โดนใจชาวนา! 'บิ๊กตู่'ยกร่างกม.ใหม่ดัดหลังนายทุนใจร้าย ทำนาบนหลังคน
7 ก.ย.61 เมื่อเวลา 20.15 น.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินที่มีการขายฝากที่ดิน ซึ่งมักไม่ได้รับความเป็นธรรม จนต้องสูญเสียที่ดินที่เป็นทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว แล้วก็เป็นเครื่องมือหารายได้ของครอบครัว
นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายฝาก ซึ่งกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน เพดานของอัตราดอกเบี้ย และกระบวนการในการทำสัญญาไว้แล้ว แต่ก็ยังมีช่องว่างให้เกิดการทำนาบนหลังคน เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยเนื่องจากผู้ขายฝาก มักไม่มีอำนาจต่อรอง แต่ต้องการเงินทุนเร่งด่วน บางทีก็ไม่เข้าใจกฎหมาย จึงทำให้ผู้รับซื้อ หรือนายทุนใจร้าย ชักจูงให้ทำสัญญาขายฝากที่ดินแบบไม่เป็นธรรม อาทิ กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนให้สั้นมาก เช่น ต้องมาไถ่ถอนใน 3 - 4 เดือน ก็เป็นไปได้ว่าผู้ขายฝาก ไม่มีทาง หรือไม่สามารถจะหาเงินมาไถ่ถอนได้ทัน ต้องทำสัญญาใหม่บ่อยๆ ทุกครั้งต้องเสียเงินในการทำสัญญาหลายหมื่นบาท หรือเวลาที่ครบกำหนดสัญญาไม่สอดคล้องกับการเพาะปลูก ทำให้พี่น้องเกษตรกรไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ จนต้องสูญเสียทรัพย์สินไปในที่สุด
นายกฯ กล่าวอีกว่า ความเดือดร้อนของประชาชนเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่ ไม่สามารถจะป้องกันเกษตรกรจากการสูญเสียที่ดินให้กับนายทุนได้ อันนี้เป็นปัญหาที่สั่งสมมานานกว่า 50 ปีแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมีที่ดินทำกินรวม 300 ล้านไร่ ในจำนวนนี้ มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 150 ล้านไร่ และครึ่งหนึ่งของ 150 ล้านไร่นี้ เป็นที่ดินที่เกษตรกรต้องเช่าจากคนอื่นในการทำกิน ก็สะท้อนให้เห็นว่า เกษตรกรในกลุ่มนี้อาจเป็นผู้ที่สูญเสียที่ดินไปแล้ว จากกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต
"ที่ผ่านมา ยิ่งกว่านั้นที่ดินราว 30 ล้านไร่ จากส่วนที่เหลือ 70 ล้านไร่นั้น ก็อยู่ในระหว่างการจำนอง และการขายฝาก โดยที่ดินที่มีการขายฝากอาจมีอยู่หลายแสนไร่ และก็มีโอกาสหลุดมือสูงมาก เนื่องจากนายทุนหลายคน อาศัยกฎหมายฉบับเดิม เป็นช่องทางในการยึดที่ดินจากประชาชน โดยไม่ได้สนใจ การชำระดอกเบี้ยการขายฝากนั้นเลย" นายกฯ กล่าว
และว่า ล่าสุดจึงได้มีการยกร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ ได้แก่ พ.ร.บ.คุ้มครองประชาชน ในการขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม หรือที่อยู่อาศัย ที่จะช่วยแก้ปัญหา ที่เคยมีอยู่เดิม เช่น กำหนดให้การขายฝากเป็นธุรกิจคุ้มครองของผู้บริโภค โดยต้องทำเป็นหนังสือที่ได้รับการตรวจสอบเนื้อหาสัญญา จากนิติกร หรือพนักงานที่ดิน ก่อนนำไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน มีรายละเอียดทั้งชื่อของคู่สัญญา แหล่งที่ตั้ง จำนวนสินไถ่อัตราดอกเบี้ย วันกำหนดการชำระอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การสละสิทธิไถ่ถอนไม่สามารถทำได้ เพื่อป้องกันการตั้งใจให้ที่ดินหลุดมือจากเกษตรกรตั้งแต่ต้น รวมถึงกำหนดให้การทำสัญญาขายฝากมีระยะเวลา ไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง เพื่อป้องกันการทำสัญญาระยะสั้น และ การไถ่ถอนสามารถทำได้สะดวกขึ้น นายทุนไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้โดยง่าย อีกต่อไป ก็คาดว่ากฎหมายใหม่ฉบับนี้ จะช่วยปิดช่องโหว่ และแก้ปัญหาการสูญเสียที่ดิน จากสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของพี่น้องเกษตรกรได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังมีกลไกต่างๆที่ดำเนินการควบคู่ ไปด้วยเพื่อช่วยให้เกษตรกร สามารถไถ่ถอนที่ดินจากการขายฝาก ได้ง่ายขึ้น เช่น 1.กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน ซึ่งผู้มีสิทธิขอความช่วยเหลือในการกู้เงินเพื่อไปไถ่ถอนที่ดิน ได้แก่ เกษตรกร หรือพ่อ แม่ ลูก ของเกษตรกร "ผู้มีรายได้น้อย" โดยจะอนุมัติเงินกู้ จำนวนตามที่เป็นหนี้จริง แต่ไม่เกินรายละ 2,500,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 5 และกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้คืนภายใน 20 ปี
