บก.ลายชุด-ทีมชุดดำ ถึง 'ตั้งฮกกี่' แจกรหัสหม่ำบะหมี่ฟรี เผยเหตุไม่แจ้งชุมนุม แค่ชวนเพื่อนมากินก๋วยเตี๋ยว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3620877
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ร้านตั้งฮกกี่ บะหมี่กวางตุ้ง โชคลาดพร้าว กรุงเทพฯ นาย
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดหมายจัดกิจกรรม
‘วันอาทิตย์สีดำ’ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์จนกว่าจะมีการประกาศเลือกตั้ง
บรรยากาศเมื่อเวลาราว 11.30 น. บก.ลายจุดและประชาชนกลุ่มหนึ่ง สวมใส่เสื้อยืดสีดำเดินทางมาถึง ชูป้ายมีข้อความเขียนด้วยลายมือบนกระดาษแข็งสีขาว มีเนื้อหาขับไล่พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เวลาราว 11.45 น. บก.ลายจุด มอบบัตรคิวให้ผู้ร่วมกิจกรรม และฝึกซ้อมรหัสเพื่อแจ้งรับบะหมี่ฟรีจากพนักงานของร้าน คือ
‘ประยุทธ์อีไม่ใช่ผู้ดี อีขี่รถถังฝังหัววัยเด็ก ประยุทธ์อีชอบพูดเท็จ บะหมี่กวางตุ้งอย่ากินเผ็ดพริกป่นครึ่งช้อนพอ’
ทั้งนี้ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่ากิจกรรมครั้งนี้ไม่มีการแจ้งนัดหมายชุมนุม เนื่องจากเป็นการชักชวนเพื่อนไปรับประทานก๋วยเตี่ยวเท่านั้น ความว่า
‘ผมตัดสินใจที่จะไม่ไปแจ้งจัดชุมนุมในกิจกรรมวันอาทิตย์นี้ ด้วยเหตุผลว่า ผมชวนเพื่อนๆไปกินก๋วยเตี๋ยวไม่น่าจะเข้าข่ายการชุมนุมสาธารณะ’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักการเมืองและนักกิจกรรมทยอยเข้าสมทบด้วย อาทิ นาย
เอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นาย
สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และนาง
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เป็นต้น
'ชลน่าน' เชื่อ กม.ลูกผ่านด่านศาล รธน. ชี้ หากถึงทางตันต้องหาทางออกให้ประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3620928
‘ชลน่าน’ เชื่อ กม.ลูกผ่านด่านศาล รธน. ชี้ หากถึงทางตันต้องหาทางออกให้ประเทศ แต่ขอเป็นกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) ออกมาระบุว่า หากกฎหมายลูกไม่ผ่านในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอาจต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบเพื่อจัดการเลือกตั้งนั้น พรรค พท.รับได้หรือไม่ ว่า ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่มีบทบัญญัติใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามคำชี้แจงของ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นพ.
ชลน่านกล่าวด้วยว่า แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กฎหมายลูกตก ต้องแบ่งออกเป็นสองช่วง หากสภาฯอยู่จนครบวาระ ระยะเวลาที่เหลือประมาณ 6 เดือน หากเร่งนำกฎหมายลูกเข้าสู่รัฐสภาแล้วปรับแก้ให้สอดคล้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็น่าจะทันการเลือกตั้งแต่หากเป็นกรณีมีการยุบสภาฯ ช่วงนี้แล้วทำกฎหมายลูกไม่ทัน การออกเป็นระเบียบ กกต.ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ กกต.ไม่มีกฎหมายรองรับการออกระเบียบเช่นนี้ กฎหมายว่าด้วย กกต.ให้ กกต.ออกระเบียบในหน้าที่และอำนาจของ กกต. แต่การเลือกตั้งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดต้องออกเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งเท่านั้น และหากจะไปออกเป็น พ.ร.ก.จากฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ก็มีข้อจำกัด เนื่องจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีศักดิ์ต่างจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทั่วไป แต่ พ.ร.ก.ใช้แทน พ.ร.บ. กรณีมีเหตุเร่งด่วนเท่านั้น อีกทั้งการออก พ.ร.บ.ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ เมื่อยุบสภาฯ แล้วจึงไม่สามารถออกเป็น พ.ร.ก.ได้
“ผมเห็นมีนักวิชาการบางคนเสนอว่าถ้าถึงทางตันจริงอาจไปใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 5 ที่ระบุเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งผมมองว่าการหาทางออกให้ประเทศวิธีนั้นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพียงแต่ขอให้กติกาที่ออกมาต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นพ.
