พท. โวย ค่าลิขสิทธิ์บอลโลก 1.6 พันล้าน แพงไป จี้กสทช.ทบทวน หวั่นมีเงินทอน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7356114
 
 
เพื่อไทย โวย ค่าลิขสิทธิ์บอลโลก 1,600 ล้านบาท แพงเกินไป ชี้ ภาวะศก.ตกต่ำ ต้องใช้เงินให้เหมาะสม จี้ รัฐบาล-กสทช.ทบทวน หวั่น มีเงินทอน ส่อทุจริตหรือไม่
 
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2565 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันนี้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือบอร์ด กสทช. จะประชุมพิจารณาเตรียมใช้เงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เป็นค่าลิขสิทธิ์ 1,600 ล้านบาทในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก Qatar 2022 ระหว่างวันที่ 21 พ.ย. – 18 ธ.ค. หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ สั่งการให้การกีฬาแห่งประเทศไทยประสาน กสทช. นั้น
 
นายชนินทร์ กล่าวว่า ตนมองว่าการจะซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกในราคาดังกล่าว เป็นราคาที่แพงเกินควร แพงกว่าประเทศอื่นเป็นเท่าตัว คนไทยควรได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก แต่ต้องมีราคาที่สมเหตุสมผล เพราะในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่ ประชาชนชักหน้าไม่ถึงหลัง หลายคนยังตกงาน ไม่มีงานทำ
การจะใช้เงินงบประมาณในทุกภาคส่วนต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลรองรับที่เหมาะสม ประชาชนอาจตั้งคำถามได้ว่าจะมีใครรอรับตังค์ทอน ส่อทุจริตหรือไม่
นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคฝ่ายค้าน มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติ มีความกังวลในเรื่องนี้ รัฐบาลไม่ควรนิ่งเฉย ปล่อยปละละเลยให้ไทยต้องจ่ายแพง กสทช.ควรต้องทบทวนอย่างถี่ถ้วน และต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าทำไมไทยต้องจ่ายแพงกว่าประเทศอื่น ที่ผ่านมาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยใช้เงินภาษีของประชาชนตลอด 8 ปีก็ทำได้ไม่ดีนัก การใช้จ่ายงบทุกอย่างต้องไม่สุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายมือเติบ
 
“ประเทศไทยอับอายมากพอแล้ว จากอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของไทยที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ ภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เฉพาะในปี 2564 คะแนนของไทยลดลงจาก 36 เหลือ 35 คะแนน อันดับร่วงลงจากอันดับที่ 104 ในปี 63 มาอยู่อันดับที่ 110 ในปี 64 ดังนั้น หากรัฐบาลไม่มีความรู้ความสามารถซื้อของได้ในราคาสมเหตุสมผล ในภาวะข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ก็ไม่สมควรเป็นรัฐบาล ซึ่งต้องเป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชน” นายชนินทร์ กล่าว

---

“ทัศนีย์” อัด “บิ๊กตู่” ไม่จริงใจ ปลดล็อกสุราพื้นบ้าน แฝงป้องนายทุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3663629  
 
“ทัศนีย์” อัด “บิ๊กตู่” ไม่จริงใจ ปลดล็อกสุราพื้นบ้าน แฝงป้องนายทุน ชี้ ต่างประเทศหนุนชาวบ้านสุราประจำถิ่นขายนักท่องเที่ยวเป็นซอฟต์เพาเวอร์
 
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. ….ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุราพ.ศ. 2560 ซึ่งทำให้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ทำการผลิตสุราดำเนินการได้ง่ายขึ้น แต่หากพิจารณาโดยละเอียดพบว่าร่างดังกล่าวกีดกันการเข้าสู่อุตสาหกรรม สุราของประชาชนอย่างชัดเจน
   
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวต่อว่า กฎกระทรวงที่ออกมาไม่มีความชัดเจน รวมทั้งเนื้อหาที่มีการประกาศออกมา ระเบียบดังกล่าวเป็นการปิดโอกาสอุตสาหกรรมสุราพื้นบ้านโดยตรงเพราะด้วย เงื่อนไขที่ตั้งไว้สร้างปัญหาให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งออกกฎกระทรวงเพียงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล เพราะเกรงว่าหากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่…) พ.ศ… หรือพ.ร.บ.สุราก้าวหน้าผ่าน ความเห็นชอบจากสภาจะกระทบกับนายทุนสุรารายใหญ่ที่สนับสนุนรัฐบาล
 
