“สุดารัตน์”ชี้รบ.ขัดรธรน.แถลงนโยบายไม่มีที่มางบฯ
https://www.innnews.co.th/politics/news_452290/
"สุดารัตน์" ชี้ รัฐบาลขัดรัฐธรรมนูญ แถลงนโยบายไม่มีที่มางบประมาณ เนื้อหาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาของประชาชน -จ่อคุยฝ่ายค้านยื่นศาลเอาผิดรบ.ขัดรธน.
คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาที่ผ่านมา หลังเกิดกระแส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)พรรคเพื่อไทยไม่พอใจในการแบ่งเวลาอภิปราย ว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการแบ่งเวลากันแล้ว แต่เข้าใจว่าระหว่างการอภิปราย ก็มีการประท้วงขึ้นซึ่งอาจจะเกินเวลาจึงทำให้เวลาเกินไป และทำให้คนถัดไปได้เวลาน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่เชื่อว่าจะทำความเข้าใจกันได้ เพราะพรรคเพื่อไทย ต่างอยากให้ ส.ส.ทุกคนได้อภิปราย และยืนยันว่า ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน ไม่มีการจะให้ใครอภิปราย หรือมีสิทธิ์มากกว่าใคร แต่ขึ้นอยู่ที่หัวข้อมากกว่า
ทั้งนี้ คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่ เวลาอภิปรายที่จัดขึ้นนั้นน้อยเกินไป ซึ่งไม่ใช่เพียง ส.ส. แต่ผู้บริหารพรรคยังมีประเด็นที่ยังไม่ได้พูด ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งแรกใน รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจน ว่า ต้องกำหนดที่มางบประมาณ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ได้ทำตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม หากรัฐบาลนี้ได้กลับมาเป็นฝ่ายค้านคงต้องถูกเร่งงานทางกฎหมาย อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลยังเป็นเหมือนการเขียนคำนำ เพราะเนื้อหาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และไม่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุษย์ และการรองรับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นการเขียนนโยบายที่กว้างแบบนี้มาก่อน
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวถึงบทบาทของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า ขอให้ประชาชนเป็นคนชี้ แต่ส่วนตัวมองว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ไม่เข้าใจในระบบรัฐสภา แม้ที่ผ่านมาใช้สภาแต่เป็นสภาภายใต้ปีกของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. จึงสะท้อนว่า เป็นเพียง”
สภาตรายาง” ที่ นายกรัฐมนตรี สามารถลุกขึ้นมาชี้นำได้ ซึ่งความจริงแล้วรัฐสภา มีหลักเกณฑ์มีข้อบังคับ ที่ต้องทำตามแต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยทำ โดยนายกรัฐมนตรีเองก็ พูดว่า ต้องเรียนรู้ใหม่ ทั้งที่เป็นกฎเกณฑ์เดียวกันมาตลอด 5 ปี เพราะอาจจะเป็นการพูดกับคนที่ตัวเองตั้งขึ้นมา แต่ต่อไปถึงกล้าพูดกับประชาชนนายกรัฐมนตรีควรจะเคารพและให้เกียรติกันแล้วกัน รวมถึงควรมีการควบคุมอารมณ์ด้วย
พร้อมกันนี้ คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวว่าหลังจากนี้จะคุยกับฝ่ายค้านเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หลังพบว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้ทั้งหมด 3 ประเด็นก่อนจะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้
ปิยบุตร ยันอนาคตใหม่ พร้อมร่วมมือประชาชน เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2756597
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท
ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) แถลงว่า ในฐานะฝ่ายค้าน เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบ เสนอแนะ หากเรื่องไหนไม่อยู่ทางทิศทางที่ถูกต้องก็ต้องติติงกัน อย่างไรก็ตาม
เตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และคำสั่งหัวหน้าคสช. ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 เรื่องความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร
ส่วนงานนอกสภาที่เราจะเคลื่อนไหวกับประชาชนนั้น พรรคจะเดินหน้าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเปิดทางให้เลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) โดยเราจะลงไปรับฟังความเห็นเพื่อสร้างฉันทามติใหม่ว่าประเทศไทยควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วหรือยัง เพราะที่ผ่านมารัฐธรรมนูญถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่เราไม่มีรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริงมาตั้งแต่ปี 2540 โดยโครงการนี้จะเริ่มวันที่ 4 ส.ค.นี้
