พท. ฉะ ตู่ อย่าห่วงเสียหน้า ห่วงชาติเสียแผ่นดินบ้าง แนะ รบ.จัดที่ดินทำกินให้ปชช.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7350776
เพื่อไทย จวก ประยุทธ์ สิ้นไร้ไม้ตอกหาเงิน สับ อย่าห่วงเสียหน้า แต่ให้ห่วงชาติเสียแผ่นดินบ้าง แนะ รัฐบาลจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2565 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะมีกระแสสังคมต้านทานถึงการออกกฎกระทรวงว่าด้วยการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ที่มีมติการประชุมครม.ออกมาเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลิกความตั้งใจในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้
“
ส่วนตัวมองว่าเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลิกห่วงเสียหน้า หันมาห่วงเสียแผ่นดินบ้าง เพราะแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเอาที่ดินของชาติไปแลก ได้รับฉันทามติคัดค้านต่อต้านจากประชาชนคนไทยแล้ว แม้กระทั่งจากกลุ่มที่เคยเป็นผู้นิยมตัว พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่เห็นด้วย” นาย
ชนินทร์ กล่าว
นาย
ชนินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รัฐบาลที่นำโดยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย มีแนวทางปฏิบัติหลากหลายรูปแบบ แต่ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลใดสิ้นไร้ไม้ตอก ขนาดต้องผ่อนปรนกฎหมายขายที่ดินกับต่างชาติ แลกกับการลงทุนในรูปแบบของการให้กู้เงินความเสี่ยงต่ำระยะสั้นแค่ 3 ปี เปิดช่องให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาจับจองถือกรรมสิทธิ์ถาวรที่ดินในประเทศไทย ในระหว่างที่คนไทยในเมืองจำนวนมากยังถูกละเลยให้ไร้กรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ไม่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้
ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดจำนวนมากก็ยังเข้าไม่ถึงสิทธิในที่ดินทำกิน จึงอยากเสนอว่าสิ่งที่รัฐบาลควรมุ่งทำมากกว่าในเวลานี้ คือ
1. จัดสรรที่ดินรกร้างว่างเปล่าของรัฐในเมือง เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัดเป็นสวัสดิการให้แก่ประชาชน ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเมือง
2. จัดสรรกรรมสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์บนที่ดินของรัฐ ให้แก่ประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงที่ดินทำกิน ได้เข้าไปประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
นาย
ชนินทร์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลคงยังไม่เข้าใจว่าการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่มั่นคงและส่งผลบวกระยะยาว ต้องแก้ปัญหาที่ข้อจำกัดของกฎหมายที่วุ่นวายยุ่งยาก และการขาดข้อตกลงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะช่วยขยายขนาดของตลาดผู้ซื้อจากการผลิตในประเทศไทย ให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออกของภูมิภาคที่แท้จริง แต่การกระตุ้นในแบบที่พล.อ.ประยุทธ์อยากทำ เป็นการเอาทรัพย์สินถาวรของชาติไปแลกเงินกู้เงินลงทุนระยะสั้น ไม่ก่อให้เกิดการสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว
รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.
ประยุทธ์ ได้พิสูจน์แก่สายตาประชาชนแล้วว่า เป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวในการสร้างเศรษฐกิจ เงินกู้ลงทุนที่กู้มามากเพียงใดก็จมหายไปกับนโยบายแจกเงินที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่ก่อให้เกิดการหมุนรอบซ้ำของเงินต่อด้วยตัวเอง เพราะขาดการสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดี ให้คนอยากลงทุน อยากใช้จ่าย อยากประกอบธุรกิจต่อ แต่กลับกันพล.อ.ประยุทธ์ มุ่งแต่ทำให้ประชาชนติดอยู่กับความกลัว ความไม่มีหวัง และไม่เห็นอนาคตที่ดีกว่าของตัวเอง
“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลิกบริหารเศรษฐกิจด้วยการเอาผลประโยชน์ประเทศ มาแลกการลงทุนจากต่างชาติและทุนใหญ่ เพราะวิธีการนี้มีแต่จะขยายความเหลื่อมล้ำในประเทศ ผูกขาดการลงทุนไว้ที่คนกลุ่มน้อยในสังคม หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะมุ่งสร้างความพร้อมทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงโอกาสในการทำธุรกิจ เปิดประตูการแข่งขัน และปลุกความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้กับการลงทุนในประเทศ” นาย
ชนินทร์ กล่าว
“ทวี สอดส่อง” นำคณะเข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาส พบปะพี่น้องเชื้อสายจีน พร้อมผลักดันช่วยชาวประมง
https://siamrath.co.th/n/397031
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม ถนนสุริยะประดิษฐ์ ตำบล บางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนาย
อัฟฟาน หะยียูโซ๊ะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ เขต 1 จ.นราธิวาส และคณะ เข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมจังหวัดนราธิวาสเพื่อพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ก่อนที่จะมีการจัดงานสมโภช มูลนิธิศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาส ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พ.ย.65 โดยมีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมกันให้การต้อนรับ
พ.ตอ.
