☝
☝
เพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย... ทั้งรู้ตัว (
ผมเอง...ก็เป็นสัตว์นะ..อันนี้รู้ตัว)
และไม่รู้ตัวว่า
" พวกเขานะ..คือ..สัตว์ "...
และยังปฏิเสธว่า "
เราไม่มี - สัตว์บุคคล..ไม่มี เรา-สัตว์บุคคล..คือ สมมุติของขันธ์๕ เราที่จริงไม่มี "...
พวกเหล่าสัตว์ที่ไม่รู้ตัวเหล่านี้... แม้นจะปฏิเสธอย่างไรก็ตาม
"
มันก็ยังคือสัตว์อยู่วันยังคำ.. จะไม่สามารถ.. หลุดจากความเป็นสัตว์ไปได้เลย
เพราะเป็นมิจฉาทิฏฐิ..ไปนึกว่าเขาเหล่านั่นไม่มี..ไม่ได้มี "
👇
ดังพุทธพจร์ที่ว่า...
...
โกศลสูตรที่ ๑👉
https://etipitaka.com/read/thai/24/57/
หากดูแปลไทยฉบับหลวง... ท่าจะไม่เห็นภาพว่า
" การเห็นว่า..ไม่มีเรา..ไม่มีสัตว์บุคคล "...มันจะเป็นอุจเฉททิฏฐิ..อย่างไรหน่อ!!!
เอ้า..ผมจะแปลจากบาลีมาให้ดู.. แล้วเหล่าสัตว์ที่มีธุลีในตลดวงตาน้อย..ก็จะเข้าใจได้
...
เอตทคฺคํ ภิกฺขเว พาหิรกานํ ทิฏฺฐิคตานํ
ภิกษุ ท.! ความเห็น(ทิฏฐิ)อันเป็นเลิศนี้..เป็นของภายนอก(นอกธรรมวินัยนี้)
ยทิทํ
โน จสฺสํ โน จ เม สิยา น ภวิสฺสามิ น เม ภวิสฺสตีติ
นั้นคือ.. " เราไม่มี..และ..ของเราไม่มี (ดังนั้น)เราก็จะไม่มี..และ..ของเราก็จะไม่มี "
☝☝
คุ้นๆไหม??? " เราไม่มี.. สัตว์ไม่มี.. บุคคลไม่มี.. เราจริงๆแล้วไม่มี.. เราเป็นแค่สมมุติของขันธ์๕ "
เอวํทิฏฺฐิโน ภิกฺขเว เอตํ ปาฏิกงฺขํ ยา จายํ ตสฺส ภเว อปฺปฏิกุลฺยตา สา จสฺส น ภวิสฺสติ
ยา จายํ ตสฺส ภวนิโรเธ ปฏิกุลฺยตา สา จสฺส น ภวิสฺสตีติ
ภิกษุ ท.! ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้..พึงหวังได้อย่างนี้ว่า ...
(1)...ความที่ไม่ชอบใด..ในภพนั้น............จะไม่มีแก่..เขา👈...(ยังมีภพ)
(2)...ความชอบใด....ในการสิ้นภพนั้น......จะไม่มีแก่..เขา👈...(นี่..ก็ยังมีภพ)
เอวํทิฏฺฐิโนปิ โข ภิกฺขเว สนฺติ สตฺตา
ภิกษุ ท.! ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้แล...มีอยู่แก่สัตว์ท้งหลาย
เอวํ ทิฏฺฐีนํปิ โข ภิกฺขเว สตฺตานํ
อตฺเถว อญฺญถตฺตํ
อตฺถิ(มีอยู่แท้จริง) วิปริณาโม
ภิกษุ ท.! ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้แล...มีอยู่แก่สัตว์ท้งหลาย
ผู้ที่มีความเป็นอย่างอื่นโดยแท้..ผู้ที่มีความเแปรปรวนโดยแท้..
