JJNY : ‘ตอง’รับ ประเมินต่ำ|‘พวงเพ็ชร’ย้ำพท.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร|‘ธนาธร’หวังส.ส.-ส.ว.ผ่านร่างปลดล็อก|ราคาผัก พุ่งกระฉูด!

'ตอง ดาวดิน' รับผิดพลาด ประเมินต่ำ ไม่คิดโดนสลายม็อบรุนแรง ชี้ปท.นี้อะไรก็เกิดได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699357

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 19.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่าวประเทศ (FCCT) กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค นำโดย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า, นายนิติกร ค้ำชู หรือ ตอง ดาวดิน และนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารกลุ่มแนวร่วมขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ร่วมกันแถลงกรณีการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐในการสลายชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนบนถนนดินสอ รวมถึงแนวทางการเคลื่อนไหวในการเรียกร้องต่อจากนี้ ดำเนินรายการโดย นายเยี่ยมยุทธ์ สุทธิฉายา สำนักข่าวประชาไท
 
ในช่วงท้ายซึ่งเป็นส่วนของการตอบคำถามสื่อมวลชน มีผู้สอบถามถึงการป้องกันความสูญเสียว่าในการชุมนุมครั้งต่อไปจะมีมาตรการใดหรือไม่ อย่างไร
 
นายนิติกร ค้ำชู หรือ ตอง ดาวดิน ตอบว่า เหตุการณ์สลายชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อ 18 พฤศจิกายน มีการสรุปบทเรียนว่า ในครั้งหน้าต้องประเมินความปลอดภัยมากขึ้น ให้ความสำคัญกับเครื่องมือป้องกันยิ่งขึ้น
 
รอบที่แล้วไม่ได้ประเมินว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นความผิดพลาดของพวกเราที่ประเมินเขาต่ำไป ได้บทเรียนว่าประเทศนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้” นายนิติกร กล่าว
 
สำหรับการเปิดชื่อเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรง นายนิติกรกล่าวว่า ได้ใช้กลไลรัฐสภาคือการเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) 2 ชุด คือ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ และกมธ. กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีอำนาจในการเรียกข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ก็น่าจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
 
ช่องทางการร้องเรียน เราใช้ทั้งในและนอกประเทศ รู้สึกว่าสื่อต่างประเทศรับรู้น้อย ส่วนสื่อไทยก็ขยายผลเรื่องนี้น้อย อาจต้องรบกวนพี่น้องช่วยกันขยายออกไป เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไม่เกิดบ่อยโดยมีความรุนแรงถึงขั้นตาบอด ขอให้ทุกท่านสื่อสารข้อมูลต่อไป” นายนิติกรกล่าว
 
จากนั้น นายนิติกรระบุว่า ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้จะเป็นนัดแรกสำหรับผู้ต้องหา 25 รายที่ถูกแจ้งข้อหาจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อ 18 พฤศจิกายนในการส่งตัวอัยการ


 
‘พวงเพ็ชร’ ย้ำ เพื่อไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนงแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699565

“พวงเพ็ชร” ย้ำ เพื่อไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนงแล้ว ไม่คิดเปลี่ยนตัว หลังสมเกียรติแสดงความสนใจร่วมงานพรรค
 
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส. กทม. เขตบางนา-พระโขนง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุถึงความต้องการที่จะร่วมงานกับพรรค พท. ว่าต้องขอขอบคุณ แต่ต้องขอเรียนว่า พรรคมีขบวนการ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร กทม. ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจากฝ่ายทะเบียนพรรค พท. ทราบว่านายสมเกียรติ ยังไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคหรือแจ้งความจำนงแต่อย่างใด
 
นางพวงเพ็ชรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พรรคได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเขตบางนา-พระโขนง ไปแล้ว คือนายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ซึ่งเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่กับพรรค พท. และลงพื้นที่ทำงานรับใช้พี่น้องชาวบางนา และพระโขนงในนามของพรรค พท.มาโดยตลอด
 
การที่ท่าน ส.ส.สมเกียรติให้ความสนใจอยากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พท.ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่หากต้องการจะลงเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรค พท. ก็ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาตามขั้นตอนต่อไป” นางพวงเพ็ชรกล่าว



‘ธนาธร’ หวัง ส.ส.-ส.ว.ผ่านร่างปลดล็อกท้องถิ่น ‘ปิยบุตร’ ลั่นยิ่งกระจาย ยิ่งลดคอร์รัปชั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3699577 