ทวี กล่าวว่า ต้องเรียนว่าในวันนี้พี่น้องเชื้อสายจีนโดยเฉพาะภาษาจีน และการค้าขายเราหนีไม่พ้นประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทะเล หรืออาหาร รวมถึงผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่และสิ่งที่สำคัญที่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังรักษาภาษาจีนและอาจจะเป็นจังหวัดในประเทศไทยที่วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการและในอนาคตภาษาจีนมีความจำเป็น เพราะปัจจุบันเป็นภาษาที่แม้จะไม่ใช่ภาษาราชการ แต่เป็นภาษาที่มีการใช้และพูดมากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าของไทยถ้าคนจีนจะซื้อก็ไม่พอต่อการจำหน่าย อย่างเช่นทุเรียนเป็นต้น ซึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมาทุเรียนราคาดีมาก โดยเฉพาะคนที่บริโภคทุเรียนก็คือคนจีน ตนจึงคิดว่าวันนี้เราน่าจะส่งเสริมภาษาจีนเข้ามาด้วย และที่สำคัญคือทุกภาษามีความจำเป็น เพราะเราต้องค้าขายกับต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประมง เป็นต้น
โดยปัญหาที่รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติการประมง ควบคุมการทำประมงจนทำให้อาชีพประมงทั้งประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ได้รับผลกระทบจากความไม่สมดุลย์ของกฎหมายไม่ใช่ว่าเขาเหล่านั้นไม่ขยัน ไม่ใช่ว่าไม่มีเครื่องมือ แต่ที่ไม่ทำประมงเพราะกฎหมายประมงมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทลงโทษที่รุนแรง และการรายงานต่างๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้อาชีพประมงเดือดร้อน และทุกพรรคการเมือง เองก็จะเข้ามาแก้กฎหมายประมงเพื่อให้สอดคล้องกับบริบท และเป็นไปตามหลักการสากล ซึ่งบทลงโทษของประมงที่ผ่านมาก็รุนแรงจนคนไม่กล้าไปทำประมง และเป็นโทษปรับสูงสุดถึง 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าจับปลาเป็นระยะเวลา 5 ปี ยังไม่ได้เลย
อีกทั้งยังมีการค้ามนุษย์ซึ่งกฎหมายมารุมประมงทั้งหมดและความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบ เช่นทำตามระเบียบกฎหมายแล้วก็ยังมีความผิด และทำตามคำแนะนำแล้วก็ยังผิด จึงต้องเอากฎหมายมาเข้าสภาเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และสมดุล ซึ่งหลายๆพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคประชาชาติเอง ก็เสนอแก้กฎหมายโดยแก้ไขไว้ 18 มาตราที่จำเป็นให้ประมงอยู่รอด รวมถึงเสนอกองทุนประมง เพราะที่นี่มีฤดูมรสุมก็เลยจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสแห่งนี้
'ชมรมแพทย์ชนบท' ชวนจับตาการประชุมบอร์ด สปสช. 7 พ.ย.นี้
https://siamrath.co.th/n/397020
วันที่ 6 พ.ย.65 เพจ ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความระบุว่า
ชวนพี่น้องคนไทย จับตา การประชุมบอร์ด สปสช. ในวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นี้
เหตุเพราะ รมต. อนุทินยังไม่ยอมลงนามในประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าปี2566 ซึ่งที่ผ่าน จะประกาศก่อน 1 ตุลาคม ของทุกปีเสมอ พอขึ้นปีงบประมาณใหม่ หลักเกณฑ์จ่ายงบก็ชัดเจน ทุกโรงพยาบาลรับทราบ จัดการต่อได้ถูกต้อง แต่ปีนี้ ล่วงเลยมาเดือนเศษ รมต.สธ.ยังดองไว้ไม่ยอมลงนาม ทั้งๆที่ผ่านที่ประชุมบอร์ด สปสช. แล้ว