ชลน่านกล่าว
จับตาเศรษฐกิจโลกถดถอย เอกชนงัดสารพัดวิธีสู้ให้รอด
https://www.dailynews.co.th/news/1582897/
เสียงเตือนภาวะเศรษฐกิจโลกเข้าขั้น “ถดถอย” ถือเป็นคำเตือนสำคัญต่อทุกชาติทั่วโลก โดยเฉพาะพายุเศรษฐกิจใหญ่ 3 ลูกที่กำลังรวมตัวกันเป็น “เพอร์เฟกต์ สตอร์ม” หากตั้งรับไม่ดีเศรษฐกิจของประเทศอาจพังพาบลงไปได้.
กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ระบุชัดเจนว่า ภาวะเลวร้ายที่สุด กำลังรออยู่ข้างหน้า และประชาชนจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า เศรษฐกิจจะมืดมนมากกว่าปี 65 พร้อมหั่นตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ปี 66 จากเดิม 2.9% เหลือเข้าสู่ระดับ 2.7% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 44
3พายุร้ายรอวันระเบิด
พายุใหญ่ 3 ลูก ทั้ง สงครามรัสเซียและยูเครน ที่ยังยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เร่งขึ้นดอกเบี้ยเต็มสูบ เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ที่อาจนำไปสู่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย จนกระเทือนไปทั่วโลก และสุดท้าย ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการใช้นโยบายซีโร่ โควิด
ขณะที่ประเทศไทยเริ่มเห็นสัญญาณร้ายชัดขึ้น ทั้งตัวเลขการส่งออก ที่อุตสาหกรรมใหญ่บางกลุ่ม ชะลอตัวกว่า 10-30% ขณะที่เงินกู้ที่ใช้ประคับประคองเศรษฐกิจกำลังจะหมดหน้าตัก แถมยังมีปัญหาขาดดุลคู่ ทั้งดุลการคลังและดุลบัญชีเดินสะพัด ส่วนการนำเข้าก็พุ่งทะยาน เพราะค่าเงินบาทอ่อนยวบ หากประเทศขาดดุลคู่กันแบบนี้นาน ๆ ถือว่าเป็นสัญญาณไม่ดี ถ้าระเบิดพร้อมกัน เศรษฐกิจไทยพังแน่!!!
“
เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า ผู้ประกอบการไทย เริ่มกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงหลายด้านมากขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและสหภาพยุโรป หรืออียู ที่กำลังชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ได้ จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังจากเริ่มมีสัญญาณของคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวจากสหรัฐและอียู โดยพบว่า บางกลุ่มอุตสาหกรรมหดตัวแล้ว 30%
กังวลหนักส่งออกแผ่ว
พายุเศรษฐกิจโลกต่าง ๆ เข้ามาพร้อมกัน แบบใหญ่ขึ้น เป็นประเด็นที่ไทยต้องระวัง เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก ตลาดหลักอย่างสหรัฐที่พยายามลดความร้อนแรง เพื่อดูแลเงินเฟ้อ ส่วนยุโรป ได้รับผลกระทบจากปัญหาของรัสเซียและยูเครนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงจีน ที่ยังเป็นซีโร่โควิด-19 ทำให้แนวโน้มการส่งออกในปีหน้า ทั่วโลกอาจปรับตัวลดลง เป็นสิ่งที่เรากังวล สิ่งที่เราทำได้ คือ ต้องเน้นอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และพยายามหาตลาดใหม่ที่สำคัญ เช่น ประเทศในตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย และประเทศในอ่าวทั้งหลาย
จี้เจาะตลาดใหม่ดึงเงิน ตปท.
