JJNY : สภาล่มอีกแล้ว!|‘ตรีชฎา’แนะ‘ครม.’ไปคุยกันก่อน|ป้ามลซัดส.ว.NGOละเมิดสิทธิเด็ก|ชาวเบนซินอ่วม! ขึ้นอีก 40 สตางค์

สภาล่มอีกแล้ว! ส.ส.กลัวสอบตก อ้างติดงานกฐิน-ผ้าป่า โดดประชุมอื้อกลับพื้นที่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7348447

“กฐิน-ผ้าป่า” ทำองค์ประชุมสภาฯ ล่ม พิจารณารับทราบปิดอ่าวมาหยา “ครูมานิตย์” แนะ ประชุมแค่ “พุธ-พฤหัสฯ” พอ เหตุส.ส.ลงพื้นที่ กลัวสอบตก
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 พ.ย. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์ศุ รองประธานสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม หลังที่ประชุมเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาในพื้นที่แล้ว จากนั้นเข้าสู่การพิจารณาวาระรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องญัตติ เพื่อพิจารณาศึกษาสอบหาข้อเท็จจริงกรณีการปิดอ่าวมาหยา จ.กระบี่ โดยมีสมาชิกแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
 
จนกระทั่งเวลา 12.15 น. เมื่อสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น จึงต้องมีการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับการศึกษาดังกล่าวหรือไม่ ที่ประชุมจึงต้องตรวจสอบองค์ประชุมก่อนการลงมติ
 
โดยนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม กดออดเรียกสมาชิกเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม ใช้เวลาประมาณ 10 นาที แต่สมาชิกในห้องประชุมยังโหรงเหรง ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขาวิปรัฐบาล สอบถามว่า หากไม่ครบองค์ประชุม ไม่สามารถลงมติได้ วาระนี้จะยังค้างอยู่หรือไม่ นายสุชาติ ชี้แจงว่า อย่างไรวาระนี้ก็ยังอยู่หากยังไม่มีการลงมติ สัปดาห์หน้าก็มาพิจารณาลงมติต่อ และขอให้โหวตไปตามข้อบังคับ
  
เมื่อรอสมาชิกไปอีกระยะหนึ่ง นายสุชาติ ทนไม่ไหว จึงกล่าวขึ้นว่า ท่านสมาชิกที่อยู่ต่างจังหวัด รีบจองตั๋วกลับเถอะครับ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นสอบถาม ว่า ท่านจะให้จองตั๋วตอนนี้เลย หรือให้จองตั๋วตามกรอบที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ วางไว้ครับ นายสุชาติ จึงกล่าว ว่า จองได้เลยครับ
 
จากนั้น นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ พยายามแก้ตัวว่า ต้องขออภัยพี่น้องทางบ้านด้วย เป็นเรื่องการประชุมกรณีพิเศษ ช่วงนี้สมาชิกติดภารกิจงานบุญ งานกฐิน ทำให้มาประชุมกันน้อย
 
ขณะที่นายครูมานิต สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า จริงๆ วันศุกร์ ถ้าไม่จำเป็นจริง ไม่อยากให้มีการประชุม ควรงด เพราะว่าปลายสมัยแล้ว และนายกฯ ก็ทำท่าเหมือนจะยุบไม่ยุบ ผู้แทนฯ เขาก็เป็นห่วง ท่านประธานเป็นผู้แทนมาหลายสมัย ก็รู้ว่าปลายสมัยแล้วปัญหาจะเกิด ทุกคนอยากกลับพื้นที่ โดยเฉพาะผู้แทนใหม่ๆ ทั้งสองฝ่าย
 