น.ส.ทัศนีย์ กล่าวต่อว่า กฎกระทรวงที่ออกมาชัดเจนว่าต้องการปกป้องผลประโยชน์ของนายทุนสุรามากกว่า ไม่ได้ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถผลิตสินค้าหรือผลิตเหล้าประจำถิ่นไปจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวได้ ในขณะเดียวกันในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ญี่ปุ่น แม้แต่จีน รัฐบาลจะส่งเสริมให้กลุ่มวิสาหกิจท้องถิ่นชุมชนในแต่ละพื้นที่ผลิตสุราหรือเบียร์ประจำถิ่นของตนเองเป็นซอฟต์เพาเวอร์ขายนักท่องเที่ยวสร้างรายได้มหาศาล ต่างจากรัฐบาลไทยที่กลัวชาวบ้านมีรายได้ปิดช่องทางทำมาหากินของประชาชน
  
“พล.อ.ประยุทธ์ ออกกฎกระทรวงเพื่อปกป้องผลประโยชน์นายทุนโดยตรง พล.อ.ประยุทธ์รู้แต่แกล้งไม่รู้ว่าการทำสุราพื้นบ้านเป็นการแปรรูปสินค้าเกษตร เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เพราะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะสามารถผลิตสุราผลิตได้ สุราทั้งจากข้าว ทั้งผลไม้ ประจำถิ่นเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรแต่การออกมา ปกป้องนายทุนสุรารายใหญ่จึงไม่ต่างจากการปิดช่องทางทำมาหากินของประชาชน ตามยุทธศาสตร์รัฐบาลใช้มาตลอดคือ กดให้จนแล้วแจก เพื่ออ้างผลงาน นำงบประมาณมาแจกเงินประชาชนมากกว่าทุกรัฐบาล สามารถทำให้คนจนเพิ่มขึ้นจาก 14 ล้านเป็น 22 ล้าน นี่คือความภูมิใจของพล.อ.ประยุทธ์หรือ” น.ส.ทัศนีย์ กล่าว
 

---

 
ร้องกมธ.ปปช.สอบการทุจริตกองทุนฟื้นฟูพัฒนาเกษตรกร
https://www.innnews.co.th/news/news_445407/
 
ศูนย์สาธิตวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายเพื่อเกษตรกรแนวใหม่ ร้อง กมธ.ปปช.ตรวจสอบการทุจริตกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
 
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ ปปช. สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือ จากนายสุชาติ รอดดำ ประธานศูนย์สาธิตวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายเพื่อเกษตรกรแนวใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ตรวจสอบการร่วมกันทุจริตในกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
  
โดยนายสุชาติ ระบุว่า จุดประสงค์ของ พ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ต้องการให้ตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรขึ้นมา เพื่อดูแลเกษตรกรและหนี้สินเมื่อเกษตรกรนำหนี้สินมาฝากไว้ที่กองทุน และเมื่อกองทุนจัดการหนี้ให้แล้ว ก็จะต้องเข้าสู่การฟื้นฟูอาชีพร่วมกับองค์กรเกษตรกร
 
แต่ที่ผ่านมาเมื่อเกษตรกรนำเงินไปปิดบัญชีก็คืนหลักทรัพย์ให้เลย โดยไม่ได้เข้าสู่การฟื้นฟูอาชีพหลังจากได้รับการจัดการหนี้ ประกอบกับมีการอนุมัติให้กับกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่คนและไม่ได้เข้าสู่การจัดระบบขององค์กร แต่ไปอยู่กับคนไม่กี่คน ไม่ถึงมือสมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กร การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร อีกทั้งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานคณะกรรมการในการมอบเงินปิดหนี้ จะมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเมืองและการหาเสียงหรือไม่ จึงขอให้ กมธ. ป.ป.ช.ตรวจสอบ