ทราบว่า เหตุที่ยังไม่ลงนามเพราะ ทีมที่ปรึกษา รมต. เสนอว่า งบ PP หรืองบด้านส่งเสริมป้องกัน ซึ่งที่ผ่านมาดูแลคนไทยทุกสิทธิ(ข้าราชการ ประกันสังคม และบัตรทอง) นั้นไม่ถูกต้อง ต้องดูแลแต่ผู้ถือบัตรทอง(UC)เท่านั้น จึงเสนอให้ไม่ลงนาม
ชมรมแพทย์ชนบทขอให้ รมต. ฟังเหตุผลผู้ปฏิบัติงานด้วย การส่งเสริมป้องกันต้องทำทุกสิทธิ ไข้เลือดออกระบาด เราจะควบคุมโรคแต่บ้านที่มีสิทธิ UC ไม่ได้นะ ดูแลแจกผ้าอ้อมผู้ป่วยติดเตียงตามนโยบายท่านจะให้แจกแต่สิทธิ UC กระนั้นหรือ
ชมรมแพทย์ชนบทหวังว่า วันจันทร์นี้ ในการประชุมบอร์ด สปสช. จะมีข้อสรุป และจะได้ลงนามประกาศในทันที เพื่อ สปสช. จะได้จัดงบ UC ที่พร้อมโอนงวดแรกสู่โรงพยาบาลต่างๆลงมาได้แล้ว
คนไทยทุกสิทธิ มีสิทธิได้รับการดูแลสุขภาพด้านส่งเสริมปัองกัน นี่คือหลักการที่ไม่ควรถอยหลัง
JJNY : พท.ฉะตู่ อย่าห่วงเสียหน้า|“ทวี”นำคณะเข้าสักการะศาลเจ้าแม่|'ชมรมแพทย์ชนบท' ชวนจับตา|“จิตติ” คาดทองยังผันผวน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7350776
เพื่อไทย จวก ประยุทธ์ สิ้นไร้ไม้ตอกหาเงิน สับ อย่าห่วงเสียหน้า แต่ให้ห่วงชาติเสียแผ่นดินบ้าง แนะ รัฐบาลจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2565 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะมีกระแสสังคมต้านทานถึงการออกกฎกระทรวงว่าด้วยการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ที่มีมติการประชุมครม.ออกมาเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลิกความตั้งใจในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้
“ส่วนตัวมองว่าเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลิกห่วงเสียหน้า หันมาห่วงเสียแผ่นดินบ้าง เพราะแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเอาที่ดินของชาติไปแลก ได้รับฉันทามติคัดค้านต่อต้านจากประชาชนคนไทยแล้ว แม้กระทั่งจากกลุ่มที่เคยเป็นผู้นิยมตัว พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่เห็นด้วย” นายชนินทร์ กล่าว
นายชนินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รัฐบาลที่นำโดยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย มีแนวทางปฏิบัติหลากหลายรูปแบบ แต่ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลใดสิ้นไร้ไม้ตอก ขนาดต้องผ่อนปรนกฎหมายขายที่ดินกับต่างชาติ แลกกับการลงทุนในรูปแบบของการให้กู้เงินความเสี่ยงต่ำระยะสั้นแค่ 3 ปี เปิดช่องให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาจับจองถือกรรมสิทธิ์ถาวรที่ดินในประเทศไทย ในระหว่างที่คนไทยในเมืองจำนวนมากยังถูกละเลยให้ไร้กรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ไม่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้
ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดจำนวนมากก็ยังเข้าไม่ถึงสิทธิในที่ดินทำกิน จึงอยากเสนอว่าสิ่งที่รัฐบาลควรมุ่งทำมากกว่าในเวลานี้ คือ
1. จัดสรรที่ดินรกร้างว่างเปล่าของรัฐในเมือง เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัดเป็นสวัสดิการให้แก่ประชาชน ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเมือง
2. จัดสรรกรรมสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์บนที่ดินของรัฐ ให้แก่ประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงที่ดินทำกิน ได้เข้าไปประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลคงยังไม่เข้าใจว่าการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่มั่นคงและส่งผลบวกระยะยาว ต้องแก้ปัญหาที่ข้อจำกัดของกฎหมายที่วุ่นวายยุ่งยาก และการขาดข้อตกลงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะช่วยขยายขนาดของตลาดผู้ซื้อจากการผลิตในประเทศไทย ให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออกของภูมิภาคที่แท้จริง แต่การกระตุ้นในแบบที่พล.อ.ประยุทธ์อยากทำ เป็นการเอาทรัพย์สินถาวรของชาติไปแลกเงินกู้เงินลงทุนระยะสั้น ไม่ก่อให้เกิดการสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว
รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ ได้พิสูจน์แก่สายตาประชาชนแล้วว่า เป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวในการสร้างเศรษฐกิจ เงินกู้ลงทุนที่กู้มามากเพียงใดก็จมหายไปกับนโยบายแจกเงินที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่ก่อให้เกิดการหมุนรอบซ้ำของเงินต่อด้วยตัวเอง เพราะขาดการสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดี ให้คนอยากลงทุน อยากใช้จ่าย อยากประกอบธุรกิจต่อ แต่กลับกันพล.อ.ประยุทธ์ มุ่งแต่ทำให้ประชาชนติดอยู่กับความกลัว ความไม่มีหวัง และไม่เห็นอนาคตที่ดีกว่าของตัวเอง
“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลิกบริหารเศรษฐกิจด้วยการเอาผลประโยชน์ประเทศ มาแลกการลงทุนจากต่างชาติและทุนใหญ่ เพราะวิธีการนี้มีแต่จะขยายความเหลื่อมล้ำในประเทศ ผูกขาดการลงทุนไว้ที่คนกลุ่มน้อยในสังคม หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะมุ่งสร้างความพร้อมทางเศรษฐกิจแบบองค์รวม ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงโอกาสในการทำธุรกิจ เปิดประตูการแข่งขัน และปลุกความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้กับการลงทุนในประเทศ” นายชนินทร์ กล่าว
“ทวี สอดส่อง” นำคณะเข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาส พบปะพี่น้องเชื้อสายจีน พร้อมผลักดันช่วยชาวประมง
https://siamrath.co.th/n/397031
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม ถนนสุริยะประดิษฐ์ ตำบล บางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนายอัฟฟาน หะยียูโซ๊ะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ เขต 1 จ.นราธิวาส และคณะ เข้าสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิมจังหวัดนราธิวาสเพื่อพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ก่อนที่จะมีการจัดงานสมโภช มูลนิธิศาลเจ้าแม่ทับทิมนราธิวาส ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พ.ย.65 โดยมีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมกันให้การต้อนรับ
พ.ตอ.ทวี กล่าวว่า ต้องเรียนว่าในวันนี้พี่น้องเชื้อสายจีนโดยเฉพาะภาษาจีน และการค้าขายเราหนีไม่พ้นประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทะเล หรืออาหาร รวมถึงผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่และสิ่งที่สำคัญที่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังรักษาภาษาจีนและอาจจะเป็นจังหวัดในประเทศไทยที่วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการและในอนาคตภาษาจีนมีความจำเป็น เพราะปัจจุบันเป็นภาษาที่แม้จะไม่ใช่ภาษาราชการ แต่เป็นภาษาที่มีการใช้และพูดมากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าของไทยถ้าคนจีนจะซื้อก็ไม่พอต่อการจำหน่าย อย่างเช่นทุเรียนเป็นต้น ซึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมาทุเรียนราคาดีมาก โดยเฉพาะคนที่บริโภคทุเรียนก็คือคนจีน ตนจึงคิดว่าวันนี้เราน่าจะส่งเสริมภาษาจีนเข้ามาด้วย และที่สำคัญคือทุกภาษามีความจำเป็น เพราะเราต้องค้าขายกับต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประมง เป็นต้น