ตอนนี้สังเกตดู คุณภาพของการประชุมสภาฯ วันศุกร์ เราไม่ได้คุณภาพอะไรเลย บ่ายโมง บ่ายสอง ก็เริ่มกลับกันแล้ว เพราะเครื่องบินเริ่มบินบ่ายสอง บ่ายสาม ไปถึงบ้านก็ค่ำ และนั่งรถร้อยกว่ากิโล กว่าจะถึงพื้นที่ ทุกคนก็มีภาระ และคิดอีกว่าวันที่ 24 ธ.ค. เอาอย่างไรกันแน่ ยุบหรือไม่ยุบ นายกฯ ก็ไม่ตอบ รอเอเปคก็ไม่ใช่ ทุกคนก็รักตัวกลัวตายกับสอบตกทั้งหมด ผมว่ายกเลิกเถอะการประชุมวันศุกร์ ผมไม่ได้ขี้เกียจ ขอให้ทีมประธานสภาฯ ไปหารือกันใหม่ ประชุมแค่พุธ พฤหัส ก็เต็มที่แล้ว” นายครูมานิตย์ กล่าว
 
จากนั้นเวลา 12.23 น. นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ปิดการแสดงตนแล้ว องค์ประชุมมีแค่ 183 คน จาก 238 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม จึงสั่งปิดการประชุมทันที
   


‘ตรีชฎา’ แนะ ‘ครม.’ ไปคุยกันก่อนหลังปล่อย ‘อนุพงศ์-สุพัฒนพงษ์’ ตอบกระทู้สภาฯ คนละทิศทาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3655024

‘ตรีชฎา’ แนะ ‘ครม.’ ไปคุยกันก่อนหลังปล่อย ‘อนุพงศ์-สุพัฒนพงษ์’ ตอบกระทู้สภาฯ คนละทิศทาง
 
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังจากที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคพท. ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน กรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ออกกฎกระทรวงเปิดช่องให้ต่างชาติที่ลงทุนอย่างต่ำ 40 ล้านบาทในไทยเกิน 3 ปี เข้ามาซื้อที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยนั้น จากการตอบของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามมาด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พบว่า คำตอบของทั้งคู่พูดไปคนละทิศคนละทาง โดยพล.อ.อนุพงษ์ บอกว่าอาจกำหนดเงื่อนไขให้เข้มงวดขึ้น หรืออาจล้มเลิกไปเลยหากประชาชนกังวลมาก
   
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า ส่วนนายสุพัฒนพงษ์ บอกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนให้คนต่างชาติมาซื้อที่ดิน จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติยังไม่รวมที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าการขายที่ดินให้ต่างชาติ ไม่ใช่การขายชาติ เพราะคนต่างชาติไม่สามารถเอาที่ดินหนีบรักแร้กลับประเทศของเขาได้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอดสงสัยไม่ได้ว่า เราอยู่ในรัฐบาลแบบไหนกันแน่ เหตุใดความเป็นเอกภาพในแนวนโยบายที่มีสารตั้งต้นมาจากมันสมองของทีมเดียวกัน แต่เมื่อต้องตอบคำถามจึงสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง ไม่เป็นที่พึ่งที่หวังให้กับพี่น้องประชาชนได้ถึงขนาดนี้
 
น.ส.ตรีชฎา กล่าวด้วยว่า เป็นอีกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บกพร่อง ไม่มาชี้แจงคำถามที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการคำตอบด้วยตัวเอง เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องอ่อนไหว ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก ต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากนายกฯ ในฐานะคนที่นั่งหัวโต๊ะรับทราบเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง จึงขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ รีบออกมาสร้างความกระจ่างต่อสาธารณชนโดยเร็ว หากยังไม่มีความพร้อม หรือมีความสุ่มเสี่ยงต่ออนาคตของประเทศก็ควรชะลอ ศึกษาผลดีผลเสียก่อน อย่าบุ่มบ่ามใจเร็ว เมื่อเกิดความเสียหายทีหลังต้องมาคอยวิ่งตามปัญหาอีก ประชาชนเบื่อหน่ายวิธีการบริหารประเทศแบบนี้เต็มทีแล้ว
  
หยุดขายชาติเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เลิกใช้คำว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ หากยังไม่สามารถสร้างความชัดเจนให้กับเรื่องนี้ได้ เมื่อประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่เห็นด้วย ก็ควรหยั่งเสียงก่อนด้วยการทำประชามติ หรือทำโพลจากสำนักที่เป็นกลางที่สุดก่อน ไม่ใช่ทู่ซี้ตะบี้ตะบันหัวแข็ง ไม่รับฟังเสียงใครแบบนี้ หากขืนฝืนเดินหน้าต่อ ราคาที่ดินในประเทศสูงขึ้นแน่นอน จนไม่มีใครต้องการขายให้คนไทยด้วยกันเอง เก็บไว้ขายให้ต่างชาติในราคาสูงดีกว่าหรือไม่” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
 

  
ป้ามล ซัด ส.ว.NGO ละเมิดสิทธิเด็ก ถามตรรกะอะไร ตีเพื่อสั่งสอน บรรทัดฐานอยู่ที่ไหน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3655109
 
ป้ามล ซัด ส.ว.NGO ละเมิดสิทธิเด็ก ถามตรรกะอะไร ตีเพื่อสั่งสอน บรรทัดฐานอยู่ไหน
 
จากกรณีที่ มูลนิธิเส้นด้าย ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม ว่ามีการทำร้ายเด็กภายในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ต.สวนหลวง อ.อัมพวา ทำให้หน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อมา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สมุทรสงครามได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ
 
กระทั่ง นายแก้วสรร อติโพธิ ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และ นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น อดีต ส.ว. เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกาย และ ใช้แรงงานเด็ก
 
กับกรณีนี้ ป้ามล-ทิชา ณ นคร นักสิทธิเด็กเยาวชนและสตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็น โดยว่า
 
“ส.ว.NGO ละเมิดสิทธิเด็ก ตอกย้ำชัด ในที่สุด แมลงวันทุกสายพันธุ์ ไม่ตอมแมลงวันด้วยกัน”
 
ทั้งยังได้โพสต์ภาพของข่าวดังกล่าว พร้อมว่า 

“ตรรกะจากสำนักใด ? เมื่อนักสิทธิเด็ก นักกฎหมายจากมหาลัยชั้นนำ 
อดีต ส.ว. ชี้แจงว่า …นี่คือตีเพื่อสั่งสอน เพราะเด็กใช้ยา เอายาเข้ามาในบ้าน
โดยเฉพาะ ..ในฐานะองค์กรคุ้มครองเด็ก ใช้ตรรกะดังกล่าวได้ด้วยหรือ
ถ้าใช้ได้ …บรรทัดฐานงานด้านสิทธิเด็ก การพัฒนาเชิงบวกอยู่ที่ไหน
นักสิทธิเด็ก คิดอย่างไร ตอบด้วย ?”
 
พร้อมกับโพสต์เฟซบุ๊กเฟซบุ๊กอีกว่า 
 
“ครูยุ่น …เอ็นจีโอสายสิทธิเด็ก เลขาฯ มูลนิธิคุ้มครองเด็ก เจ้าของรีสอร์ตย่านสมุทรสงครามและอดีตสมาชิกวุฒิสภา สถานสงเคราะห์เด็ก …หรือบ้านคุ้มครองเด็ก บ้านพักเด็ก ที่ดำเนินการโดยภาคสังคม มูลนิธิ นิติบุคคล ฯลฯ
ต้องจดทะเบียนกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ (ส่วนจดทะเบียนตั้งมูลนิธิต้องจดกับ ก.มหาดไทย) นี่คือกฎหมาย นี่คือระบบที่ถูกออกแบบ …เพื่อให้เด็กๆ ที่ขาดแคลน ขาดครอบครัวที่เข้มแข็งได้มีชีวิตรอด ปลอดภัย เข้าถึงอาหาร การเล่น การศึกษาโดยเฉพาะการได้เติบโตภายใต้ระบบนิเวศที่เหมาะสมผ่านองค์กรต่างๆ ทั้งในรูปราชการ ในรูปภาคประชาสังคม
ในเชิงบทเรียน …หลักการที่ดี แต่กลับเลวร้ายและทำร้ายเด็กๆ เพราะอะไร ?
แน่นอน …เร็วเกินไปที่จะสรุปว่าคนดีคนนี้พลิกสถานการณ์ได้อย่างไร
แต่ไม่เร็วเกินไป …ที่จะยืนยันว่า “ความดีคือสัจธรรม”
แต่คนดี …ไม่ใช่ความดี คนดีจึงไม่เข้าข่ายสัจธรรม
 