“หาก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เห็นว่าการจัดการมรดกรัฐประหารที่พรรคเสนอ เป็นเรื่องดี หรือหากเห็นว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือการไม่เอาส.ว. 250 คน ผมก็ยินดีอย่างยิ่ง หรือหากเห็นว่าแก้กฎหมายอาญา 113 ที่บอกว่าหากมีการยึดอำนาจประชาชน สามารถไปฟ้องศาลอาญา ผมก็ยินดีอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติร่วมกันหมด”
นายปิยบุตร กล่าว
เลขาธิการอนค. กล่าวว่า ส่วนการจัดทำนโยบายของรัฐบาลนั้น ตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า
1.สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ
2.สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ
3.สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
4.ต้องแจกแจงรายได้ที่มาต่างๆ
โดยต้องแจงแจกอย่างละเอียดเป็นตัวเลข
แต่นโยบายทั้ง 35 หน้า ไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ ดังนั้น ถือว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะได้ปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไร เพราะหากประเด็นนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นบรรทัดฐานของรัฐบาลในอนาคต
ส่วนเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของพล.อ.ประยุทธ์นั้น
นายปิยบุตร กล่าวว่า
เป็นเรื่องสำคัญ ตนสอนกฎหมายรัฐธรรมนูญทำให้ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
และทุกองค์กรที่ถวายสัตย์ปฏิญาณทั่วโลกและในประเทศไทยจะต้องมีคำนี้คือ จะรักษาและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ
“มันไม่ใช่เรื่องหยุมหยิม เล็กน้อย ยกตัวอย่างตอนที่ประธานาธิบดีโอบามา ปฏิญาณรับตำแหน่ง แค่เอาประโยคหนึ่งไปไว้ข้างหลังก็ต้องปฏิญาณใหม่วันรุ่งขึ้นทันที แต่กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นถ้อยคำที่สำคัญมากคือการรักษารัฐธรรมนูญทุกประการ หากหยวนกันไป นายกฯคนต่อไปจะตัดถ้อยคำถวายสัตย์
อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันในประเด็นนี้ หากผิดพลาดก็แก้ไขใหม่ อย่าปล่อยให้คลุมเครือแบบนี้ เรื่องนี้มันอาจจะไม่สั่นคลอนก็ได้หากพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าอยู่เหนืออำนาจทั้ง 3 แต่ในวันนี้ไม่ใช่แล้วเพราะไม่มีมาตรา 44 ”
นายปิยบุตร กล่าว
JJNY : สุดารัตน์ชี้รบ.ขัดรธรน.ไม่มีที่มางบฯ/ปิยบุตรยันอนค.ร่วมปชช.แก้รธน./เตือนใจ-อังคณาลาออกกสม./พิษศก.ปากท้องมาก่อนสวย
https://www.innnews.co.th/politics/news_452290/
"สุดารัตน์" ชี้ รัฐบาลขัดรัฐธรรมนูญ แถลงนโยบายไม่มีที่มางบประมาณ เนื้อหาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาของประชาชน -จ่อคุยฝ่ายค้านยื่นศาลเอาผิดรบ.ขัดรธน.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาที่ผ่านมา หลังเกิดกระแส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)พรรคเพื่อไทยไม่พอใจในการแบ่งเวลาอภิปราย ว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการแบ่งเวลากันแล้ว แต่เข้าใจว่าระหว่างการอภิปราย ก็มีการประท้วงขึ้นซึ่งอาจจะเกินเวลาจึงทำให้เวลาเกินไป และทำให้คนถัดไปได้เวลาน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ แต่เชื่อว่าจะทำความเข้าใจกันได้ เพราะพรรคเพื่อไทย ต่างอยากให้ ส.ส.ทุกคนได้อภิปราย และยืนยันว่า ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน ไม่มีการจะให้ใครอภิปราย หรือมีสิทธิ์มากกว่าใคร แต่ขึ้นอยู่ที่หัวข้อมากกว่า
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่ เวลาอภิปรายที่จัดขึ้นนั้นน้อยเกินไป ซึ่งไม่ใช่เพียง ส.ส. แต่ผู้บริหารพรรคยังมีประเด็นที่ยังไม่ได้พูด ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งแรกใน รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจน ว่า ต้องกำหนดที่มางบประมาณ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ได้ทำตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม หากรัฐบาลนี้ได้กลับมาเป็นฝ่ายค้านคงต้องถูกเร่งงานทางกฎหมาย อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลยังเป็นเหมือนการเขียนคำนำ เพราะเนื้อหาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และไม่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรมนุษย์ และการรองรับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นการเขียนนโยบายที่กว้างแบบนี้มาก่อน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า ขอให้ประชาชนเป็นคนชี้ แต่ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจในระบบรัฐสภา แม้ที่ผ่านมาใช้สภาแต่เป็นสภาภายใต้ปีกของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. จึงสะท้อนว่า เป็นเพียง”สภาตรายาง” ที่ นายกรัฐมนตรี สามารถลุกขึ้นมาชี้นำได้ ซึ่งความจริงแล้วรัฐสภา มีหลักเกณฑ์มีข้อบังคับ ที่ต้องทำตามแต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยทำ โดยนายกรัฐมนตรีเองก็ พูดว่า ต้องเรียนรู้ใหม่ ทั้งที่เป็นกฎเกณฑ์เดียวกันมาตลอด 5 ปี เพราะอาจจะเป็นการพูดกับคนที่ตัวเองตั้งขึ้นมา แต่ต่อไปถึงกล้าพูดกับประชาชนนายกรัฐมนตรีควรจะเคารพและให้เกียรติกันแล้วกัน รวมถึงควรมีการควบคุมอารมณ์ด้วย