‘ธนาธร’ หวัง ‘ส.ส.-ส.ว.’ โหวตผ่านร่าง รธน.ปลดล็อกท้องถิ่น ด้าน ‘ปิยบุตร’ ลั่นยิ่งกระจาย ยิ่งลดคอร์รัปชั่น ชงแผนสองให้ ‘ก้าวไกล’ ผลักดันต่อ
 
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมแถลงถึงการประชุมรัฐสภาที่จะมีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช … แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เสนอโดยนายธนาธร กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 76,591 คน เป็นผู้เสนอ
 
นายธนาธรกล่าวว่า คณะก้าวหน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประชาชน 7 หมื่นกว่ารายชื่อ ที่ได้ร่วมงานลงชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณารัฐสภาในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ หรือวันที่ 30 พฤศจิกายน เราดีใจเป็นอย่างมากที่การรณรงค์ของพวกเราตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามาถึงจุดนี้ได้ จึงหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคน ทั้ง ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองและ ส.ว.จะเห็นถึงความสำคัญของหลักการกระจายอำนาจที่สำคัญต่ออนาคตของประเทศ
 
นายธนาธรกล่าวว่า การปลดล็อกท้องถิ่นที่เรานำเสนอ ประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ 1.การจัดสรรภาษีและเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่ท้องถิ่นหามาได้กับรายได้ที่ส่วนกลางได้รับในสัดส่วนร้อยละ 50 ต่อ 50 เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน จะได้ไม่ต้องวิ่งของบจากผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ส.ที่ทำให้เกิดระบบอุปถัมภ์ เพราะเราต้องการเห็นระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
 
นายธนาธรกล่าวต่อว่า 2.การปลดล็อกเรื่องอำนาจ เพราะคำสั่ง ประกาศกระทรวง และกฎหมายที่ออกจากส่วนกลางและทัศนคติจากส่วนกลาง ไม่เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นทำบริการสาธารณะ และออกแบบความต้องการตัวเอง และ 3.การจัดทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าราชการส่วนภูมิภาคยังจำเป็นอยู่หรือไม่ ในรายละเอียดเราอาจจะเห็นต่างกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากให้โหวตผ่านวาระ 1 แล้วค่อยไปแก้ไขในรายละเอียดในวาระ 2 หรือหากไม่เห็นด้วยจริงๆ ก็ตีตกในวาระ 3
 
ด้านนายปิยบุตรกล่าวว่า หลายคนตั้งคำถามว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเสนอที่สุดท้ายก็ตกอีก และก็ใกล้จะครบวาระสภาแล้ว จะเอาเข้าสภามาเพื่ออะไร สภาอาจจะสิ้นอายุขัย หรือมีการยุบสภา จนทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไป โดยในกรณีผ่านวาระ 1 รัฐธรรมนูญ มาตรา 147 ระบุว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดหน้า มีสิทธินำเรื่องเหล่านี้มาร้องขอต่อประธานสภาให้นำร่างกฎหมายที่ตกไปกลับมาพิจารณาต่อได้ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันสนับสนุน เพราะเป็นประโยชน์ร่วมกันของคนทั้งประเทศ ท่านไม่ต้องกังวลว่าหากร่างนี้ผ่านไปได้แล้วพวกตนจะได้ประโยชน์ เพราะนี่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ และท้องถิ่นเกิดการพัฒนา เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผ่านวาระ 1 ไปได้
 
เมื่อถามว่าการกระจายอำนาจจะยิ่งทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ในการอภิปรายก็คงมีสมาชิกรัฐสภาสอบถาม วันนี้เรายังไม่สามารถกระจายอำนาจได้เต็มที่ ประเทศไทยก็มีคอร์รัปชั่นอยู่แล้ว แต่เมื่อกระจายไปแล้วต้องมีการตรวจสอบ โดยในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของเราจะมีการตรวจสอบโดยสภาพลเมืองไปด้วย และเราเชื่อว่ายิ่งกระจายอำนาจเท่าไหร่ การคอร์รัปชั่นก็จะน้อยลง และมีงานวิจัยการศึกษาหลายชิ้นยืนยันในเรื่องนี้แล้ว
เมื่อถามว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปในวาระ 1 จะทำอย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า การกระจายอำนาจเป็นความฝันของเราตั้งแต่สมัยอดีตคือพรรคอนาคตใหม่ และเพื่อน ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ของเราจะยังเดินตามแนวทางนี้อยู่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรค ก.ก.แถลงถึงนโยบายทุกจังหวัดไทยก้าวหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายและข้อจำกัดที่ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีอำนาจและงบประมาณในการดูแลพื้นที่ตัวเอง ทั้งนี้ ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน พรรค ก.ก.จะทำงานต่อในการเลือกตั้งสมัยหน้าและสภาชุดหน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่