☝☝
คุ้นๆไหม??? คำว่า "
อตฺเถว - อตฺถิ "...มีอย่างแท้จริง..เหมือนที่วัจฉะถามว่า
" อัตตา..มีอยู่แท้จริง..หรือ? " ... " อัตตา..ไม่มีอยู่เลยอย่างแท้จริง..หรือ? " ...
เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก ตสฺมึปิ นิพฺพินฺทติ ตสฺมึ นิพฺพินฺทนฺโต อคฺเค วิรชฺชติ ปเคว หีนสฺมึ ฯ
ภิกษุ ท.! อริยสาวกผู้ได้สดับ..เห็น(รู้)อย่างนี้แล้ว ย่อม(ควร)หน่าย(ละ)เสียใน(ทิฏฐิ)นั้น..
เมื่อหน่าย(ละ)เสียแล้ว.. เมื่อไม่ยินดีในความเป็นเลิศนั้นได้แล้ว..ก็ไม่ต้องกล่าวในสิ่งที่เลว...เลย
ต่อด้วยพระสูตรที่ - 2..ที่พระศาสดาท่านกล่าวว่าทิฏฐินี้..เป็น " อุจเฉททิฏฐิ "
๙. ปาลิเลยยสูตร👉https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=2111&Z=2227
...
[๑๘๐] น เหว โข รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ ฯ
--- ไม่ตามเห็นรูป..เป็นตนอย่างนี้
น เวทนํ ฯ
--- ไม่ตามเห็นเวทนา..เป็นตน
น สญฺญํ ฯ
--- ไม่ตามเห็นสัญญา..เป็นตน
น สงฺขาเร ฯ
--- ไม่ตามเห็นสังขาร..เป็นตน
น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ
--- ไม่ตามเห็นวิญญาณ..เป็นตนอย่างนี้
นาปิ เอวํทิฏฺฐี โหติ โส อตฺตา โส โลโก โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโมติ
ไม่มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า.. เขาคือตน.. เขาคือโลก.. ตายไปก็จะไม่มีความเปลี่ยนแปลง-จะยังยืน-จะเที่ยง..ไม่แปรปรวน
อปิจ โข เอวํทิฏฺฐี โหติ
โน จสฺสํ โน จ เม สิยา น ภวิสฺสามิ น เม ภวิสฺสตีติ ฯ👈...
นี่..ทิฏฺฐิเหมือนกับทิฏฐิข้าบน
แต่..ยังมีทิฏฐินี้ว่า " เราไม่มี..และ..ของเราไม่มี (ดังนั้น)เราก็จะไม่มี..และ..ของเราก็จะไม่มี "...อย่างนี้
ยา โข ปน สา ภิกฺขเว อุจฺเฉททิฏฺฐิ สงฺขาโร โส ฯ
ภิกษุ ท.! ก็ผู้ใดแล...มีทิฏฐิอันขาดสูญ...คือสังขารของผูนั้น👈...นี่..อุจฺเฉททิฏฺฐิ
โส ปน สงฺขาโร กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว ฯ
ก็สังขารของเขา..มีอะไรเป็นเหตุ? มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิดขึ้น? มีอะไรเป็นกำเนิด? มีอะไรเป็นแดนเกิด?
อวิชฺชาสมฺผสฺสเชน ภิกฺขเว เวทยิเตน ผุฏฺฐสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปนฺนา ตณฺหา ตโตโช โส สงฺขาโร ฯ
ภิกษุ ท.! ผัสสะ..อันมีอวิชชา(เป็นปัจจัยแต่ต้น..แทรกอยู่) ถูกต้องแล้วแก่..ปุถุชนผู้มิได้สดับ..