อีกสิ่งสำคัญที่สุด ต้องดึงเงินการลงทุนจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ เข้ามายังประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ อย่างตอนนี้ที่ได้ผลคือการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าที่หลายประเทศใหญ่ ๆ เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยทั้งฟ็อกซ์คอนน์จากไต้หวัน บีวายดี จากจีน เป็นตัวดึงดูดให้อีวีไทยน่าสนใจ และหวังว่า จะดึงไปถึงเทสล่า สัญชาติสหรัฐ ที่อาจเปลี่ยนแปลงเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงเรื่องของไบโอพลาสติก ที่คาดว่า อีกไม่นาน ไทยจะเป็นฐานการผลิตอันดับ 1 ของโลก และต้องทำท่องเที่ยวของไทยให้น่าสนใจ เพราะภาคการท่องเที่ยวเข้ามาปุ๊บ ได้ตังค์ปั๊บ! ที่สำคัญยังช่วยหล่อเลี้ยงคนอีกมหาศาลที่อยู่ในภาคของการท่องเที่ยวอีกจำนวนหลายล้านคน รวมถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ ที่ไทยมีจุดแข็งมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางได้
“
สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยปี 65 น่าจะเติบโตได้ 3-3.5% แม้ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ แต่ได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ปีหน้าเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ในกรอบ 3.5-4.0% ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิดที่ลดลง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย แม้อาจมีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และดอกเบี้ยแพงขึ้น
เปิด 4 ข้อเสนอทางรอดไทย
ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้จัดเตรียมข้อเสนอเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนและเสนอต่อรัฐบาล เพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ เริ่มจากด้านต้นทุนพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ควรมีนโยบายช่วยเหลือผู้ใช้พลังงานน้อย มาตรการส่งเสริมการซื้อไฟฟ้าข้ามสายส่ง การปรับโครงสร้างระบบพลังงานชาติ สนับสนุนการเปิดเสรีด้านพลังงานชาติ ส่งเสริมธุรกิจคาร์บอนเครดิต เพิ่มนโยบายการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทางด้านพลังงาน
ไฮเทคอุ้มเกษตร-แก้หนี้
ขณะเดียวกันยังมีประเด็นในเรื่องของการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร ควรนำเทคโนโลยีเกษตรมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสินค้าที่ผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ กำหนดนโยบายการจัดโซนนิ่งในการเพาะปลูกของประเทศให้ชัดเจน
สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และการแนะนำวิธีการ ปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีที่ถูกต้องกับเกษตรกร
ด้านการเงินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ สนับสนุนให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้สูง ช่วยลูกหนี้ให้สามารถหลุดพ้นจากหนี้สินที่สะสมมานาน ซึ่งภาครัฐได้มีการดำเนินการอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนเติมสภาพคล่องใหม่ให้เอสเอ็มอี ผ่านสินเชื่อฟื้นฟู โดยการบูรณาการฐานข้อมูลลูกหนี้ให้กับสถานบันการเงินเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานภาคครัวเรือนในระดับชุมชนมากยิ่งขึ้น