2.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นหนี้ เกี่ยวกับการเกษตร โดยจะมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนหนี้ ให้ถูกต้อง หรือเป็นหนี้ผิดนัดชำระ ถึงหนี้บังคับขายทอดตลาด โดยมีวงเงินกู้ยืม ไม่เกินรายละ 2,500,000 บาท และกำหนดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี และ 3.สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ที่จะสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกร ในกรณีต่างๆ เช่น ไถ่ถอนที่ดินจากการจำนอง หรือการขายฝาก ที่ยังอยู่ในอายุสัญญาชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน ที่ใช้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่เกี่ยวกับที่ดิน และการซื้อที่ดินที่ถูกขายทอดตลาด หรือหลุดขายฝากไปแล้ว ไม่เกิน 5 ปี โดยเจ้าของเดิมถูกบังคับจำนองด้วยการขายทอดตลาด
"ผมหวังว่าการดำเนินการของภาครัฐในหลายๆ ด้านควบคู่กันไปเช่นนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ และเราก็จะเห็นตัวเลขที่ดินทำกินของเกษตรกรที่ไม่ใช่มาจากการเช่าที่ดินทำกินมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย" นายกฯ กล่าว
http://www.naewna.com/politic/362793
นี่คือผลงานของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ที่มุ่งช่วยประชาชนรากหญ้า
ให้พ้นความทุกข์อย่างมั่นคงยั่งยืน
ความตั้งใจของลุงตู่ที่ช่วยชาวนา
เป็นบุญกุศลที่จะตอบแทนลุงตู่ให้พบกับสิ่งที่ดีในชีวิตของท่านตลอดไปค่ะ
🏆~มาลาริน~พอกันทีค่ะ! การทำนาบนหลังคน...รบ.ยกร่างพร.บ.คุ้มครองปชช.ในการขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรหรือที่อยู่อาศัย
โดนใจชาวนา! 'บิ๊กตู่'ยกร่างกม.ใหม่ดัดหลังนายทุนใจร้าย ทำนาบนหลังคน
7 ก.ย.61 เมื่อเวลา 20.15 น.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินที่มีการขายฝากที่ดิน ซึ่งมักไม่ได้รับความเป็นธรรม จนต้องสูญเสียที่ดินที่เป็นทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว แล้วก็เป็นเครื่องมือหารายได้ของครอบครัว
นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายฝาก ซึ่งกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน เพดานของอัตราดอกเบี้ย และกระบวนการในการทำสัญญาไว้แล้ว แต่ก็ยังมีช่องว่างให้เกิดการทำนาบนหลังคน เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยเนื่องจากผู้ขายฝาก มักไม่มีอำนาจต่อรอง แต่ต้องการเงินทุนเร่งด่วน บางทีก็ไม่เข้าใจกฎหมาย จึงทำให้ผู้รับซื้อ หรือนายทุนใจร้าย ชักจูงให้ทำสัญญาขายฝากที่ดินแบบไม่เป็นธรรม อาทิ กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนให้สั้นมาก เช่น ต้องมาไถ่ถอนใน 3 - 4 เดือน ก็เป็นไปได้ว่าผู้ขายฝาก ไม่มีทาง หรือไม่สามารถจะหาเงินมาไถ่ถอนได้ทัน ต้องทำสัญญาใหม่บ่อยๆ ทุกครั้งต้องเสียเงินในการทำสัญญาหลายหมื่นบาท หรือเวลาที่ครบกำหนดสัญญาไม่สอดคล้องกับการเพาะปลูก ทำให้พี่น้องเกษตรกรไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ จนต้องสูญเสียทรัพย์สินไปในที่สุด
นายกฯ กล่าวอีกว่า ความเดือดร้อนของประชาชนเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่ ไม่สามารถจะป้องกันเกษตรกรจากการสูญเสียที่ดินให้กับนายทุนได้ อันนี้เป็นปัญหาที่สั่งสมมานานกว่า 50 ปีแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยมีที่ดินทำกินรวม 300 ล้านไร่ ในจำนวนนี้ มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 150 ล้านไร่ และครึ่งหนึ่งของ 150 ล้านไร่นี้ เป็นที่ดินที่เกษตรกรต้องเช่าจากคนอื่นในการทำกิน ก็สะท้อนให้เห็นว่า เกษตรกรในกลุ่มนี้อาจเป็นผู้ที่สูญเสียที่ดินไปแล้ว จากกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต
"ที่ผ่านมา ยิ่งกว่านั้นที่ดินราว 30 ล้านไร่ จากส่วนที่เหลือ 70 ล้านไร่นั้น ก็อยู่ในระหว่างการจำนอง และการขายฝาก โดยที่ดินที่มีการขายฝากอาจมีอยู่หลายแสนไร่ และก็มีโอกาสหลุดมือสูงมาก เนื่องจากนายทุนหลายคน อาศัยกฎหมายฉบับเดิม เป็นช่องทางในการยึดที่ดินจากประชาชน โดยไม่ได้สนใจ การชำระดอกเบี้ยการขายฝากนั้นเลย" นายกฯ กล่าว
และว่า ล่าสุดจึงได้มีการยกร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ ได้แก่ พ.ร.บ.คุ้มครองประชาชน ในการขายฝากที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม หรือที่อยู่อาศัย ที่จะช่วยแก้ปัญหา ที่เคยมีอยู่เดิม เช่น กำหนดให้การขายฝากเป็นธุรกิจคุ้มครองของผู้บริโภค โดยต้องทำเป็นหนังสือที่ได้รับการตรวจสอบเนื้อหาสัญญา จากนิติกร หรือพนักงานที่ดิน ก่อนนำไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน มีรายละเอียดทั้งชื่อของคู่สัญญา แหล่งที่ตั้ง จำนวนสินไถ่อัตราดอกเบี้ย วันกำหนดการชำระอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การสละสิทธิไถ่ถอนไม่สามารถทำได้ เพื่อป้องกันการตั้งใจให้ที่ดินหลุดมือจากเกษตรกรตั้งแต่ต้น รวมถึงกำหนดให้การทำสัญญาขายฝากมีระยะเวลา ไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง เพื่อป้องกันการทำสัญญาระยะสั้น และ การไถ่ถอนสามารถทำได้สะดวกขึ้น นายทุนไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้โดยง่าย อีกต่อไป ก็คาดว่ากฎหมายใหม่ฉบับนี้ จะช่วยปิดช่องโหว่ และแก้ปัญหาการสูญเสียที่ดิน จากสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของพี่น้องเกษตรกรได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังมีกลไกต่างๆที่ดำเนินการควบคู่ ไปด้วยเพื่อช่วยให้เกษตรกร สามารถไถ่ถอนที่ดินจากการขายฝาก ได้ง่ายขึ้น เช่น 1.กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน ซึ่งผู้มีสิทธิขอความช่วยเหลือในการกู้เงินเพื่อไปไถ่ถอนที่ดิน ได้แก่ เกษตรกร หรือพ่อ แม่ ลูก ของเกษตรกร "ผู้มีรายได้น้อย" โดยจะอนุมัติเงินกู้ จำนวนตามที่เป็นหนี้จริง แต่ไม่เกินรายละ 2,500,000 บาท มีอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 5 และกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้คืนภายใน 20 ปี
2.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นหนี้ เกี่ยวกับการเกษตร โดยจะมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนหนี้ ให้ถูกต้อง หรือเป็นหนี้ผิดนัดชำระ ถึงหนี้บังคับขายทอดตลาด โดยมีวงเงินกู้ยืม ไม่เกินรายละ 2,500,000 บาท และกำหนดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี และ 3.สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ที่จะสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกร ในกรณีต่างๆ เช่น ไถ่ถอนที่ดินจากการจำนอง หรือการขายฝาก ที่ยังอยู่ในอายุสัญญาชำระหนี้ตามสัญญากู้เงิน ที่ใช้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่เกี่ยวกับที่ดิน และการซื้อที่ดินที่ถูกขายทอดตลาด หรือหลุดขายฝากไปแล้ว ไม่เกิน 5 ปี โดยเจ้าของเดิมถูกบังคับจำนองด้วยการขายทอดตลาด
"ผมหวังว่าการดำเนินการของภาครัฐในหลายๆ ด้านควบคู่กันไปเช่นนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ และเราก็จะเห็นตัวเลขที่ดินทำกินของเกษตรกรที่ไม่ใช่มาจากการเช่าที่ดินทำกินมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย" นายกฯ กล่าว
http://www.naewna.com/politic/362793
นี่คือผลงานของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ที่มุ่งช่วยประชาชนรากหญ้า
ให้พ้นความทุกข์อย่างมั่นคงยั่งยืน
ความตั้งใจของลุงตู่ที่ช่วยชาวนา
เป็นบุญกุศลที่จะตอบแทนลุงตู่ให้พบกับสิ่งที่ดีในชีวิตของท่านตลอดไปค่ะ