อันก่อให้เกิด..ตัณหา อันมาจาก...สังขารของเขา(สังขาร->วิญญาณ -- -->ผัสสะ-- -->ตัณหา)
อิติ โข ภิกฺขเว โสปิ สงฺขาโร อนิจฺโจ ฯเปฯ
ภิกษุ ท.! ดังนี้แล.. สังขารของเขก็ไม่เที่ยง..ฯเปฯ
เอวํปิ โข ภิกฺขเว ชานโต เอวํ ปสฺสโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ ฯ
ภิกษุ ท.! ด้วยการรู้ดังนี้แล.. เห็นอย่างนี้.. อาสวะก็มีความสิ้นไปโดยลำดับ..เรื่อยๆ(ไม่หยุด)..
สรุป..
ตามทั้นไหม???
ทิฏฐิที่ว่า "
เราไม่มี.. สัตว์ไม่มี.. บุคคลไม่มี.. เราจริงๆแล้วๆไม่มี.. เราเป็นแค่สสมุติของขันธ์๕ "
มันเป็นทิฏฐิที่เลิศ...ในบรรดาทิฏฐินอกศาสดาพุทธ.. ส่วนมากก็นักปราชญ์นักคิดนั่นหละ...
พระศาสดากล่าว่า "
เป็น...อุจฺเฉททิฏฺฐิ "...
พวกนี้... จะไม่มี..ความไม่ชอบในการมีภพ -- คือ...ยังขอบในการมีภพ...
พวกนี้... จะไม่มี..ความไชอบในการไม่มีภพ -- คือ...ยังขอบในการมีภพ...
☝
สรุปว่า.. ปากบอกว่า " ไม่มีเรา - เราไม่มี "...มันก็บอกได้แค่ปาก... แต่ใจอยากมีภพ.. ละทิ้งภพไม่ได้..
===== เหล่าสัตว์ทั้งหลาย... ควรพิจารณาให้จงดี...ครับ (จากสัตว์ผู้หนึ่ง..ครับ)====
" สัตว์ "ตอนที่ 75 :การไม่เห็นว่ามีสัตว์บุคคล...<--พระศาสดาท่านกล่าว..ว่าทำไมถึงเป็นอุจเฉททิฏฐิ (โปรดตั้งใจฟังนะ..)
☝
☝
เพื่ออนุเคราะห์แก่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย... ทั้งรู้ตัว (ผมเอง...ก็เป็นสัตว์นะ..อันนี้รู้ตัว)
และไม่รู้ตัวว่า " พวกเขานะ..คือ..สัตว์ "...
และยังปฏิเสธว่า " เราไม่มี - สัตว์บุคคล..ไม่มี เรา-สัตว์บุคคล..คือ สมมุติของขันธ์๕ เราที่จริงไม่มี "...
พวกเหล่าสัตว์ที่ไม่รู้ตัวเหล่านี้... แม้นจะปฏิเสธอย่างไรก็ตาม
" มันก็ยังคือสัตว์อยู่วันยังคำ.. จะไม่สามารถ.. หลุดจากความเป็นสัตว์ไปได้เลย
เพราะเป็นมิจฉาทิฏฐิ..ไปนึกว่าเขาเหล่านั่นไม่มี..ไม่ได้มี "
👇
ดังพุทธพจร์ที่ว่า...
...
โกศลสูตรที่ ๑👉https://etipitaka.com/read/thai/24/57/
หากดูแปลไทยฉบับหลวง... ท่าจะไม่เห็นภาพว่า
" การเห็นว่า..ไม่มีเรา..ไม่มีสัตว์บุคคล "...มันจะเป็นอุจเฉททิฏฐิ..อย่างไรหน่อ!!!
เอ้า..ผมจะแปลจากบาลีมาให้ดู.. แล้วเหล่าสัตว์ที่มีธุลีในตลดวงตาน้อย..ก็จะเข้าใจได้
...