ด้านโครงสร้างเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ โดยหอการค้าฯ จะหารือกับซีอีโอบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อร่วมกันจัดทำข้อเสนอประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยประเด็นสำคัญคือ การมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ การอัพสกิล-รีสกิล ให้กับแรงงาน ยกระดับผลิตภาพการผลิต ด้วยการลงทุนด้านการวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย และสนับสนุนให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในลักษณะอี-กอฟเวอเมนท์
จี้แก้ ก.ม.ถือครองอสังหาฯ
อีกหนึ่งภาคธุรกิจที่น่าสนใจ “
มีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ” นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย มองไปในทิศทางเดียวเช่นกันว่า ปีหน้าและปีต่อไปเศรษฐกิจจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นและส่งผลกระทบทั้งภาคธุรกิและภาคอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น รวมไปถึงประชาชนทั่วไปด้วยที่กระทบทั้งหมดจากรายได้ที่ชะลอตัว พร้อมกับปัญหาหนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อที่ชะลอตัวตามมา โดยธุรกิจอสังหาฯ จะทำให้ราคาสินค้าประเภทเหล็ก วัสดุก่อสร้าง ปรับขึ้นอีกและกระทบต่อต้นทุน จึงอยากเสนอแนะรัฐบาลให้รับมือปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ด้วยการแก้กฎหมายการถือครองอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติประเภทแนวราบ ให้สามารถถือครองได้เช่นเดียวกับปี 40 ที่เปิดให้ต่างชาติเข้าซื้อและถือครองคอนโดมิเนียมได้ เพื่อช่วยสร้างเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบ ช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ผลิตในประเทศ
ทั้งนี้ อาจกำหนดระยะเวลาการเข้าซื้อเป็นช่วงสั้น ๆ 1-3 ปี จากนั้นนำมาพิจารณาผลตอบรับว่าดีหรือไม่ดี พร้อมกับออกกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนซึ่งอาจใกล้เคียงกับกฎเกณฑ์ของคอนโดมิเนียม หรือระบุว่าผู้ที่เข้ามาถือครองจะต้องซื้อเพื่อเข้ามาพักอาศัยเท่านั้น จะต้องไม่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ทำธุรกิจแข่งขันกับคนไทย หรือสร้างผลกระทบให้ธุรกิจในไทย เนื่องจากขณะนี้นักวิชาการหลายท่านมองว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวยาวและจำเป็นจะต้องหาเครื่องจักรใหม่แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครคิดได้ ดังนั้นทางสมาคมฯ จึงอยากนำเสนอในเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา
JJNY : บก.ลายชุดแจกรหัสหม่ำบะหมี่ฟรี|'ชลน่าน'เชื่อ กม.ลูกผ่านด่านศาลรธน.|จับตาเศรษฐกิจโลกถดถอย |ม็อบอิหร่านเดือด!
https://www.matichon.co.th/politics/news_3620877
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ร้านตั้งฮกกี่ บะหมี่กวางตุ้ง โชคลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดหมายจัดกิจกรรม ‘วันอาทิตย์สีดำ’ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์จนกว่าจะมีการประกาศเลือกตั้ง
บรรยากาศเมื่อเวลาราว 11.30 น. บก.ลายจุดและประชาชนกลุ่มหนึ่ง สวมใส่เสื้อยืดสีดำเดินทางมาถึง ชูป้ายมีข้อความเขียนด้วยลายมือบนกระดาษแข็งสีขาว มีเนื้อหาขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เวลาราว 11.45 น. บก.ลายจุด มอบบัตรคิวให้ผู้ร่วมกิจกรรม และฝึกซ้อมรหัสเพื่อแจ้งรับบะหมี่ฟรีจากพนักงานของร้าน คือ
‘ประยุทธ์อีไม่ใช่ผู้ดี อีขี่รถถังฝังหัววัยเด็ก ประยุทธ์อีชอบพูดเท็จ บะหมี่กวางตุ้งอย่ากินเผ็ดพริกป่นครึ่งช้อนพอ’