พร้อมกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าหลังจากนี้จะคุยกับฝ่ายค้านเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หลังพบว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการเสนอต่อที่ประชุมในวันนี้ทั้งหมด 3 ประเด็นก่อนจะมีการแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้
ปิยบุตร ยันอนาคตใหม่ พร้อมร่วมมือประชาชน เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_2756597
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) แถลงว่า ในฐานะฝ่ายค้าน เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบ เสนอแนะ หากเรื่องไหนไม่อยู่ทางทิศทางที่ถูกต้องก็ต้องติติงกัน อย่างไรก็ตาม เตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และคำสั่งหัวหน้าคสช. ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 เรื่องความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร
ส่วนงานนอกสภาที่เราจะเคลื่อนไหวกับประชาชนนั้น พรรคจะเดินหน้าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มบทบัญญัติว่าด้วยการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเปิดทางให้เลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) โดยเราจะลงไปรับฟังความเห็นเพื่อสร้างฉันทามติใหม่ว่าประเทศไทยควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วหรือยัง เพราะที่ผ่านมารัฐธรรมนูญถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่เราไม่มีรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริงมาตั้งแต่ปี 2540 โดยโครงการนี้จะเริ่มวันที่ 4 ส.ค.นี้
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เห็นว่าการจัดการมรดกรัฐประหารที่พรรคเสนอ เป็นเรื่องดี หรือหากเห็นว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือการไม่เอาส.ว. 250 คน ผมก็ยินดีอย่างยิ่ง หรือหากเห็นว่าแก้กฎหมายอาญา 113 ที่บอกว่าหากมีการยึดอำนาจประชาชน สามารถไปฟ้องศาลอาญา ผมก็ยินดีอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติร่วมกันหมด” นายปิยบุตร กล่าว
เลขาธิการอนค. กล่าวว่า ส่วนการจัดทำนโยบายของรัฐบาลนั้น ตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า
1.สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ
2.สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐ
3.สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
4.ต้องแจกแจงรายได้ที่มาต่างๆ
โดยต้องแจงแจกอย่างละเอียดเป็นตัวเลข
แต่นโยบายทั้ง 35 หน้า ไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ ดังนั้น ถือว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะได้ปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไร เพราะหากประเด็นนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นบรรทัดฐานของรัฐบาลในอนาคต
ส่วนเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของพล.อ.ประยุทธ์นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญ ตนสอนกฎหมายรัฐธรรมนูญทำให้ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
และทุกองค์กรที่ถวายสัตย์ปฏิญาณทั่วโลกและในประเทศไทยจะต้องมีคำนี้คือ จะรักษาและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ
“มันไม่ใช่เรื่องหยุมหยิม เล็กน้อย ยกตัวอย่างตอนที่ประธานาธิบดีโอบามา ปฏิญาณรับตำแหน่ง แค่เอาประโยคหนึ่งไปไว้ข้างหลังก็ต้องปฏิญาณใหม่วันรุ่งขึ้นทันที แต่กรณีของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นถ้อยคำที่สำคัญมากคือการรักษารัฐธรรมนูญทุกประการ หากหยวนกันไป นายกฯคนต่อไปจะตัดถ้อยคำถวายสัตย์
อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันในประเด็นนี้ หากผิดพลาดก็แก้ไขใหม่ อย่าปล่อยให้คลุมเครือแบบนี้ เรื่องนี้มันอาจจะไม่สั่นคลอนก็ได้หากพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าอยู่เหนืออำนาจทั้ง 3 แต่ในวันนี้ไม่ใช่แล้วเพราะไม่มีมาตรา 44 ” นายปิยบุตร กล่าว