เอตทคฺคํ ภิกฺขเว พาหิรกานํ ทิฏฺฐิคตานํ
ภิกษุ ท.! ความเห็น(ทิฏฐิ)อันเป็นเลิศนี้..เป็นของภายนอก(นอกธรรมวินัยนี้)
ยทิทํ โน จสฺสํ โน จ เม สิยา น ภวิสฺสามิ น เม ภวิสฺสตีติ
นั้นคือ.. " เราไม่มี..และ..ของเราไม่มี (ดังนั้น)เราก็จะไม่มี..และ..ของเราก็จะไม่มี "
☝☝
คุ้นๆไหม??? " เราไม่มี.. สัตว์ไม่มี.. บุคคลไม่มี.. เราจริงๆแล้วไม่มี.. เราเป็นแค่สมมุติของขันธ์๕ "
เอวํทิฏฺฐิโน ภิกฺขเว เอตํ ปาฏิกงฺขํ ยา จายํ ตสฺส ภเว อปฺปฏิกุลฺยตา สา จสฺส น ภวิสฺสติ
ยา จายํ ตสฺส ภวนิโรเธ ปฏิกุลฺยตา สา จสฺส น ภวิสฺสตีติ
ภิกษุ ท.! ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้..พึงหวังได้อย่างนี้ว่า ...
(1)...ความที่ไม่ชอบใด..ในภพนั้น............จะไม่มีแก่..เขา👈...(ยังมีภพ)
(2)...ความชอบใด....ในการสิ้นภพนั้น......จะไม่มีแก่..เขา👈...(นี่..ก็ยังมีภพ)
เอวํทิฏฺฐิโนปิ โข ภิกฺขเว สนฺติ สตฺตา
ภิกษุ ท.! ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้แล...มีอยู่แก่สัตว์ท้งหลาย
เอวํ ทิฏฺฐีนํปิ โข ภิกฺขเว สตฺตานํ อตฺเถว อญฺญถตฺตํ อตฺถิ(มีอยู่แท้จริง) วิปริณาโม
ภิกษุ ท.! ผู้ที่มีความเห็นอย่างนี้แล...มีอยู่แก่สัตว์ท้งหลาย
ผู้ที่มีความเป็นอย่างอื่นโดยแท้..ผู้ที่มีความเแปรปรวนโดยแท้..
☝☝
คุ้นๆไหม??? คำว่า " อตฺเถว - อตฺถิ "...มีอย่างแท้จริง..เหมือนที่วัจฉะถามว่า
" อัตตา..มีอยู่แท้จริง..หรือ? " ... " อัตตา..ไม่มีอยู่เลยอย่างแท้จริง..หรือ? " ...
เอวํ ปสฺสํ ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก ตสฺมึปิ นิพฺพินฺทติ ตสฺมึ นิพฺพินฺทนฺโต อคฺเค วิรชฺชติ ปเคว หีนสฺมึ ฯ
ภิกษุ ท.! อริยสาวกผู้ได้สดับ..เห็น(รู้)อย่างนี้แล้ว ย่อม(ควร)หน่าย(ละ)เสียใน(ทิฏฐิ)นั้น..
เมื่อหน่าย(ละ)เสียแล้ว.. เมื่อไม่ยินดีในความเป็นเลิศนั้นได้แล้ว..ก็ไม่ต้องกล่าวในสิ่งที่เลว...เลย
ต่อด้วยพระสูตรที่ - 2..ที่พระศาสดาท่านกล่าวว่าทิฏฐินี้..เป็น " อุจเฉททิฏฐิ "
๙. ปาลิเลยยสูตร👉https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=2111&Z=2227
...