โดยปัญหาที่รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติการประมง ควบคุมการทำประมงจนทำให้อาชีพประมงทั้งประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ได้รับผลกระทบจากความไม่สมดุลย์ของกฎหมายไม่ใช่ว่าเขาเหล่านั้นไม่ขยัน ไม่ใช่ว่าไม่มีเครื่องมือ แต่ที่ไม่ทำประมงเพราะกฎหมายประมงมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทลงโทษที่รุนแรง และการรายงานต่างๆ ซึ่งตรงนี้ทำให้อาชีพประมงเดือดร้อน และทุกพรรคการเมือง เองก็จะเข้ามาแก้กฎหมายประมงเพื่อให้สอดคล้องกับบริบท และเป็นไปตามหลักการสากล ซึ่งบทลงโทษของประมงที่ผ่านมาก็รุนแรงจนคนไม่กล้าไปทำประมง และเป็นโทษปรับสูงสุดถึง 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าจับปลาเป็นระยะเวลา 5 ปี ยังไม่ได้เลย
อีกทั้งยังมีการค้ามนุษย์ซึ่งกฎหมายมารุมประมงทั้งหมดและความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบ เช่นทำตามระเบียบกฎหมายแล้วก็ยังมีความผิด และทำตามคำแนะนำแล้วก็ยังผิด จึงต้องเอากฎหมายมาเข้าสภาเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และสมดุล ซึ่งหลายๆพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคประชาชาติเอง ก็เสนอแก้กฎหมายโดยแก้ไขไว้ 18 มาตราที่จำเป็นให้ประมงอยู่รอด รวมถึงเสนอกองทุนประมง เพราะที่นี่มีฤดูมรสุมก็เลยจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสแห่งนี้
'ชมรมแพทย์ชนบท' ชวนจับตาการประชุมบอร์ด สปสช. 7 พ.ย.นี้
https://siamrath.co.th/n/397020
วันที่ 6 พ.ย.65 เพจ ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความระบุว่า
ชวนพี่น้องคนไทย จับตา การประชุมบอร์ด สปสช. ในวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นี้
เหตุเพราะ รมต. อนุทินยังไม่ยอมลงนามในประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าปี2566 ซึ่งที่ผ่าน จะประกาศก่อน 1 ตุลาคม ของทุกปีเสมอ พอขึ้นปีงบประมาณใหม่ หลักเกณฑ์จ่ายงบก็ชัดเจน ทุกโรงพยาบาลรับทราบ จัดการต่อได้ถูกต้อง แต่ปีนี้ ล่วงเลยมาเดือนเศษ รมต.สธ.ยังดองไว้ไม่ยอมลงนาม ทั้งๆที่ผ่านที่ประชุมบอร์ด สปสช. แล้ว
ทราบว่า เหตุที่ยังไม่ลงนามเพราะ ทีมที่ปรึกษา รมต. เสนอว่า งบ PP หรืองบด้านส่งเสริมป้องกัน ซึ่งที่ผ่านมาดูแลคนไทยทุกสิทธิ(ข้าราชการ ประกันสังคม และบัตรทอง) นั้นไม่ถูกต้อง ต้องดูแลแต่ผู้ถือบัตรทอง(UC)เท่านั้น จึงเสนอให้ไม่ลงนาม
ชมรมแพทย์ชนบทขอให้ รมต. ฟังเหตุผลผู้ปฏิบัติงานด้วย การส่งเสริมป้องกันต้องทำทุกสิทธิ ไข้เลือดออกระบาด เราจะควบคุมโรคแต่บ้านที่มีสิทธิ UC ไม่ได้นะ ดูแลแจกผ้าอ้อมผู้ป่วยติดเตียงตามนโยบายท่านจะให้แจกแต่สิทธิ UC กระนั้นหรือ
ชมรมแพทย์ชนบทหวังว่า วันจันทร์นี้ ในการประชุมบอร์ด สปสช. จะมีข้อสรุป และจะได้ลงนามประกาศในทันที เพื่อ สปสช. จะได้จัดงบ UC ที่พร้อมโอนงวดแรกสู่โรงพยาบาลต่างๆลงมาได้แล้ว
คนไทยทุกสิทธิ มีสิทธิได้รับการดูแลสุขภาพด้านส่งเสริมปัองกัน นี่คือหลักการที่ไม่ควรถอยหลัง