิ่งขึ้น
“รอบที่แล้วไม่ได้ประเมินว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นความผิดพลาดของพวกเราที่ประเมินเขาต่ำไป ได้บทเรียนว่าประเทศนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้” นายนิติกร กล่าว
สำหรับการเปิดชื่อเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรง นายนิติกรกล่าวว่า ได้ใช้กลไลรัฐสภาคือการเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) 2 ชุด คือ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ และกมธ. กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีอำนาจในการเรียกข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ก็น่าจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“ช่องทางการร้องเรียน เราใช้ทั้งในและนอกประเทศ รู้สึกว่าสื่อต่างประเทศรับรู้น้อย ส่วนสื่อไทยก็ขยายผลเรื่องนี้น้อย อาจต้องรบกวนพี่น้องช่วยกันขยายออกไป เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไม่เกิดบ่อยโดยมีความรุนแรงถึงขั้นตาบอด ขอให้ทุกท่านสื่อสารข้อมูลต่อไป” นายนิติกรกล่าว
จากนั้น นายนิติกรระบุว่า ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้จะเป็นนัดแรกสำหรับผู้ต้องหา 25 รายที่ถูกแจ้งข้อหาจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อ 18 พฤศจิกายนในการส่งตัวอัยการ
‘พวงเพ็ชร’ ย้ำ เพื่อไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนงแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699565
“พวงเพ็ชร” ย้ำ เพื่อไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนงแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนตัว หลังสมเกียรติแสดงความสนใจร่วมงานพรรค
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส. กทม. เขตบางนา-พระโขนง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุถึงความต้องการที่จะร่วมงานกับพรรค พท. ว่าต้องขอขอบคุณ แต่ต้องขอเรียนว่า พรรคมีขบวนการ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร กทม. ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากฝ่ายทะเบียนพรรค พท. ทราบว่านายสมเกียรติ ยังไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือแจ้งความจำนงแต่อย่างใด
นางพวงเพ็ชรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พรรคได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเขตบางนา-พระโขนง ไปแล้ว คือนายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ซึ่งเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่กับพรรค พท. และลงพื้นที่ทำงานรับใช้พี่น้องชาวบางนา และพระโขนงในนามของพรรค พท.มาโดยตลอด
“การที่ท่าน ส.ส.สมเกียรติให้ความสนใจอยากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พท.ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากต้องการจะลงเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรค พท. ก็ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาตามขั้นตอนต่อไป” นางพวงเพ็ชรกล่าว
‘ธนาธร’ หวัง ส.ส.-ส.ว.ผ่านร่างปลดล็อกท้องถิ่น ‘ปิยบุตร’ ลั่นยิ่งกระจาย ยิ่งลดคอร์รัปชั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699577
‘ธนาธร’ หวัง ‘ส.ส.-ส.ว.’ โหวตผ่านร่าง รธน.ปลดล็อกท้องถิ่น ด้าน ‘ปิยบุตร’ ลั่นยิ่งกระจาย ยิ่งลดคอร์รัปชั่น ชงแผนสองให้ ‘ก้าวไกล’ ผลักดันต่อ
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมแถลงถึงการประชุมรัฐสภาที่จะมีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช … แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เสนอโดยนายธนาธร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 76,591 คน เป็นผู้เสนอ
นายธนาธรกล่าวว่า คณะก้าวหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประชาชน 7 หมื่นกว่ารายชื่อ ที่ได้ร่วมงานลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณารัฐสภาในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ หรือวันที่ 30 พฤศจิกายน เราดีใจเป็นอย่างมากที่การรณรงค์ของพวกเราตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามาถึงจุดนี้ได้ จึงหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคน ทั้ง ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองและ ส.ว.จะเห็นถึงความสำคัญของหลักการกระจายอำนาจที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศ
นายธนาธรกล่าวว่า การปลดล็อกท้องถิ่นที่เรานำเสนอ ประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ 1.การจัดสรรภาษีและเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่ท้องถิ่นหามาได้กับรายได้ที่ส่วนกลางได้รับในสัดส่วนร้อยละ 50 ต่อ 50 เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน จะได้ไม่ต้องวิ่งของบจากผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.ที่ทำให้เกิดระบบอุปถัมภ์ เพราะเราต้องการเห็นระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
นายธนาธรกล่าวต่อว่า 2.การปลดล็อกเรื่องอำนาจ เพราะคำสั่ง ประกาศกระทรวง และกฎหมายที่ออกจากส่วนกลางและทัศนคติจากส่วนกลาง ไม่เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นทำบริการสาธารณะ และออกแบบความต้องการตัวเอง และ 3.การจัดทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าราชการส่วนภูมิภาคยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ในรายละเอียดเราอาจจะเห็นต่างกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากให้โหวตผ่านวาระ 1 แล้วค่อยไปแก้ไขในรายละเอียดในวาระ 2 หรือหากไม่เห็นด้วยจริงๆ ก็ตีตกในวาระ 3
ด้านนายปิยบุตรกล่าวว่า หลายคนตั้งคำถามว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเสนอที่สุดท้ายก็ตกอีก และก็ใกล้จะครบวาระสภาแล้ว จะเอาเข้าสภามาเพื่ออะไร สภาอาจจะสิ้นอายุขัย หรือมีการยุบสภา จนทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไป โดยในกรณีผ่านวาระ 1 รัฐธรรมนูญ มาตรา 147 ระบุว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดหน้า มีสิทธินำเรื่องเหล่านี้มาร้องขอต่อประธานสภาให้นำร่างกฎหมายที่ตกไปกลับมาพิจารณาต่อได้ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันสนับสนุน เพราะเป็นประโยชน์ร่วมกันของคนทั้งประเทศ ท่านไม่ต้องกังวลว่าหากร่างนี้ผ่านไปได้แล้วพวกตนจะได้ประโยชน์ เพราะนี่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ และท้องถิ่นเกิดการพัฒนา เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผ่านวาระ 1 ไปได้
เมื่อถามว่าการกระจายอำนาจจะยิ่งทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ในการอภิปรายก็คงมีสมาชิกรัฐสภาสอบถาม วันนี้เรายังไม่สามารถกระจายอำนาจได้เต็มที่ ประเทศไทยก็มีคอร์รัปชั่นอยู่แล้ว แต่เมื่อกระจายไปแล้วต้องมีการตรวจสอบ โดยในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราจะมีการตรวจสอบโดยสภาพลเมืองไปด้วย และเราเชื่อว่ายิ่งกระจายอำนาจเท่าไหร่ การคอร์รัปชั่นก็จะน้อยลง และมีงานวิจัยการศึกษาหลายชิ้นยืนยันในเรื่องนี้แล้ว
เมื่อถามว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปในวาระ 1 จะทำอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า การกระจายอำนาจเป็นความฝันของเราตั้งแต่สมัยอดีตคือพรรคอนาคตใหม่ และเพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ของเราจะยังเดินตามแนวทางนี้อยู่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรค ก.ก.แถลงถึงนโยบายทุกจังหวัดไทยก้าวหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายและข้อจำกัดที่ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีอำนาจและงบประมาณในการดูแลพื้นที่ตัวเอง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน พรรค ก.ก.จะทำงานต่อในการเลือกตั้งสมัยหน้าและสภาชุดหน้า