[๑๘๐] น เหว โข รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ ฯ --- ไม่ตามเห็นรูป..เป็นตนอย่างนี้
น เวทนํ ฯ --- ไม่ตามเห็นเวทนา..เป็นตน
น สญฺญํ ฯ --- ไม่ตามเห็นสัญญา..เป็นตน
น สงฺขาเร ฯ --- ไม่ตามเห็นสังขาร..เป็นตน
น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ --- ไม่ตามเห็นวิญญาณ..เป็นตนอย่างนี้
นาปิ เอวํทิฏฺฐี โหติ โส อตฺตา โส โลโก โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโมติ
ไม่มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า.. เขาคือตน.. เขาคือโลก.. ตายไปก็จะไม่มีความเปลี่ยนแปลง-จะยังยืน-จะเที่ยง..ไม่แปรปรวน
อปิจ โข เอวํทิฏฺฐี โหติ โน จสฺสํ โน จ เม สิยา น ภวิสฺสามิ น เม ภวิสฺสตีติ ฯ👈...นี่..ทิฏฺฐิเหมือนกับทิฏฐิข้าบน
แต่..ยังมีทิฏฐินี้ว่า " เราไม่มี..และ..ของเราไม่มี (ดังนั้น)เราก็จะไม่มี..และ..ของเราก็จะไม่มี "...อย่างนี้
ยา โข ปน สา ภิกฺขเว อุจฺเฉททิฏฺฐิ สงฺขาโร โส ฯ
ภิกษุ ท.! ก็ผู้ใดแล...มีทิฏฐิอันขาดสูญ...คือสังขารของผูนั้น👈...นี่..อุจฺเฉททิฏฺฐิ
โส ปน สงฺขาโร กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว ฯ
ก็สังขารของเขา..มีอะไรเป็นเหตุ? มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิดขึ้น? มีอะไรเป็นกำเนิด? มีอะไรเป็นแดนเกิด?
อวิชฺชาสมฺผสฺสเชน ภิกฺขเว เวทยิเตน ผุฏฺฐสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปนฺนา ตณฺหา ตโตโช โส สงฺขาโร ฯ
ภิกษุ ท.! ผัสสะ..อันมีอวิชชา(เป็นปัจจัยแต่ต้น..แทรกอยู่) ถูกต้องแล้วแก่..ปุถุชนผู้มิได้สดับ..
อันก่อให้เกิด..ตัณหา อันมาจาก...สังขารของเขา(สังขาร->วิญญาณ -- -->ผัสสะ-- -->ตัณหา)
อิติ โข ภิกฺขเว โสปิ สงฺขาโร อนิจฺโจ ฯเปฯ
ภิกษุ ท.! ดังนี้แล.. สังขารของเขก็ไม่เที่ยง..ฯเปฯ
เอวํปิ โข ภิกฺขเว ชานโต เอวํ ปสฺสโต อนนฺตรา อาสวานํ ขโย โหติ ฯ
ภิกษุ ท.! ด้วยการรู้ดังนี้แล.. เห็นอย่างนี้.. อาสวะก็มีความสิ้นไปโดยลำดับ..เรื่อยๆ(ไม่หยุด)..
สรุป..
ตามทั้นไหม???
ทิฏฐิที่ว่า " เราไม่มี.. สัตว์ไม่มี.. บุคคลไม่มี.. เราจริงๆแล้วๆไม่มี.. เราเป็นแค่สสมุติของขันธ์๕ "
มันเป็นทิฏฐิที่เลิศ...ในบรรดาทิฏฐินอกศาสดาพุทธ.. ส่วนมากก็นักปราชญ์นักคิดนั่นหละ...
พระศาสดากล่าว่า " เป็น...อุจฺเฉททิฏฺฐิ "...
พวกนี้... จะไม่มี..ความไม่ชอบในการมีภพ -- คือ...ยังขอบในการมีภพ...
พวกนี้... จะไม่มี..ความไชอบในการไม่มีภพ -- คือ...ยังขอบในการมีภพ...
☝
สรุปว่า.. ปากบอกว่า " ไม่มีเรา - เราไม่มี "...มันก็บอกได้แค่ปาก... แต่ใจอยากมีภพ.. ละทิ้งภพไม่ได้..
===== เหล่าสัตว์ทั้งหลาย... ควรพิจารณาให้จงดี...ครับ (จากสัตว์ผู้หนึ่ง..ครับ)====