ฉะนั้น …คนดีก็ต้องมีระบบตรวจสอบ โดยไม่มีข้อยกเว้น !!! ไม่ว่าคนดีคนนั้น … จะชื่ออะไร เคยทำอะไร สถานะ/ตำแหน่งใด เบื้องหน้า เบื้องหลังคือใคร เก่งมาจากไหน คำถามต่อมาคือ …ระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพอยู่ไหน ? องค์กรที่จะตรวจสอบองค์กรอื่น ควรมีคุณสมบัติอย่างไร ? นี่คือคำถามสำคัญ …ที่คนทั้งประเทศต้องช่วยกันหาคำตอบให้ได้”
 
ทั้งยังว่า
 
“บ่อยครั้ง ไม่ใช่สิ ถี่ๆ ครั้ง …ที่ผู้ใหญ่ตรรกะป่วย สับสน ไม่รู้เท่าทัน พาเด็กเข้ารกเข้าพง พาความสิ้นหวังสู่สังคม ไม่มีเด็กที่มีปัญหา …มีแต่ผู้ใหญ่ที่มีปัญหา”
 
“เด็ก เยาวชน กำลังเติบโต …แต่ส่วนใหญ่เติบโตในระบบนิเวศที่ไม่เอื้อต่อด้านสว่าง ด้านดี บางนาทีเขามืด บางนาทีเขาสว่าง บางคนมืดซ้ำๆ ซากๆ บางคนสว่างน้อยครั้ง บางคนเลยเส้นที่สถาบันและกฎหมายจะอนุโลม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเหตุผล …ที่จะใช้ความรุนแรง เพื่อจัดการกับด้านมืดของพวกเขา
กฎหมายและประชาคมโลก …จึงต้องผลึกปัญญา ผลึกพลัง ผลึกทุกเครื่องมือ-ทุกกลไก เพื่อหยุดการใช้ความรุนแรงกับเด็ก เยาวชน ทุกรูปแบบ ซึ่งเกือบทุกประเทศไปไกล ไปลึก ถึงระดับวัฒนธรรม โดยเฉพาะการแปลงความรุนแรง …มาในรูป ในนาม ความรัก ความปรารถนาดี วินัย อนาคต
การตัดวงจรความรุนแรง …โดยผู้ใหญ่ที่เกิดก่อน หยุดใช้ความรุนแรงก่อน คือความเป็นไปได้ คือความหวังที่วงจรความรุนแรงจะถูกตัด
ส่วนใครจะเชื่อในหลักคิดนี้หรือไม่เชื่อไม่ผิดกฎหมาย
 
แต่ถ้าเปิดใจให้กว้าง ให้ใหญ่จะพบว่า ยิ่งไม่ใช้อำนาจ ไม่ใช้ความรุนแรง ยิ่งมีอำนาจ ยิ่งใช้อำนาจ ยิ่งใช้ความรุนแรง ยิ่งใส่ปุ๋ย อำนาจนิยม ที่สำคัญคือ …อำนาจนิยมมีพลังมืด มีเเรงกดทับ ความรู้สึกกลัว ไม่ปลอดภัย …ต่อเด็ก เยาวชนที่มีอำนาจน้อย ในระบบอำนาจนิยม จึงสูงเกินความคาดหมายและอาจหมายถึงการผลิตซ้ำ”
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=8417397765000538&id=100001911932080
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่