ทั้งนี้ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่ากิจกรรมครั้งนี้ไม่มีการแจ้งนัดหมายชุมนุม เนื่องจากเป็นการชักชวนเพื่อนไปรับประทานก๋วยเตี่ยวเท่านั้น ความว่า
‘ผมตัดสินใจที่จะไม่ไปแจ้งจัดชุมนุมในกิจกรรมวันอาทิตย์นี้ ด้วยเหตุผลว่า ผมชวนเพื่อนๆไปกินก๋วยเตี๋ยวไม่น่าจะเข้าข่ายการชุมนุมสาธารณะ’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักการเมืองและนักกิจกรรมทยอยเข้าสมทบด้วย อาทิ นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เป็นต้น
'ชลน่าน' เชื่อ กม.ลูกผ่านด่านศาล รธน. ชี้ หากถึงทางตันต้องหาทางออกให้ประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3620928
‘ชลน่าน’ เชื่อ กม.ลูกผ่านด่านศาล รธน. ชี้ หากถึงทางตันต้องหาทางออกให้ประเทศ แต่ขอเป็นกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) ออกมาระบุว่า หากกฎหมายลูกไม่ผ่านในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอาจต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบเพื่อจัดการเลือกตั้งนั้น พรรค พท.รับได้หรือไม่ ว่า ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่มีบทบัญญัติใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามคำชี้แจงของ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นพ.ชลน่านกล่าวด้วยว่า แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้กฎหมายลูกตก ต้องแบ่งออกเป็นสองช่วง หากสภาฯอยู่จนครบวาระ ระยะเวลาที่เหลือประมาณ 6 เดือน หากเร่งนำกฎหมายลูกเข้าสู่รัฐสภาแล้วปรับแก้ให้สอดคล้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็น่าจะทันการเลือกตั้งแต่หากเป็นกรณีมีการยุบสภาฯ ช่วงนี้แล้วทำกฎหมายลูกไม่ทัน การออกเป็นระเบียบ กกต.ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะ กกต.ไม่มีกฎหมายรองรับการออกระเบียบเช่นนี้ กฎหมายว่าด้วย กกต.ให้ กกต.ออกระเบียบในหน้าที่และอำนาจของ กกต. แต่การเลือกตั้งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดต้องออกเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งเท่านั้น และหากจะไปออกเป็น พ.ร.ก.จากฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ก็มีข้อจำกัด เนื่องจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีศักดิ์ต่างจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทั่วไป แต่ พ.ร.ก.ใช้แทน พ.ร.บ. กรณีมีเหตุเร่งด่วนเท่านั้น อีกทั้งการออก พ.ร.บ.ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ เมื่อยุบสภาฯ แล้วจึงไม่สามารถออกเป็น พ.ร.ก.ได้
“ผมเห็นมีนักวิชาการบางคนเสนอว่าถ้าถึงทางตันจริงอาจไปใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 5 ที่ระบุเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทําการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งผมมองว่าการหาทางออกให้ประเทศวิธีนั้นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพียงแต่ขอให้กติกาที่ออกมาต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นพ.ชลน่านกล่าว
จับตาเศรษฐกิจโลกถดถอย เอกชนงัดสารพัดวิธีสู้ให้รอด
https://www.dailynews.co.th/news/1582897/
เสียงเตือนภาวะเศรษฐกิจโลกเข้าขั้น “ถดถอย” ถือเป็นคำเตือนสำคัญต่อทุกชาติทั่วโลก โดยเฉพาะพายุเศรษฐกิจใหญ่ 3 ลูกที่กำลังรวมตัวกันเป็น “เพอร์เฟกต์ สตอร์ม” หากตั้งรับไม่ดีเศรษฐกิจของประเทศอาจพังพาบลงไปได้.
กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ระบุชัดเจนว่า ภาวะเลวร้ายที่สุด กำลังรออยู่ข้างหน้า และประชาชนจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า เศรษฐกิจจะมืดมนมากกว่าปี 65 พร้อมหั่นตัวเลขแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ปี 66 จากเดิม 2.9% เหลือเข้าสู่ระดับ 2.7% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 44
3พายุร้ายรอวันระเบิด
พายุใหญ่ 3 ลูก ทั้ง สงครามรัสเซียและยูเครน ที่ยังยืดเยื้อไปเรื่อย ๆ ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เร่งขึ้นดอกเบี้ยเต็มสูบ เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ที่อาจนำไปสู่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย จนกระเทือนไปทั่วโลก และสุดท้าย ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการใช้นโยบายซีโร่ โควิด
ขณะที่ประเทศไทยเริ่มเห็นสัญญาณร้ายชัดขึ้น ทั้งตัวเลขการส่งออก ที่อุตสาหกรรมใหญ่บางกลุ่ม ชะลอตัวกว่า 10-30% ขณะที่เงินกู้ที่ใช้ประคับประคองเศรษฐกิจกำลังจะหมดหน้าตัก แถมยังมีปัญหาขาดดุลคู่ ทั้งดุลการคลังและดุลบัญชีเดินสะพัด ส่วนการนำเข้าก็พุ่งทะยาน เพราะค่าเงินบาทอ่อนยวบ หากประเทศขาดดุลคู่กันแบบนี้นาน ๆ ถือว่าเป็นสัญญาณไม่ดี ถ้าระเบิดพร้อมกัน เศรษฐกิจไทยพังแน่!!!
“เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า ผู้ประกอบการไทย เริ่มกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงหลายด้านมากขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและสหภาพยุโรป หรืออียู ที่กำลังชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ได้ จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังจากเริ่มมีสัญญาณของคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวจากสหรัฐและอียู โดยพบว่า บางกลุ่มอุตสาหกรรมหดตัวแล้ว 30%
กังวลหนักส่งออกแผ่ว
พายุเศรษฐกิจโลกต่าง ๆ เข้ามาพร้อมกัน แบบใหญ่ขึ้น เป็นประเด็นที่ไทยต้องระวัง เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก ตลาดหลักอย่างสหรัฐที่พยายามลดความร้อนแรง เพื่อดูแลเงินเฟ้อ ส่วนยุโรป ได้รับผลกระทบจากปัญหาของรัสเซียและยูเครนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงจีน ที่ยังเป็นซีโร่โควิด-19 ทำให้แนวโน้มการส่งออกในปีหน้า ทั่วโลกอาจปรับตัวลดลง เป็นสิ่งที่เรากังวล สิ่งที่เราทำได้ คือ ต้องเน้นอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และพยายามหาตลาดใหม่ที่สำคัญ เช่น ประเทศในตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย และประเทศในอ่าวทั้งหลาย
จี้เจาะตลาดใหม่ดึงเงิน ตปท.
อีกสิ่งสำคัญที่สุด ต้องดึงเงินการลงทุนจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ เข้ามายังประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ อย่างตอนนี้ที่ได้ผลคือการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าที่หลายประเทศใหญ่ ๆ เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยทั้งฟ็อกซ์คอนน์จากไต้หวัน บีวายดี จากจีน เป็นตัวดึงดูดให้อีวีไทยน่าสนใจ และหวังว่า จะดึงไปถึงเทสล่า สัญชาติสหรัฐ ที่อาจเปลี่ยนแปลงเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงเรื่องของไบโอพลาสติก ที่คาดว่า อีกไม่นาน ไทยจะเป็นฐานการผลิตอันดับ 1 ของโลก และต้องทำท่องเที่ยวของไทยให้น่าสนใจ เพราะภาคการท่องเที่ยวเข้ามาปุ๊บ ได้ตังค์ปั๊บ! ที่สำคัญยังช่วยหล่อเลี้ยงคนอีกมหาศาลที่อยู่ในภาคของการท่องเที่ยวอีกจำนวนหลายล้านคน รวมถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ ที่ไทยมีจุดแข็งมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางได้
“สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยปี 65 น่าจะเติบโตได้ 3-3.5% แม้ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ แต่ได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ปีหน้าเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ในกรอบ 3.5-4.0% ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิดที่ลดลง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย แม้อาจมีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และดอกเบี้ยแพงขึ้น
เปิด 4 ข้อเสนอทางรอดไทย
ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้จัดเตรียมข้อเสนอเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนและเสนอต่อรัฐบาล เพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ เริ่มจากด้านต้นทุนพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ควรมีนโยบายช่วยเหลือผู้ใช้พลังงานน้อย มาตรการส่งเสริมการซื้อไฟฟ้าข้ามสายส่ง การปรับโครงสร้างระบบพลังงานชาติ สนับสนุนการเปิดเสรีด้านพลังงานชาติ ส่งเสริมธุรกิจคาร์บอนเครดิต เพิ่มนโยบายการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทางด้านพลังงาน
ไฮเทคอุ้มเกษตร-แก้หนี้
ขณะเดียวกันยังมีประเด็นในเรื่องของการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร ควรนำเทคโนโลยีเกษตรมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสินค้าที่ผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ กำหนดนโยบายการจัดโซนนิ่งในการเพาะปลูกของประเทศให้ชัดเจน
สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และการแนะนำวิธีการ ปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีที่ถูกต้องกับเกษตรกร
ด้านการเงินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ สนับสนุนให้สถาบันการเงินปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้สูง ช่วยลูกหนี้ให้สามารถหลุดพ้นจากหนี้สินที่สะสมมานาน ซึ่งภาครัฐได้มีการดำเนินการอยู่ในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนเติมสภาพคล่องใหม่ให้เอสเอ็มอี ผ่านสินเชื่อฟื้นฟู โดยการบูรณาการฐานข้อมูลลูกหนี้ให้กับสถานบันการเงินเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานภาคครัวเรือนในระดับชุมชนมากยิ่งขึ้น
ด้านโครงสร้างเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ โดยหอการค้าฯ จะหารือกับซีอีโอบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อร่วมกันจัดทำข้อเสนอประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยประเด็นสำคัญคือ การมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ การอัพสกิล-รีสกิล ให้กับแรงงาน ยกระดับผลิตภาพการผลิต ด้วยการลงทุนด้านการวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย และสนับสนุนให้ภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในลักษณะอี-กอฟเวอเมนท์
จี้แก้ ก.ม.ถือครองอสังหาฯ
อีกหนึ่งภาคธุรกิจที่น่าสนใจ “มีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ” นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย มองไปในทิศทางเดียวเช่นกันว่า ปีหน้าและปีต่อไปเศรษฐกิจจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นและส่งผลกระทบทั้งภาคธุรกิและภาคอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น รวมไปถึงประชาชนทั่วไปด้วยที่กระทบทั้งหมดจากรายได้ที่ชะลอตัว พร้อมกับปัญหาหนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อที่ชะลอตัวตามมา โดยธุรกิจอสังหาฯ จะทำให้ราคาสินค้าประเภทเหล็ก วัสดุก่อสร้าง ปรับขึ้นอีกและกระทบต่อต้นทุน จึงอยากเสนอแนะรัฐบาลให้รับมือปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ด้วยการแก้กฎหมายการถือครองอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติประเภทแนวราบ ให้สามารถถือครองได้เช่นเดียวกับปี 40 ที่เปิดให้ต่างชาติเข้าซื้อและถือครองคอนโดมิเนียมได้ เพื่อช่วยสร้างเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบ ช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ผลิตในประเทศ
ทั้งนี้ อาจกำหนดระยะเวลาการเข้าซื้อเป็นช่วงสั้น ๆ 1-3 ปี จากนั้นนำมาพิจารณาผลตอบรับว่าดีหรือไม่ดี พร้อมกับออกกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนซึ่งอาจใกล้เคียงกับกฎเกณฑ์ของคอนโดมิเนียม หรือระบุว่าผู้ที่เข้ามาถือครองจะต้องซื้อเพื่อเข้ามาพักอาศัยเท่านั้น จะต้องไม่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ทำธุรกิจแข่งขันกับคนไทย หรือสร้างผลกระทบให้ธุรกิจในไทย เนื่องจากขณะนี้นักวิชาการหลายท่านมองว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวยาวและจำเป็นจะต้องหาเครื่องจักรใหม่แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครคิดได้ ดังนั้นทางสมาคมฯ จึงอยากนำเสนอในเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา